Skip to content

King of Gods 645

King Of Gods

บทที่ 645 ผลึกน้ำตาเงือก

ณ ทะเลสาบจื่อเยียน

จ้าวเฟิงจัดกระบวนทัพของกองกำลังเผ่าวารีใหม่อีกครั้ง จากการสู้รบที่ผ่านไปเมื่อครู่ ข้ารับใช้เผ่าพันธุ์วารีในระดับกลางและล่างล้มตายไปเป็นจำนวนมาก

จำนวนของกองกำลังเผ่าพันธุ์วารีลดลงจนเหลือน้อยกว่าหนึ่งพันตัว

จ้าวเฟิงไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด แถมไม่ได้เร่งร้อนจะเติมกองกำลังสัตว์วารีด้วย

ยามนี้

เขาค่อยๆ เข้าไปภายในทะเลสาบจื่อเยียน พลังรบของอสูรวารีที่เขาพานพบแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

“การจะบุกเข้าไปภายในอาณาจักรเงือกเป็นขั้นตอนถัดไป ถึงกำลังคนของข้าจะมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถต่อสู้กับราชาเงือกได้ มีเพียงต้องใช้สติปัญญาและ ‘กลยุทธ์ทหารมากความสามารถ’ ให้เหมาะสมเท่านั้น”

จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งสงบ

ถัดจากนั้น

เขาไม่เพียงแต่ไม่เพิ่มจำนวน แต่ยังตัดทิ้งไปบางส่วน แล้วเปลี่ยนเป็นอสูรเผ่าวารีอื่นที่แข็งแกร่งมากกว่า

หากยึดตามความคิดของจ้าวเฟิง จะต้องลดจำนวนของกองกำลังลงถึงสามร้อย ห้าร้อย หรืออาจจะน้อยยิ่งกว่านั้น

จำนวนของกองกำลังทหารที่มากเกินไปจะทำให้พวกระดับสูงของเผ่าเงือกสังเกตเห็นได้โดยง่าย

และแล้วในเวลาที่จ้าวเฟิงเริ่มบุกเข้าไปช้าๆ นั่นเอง

ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!

เสียงระลอกน้ำดังขึ้นติดๆ กันเบื้องหลังเขา

“ศิษย์น้องจ้าว!”

หลายลี้ไกลออกไป มีเสียงของพวกเฉินอี้หลินดังแว่วมา

จ้าวเฟิงไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด ออกคำสั่งให้กองทัพเผ่าวารีหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว

เวลาไม่นานนัก

เฉินอี้หลิน เจียงฟาน และศิษย์ผู้สืบทอดรวมหกคนก็มาหยุดยังเบื้องหน้าของจ้าวเฟิง

“ศิษย์พี่เฉิน ศิษย์พี่ทุกท่านมีอะไรงั้นหรือ?” จ้าวเฟิงเอ่ยเนือยๆ

อันที่จริงเขาสัมผัสการติดตามของพวกเฉินอี้หลินได้นานแล้ว

“ศิษย์น้องจ้าว พวกเราร่วมมือกันพิชิตอาณาจักรเงือกเถิด แล้วแบ่งผลประโยชน์ที่หามาได้ระหว่างทางไปถึงตำหนักใต้ทะเลสาบเป็นเจ็ดต่อสาม พวกข้าสามส่วน เจ้าเจ็ดส่วน”

เฉินอี้หลินเอ่ยปากพูด

ในครั้งนี้ น้ำเสียงเขาเป็นมิตรไม่น้อย

“ได้ แต่ว่าข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ

ได้เฉินอี้หลินและเจียงฟานเข้าร่วม ความเร็วในการบุกของจ้าวเฟิงย่อมต้องเพิ่มขึ้น

จ้าวเฟิงไม่กล้าดูแคลนพลังรบของสิบอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่

แล้วไหนจะยังพลังสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณของเจียงฟานที่ประมาทไม่ได้เลย

“เงื่อนไขอะไรกัน ศิษย์น้องจ้าวเชิญเอ่ย” สีหน้าของเฉินอี้หลินสงบราบเรียบ

บรรดาลูกศิษย์ของสำนักเสวียนเจินที่อยู่ด้วยกันก็ไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจใดๆ

เพราะการรบเมื่อครู่ จ้าวเฟิงเอาชนะกองกำลังสายมารของถูจิ่วเซินที่มีกันหลายสิบคนด้วยตัวคนเดียว ความแข็งแกร่งนั้นส่งผลให้คนหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ

การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของจ้าวเฟิงขจรขจายไปในขั้นแรกแล้ว

พลังของจ้าวเฟิงเพียงคนเดียว เมื่อบวกกับกองกำลังเผ่าพันธุ์วารีจึงเป็นกลุ่มอำนาจที่ไม่มีใครแทนที่ได้

“เมื่อบุกเข้าไปในอาณาจักรเงือก ก่อนที่จะถึงตำหนักใต้ทะเลสาบจะต้องฟังคำสั่งข้าเพียงคนเดียว” จ้าวเฟิงเอ่ยราบเรียบ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลูกศิษย์ผู้สืบทอดหกคนที่อยู่ตรงนั้นมองหน้ากันเลิกลั่ก

จ้าวเฟิงต้องการมีอำนาจสั่งการลูกศิษย์หลักคนอื่น

ถ้าหากเป็นยามก่อน เรื่องเช่นนี้ไม่อาจเอ่ยปรึกษากันได้

ด้วยเพราะเหล่าลูกศิษย์หลักในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินก็มีลำดับขั้นอาวุโสเช่นกัน

“ได้” แววตาของเฉินอี้หลินเป็นประกาย จ้องมองไปที่จ้าวเฟิงอย่างลึกล้ำ

ทันทีจ้าวเฟิงเข้ามาภายในอุทยาน ก็ตรงดิ่งมาที่ทะเลสาบจื่อเยียน แล้วค่อยๆ ยึดครองที่แห่งนี้ทีละน้อย

ในตอนนี้

เขาเข้าใกล้อาณาจักรเงือกไปทุกทีโดยไม่สะทกสะท้าน

จากตรงนี้จึงมองออกว่าเขาจะต้องมีแผนการของตัวเองอย่างแน่นอน ถึงขนาดมีวิธีการและความเชื่อมั่นที่จะเก็บเกี่ยวผลประโชน์จากอาณาจักรเงือกด้วยซ้ำ

“ออกเดินทาง!”

 

จ้าวเฟิงควบคุมกองทัพเผ่าพันธุ์วารี ร่วมมือกับเฉินอี้หลิน เจียงฟาน และพวกรวมหกคนบุกเข้าไปในส่วนลึกของทะเลสาบจื่อเยียนเรื่อยๆ

มีเฉินอี้หลินและพวกเจียงฟานรวมกลุ่มด้วย จึงทำให้ความเร็วในการรุกคืบเข้าไปรวดเร็วกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ในระหว่างทางพบสัตว์อสูรเผ่าวารีที่แข็งแกร่งส่วนหนึ่ง ก็ได้เฉินอี้หลินเจียงฟานกำจัดให้สิ้นซากอย่างสบายมือ โดยที่จ้าวเฟิงไม่จำเป็นต้องออกหน้า

พลังของเฉินอี้หลินแทบจะพอๆ กับถูจิ่วเซิน

บรรดาอสูรในระดับยอดผู้สูงศักดิ์ล้วนแต่โดนเขาสังหารในกระบวนท่าเดียว

เจียงฟานยิ่งพิเศษไปกว่านั้น ในทันทีที่ปลดปล่อยกลิ่นอายสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณออกมา เหล่าสัตว์อสูรวารีทั่วไปไม่มีแม้แต่แรงจะต่อต้านเสียด้วยซ้ำ

สายเลือดในตำนานอย่างรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ กลิ่นอายของมันมากพอจะทำให้ฝูงอสูรวารีที่เต็มไปด้วยจิตสังหารต้องถอยหนีไป

ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ตลอดทางที่ผ่านมาราบรื่นอย่างยิ่ง

ร้อยศพต้องสาปของจ้าวเฟิงก็ฉวยโอกาสนี้กลืนกินสัตว์อสูรวารีที่อยู่ในระดับผู้สูงศักดิ์และยอดผู้สูงศักดิ์

เฉินอี้หลินกับพวกเจียงฟานฟังคำสั่งและให้ความร่วมมือกับจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงเองก็ไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาต้องเหนื่อยเปล่า มอบหญ้าเกล็ดม่วงหลายสิบต้นให้กับพวกเขาเพื่อให้กลิ่นอายกลมกลืนกับทะเลสาบจื่อเยียนมากยิ่งขึ้น

เฉินอี้หลินและเจียงฟานอดทนรอไม่ไหว อยากได้หญ้าเกล็ดม่วงในจำนวนที่มากขึ้น

แต่เงื่อนไขของจ้าวเฟิงก็คือ จะต้องเอาสมบัติที่มีมูลค่าเท่าเทียมกันมาแลกเปลี่ยน

ในส่วนลึกของทะเลสาบจื่อเยียน เหล่ากองทัพเผ่าวารีของจ้าวเฟิงไม่ได้หยุดเก็บทรัพย์สมบัติแต่อย่างใด

ของทั้งหมดที่เก็บได้แบ่งออกเป็นเจ็ดส่วนและสามส่วน

จ้าวเฟิงเพียงคนเดียวได้ส่วนแบ่งไปเป็นเจ็ดส่วน ส่วนเฉินอี้หลินและพรรคพวกทั้งหมดหกคนได้ส่วนแบ่งในสามส่วนที่เหลือ

ครึ่งวันถัดมา

ข้ารับใช้เผ่าวารีประเภทสอดแนมในกองทัพของจ้าวเฟิงค้นพบร่องรอยของ ‘เผ่าเงือก’

“ออกเดินทาง”

แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่เป้าหมายตราผนึกดวงใจทมิฬเห็นเช่นกัน

เผ่าเงือกมีลักษณะท่าทางเหมือนกับในตำนานที่ถูกบันทึกไว้

ลำตัวเป็นคนหางเป็นปลา ส่วนร่างกายท่อนบนรวมไปถึงส่วนหัวเหมือนกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่มีผิดเพี้ยน ส่วนด้านล่างเป็นหางปลา

สตรีชาวเงือกมีใบหน้าที่งดงามจับตายิ่ง

“กระจายตัว!”

จ้าวเฟิงสั่งให้กองทัพเผ่าพันธุ์วารีพยายามกระจายตัวออกจากกันในรัศมีสิบลี้

เช่นนี้เท่ากับว่ากระจายออกจนเท่ากับศูนย์ จะไม่ดึงดูดความสนใจของใครต่อใคร

“ศิษย์น้องจ้าว เมื่อมาถึงอาณาจักรเงือก ไม่สู้พวกเราเก็บ ‘ผลึกน้ำตาเงือก’ คอยดูเหตุการณ์ก่อน แล้วค่อยวางแผนโจมตีตำหนักใต้ทะเลสาบ” เฉินอี้หลินเอ่ยปากเสนอ

ก่อนที่จะเข้าไปภายในตำหนักใต้ทะเลสาบ พวกเขาต้องฟังคำสั่งของจ้าวเฟิง

“ศิษย์พี่เฉินคิดเหมือนกับข้าไม่มีผิดเพี้ยน” จ้าวเฟิงยิ้มแย้มน้อยๆ

ตำหนักใต้ทะเลสาบเป็นศูนย์กลางของเผ่าเงือก ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเผ่าเงือกมาหลายรุ่น

เมื่อลักลอบเข้าไปในตำหนักใต้ทะเลสาบ พวกเงือกระดับสูงต้องตื่นตัวแน่

ดังนั้นการจะเก็บ ‘ผลึกน้ำตาเงือก’ จึงต้องแอบลงมือทำ

“ไป!”

ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงแบ่งออกเป็นสิบส่วน แล้วควบคุมสัตว์อสูรวารีขนาดเล็กให้เข้าไปภายในอาณาจักรเงือก

บรรดาสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์วารีที่ถูกส่งออกไป มีอสูรมัจฉาส่วนหนึ่งที่ถนัดในการหลบซ่อนตัวหรือพรางตัวได้

โครม ตูม!

บริเวณเวิ้งน้ำเบื้องหน้ามีเสียงสู้รบดังแว่วมา

“เผ่าเงือก!”

ขอบเขตประสาทสัมผัสของเฉินอี้หลินสูงส่ง จึงสัมผัสได้ถึงร่องรอยของเผ่าเงือกที่กำลังลงมือสังหารเหล่าสัตว์อสูรในบัญชาของจ้าวเฟิง

เหล่าลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยมากเพิ่งจะเห็นเผ่าเงือกเป็นครั้งแรก จึงตื่นตะลึงอย่างมาก

จ้าวเฟิงยกมือขึ้น ขัดขวางการกระทำสิ้นคิดของพวกเจียงฟาน

“ตราผนึกดวงใจทมิฬ!” จ้าวเฟิงที่อยู่ห่างไปหลายลี้เรียกวิชาดวงตาออกมา

ในพริบตาเดียว การต่อสู้เบื้องหน้าก็หยุดชะงักลง

 

เวลาผ่านไปสักพัก เผ่าเงือกที่โดนผนึกเป็นทาสสองสามตัวมายังเบื้องหน้ากลุ่มคน แล้วสยบอยู่แทบเท้าของจ้าวเฟิง

เผ่าเงือกหลายตัวนี้มีพลังอยู่ในระดับครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด

เฉินอี้หลินและคนอื่นๆ อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“สติปัญญาของเผ่าเงือกสูงส่งอย่างยิ่ง ถึงกระทั่งมีพรสวรรค์ด้านวิญญาณ การจะใช้ ‘ตราผนึกหัวใจทมิฬ’ มีแรงกดดันเอาการอยู่เหมือนกัน” จ้าวเฟิงรู้สึกหวาดกลัว

เขาเองก็เข้าใจข้อมูลของเผ่าเงือกค่อนข้างมาก

ถัดจากนั้น จ้าวเฟิงใช้ตราผนึกดวงใจทมิฬเพื่อติดต่อสื่อสารกับเผ่าเงือกเหล่านี้

เผ่าเงือกธรรมดาจะไม่เข้าใจภาษามนุษย์ ว่ากันว่าเผ่าเงือกระดับสูงบางส่วนจึงจะชำนาญภาษานี้

เวลาถัดจากนั้น

“ออกเดินทางไปตามทิศตะวันตกเฉียงใต้!” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เอ่ยปากบอก

พวกของเฉินอี้หลินแววตาเป็นประกาย จ้าวเฟิงต้องรับรู้สถานการณ์ภายในอาณาจักรจากเหล่าเงือกที่เป็นทาสของเขาแน่ ถึงได้ตำแหน่งของ ‘ผลึกน้ำตาเงือก’ มา

ต่อจากนั้น

จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ จึงเริ่มออกเดินทางเข้าไปภายในอาณาจักรเงือก

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนของอาณาจักรเงือกรู้ตัว จ้าวเฟิงจึงให้กองกำลังเผ่าวารีส่วนมากคอยอยู่บริเวณขอบชายแดนของอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่มีขนาดใหญ่

เขาเอาเพียงสัตว์อสูรวารีขนาดเล็กที่ถนัดสอดแนมซ่อนตัวไปด้วย

ระหว่างทางที่เข้าไปภายในนั้นก็พบเจอเผ่าเงือกส่วนหนึ่งด้วยในบางครั้ง

มีบางส่วนโดนพวกเฉินอี้หลินและพวกสังหาร บางส่วนโดนจ้าวเฟิงจับไปเป็นทาส

ยามนี้

เผ่าเงือกที่เป็นทาสรับใช้ของจ้าวเฟิงมีจำนวนเกือบสิบ มีสี่ตัวอยู่ในระดับขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับจิตวิญญาณที่แท้จริง

หลังจากว่ายน้ำไปได้สิบกว่าลี้ ในที่สุดคนทั้งหมดก็เจอ ‘ผลึกน้ำตาเงือก’ ในกลุ่มปะการังเบื้องหน้า

ภายใต้ก้นบึ้งทะเลสาบที่มืดมิด มีผลึกแก้วแวววาวสุกสกาวหลายลูกหลายขนาด

ในความมืดมิด ผลึกน้ำตาเงือกเป็นประหนึ่งไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่ล้ำค่า

ในระยะทางที่ไกลออกไป จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์และพิเศษอย่างยิ่ง มันสาดซัดระลอกพลังความรักที่ตราตรึงลึกซึ้งออกมา

“นี่คือผลึกน้ำตานางเงือก? เป็นหยดน้ำตาซึ่งหลั่งออกมาจากเผ่าเงือกที่มีความรักอย่างลึกล้ำ จึงบรรจุพลังความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดจากดวงวิญญาณ พลังประเภทนี้สามารถทะลวงขอบเขตวิญญาณและชะล้างดวงวิญญาณ มีส่วนช่วยในการเพิ่มระดับพลังเป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะ”

“ในทุกผลึกน้ำตาเงือก อย่างน้อยต้องใช้เวลาเกือบห้าร้อยปีในการสะสม จึงหายากเป็นอย่างยิ่ง”

ฝูงชนตื่นตระหนก จ้องมองกันอย่างเงียบๆ

ความรักของเหล่าเผ่าเงือกยืนยาวนิรันดร์กาล เรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกจดไว้ภายในบันทึกโบราณแล้วทั้งสิ้น

 

หลายพันปีก่อน อัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นเคยโดนเผ่าเงือกจับตัวไว้ ด้วยชะตาที่ต้องกัน จึงทำให้เกิดความรักกับองค์หญิงเผ่าเงือก สุดท้ายจึงเข้าไปภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการปกป้องคุ้มกันจากเผ่าเงือกได้

“ลงมือ!”

จ้าวเฟิงให้เผ่าเงือกหลายคนไปเก็บเอาผลึกน้ำตาเงือก

ถึงแม้เผ่าเงือกเหล่านั้นจะถูกจ้าวเฟิงจับเป็นทาส แต่กลับหลั่งหยดน้ำตาที่ทุกข์ระทมออกมาตามสัญชาตญาณ

เฉินอี้หลินและคนอื่นๆ มองดูเงียบๆ ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ

หนึ่ง ผลประโยชน์พวกนี้มีจ้าวเฟิงเป็นคนจัดสรร

สอง พลังจิตวิญญาณที่ลี้ลับของผลึกน้ำตาเงือก ทำให้ฝูงชนตกอยู่ในห้วงความรักที่สวยงามบริสุทธิ์และผุดผ่องที่สุด

ภายใต้กลิ่นอายเช่นนั้น วิญญาณของพวกเขาเหมือนกับโดนชะล้าง ความผิดบาปจากการเข่นฆ่าในดวงวิญญาณ อีกทั้งปมในใจต่างๆ ล้วนแต่บรรเทาลงไป

“เผ่าเงือกเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพรสวรรค์ในด้านดวงวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเผ่าเงือกในระดับสูงที่มีเพศหญิงเป็นจำนวนมาก พลังจิตวิญญาณที่บรรจุอยู่ภายในผลึกน้ำตาเงือกของพวกนางใช้เวลาสะสมยาวนาน จึงมีผลลัพธ์ที่คาดคิดไม่ถึง” จ้าวเฟิงลอบผงกศีรษะเบาๆ

ผลึกน้ำตาเงือกมีพลังแฝงอยู่ในตัวของมันเอง แต่ก็ไม่ได้แข็งกล้าอะไรมากนัก ยังสู้ผลึกเริ่มต้นระดับสูงชิ้นหนึ่งไม่ได้เลย

แต่มูลค่าที่สูงส่งของมันมาจากความพิสุทธิ์สะอาดที่มีต่อดวงวิญญาณ

พอดีกับที่พลังวิญญาณใสสกาวดุจผลึกแก้วนั้น เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนส่วนมากไม่สามารถมีไว้ครอบครองได้

เวลาผ่านไปไม่นานนัก ก็จัดเก็บผลึกน้ำตาเงือกหลายชิ้นสำเร็จลุล่วง

จ้าวเฟิงไม่ได้อ้อยอิ่ง สั่งให้กำลังคนไปยังจุดต่อไป

เผ่าเงือกที่อยู่ใกล้ๆ ในระยะสิบลี้ หากไม่โดนจับสังหาร ก็จะโดนจ้าวเฟิงควบคุมเป็นทาส

ส่วนหนึ่งของเขตต้องห้ามในอาณาจักรเงือกเหมือนกับกลายเป็นพื้นที่ของจ้าวเฟิง

ในสถานการณ์เช่นนี้ จ้าวเฟิงเก็บผลึกน้ำตาเงือกได้หลายสิบลูกอย่างสบายแรง

จำนวนขนาดนี้เกินผลประโยชน์ที่ได้จากอุทยานครึ่งเซียนสี่ห้าครั้งไปแล้ว

ที่ผ่านมา ในทุกครั้งที่อุทยานครึ่งเซียนเปิดออก มีคนจำนวนน้อยมากที่จะสามารถเก็บผลึกน้ำตาเงือกได้

อัจฉริยะจำนวนมากล้วนมีเป้าหมายอยู่ที่พื้นที่ ‘หอหมื่นทรัพย์’ ‘สวนร้อยบุปผา’ หรือ ‘สุสานครึ่งเซียน’ เป็นต้น

หากจะว่าด้วยจำนวนของทรัพย์สมบัติต่างๆ ทะเลสาบจื่อเยียนสู้หอหมื่นทรัพย์ไม่ได้

หากจะว่าด้วยทรัพยากรล้ำค่า ขนาดและอาณาเขตก็ไม่อาจเทียบสวนร้อยบุปผาได้เช่นกัน

อีกทั้งพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเงือก ก็ทำให้อัจฉริยะจำนวนมากต้องถอยด้วยความหวาดกลัว

“จำนวนของผลึกน้ำตาเงือกพอได้แล้ว” จ้าวเฟิงหยุดเก็บเกี่ยวสะสม

เขาควบคุมเผ่าเงือกไปจำนวนไม่น้อย ในระหว่างทาง เฉินอี้หลินเองก็สังหารไปมาก อีกไม่นานนักต้องสร้างความแตกตื่นให้กับคนระดับสูงของอาณาจักรเงือกแน่นอน

 

จ้าวเฟิงมอบผลึกน้ำตาเงือกที่เก็บสะสมมาแก่เฉินอี้หลินและเจียงฟานคนละสองลูก ส่วนคนอื่นได้ไปคนละลูก

ส่วนตัวเขาเองเก็บไว้สิบยี่สิบลูก

คนอื่นไม่มีความเห็นต่างแต่อย่างใดกับเรื่องนี้ หลายคนในนั้นถึงขั้นเริ่มลองใช้ ‘ผลึกน้ำตาเงือก’ ในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!