บทที่ 586 ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า
สองวันหลังจากนั้น
เรือหลานเหลยที่ล่องลอยอยู่ภายในทะเลหมอกแห่งความว่างเปล่าได้เพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุด แล้วค่อยๆ เข้าใกล้จุดหมายไปเรื่อยๆ
ภายในห้องหัวหน้าเรือ
จ้าวเฟิงเปิดดวงตา แล้วเช็ดคราบเลือดบริเวณมุมปากอีกครั้ง แมวขโมยตัวน้อยบนบ่าเเขาดูดซึมเอาพลังห้วงฝันบรรพกาลที่หลงเหลืออยู่เข้าไปจนหมด
ในระยะสิบวันหลังมานี้ จ้าวเฟิงใช้เลือดวาฬไปเกือบสามถัง และเข้าไปในมิติห้วงฝันอยู่หลายครั้ง
สภาวะวิญญาณของเขาเมื่อเปรียบกับก่อนที่จะใช้ ‘เลือดหัวใจวาฬ’ ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว
ในวันนี้ สภาวะวิญญาณของจ้าวเฟิงเมื่อเทียบกับลำดับขั้นของผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดแทบไม่มีข้อแตกต่างอะไรมากนัก
เพราะว่าสภาวะวิญญาณแข็งกล้า พลังสายเลือดของจ้าวเฟิงยิ่งปลดปล่อยออกมายิ่งบริสุทธิ์มากขึ้น แน่นอนว่าการพัฒนานี้เป็นผลมาจากกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยได้รับผลประโยชน์ด้วย แต่ว่าร่างกายของมันเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก ขนาดจ้าวเฟิงยังไม่สามารถมองออกว่าลึกล้ำเพียงใด
“ตอนนี้สภาวะวิญญาณของข้าที่แข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งพลังวิญญาณและสำนึกรู้ในจิตวิญญาณพอๆ กับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ สุดท้ายจึงเป็นพลังฝึกตนของปราณที่แท้จริง” ในใจของจ้าวเฟิงมีความรู้สึกประหลาด
ในยามก่อน เขาถนัดในขั้นจิตวิญญาณ ส่วนด้านพลังกายเทียบกับคนในขั้นเดียวกันแล้วก็ถือว่าไม่โดดเด่นอะไร
คิดไม่ถึงว่าวันนี้สภาวะวิญญาณของเขาจะนำหน้าพลังฝึกตน สำนึกรู้ และพลังดวงวิญญาณไปไกลมาก
แต่เดิมทีหนทางในการฝึกตนคือการพัฒนาระดับขั้นชีวิตแบบก้าวกระโดดอยู่แล้ว
จากขอบเขตก่อกำเนิดปราณ (เก้าขั้นของผู้ฝึกตน) มาจนถึงขอบเขตรวบรวมปราณ เกิดจากสิ่งมีชีวิตธรรมดาอดทนฝึกฝนพลังภายในร่างกายจนเพิ่มขึ้น แล้วขุดเอาพลังที่หลับใหลอยู่ให้ไปจนถึงขีดสุดโดยใช้สิ่งที่มีมาแต่กำเนิดและสิ่งได้มาในภายหลัง
ส่วนขอบเขตรวบรวมปราณมาจนถึงขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้ เป็นการฝึกฝนเพิ่มระดับของลำดับขั้นชีวิตอย่างรวดเร็ว จากสิ่งมีชีวิตธรรมดาเพิ่มระดับมาอยู่ในลำดับขั้น ‘จิตวิญญาณที่แท้จริง’ ที่สูงกว่า จะสามารถแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกับพลังของธรรมชาติได้
ทันทีที่มาถึงขั้นขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริง นั่นหมายถึงว่าได้หลุดพ้นออกจากระดับขั้นชีวิตธรรมดาแล้ว ชีวิตจะยืนยาวกว่าถึงสองสามร้อยปี
จากขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงมาถึงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด แปลว่าได้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอีกครั้ง เป็นช่วงการพัฒนารวดเร็วของชีวิตและระดับพลัง
ตามที่จ้าวเฟิงได้ยินมา ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดมีอายุขัยได้ยาวนานห้าร้อยถึงแปดร้อยปี
ตอนนี้ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะยังฝึกตนไม่ถึงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด แต่ว่าระดับชีวิตของเขาและด้านจิตวิญญาณ ก็แทบจะพอๆ กับขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง พูดได้ว่าตอนนี้เขามีอายุขัยหลายร้อยปีแล้ว
“นายท่าน ตามแผนที่ที่ท่านให้มา เราน่าจะใกล้ถึงที่หมายแล้ว…” เสียงของโหลวหลานจื๋อสุ่ยแว่วมา
“อืม” จ้าวเฟิงเดินออกจากห้องพักหัวหน้าเรือ แล้วยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ สายตาทอดมองไปยังทะเลหมอกที่อยู่ไกลๆ
ทะเลหมอกความว่างเปล่ามีอาณาเขตกว้างใหญ่ ตราสัญลักษณ์ที่ดูมีขนาดเล็กบนแผนที่กลับมีระยะทางห่างไกลมากมาย
ยกตัวอย่างเช่นในตอนนี้ ตามตรากำกับบนแผนที่ ตำแหน่งแน่ชัดของ ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในอาณาเขตทะเลความว่างเปล่าในรัศมีหมื่นกว่าลี้
จ้าวเฟิงไม่กล้าใช้ ‘ดวงตาเทพเจ้า’ ง่ายๆ อีกแล้ว จึงให้เหล่าลูกเรือสืบเสาะค้นหาเอาในระยะรัศมีร้อยลี้
เรือหลานเหลยล่องลอยอยู่ในทะเลหมอกความว่างเปล่าช้าๆ
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นเอง มีเสียงแหวกทะเลหมอกดังขึ้น มีกลิ่นอายผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเหนือศีรษะของกลุ่มคนแล้วลอยผ่านไป เหล่าคนในเรือเตรียมพร้อมในทันที
ผู้มาเยือนอยู่ในวัยกลางคน ใส่ชุดคลุมตัวโคร่งสีม่วงสด สายตามองเรือทะเลด้านล่าง แล้วชะลอความเร็วลงเล็กน้อย แต่คนดังกล่าวก็ไม่ได้รีรอแต่อย่างใด บินจากไปอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปอีกสักพัก
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
เสียงแหวกอากาศหลายเสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เห็นเพียงแค่คนในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด คนในขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดสองคน ทั้งสามเดินทางมาพร้อมกันและบินตรงไปในทิศทางเดียวกัน
“ได้ยินมาว่าคนทั้งสองเป็นอัจฉริยะมาจาก ‘ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู’ ปรากฏกายที่ ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ เผลอโจมตีลูกศิษย์ของ ‘สำนักหลัวเจิน’ ที่เป็นศิษย์สืบทอดสำนักคนสำคัญ หนึ่งในนั้นรวมถึง ‘ผูอิงอวิ๋น’ ผู้เป็นหนึ่งในหกอัจฉริยะรุ่นใหม่ของดินแดนหมู่เกาะด้วย”
“สำนักหลัวเจิน?นั่นเป็นหนึ่งในห้าสำนักใหญ่ระดับสองดาวของดินแดนหมู่เกาะเชียนหลิว อัจฉริยะทั้งหกของกลุ่มดินแดนทุกคนล้วนแต่ฝึกตนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด”
“ใช่น่ะสิ! ได้ยินมาว่า ‘ผูอิงอวิ๋น’ ยังรับได้ไม่ถึงสามกระบวนท่าด้วยซ้ำ” ผู้มาเยือนสามคนบินไม่ไวมากนัก คุยไปยิ้มไป
สายตาของคนทั้งสามกวาดผ่านเรือ แหวกอากาศจากไปโดยไม่ได้อ้อยอิ่งแต่อย่างใด
“ไปทิศทางเดียวกับคนสามคนนั่น” จ้าวเฟิงมีสภาวะวิญญาณในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ประสาทสัมผัสทั้งห้าอินทรีย์ทั้งหกแกร่งกล้า ต่อให้ไม่ตั้งใจ แต่ว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นภายในรัศมีสิบลี้ล้วนแต่ไม่สามารถเล็ดลอดหูของเขาไปได้
ออกเดินทาง!
เรือหลานเหลยมีทิศทางการเดินทางที่แน่นอน เหล่าลูกเรือกลับมาประจำที่แล้วเร่งความเร็วเรือ
สวบ วูบ!
เวลาผ่านไปไม่นาน มีเรือแห่งทะเลความว่างเปล่าขนาดพอๆ กับเรือหลานเหลยลอยผ่านมาลำหนึ่ง
“หืม?นี่ไม่ใช่เรือโจรสลัดหรอกหรือ?”
สายตาของจ้าวเฟิงกวาดตาผ่านเรือทะเลความว่างเปล่าลำนั้น ด้านบนมีเงากว่าสิบร่าง ใบหน้ามีความเกรี้ยวกราดอำมหิต เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรือลูกเรือธรรมดา
บนเรือทะเลความว่างเปล่าลำนี้ มีผู้นำเป็นชายหนุ่มในขั้นผู้สูงศักดิ์ซึ่งยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์เหมือนกัน
“เอ๊ะ!” หัวหน้าโจรสลัดตาเดียวของเรือลำนั้นกวาดมองเรือทะเลความว่างเปล่าด้านล่างผ่านๆ ในแววตามีความประหลาดใจเล็ดลอดออกมา
เมื่อใช้ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณกวาดผ่านแล้ว เขาค้นพบว่าหัวหน้าเรือของเรือชั้นยอดลำนี้กลับเป็นเด็กหนุ่มในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดคนหนึ่ง อีกทั้งเมื่อดูองค์ประกอบแล้ว เรือทะเลลำนี้เหมือนกับว่าจะถูกสั่งทำเพื่อกลุ่มโจรสลัดแห่งทะเลความว่างเปล่าโดยเฉพาะ
“พี่ใหญ่จะลงมือเลยรึไม่” โจรสลัดแขนขาดดูโหดเหี้ยมคนหนึ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ใกล้จะถึง ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ แล้ว ในละแวกนี้ยอดฝีมือผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก อย่าก่อเรื่องจะดีกว่า” หัวหน้าโจรสลัดตาเดียวกังวลอยู่ในใจ จึงสั่นศีรษะอย่างเสียดาย
ฟิ้ว…
แล้วเรือโจรสลัดลำนี้จึงแล่นผ่านศีรษะของจ้าวเฟิงไป มีเสียงหัวเราะคล้ายไม่เกรงกลัวใครดังลั่นลอยมา
จ้าวเฟิงอดประหลาดใจไม่ได้ ดูจากสถานการณ์แล้ว คนที่มุ่งหน้าไปตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าน่าจะค่อนข้างหลากหลายมีแทบทุกประเภท
บินต่อไปอีกพันลี้
ในละแวกใกล้ๆ มียอดฝีมือจากดินแดนต่างๆ รวมไปถึงเรือแห่งทะเลความว่างเปล่าสัญจรไปมา ยอดฝีมือในขั้นผู้สูงศักดิ์พบเห็นได้มาก หรือกระทั่งบางครั้งยังมีพลังขนาดมหึมาของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง
“มาดูเร็ว!” กะลาสีคนหนึ่งเอ่ยเสียงต่ำ
ในทะเลหมอกความว่างเปล่าเบื้องหน้าปรากฏกลุ่มควันพลังที่มีลำแสงสีฟ้าล้อมรอบ
ในครรลองสายตา กลุ่มพลังสีฟ้ายิ่งนานยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น เกิดเป็นลำแสงสีสดสวยงาม
สวบ สวบ สวบ!
เงาของยอดฝีมือจำนวนมากแถวนั้น รวมไปถึงเรือแห่งทะเลความว่างเปล่าบางส่วน ล้วนแต่ตรงดิ่งไปตามทิศทางของกลุ่มพลังลูกไฟสีฟ้า
จากระยะทางที่เข้าใกล้ กลุ่มลูกไฟสีฟ้ายิ่งขยายใหญ่ขึ้น ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นจนเป็นเค้าโครงตำหนัก
ลักษณะภายนอกของตำหนักดำรงอยู่ในลักษณะประหนึ่งกำแพงเมือง
ดูภาพรวมทั้งหมดแล้วเหมือนกับตำหนัก แต่ก็คลับคล้ายคลับคลาป้อมปราการ
กลุ่มพลังลูกไฟสีฟ้าสุกสกาวภายนอกเหมือนเป็นขอบเขตคล้ายๆ กับชั้นพลังรอบนอกของเขาปาฮวง
“นี่ก็คือตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าหรือ?” จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ยืนบนหอสังเกตการณ์แล้วเพ่งมองอย่างพินิจพิเคราะห์
เปรี๊ยะ แซ่ด!
ยอดฝีมือที่อยู่ใกล้เคียงค่อยๆ บินเข้าไปใกล้ตำหนักภายในกลุ่มพลังลูกไฟสีฟ้าสกาว
แต่นี่ไม่เหมือนกับวิธีเข้าไปในเขตภายในของเขาปาฮวง ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ เป็นพื้นที่ปิดผนึก จึงมีทางเข้าเฉพาะไม่กี่จุดที่ให้คนเข้าไปได้
ดูๆ ไปแล้วเค้าโครงตำหนักภายในกลุ่มพลังลูกไฟสีฟ้ามีรัศมีแค่หลายร้อยจั้ง แต่ว่าในความเป็นจริงเป็นอีกดินแดนหนึ่งโดยสิ้นเชิง
เวลาผ่านไปไม่นานนัก จ้าวเฟิงและคนอื่นเข้าใกล้กลุ่มพลังลูกไฟสีฟ้าใส ยามที่ร่างกายผ่านกลุ่มพลังลูกไฟสีฟ้า จ้าวเฟิงรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่าง ไอสวรรค์ในฟ้าและดินที่เข้มข้นทะลักเข้ามาอย่างฉับพลัน
พรึ่บ!
เค้าโครงตำหนักที่อยู่เบื้องหน้าใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ภาพของกำแพงเมืองกับตำหนักปรากฏในครรลองสายตา
“นี่คือตำหนักหลังหนึ่งที่ไหนกัน?” จ้าวเฟิงและคนอื่นมองหน้าเหวอ
ที่เรียกกันว่าตำหนัก ควรจะเรียกว่าเป็น ‘เมืองวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ ที่มีหมู่ตำหนักเชื่อมต่อกันน่าจะเหมาะสมกว่า
ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า!
อักษรเคลือบทองห่อหุ้มด้วยลำแสงสีฟ้าสลักอยู่ด้านบนกำแพงของตำหนักใหญ่ สาดซัดกลิ่นอายพลังที่ไร้ขอบเขตออกมา สะเทือนเลือนลั่นทั้งเซียนและภูติผี
“ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” จ้าวเฟิงเพ่งไปที่ตัวหนังสือหลายตัวพวกนั้น แล้วสัมผัสได้ถึงแรงกดทับที่ทะลวงผ่านทุกดวงวิญญาณไป
อีกทั้งยิ่งสำนึกรู้ในจิตวิญญาณสูงส่ง ความรู้สึกพวกนี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
เขาแน่ใจได้ว่าตัวหนังสือที่สลักไว้บนกำแพง อย่างน้อยจะต้องเป็นลายมือของราชันในขอบเขตปราณเทวะแน่
สวบ สวบ สวบ!
ยอดฝีมือจากดินแดนต่างๆ พากันถือตราคำสั่งเข้าไปในประตูทางเข้าใหญ่ของกำแพงตำหนัก
ประตูทางเข้าใหญ่
มีคนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำทั้งหมดแปดคนคอยคุ้มกันอยู่ พวกนั้นแผ่กระจายกลิ่นอายที่น่ากลัว คอยตรวจตราไม่ให้คนชั่วลักลอบปะปนเข้าไปภายในตัวตำหนัก
“รอก่อน” จ้าวเฟิงเก็บเรือหลานเหลยเข้าไปแล้วให้พวกลูกเรือเดินตาม
“หัวหน้าเรือ เหมือนว่าจะต้องมีตราคำสั่งพิเศษถึงจะเข้าไปภายในได้”
โหลวหลานจื๋อสุ่ยเอ่ย
ทางเข้าบริเวณกำแพงมีตำหนักรองเพื่อทำตราเข้าตำหนักวิญญาณ ยามที่
จ้าวเฟิงและคนอื่นเดินเข้ามา ด้านหน้ามีกลุ่มคนต่อแถวยาวเหยียด
“ตราคำสั่งทะเลความว่างเปล่าหนึ่งแผ่น มีค่าใช้จ่ายเป็นผลึกเริ่มต้นระดับสูงร้อยชิ้น ต้องจ่ายผลึกเริ่มต้นระดับสูงสิบชิ้นทุกวันที่อยู่ภายในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า” ชายสูงวัยมีหนวดเฟิ้มเอ่ยอย่างไม่ยินดียินร้าย
“อยู่หนึ่งวันต้องจ่ายผลึกเริ่มต้นสิบชิ้นงั้นเรอะ?นี่มันปล้นกันชัดๆ!”
“ผลึกเริ่มต้นระดับสูงสิบชิ้นเท่ากับผลึกเริ่มต้นระดับต่ำถึงแสนชิ้น ภายในทวีปสามารถเปลี่ยนเป็นผลึกเริ่มต้นระดับล่างได้ล้านชิ้น” ยอดฝีมือในขั้นนายเหนือแท้หลายคนเอ่ยอย่างไม่พอใจ
โลกภายนอกทวีป หน่วยเงินตราคือผลึกเริ่มต้นระดับต่ำ สำหรับผลึกเริ่มต้นระดับล่าง ธรรมดาจะใช้กันเพียงแค่ภายในทวีป ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก
ผลึกเริ่มต้นแบ่งเป็นระดับล่าง ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง และระดับสุดยอด
ผลึกเริ่มต้นระดับสูงหนึ่งร้อยชิ้นเท่ากับผลึกเริ่มต้นระดับกลางหมื่นชิ้น เท่ากับผลึกเริ่มต้นระดับต่ำล้านชิ้น และเท่ากับผลึกเริ่มต้นระดับล่างร้อยล้านชิ้น
“ค่าผ่านทางไม่ถูกเลยนะ เริ่มที่ตราทะเลความว่างเปล่า ค่าทำคือผลึกเริ่มต้นระดับสูงร้อยชิ้น เท่ากับผลึกเริ่มต้นธรรมดาล้านชิ้น และผลึกเริ่มต้นระดับล่างร้อยล้านชิ้น…” โหลวหลานจื๋อสุ่ยและลูกเรือคนอื่นๆ รู้สึกแข้งขาอ่อนแรง
แน่นอนว่าผลึกเริ่มต้นระดับต่ำล้านชิ้น สำหรับคนในขั้นนายเหนือแท้ก็ไม่นับว่าเป็นจำนวนมากมายเท่าไหร่ ผลตอบแทนที่จ้าวเฟิงให้พวกเขาในทุกเดือนเลยจำนวนพวกนี้ไปมาก แต่ถ้าหากจ่ายเพียงแค่ค่าเข้าเมืองก็สิ้นเปลืองอยู่บ้าง
“เหอะ! ‘พวกมาใหม่’ อย่างพวกเจ้าจะไปเข้าใจอะไร ต้นทุนของตราทะเลแห่งความว่างเปล่า ย่อมเกินผลึกความว่างเปล่าระดับสูงร้อยชิ้นขึ้นไปอยู่แล้ว อีกทั้งยังใช้ในสถานที่ต่างๆ ของ ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ ด้วย ตำหนักวิญญาณเดิมเป็น ‘ดินแดน’ ขนาดเล็กที่เกิดจากฝีมือของคนๆ เดียว ผลึกเริ่มต้นที่ใช้เพื่อปกป้องมิติในทุกวันสามารถซื้อสำนักครึ่งดาวได้แห่งหนึ่ง” ชายสูงวัยหนวดเฟิ้มคนเดิมหัวเราะเย้ยหยัน
คนที่เพิ่งมาใหม่บางส่วนถึงแม้ว่าจะโอดครวญอยู่บ้าง แต่ว่าก็ยังคงจ่าย ‘ค่าผ่านประตู’ ที่แพงหูฉี่นี่
“สิบเอ็ดคน” จ้าวเฟิงไม่เอ่ยอะไรมากมาย
“สิบเอ็ดคนหรือ?” ชายหนวดเฟิ้มกวาดตามองพวกจ้าวเฟิงแล้วพบว่ามีเพียงแค่สิบคนก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
ทั้งหมดมีจ้าวเฟิง โหลวหลานจื๋อสุ่ย รวมไปถึงลูกเรืออีกแปดคน
ตราสั่งทุกแผ่นเท่ากับหลักฐานรับรองตัวตนของคนหนึ่งคน ที่สามารถเติมชื่อหรือว่าสัญลักษณ์ใดได้ตามใจชอบ แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ชื่อจริงลงไปก็ได้
แผ่นที่สิบเอ็ดนั้นจ้าวเฟิงเตรียมไว้ให้เจ้าหอโครงกระดูก เขาจึงเขียนชื่อ ‘โครงกระดูก’ ลงไปในตรานั้น
ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงจ่ายค่าใช้จ่ายสำหรับระยะเวลาสองเดือนสำหรับตราสั่งทุกแผ่น
ชายชราหนวดเฟิ้มอดจะมองจ้าวเฟิงอย่างประหลาดใจไม่ได้
ทำตราทีเดียวเป็นสิบกว่าแผ่น แล้วยังจ่ายค่าอยู่อาศัยอีกสองเดือนในครั้งเดียว นี่ไม่ใช่เรื่องที่เหล่ายอดฝีมือธรรมดาจะสามารถรับผิดชอบได้อย่างสบายๆ
คนบางส่วนที่กำลังต่อแถวอยู่อดมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาแปลกประหลาดไม่ได้
หลังจากได้ตราแล้ว จ้าวเฟิงก็เดินนำก้าวผ่านทางเข้าที่มีแสงสีฟ้านั้นไป
สวบ สวบ สวบ…
เมื่อเดินตามฝูงชนที่หลั่งไหล จ้าวเฟิงและคณะรวมสิบคนก็เข้ามาภายในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า
สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในคลองจักษุคือโลกที่วุ่นวายละลานตา