บทที่ 614 กำราบเหล่ายอดฝีมือ
“ผืนนภารัตติกาล!”
จ้าวเฟิงที่ยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดมิด ในครรลองสายตาไม่สามารถมองเห็นร่องรอยการเคลื่อนไหวของเย่หมัวอวี่ได้อีก
เหล่าผู้ชมในสนามส่วนมากคุ้นเคยกับ ‘สายเลือดเงารัตติกาล’ ของเย่หมัวอวี่เป็นอย่างดี
สายเลือดชนิดนี้ทำให้เย่หมัวอวี่กลมกลืนไปกับพื้นที่มืดมิดพวกนั้น แล้วยังสามารถปรากฏขึ้นตรงไหนก็ได้ในบริเวณดังกล่าว
“ยามอยู่ในผืนนภารัตติกาล ประสาทสัมผัสของข้าโดนจำกัดไปมาก อีกทั้งการเคลื่อนไหวร่างกายของเย่หมัวอวี่ไม่เพียงจะรวดเร็วขึ้นไปถึงขีดสุด แต่บาดแผลทั้งหมดบนร่างกายที่เป็นประหนึ่งเงาแสงจันทราก็ลดลงไปครึ่งหนึ่งด้วย”
จ้าวเฟิงยืนอยู่ที่เดิม แต่ไม่ได้ลงมือผลีผลาม สถานการณ์ที่ศัตรูอยู่ในที่มืดข้าอยู่ในที่สว่างเช่นนี้ การใช้ความเงียบสยบทุกอย่างจึงจะถือเป็นตัวเลือกที่ฉลาด
ทันทีที่จ้าวเฟิงลงมือแล้วมีรอยโหว่เพียงเล็กน้อย ก็จะโดนเย่หมัวอวี่จับได้ในทันทีทันใด
“รัตติกาลไร้ร่องรอย!”
ทันใดนั้นเอง กลิ่นอายลี้ลับที่มืดมิดไร้รูปร่างแล่นผ่านไปในม่านราตรี
โครม!
ลมเย็นกรรโชกแรงที่มองไม่เห็นปะทะเข้าที่ร่าง ผิวหนังของจ้าวเฟิงเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบๆ
“รวดเร็วยิ่งนัก!”
ในเวลาที่จ้าวเฟิงสัมผัสความผิดปกติได้ การโจมตีของเย่หมัวอวี่จะปะทะมาถึงร่างของเขา เพราะว่าเย่หมัวอวี่ได้หลอมรวมเข้ากับพื้นที่ของความมืดมิดนั้น สามารถย้ายไปมาได้เหมือนวิธีการข้ามมิติของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย
ผลัวะ~
สายเลือดภายในร่างของจ้าวเฟิงถูกกระตุ้นขึ้น รอบๆ ร่างกายปรากฏกำแพงสายน้ำสีฟ้าระยิบระยับ
โครม วิ้ง!
การโจมตีของเย่หมัวอวี่กระทบไปบนระลอกวารี ไม่ต่างกับพุ่งเข้าไปภายในสายธารมหาสมุทร พลังที่รุนแรงทั้งหมดนั้นถูกดูดซึมไปจนสิ้น
กรงเล็บวายุอัสนีพิฆาต!
จ้าวเฟิงโจมตีกลับเป็นครั้งแรก กรงเล็บเงื้อมขึ้นตะปบไปด้านหลังร่าง แต่กลับจับได้เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
“ฮ่าฮ่า”
เสียงของเย่หมัวอวี่ดังขึ้นที่อีกฟากของความมืดมิด สายตาของจ้าวเฟิงเพ่งมองเล็กน้อย เย่หมัวอวี่ผู้นี้ที่แท้แล้วจัดการยากอยู่เหมือนกัน
ภายในบรรยากาศที่มืดมิด เย่หมัวอวี่ประดุจปลาได้น้ำ สามารถปรากฏกายที่ใดก็ได้ตามใจนึก ใช้เวลาโจมตีเพียงครู่เดียวตัวก็จากไปเสียแล้ว
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขาโจมตีคู่ต่อสู้ได้ แต่ว่าอีกฝ่ายกลับไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
“ไม่เสียทีที่เป็นเย่หมัวอวี่ ทำให้จ้าวเฟิงต้องเผยพลังสายเลือดออกมา”
ฝั่งทางการของสนามประลอง ผู้เฒ่าในชุดสีแดงสดยิ้มน้อยๆ
การประมือกันในครั้งแรก เย่หมัวอวี่และจ้าวเฟิงล้วนแต่ไม่มีใครได้เปรียบกว่ากัน
“สายเลือดวารีของจ้าวเฟิงป้องกันได้พิสดารยิ่งนัก การโจมตีของข้าจะเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่ออยู่ในความมืด แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้เลย”
ร่างเงาของเย่หมัวอวี่ดุจเงาจันทร์กลมกลืนกับความมืดรอบกาย
แต่ทว่า มุมปากของเขายกขึ้นน้อยๆ เป็นรอยยิ้ม เพราะตอนนี้ตนเองอยู่ในสภาวะแข็งแกร่งกว่า ข้าอยู่ในที่มืดส่วนศัตรูอยู่ในที่สว่าง ได้สิทธิ์ในการบุกปะทะ ส่วนจ้าวเฟิงสู้รบติดต่อกันนานๆ ก็คงต้องเสียพลังไปบ้างไม่มากก็น้อย
“ช่างน่าสนุกจริงๆ แต่ว่าเป้าหมายของข้าคือการชนะหนึ่งร้อยครั้งติดต่อกัน จึงต้องรีบมีชัยโดยเร็ว”
จ้าวเฟิงสายตาแข็งกร้าวดุดัน กลิ่นอายสายเลือดวารีบนร่างทะลักออกมา ในร่างกายและสายเลือดมีกลิ่นอายของสัตว์อสูรบรรพกาลขนาดมโหฬารพวยพุ่งออกมาด้วย
“เหตุใดจึง…” พลังสายเลือดของเย่หมัวอวี่สั่นสะท้านน้อยๆ เมื่อโดนกลิ่นอายที่แข็งแกร่งดังกล่าวสาดซัดเข้าไปแล้วถูกจำกัดไว้
เย่หมัวอวี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นอกเหนือจากสายเลือดในตำนานอย่าง ‘รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ’ จะยังมีสายเลือดอื่นใดที่สามารถข่ม ‘สายเลือดเงารัตติกาล’ ของตนได้
เหตุการณ์ทั้งหมดรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ
“ตราจักรพรรดิเหมันต์ อาณาเขตจักรพรรดิเหมันต์!”
จ้าวเฟิงตะโกนเสียงดัง ใจกลางฝ่ามือเกิดเป็นลำแสงตราประทับเหมันต์สว่างราวกับผลึกแก้ว ก่อนจะประทับลงบนพื้น
วูบ โครม!
ลำแสงตราประทับเหมันต์สีฟ้าเป็นประหนึ่งกลีบดอกน้ำแข็งเบ่งบานออก ทันใดนั้นก็ขยายออกไปกว่าสิบเท่า แล้วแช่แข็งพื้นที่ในบริเวณนั้นจนเป็นผลึกแวววาว
ในช่วงเวลาสั้นๆ ตราประทับเหมันต์สว่างเจิดจ้าประหนึ่งเครื่องแก้วสีฟ้า รอบๆ พื้นผิวมันปรากฏเส้นสายโบราณออกมาครอบคลุมพื้นที่ทั่วบริเวณ จากนั้นผนึกแช่แข็งสรรพชีวิตนับหมื่นรอบด้าน
ภายในบริเวณที่โดนแช่แข็งอบอวลไปด้วยพลังเหมันต์ต้องห้ามของจักรพรรดิเหมันต์ ซึ่งทะลวงไปในอากาศแล้วแช่แข็งทุกสรรพชีวิต
“ผืนนภารัตติกาลของข้า!”
เย่หมัวอวี่ที่หลอมรวมกลมกลืนกับความมืดมิดหน้าถอดสี ร่างกายแข็งทื่อมองความมืดมิดรอบๆ ค่อยๆ โดนแช่แข็งกลายเป็นน้ำแข็งใสแวววาว
ขนาดเขายังรู้สึกได้ว่าเลือดลมภายในร่างเย็นเฉียบ ร่างกายก็แข็งเป็นน้ำแข็งทีละน้อยยามอยู่ภายในเขตแดนจักรพรรดิเหมันต์
“พลังสายเลือดของจ้าวเฟิงผู้นี้แข็งแกร่งกว่า ‘สายเลือดเงารัตติกาล’ ของ
เย่หมัวอวี่เสียอีก พลังเหมันต์กลุ่มก้อนนั้นบริสุทธิ์อะไรเช่นนี้ เข้าใกล้แหล่งก่อกำเนิดพลังยิ่งนัก” เจ้าตำหนักหย่งเฟิงที่อยู่ตรงกลางที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติยังสนอกสนใจเรื่องดังกล่าว
การประลองด้านอาณาเขตเคล็ดวิชาสายเลือด จ้าวเฟิงเหนือกว่าเย่หมัวอวี่มากนัก
“ระเบิดเหมันต์!”
ไม่รอให้เย่หมัวอวี่หลุดออกมาได้เสียก่อน ลำแสงฝ่ามือใสสกาวราวแก้วของ
จ้าวเฟิงระเบิดบนพื้นเบื้องหน้าอย่างรุนแรง
เพล้ง! โครม ตูม…
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น อาณาบริเวณที่เป็นน้ำแข็งวาววับก็แตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวสายลมเศษน้ำแข็ง พายุเหมันต์ทำลายล้างหมุนวนทั่วเวทีประลอง
ค่ายกลทั่วเวทีประลองสั่นไหวอย่างรุนแรง พื้นผิวมีเกล็ดน้ำแข็งผุดขึ้นมา
ในเวลานั้นเอง ลมพายุเหมันต์ที่หนาวเหน็บก็ทำให้มองเหตุการณ์บนเวทีประลองไม่ชัดเจนนัก
“พลั่ก!”
ร่างเงาที่อำมหิตโดนลูกเห็บเหมันต์ที่น่าสะพรึงกลัวโจมตีจนกระเด็นออกมานอกเวทีประลอง กระอักเลือดกลางอากาศ
โครม ตุ้บ!
ยามเย่หมัวอวี่ร่วงลงบนพื้น ทั่วทั้งร่างแข็งทื่อประหนึ่งแท่งน้ำแข็ง
ภายในสนามประลองเกิดเสียงร้องอื้ออึง
แม้แต่ผู้ท้าชิงที่ยากจะจัดการอย่างเย่หมัวอวี่ยังโดนจ้าวเฟิงใช้วิธีที่บ้าบิ่นรุนแรงกำจัดออกจากเวทีประลอง
“ถึงแม้ต้องเสียพลังสายเลือดไปบางส่วน แต่ว่านี่เป็นวิธีที่รวดเร็วและง่ายดายที่สุดที่จะตัดสินผลแพ้ชนะ” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ
เมื่อไม่ใช้เนตรเทพเจ้า แถมร่างกายยังตกอยู่ในเขตแดนที่มืดมิดของเย่หมัวอวี่ เขาเองก็ถูกจำกัดไว้ทุกส่วน แทบจะจับคู่ต่อสู้ไม่ได้เลย
“รอบที่เจ็ดสิบสอง…” กรรมการยังคงประกาศต่อไป
ตั้งแต่การประลองครั้งที่เจ็ดสิบเริ่มขึ้น พลังของคู่ต่อสู้ล้วนแต่ไม่ธรรมดา
พลังรบของคู่ต่อสู้อย่างน้อยก็อยู่ในระดับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย หรือไปถึงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงสุดยอด
คู่ต่อสู้เหล่านี้มีพลังรบพอๆ กับหลี่อวิ๋นหยา เจ้าหอโครงกระดูก หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ หากต้องการจะรวบรัดฉับไว จ้าวเฟิงจำเป็นต้องใช้ปราณที่แท้จริงของพลังพิฆาตสีม่วงหรือไม่ก็พลังสายเลือด
ชัยชนะครั้งที่เจ็ดสิบสอง…ชัยชนะครั้งที่เจ็ดสิบสาม…ชัยชนะครั้งที่เจ็ดสิบสี่!
การชนะติดต่อกันของจ้าวเฟิงดำเนินไปรวดเร็วเป็นอย่างมาก
เหล่าผู้ชมภายในสนามประลองตื่นเต้นคึกคัก ทุกคนล้วนแต่จับจ้องอย่างสนใจ
“วงแหวนวายุอัสนี!”
วายุอัสนีสีม่วงวิ่งวนทั่วร่างของจ้าวเฟิง จนกลายเป็นลำแสงวงแหวนที่สว่างแสบตา แล้วสาดกลิ่นอายพิฆาตออกมาผลาญทำลายทุกสิ่ง
โครม! โครม! โครม!
เพียงกระบวนท่าเพียงกระบวนท่าเดียวของจ้าวเฟิง ยอดฝีมือในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายสามคนกระเด็นออกไป ทั่วร่างมีรอยไหม้
แซ่ด!
ผู้ชมทั้งสนามสูดลมหายใจเย็นชืด
นี่มันบ้าคลั่งเกินไปแล้ว!
นั่นเป็นขอบเขตแก่นก่อเนิดระดับต่ำช่วงปลายสามคนเชียว
“ทำแบบนี้ไม่ได้ พวกเจ้าค่อยๆ ขึ้นไปทีละคน ทำให้เขาสิ้นเปลืองไอสวรรค์ซะสิ” ผู้เฒ่าชุดแดงหน้าเปลี่ยนสีขณะเอ่ยห้าม
จ้าวเฟิงที่อยู่บนเวทีประลองมักจะจัดการสองสามคนในรอบเดียวบ่อยๆ หากเป็นเช่นนี้ผลแพ้ชนะก็จะไปไวขึ้น
รอบที่แปดสิบ
“ผู้สูงศักดิ์ปีกโลหิต!”
ผู้สูงศักดิ์ชุดคลุมสีแดงมีปานดำตรงหว่างคิ้ว ทั่วร่างมีเส้นสายสีเลือดประหนึ่งมีงูพันรัดรอบร่าง พร้อมทั้งสาดซัดไอเพลิงมารรุนแรงที่มีกลิ่นคาวเลือดออกมา
ทั่วสนามส่งเสียงร้องตื่นตะลึง
ผู้สูงศักดิ์ปีกโลหิตผู้นี้คือยอดฝีมือที่เอาชนะเย่หมัวอวี่ได้ในกระบวนท่าเดียว พลังฝึกตนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงสุดยอด
“ลำแสงปีกมารโลหิต!”
ผู้สูงศักดิ์ชุดคลุมสีแดงยิ้มเยือกเย็น บนร่างปรากฏปีกเพลิงโลหิตขนาดเป็นร้อยพันจั้ง พลังที่สะเทือนฟ้าดินเทียบเท่าได้กับยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง
ในวินาทีนี้ ขนาดจ้าวเฟิงเองยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอยู่รางๆ เช่นกัน
ฟุ่บ โครม โครม!
การโจมตีของผู้สูงศักดิ์ชุดคลุมสีแดงหลอมรวมไปกับพลังของปีกเพลิงโลหิต ลำแสงสายเลือดส่องสว่างไปทั่วทั้งสนามประลอง
“ปีกวายุอัสนี!”
หลังของจ้าวเฟิงผุดลำแสงปีกวายุอัสนีขนาดยี่สิบจั้ง ใจกลางปราณที่แท้จริงในร่างกายเรืองรองราวผลึกแก้วสีม่วง
พรึ่บโครม!
วายุอัสนีสีม่วงที่น่ากลัวส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วสนามประลอง พายุอัสนีที่กระจายเต็มท้องฟ้าสาดกลิ่นอายทำลายล้างจากบรรพกาลออกมา
ในเวลานั้น ประหนึ่งมีมังกรอัสนีล้างโลกาตัวหนึ่งร้องคำรามอยู่ในพายุทำลายล้างนั้น
“อ๊าก…”
ผู้สูงศักดิ์ปีกโลหิตร้องโหยหวน ร่างกายปลิดปลิวออกจากเวทีประลองเสมือนกระดาษสีเลือด
ชนะครั้งที่แปดสิบด้วยกระบวนท่าเดียวอีกแล้ว!
เฮือก!
ผู้ฒ่าชุดแดงเริ่มจะนั่งไม่ติดแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น
“ใช้เพียงกระบวนท่าเดียวจัดการ ‘ผู้สูงศักดิ์ปีกโลหิต’ หรือนี่ต่างหากจึงจะเป็นพลังที่แท้จริงของเขา?”
เย่หมัวอวี่ใบหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ
จะต้องรู้ว่า ยามที่ผู้สูงศักดิ์ปีกโลหิตใช้เคล็ดวิชาปีกโลหิต พลังรบขึ้นไปสูงถึงขั้น ‘ยอดผู้สูงศักดิ์’ ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงในช่วงเวลาสั้นๆ
ชนะติดต่อกันครั้งที่แปดสิบเอ็ด…ครั้งที่แปดสิบห้า…ครั้งที่แปดสิบเก้า!
รุนแรงจนยากจะต้านทาน!
พลังสายเลือดและวายุอัสนีพิฆาตของจ้าวเฟิงระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง นี่สิถึงจะเป็นการแสดงพลังที่แท้จริงของเขา
หลังจากการประลองครั้งที่เก้าสิบ พลังการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามล้วนแต่อยู่ในระดับขั้นใหม่
คู่ต่อสู้เหล่านี้มีพลังรบอย่างน้อยๆ เทียบเท่ากับ ‘ผู้สูงศักดิ์ปีกโลหิต’ ความสามารถที่โดดเด่นและเคล็ดวิชาสายเลือดล้วนเป็นชั้นยอดในแต่ละด้านของดินแดนภายใน
ชัยชนะครั้งที่เก้าสิบเอ็ด…ครั้งที่เก้าสิบสอง…ครั้งที่เก้าสิบสาม!
ชัยชนะในทุกครั้งของจ้าวเฟิงไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างครั้งก่อนๆ เขาต้องทุ่มเทสติทั้งหมดในการตั้งรับโจมตีพลังพิเศษและเคล็ดวิชาสายเลือดที่ปรากฏขึ้นไม่ขาดสาย
“คู่ต่อสู้เหล่านี้พลังรบใกล้เคียงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ถึงกระทั่งเทียบเท่าได้กับยอดผู้สูงศักดิ์ธรรมดาเลยทีเดียว”
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความกดดัน
ถ้าหากมีคู่ต่อสู้แบบนี้หนึ่งหรือสองคน เขาเองก็คงไม่ยี่หระอะไร แต่หากประลองต่อไปเรื่อยๆ ก็คงยากที่เขาจะไม่สิ้นเปลืองกำลังวังชากับปราณที่แท้จริงในสายเลือด
คู่ต่อสู้บางส่วนในช่วงหลังๆ มีจำนวนไม่น้อยที่สามารถเอาชนะเย่หมัวอวี่ได้อย่างสบายๆ
ชนะติดต่อกันครั้งที่เก้าสิบสี่…ครั้งที่เก้าสิบห้า…ครั้งที่เก้าสิบหก!
“จ้าวเฟิง! จ้าวเฟิง! จ้าว…”
ภายในสนามประลองมีเสียงโห่ร้องตะโกนอื้ออึง
ผู้เข้าชมทั้งหลายใจเต้นรุนแรง เลือดในกายพลุ่งพล่านขณะรอคอยวินาทีประวัติศาสตร์ของการประลองชนะร้อยครั้งติดต่อกัน
“ช่างแข็งแกร่งนัก เอาชนะไปเก้าสิบครั้งติดต่อกันแล้ว แต่เคล็ดวิชาวายุอัสนีและพลังสายเลือดของหัวหน้าเรือก็ยังคงโดดเด่นเหนือใคร” ใจหลี่อวิ๋นหยาสั่นสะท้าน
แต่ทว่า
หลังจากการประลองรอบที่เก้าสิบห้า รอยเหงื่อก็ผุดขึ้นกลางหน้าผากของจ้าวเฟิง
สีหน้าของเขามีแววอ่อนล้าอยู่ไม่น้อย
“ถึงแม้ว่าปราณที่แท้จริงของข้าจะฝึกฝนจนแข็งกล้าแล้ว แต่ยังมีจำนวนน้อยกว่าคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำทั่วไปอยู่”
จ้าวเฟิงตระหนักถึงปัญหานี้ได้
ยามทะลวงถึงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้จากการดูดซึม ‘กลิ่นอายฟ้าและดิน’ ของห้วงฝันบรรพกาล จุดใจกลางแก่นก่อกำเนิดของจ้าวเฟิงยิ่งหดเล็กและเข้มข้นขึ้นไปสิบเท่าตัว!
“เหอะ!”
ใบหน้าผู้เฒ่าชุดสีแดงสดมีวี่แววของความเย็นชา
ต่อมา
รอบที่เก้าสิบหก เก้าสิบเจ็ด คู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่าที่เคยผ่านมา พลังรบเทียบเท่ากับยอดผู้อาวุโสในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง
จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังสายเลือด เรียกหอกจักรพรรดิเหมันต์ออกมาสู้รบอย่างดุเดือด และยังคงใช้ข้อได้เปรียบในการทำลายล้างเอาชนะศัตรู
แต่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะปราณที่แท้จริงหรือพลังสายเลือดของจ้าวเฟิงล้วนแต่ถูกใช้ไปมากกว่าครึ่งแล้ว
“ยังเหลือสามรอบสุดท้าย!”
“สามรอบสุดท้ายเท่านั้น ปาฏิหาริย์ของการชนะร้อยครั้งรวดจะเกิดขึ้นได้หรือไม่?”
ภายในสนามประลองเกิดเสียงโห่ร้องกึกก้อง
“รอบที่เก้าสิบแปด!” มุมปากของกรรมการยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง
“เจ้าหนุ่ม พอเท่านี้แหละ!”
พลังไอสวรรค์ไร้ขอบเขตที่เหมือนหลอมรวมกับจักรวาลดิ่งลงมาจากฟากฟ้า
สวบ!
เพิ่งเอ่ยจบ ผู้เฒ่าผมสีดอกเลาผู้หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นบนเวทีประลอง
“ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง!”
“ระดับยอดผู้สูงศักดิ์? นี่มันเกินกว่าการประลองชนะร้อยครั้งของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำไปแล้ว!” คนในสนามประลองโวยวายกันโกลาหล
“เหอะเหอะ ตามกติกาแล้ว สามรอบสุดท้ายของการชนะร้อยครั้งจะให้ยอดฝีมือที่อยู่สูงขึ้นไปอีกระดับเข้าร่วมได้”
ผู้เฒ่าชุดสีแดงยิ้มออกมา
ในเวลานี้ ปราณที่แท้จริงในสายเลือดของจ้าวเฟิงถูกใช้หมดไปกว่าครึ่ง แล้วจะเผชิญหน้ากับยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงอีกสามคนได้อย่างไร?