Skip to content

King of Gods 673

King Of Gods

บทที่ 673 ชุบชีวิตด้วยเลือด

ในที่สุดจ้าวเฟิงก็ตัดสินใจเริ่มแผนการชุบชีวิตด้วยเลือดของครึ่งเซียน

เลือดครึ่งเซียนอยู่ในสภาวะโดนผนึกด้วยน้ำแข็ง เหลือพลังเลือดบริสุทธิ์ครึ่งหนึ่ง

วูบ!

เศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋นอดรนทนไม่ไหวจนต้องโผล่ออกมา

เหมันต์วารีผันแปร!

จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังสายเลือด ชั้นน้ำแข็งที่ผนึกเลือดเซียนไว้ค่อยๆ หลอมละลายกลายเป็นน้ำด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อานุภาพ พลังเซียนของเลือดครึ่งเซียนกระจายออกตามไปด้วย

ดีที่ห้องโถงลับที่จ้าวเฟิงฝึกตน ระดับการปิดผนึกดีเยี่ยมอย่างยิ่ง ด้วยเพราะเคยเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิตวนมู่ชิงเคยใช้เพื่อบำเพ็ญพลัง

“เริ่มต้นแล้ว”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะให้กับเศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋น

วิ้ง!

เศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋นยังเป็นเพียงกลุ่มแสงโปร่งใส แต่กลิ่นอายจิตวิญญาณที่สาดซัดออกมาแข็งแกร่งกว่าในยามที่อยู่ในอุทยานครึ่งเซียนเล็กน้อย

ถึงแม้ว่ามันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวห้วงคิดเส้นหนึ่ง ทว่าพลังจิตวิญญาณที่แฝงอยู่แข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือทั่วไป

เพราะอย่างไรมันก็เป็นถึงเศษเสี้ยวห้วงคิดของครึ่งเซียน

“คืนชีวิตด้วยเลือด!”

 

เพียงพริบตาเดียวเศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋นก็หลอมรวมเข้ากับเลือดครึ่งเซียนอย่างไหลลื่นไร้ซึ่งอุปสรรคใด

ถ้าหากเป็นห้วงคิดจิตวิญญาณทั่วไป ย่อมต้องโดนต่อต้านจากเลือดครึ่งเซียนอย่างแน่นอน

แต่เศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋นเป็นห้วงคิดจิตวิญญาณที่โดนแยกออกมาจากแก่นแท้วิญญาณครึ่งเซียน ทั้งสองจึงมีความคล้ายคลึงและสนิทชิดเชื้ออย่างยิ่ง

“ข้าอยากจะลองชมการชุบชีวิตจากเลือดในตำนานดูเสียหน่อย” จ้าวเฟิงตั้งใจดูอย่างยิ่ง

ความจริงแล้ว เศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋นไม่มีความรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับ ‘การชุบชีวิตด้วยเลือด’

ทว่ามันไม่จำเป็นต้องเรียนวิธีการในตำนานเช่นนี้

ก่อนจะดับสูญ ครึ่งเซียนก็ฝึกวิชาถือกำเนิดจากเลือดจนสำเร็จ แล้วเอาความสามารถนี้หลอมรวมเข้าไปกับกายเนื้อ

ทันทีที่ละสังขาร ขอเพียงแค่จิตวิญญาณยังไม่สูญสลายไป หยดเลือดเพียงหยดเดียวก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะ ‘ชุบชีวิต’

ก่อนที่ครึ่งเซียนจะจากไป การถือกำเนิดจากเลือดเสร็จสิ้นไปแล้วเก้าสิบห้าส่วน

ตอนนี้ขอเพียงแค่เศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋น ‘ชี้แนะ’ ครึ่งส่วนที่เหลือนั้น ก็จะสามารถชุบชีวิตด้วยเลือดได้

แน่นอนว่าการจะบรรลุเคล็ดวิชาลับในตำนานดังกล่าวมีปัจจัยมากมาย

ถ้าหากว่าเจ้าตัวยังไม่ดับสลาย ต่อให้เศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋นคงอยู่ การถือกำเนิดจากเลือดก็ไม่สามารถสำเร็จได้

 

หรือครึ่งเซียนยังมีเศษเสี้ยววิญญาณในขั้นที่สูงส่งกว่า เศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋นก็ไม่สามารถ ‘ข้ามขั้น’ ได้เช่นกัน

เสวียนอ้าวที่ต้องใช้ทั้งหมดถูก ‘กำหนด’ ไว้แล้วตั้งแต่ก่อนครึ่งเซียนจะจากไป

วิ้ง!

เศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋นผสานเข้าไปในเลือดบริสุทธิ์ของครึ่งเซียน เลือดเปล่งแสงสีทองอ่อนๆประหนึ่งเป็นของเหลวสีทองที่เดือดพล่าน

ในตอนแรก

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงระลอกจิตวิญญาณของเศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋น พลังจิตวิญญาณของมันเข้ากันกับเลือดบริสุทธิ์ครึ่งเซียนเป็นอย่างยิ่ง

ภายในเลือดบริสุทธิ์นั้นค่อยๆ เกิดคลื่นพลังที่จะพบได้ในมนุษย์เท่านั้น

จ้าวเฟิงรู้ว่าเลือดครึ่งเซียนกำลังหล่อเลี้ยงเศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋น

ครึ่งชั่วยามจากนั้น

เลือดครึ่งเซียนที่เป็นเหมือนของเหลวสีทองเรืองรองค่อยๆ ก่อตัวเป็นไข่มุกสีทองมันวาว

วูบ!

ไข่มุกสีทองส่องสว่างวาบหนึ่ง แล้วลอยเข้าสู่ในมือของจ้าวเฟิง

“น่าสนใจ”

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณของเศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋นที่อยู่ภายในไข่มุกสีทอง

ดีละ!

เขาโบกมือเอาน้ำอมฤตออกมาหลายหยด แบ่งหยดลงบนไข่มุกทองหลายครั้ง

วิ้ง!

หลังจากที่ดูดซึมน้ำอมฤตแล้ว ไข่มุกทองขยายตัวด้วยความเร็วสูงสุด

ในความเป็นจริง

พลังของน้ำอมฤตช่วยเพิ่มความเร็วในการชุบชีวิตด้วยเลือด

เวลาผ่านไปไม่นานนัก ไข่มุกทองก็มีขนาดประมาณผลผิงกั่ว (แอปเปิล) หรือเรียกว่าเป็น ‘ไข่ทองคำ’ น่าจะเหมาะกว่า

เมี้ยว เมี้ยว!

ไม่รู้ว่าเจ้าแมวขโมยตัวน้อยกระโดดออกมาเมื่อไหร่ แววตาของมันเป็นประกาย จับจ้องขั้นตอนการถือกำเนิดใหม่ของเลือดครึ่งเซียน

นัยน์ตาสีนิลของมันฉายแววประหลาด

“ลองสิ่งนี้ดู!”

จ้าวเฟิงเอา ‘วารีคืนชีวิต’ ออกมาหยดลงบนไข่สีทอง

วารีคืนชีวิตมีพลังชีวิตแฝงอยู่มหาศาล

ตอนอยู่ที่ซากปรักหักพังสือเฉิง สำนักสองดาวสามแห่งใช้วารีคืนชีวิตกระตุ้นการเติบโตที่บ้าคลั่งของ ‘ราชาเถาวัลย์มารทมิฬ’

ว่ากันว่าวารีคืนชีวิตหยดหนึ่งสามารถทำให้พื้นที่แห้งแล้งในรัศมีร้อยลี้กลายเป็นพื้นที่สมบูรณ์ อีกทั้งยังปลูกโอสถต่างๆ ได้ยาวนานเป็นหมื่นปี

จากจุดนี้จะพบว่าพลังชีวิตที่แฝงอยู่ในวารีคืนชีวิตน่ากลัวขนาดไหน

ในวินาทีนั้นเอง

ความเร็วของ ‘การชุบชีวิตด้วยเลือด’ หลังจากหยดวารีคืนชีวิตก็เพิ่มขึ้น นั่นย่อมแปลว่าเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ดีเยี่ยมอย่างยิ่ง

วิ้ง!

ไข่สีทองมันวาวยังคงขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ สาดซัดระลอกคลื่นชีวิตออกมา

ลวดลายบนพื้นผิวไข่สีทองทั้งลึกลับและโบราณ

ภาพตรงหน้าทำให้จ้าวเฟิงพลันนึกถึงเหตุการณ์ครั้งที่ได้เจ้าแมวขโมยตัวน้อยมา

ในตอนแรกเจ้าแมวขโมยเป็นเพียง ‘ไข่’ ที่แปลกประหลาดฟองหนึ่งเท่านั้น

ตามหลักการปกติแล้วแมวเป็นสัตว์ออกลูกเป็นตัว ไม่ใช่สัตว์ที่ออกลูกเป็นไข่

“การชุบชีวิตด้วยเลือดต้องมีปัจจัยที่จำเป็น ถ้าหากเงื่อนไขไม่ครบถ้วนก็อาจทำให้หยุดกลางคัน”

แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย จับจ้องบนเรือนร่างของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย

เจ้าแมวกอดอกแน่นไม่ขยับเขยื้อน

ครึ่งวันต่อมา

ไข่สีทองวาบวับก็ขยายใหญ่เท่าครึ่งหนึ่งของถังน้ำแล้วหยุดลง

ถัดจากนั้น

พื้นผิวของไข่สีทองก็แข็งขึ้นเรื่อยๆ

จ้าวเฟิงเหมือนได้รับห้วงคิดจิตวิญญาณเส้นสายหนึ่ง ในมือปรากฏลูกไฟวายุอัสนีพิฆาต แล้วทำให้เปลือกไข่แข็งขึ้นกว่าเดิม

หลายชั่วยามต่อมา

ไข่สีทองขนาดเท่าครึ่งหนึ่งของถังน้ำเกิดเสียงดัง ‘แครก’ บนพื้นผิวปรากฏรอยร้าวขึ้น

แครก แกรก!

ภายในเปลือกไข่เห็นเป็นทารกน้อยคนหนึ่ง อายุประมาณหนึ่งถึงสองขวบ ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายมีชีวิตชีวา ผิวทั่วร่างเปล่งแสงสีทองเรืองรอง

“นายท่าน!”

ทารกผิวทองเอ่ยด้วยเสียงอ้อแอ้ ยังพูดไม่ชัดนัก

จ้าวเฟิงชะงักไปเล็กน้อย

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยขบฟัน โบกกรงเล็บกระโดดไปจะตะปบทารกผิวทอง

“แมวขโมย ไสหัวไป!”

ในแววตาของทารกฉายแววโมโหและทรงอำนาจ

เป็นถึงครึ่งเซียนแต่จะโดนแมวขโมยตัวหนึ่งดูหมิ่น เล่นกับเขาเช่นนี้มีที่ไหนกัน!

“ไม่เสียทีที่เป็นเลือดบริสุทธิ์ของครึ่งเซียน เพิ่งจะถือกำเนิดใหม่อีกครั้งก็มีระดับชีวิตอยู่ในขั้นยอดผู้สูงศักดิ์ช่วงสุดยอด”

จ้าวเฟิงกอดอกเม้มปากอย่างแปลกใจ

แต่เมื่อคิดถึงพลังเซียนที่แฝงอยู่ในเลือดครึ่งเซียนก็ไม่น่าแปลกอะไร

อีกทั้งพลังส่วนหนึ่งของเลือดครึ่งเซียนยังแฝงอยู่ภายในร่างของทารกน้อยที่เพิ่งจะเกิดใหม่

เมี้ยว~

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยหยอกล้อผู้ที่เกิดใหม่ แต่ว่าฝ่ายหลังโมโหอย่างยิ่ง

“เจ้าแมวขโมย ปล่อยมันเงียบๆ สักครู่หนึ่ง” จ้าวเฟิงโบกมือ

ต่อมา ทารกผิวทองตัวน้อยก็ลุกขึ้นเดินไปมาภายใต้การสังเกตการณ์ของจ้าวเฟิงและเจ้าแมวขโมย

ไม่นาน ทารกผิวทองก็สามารถเดินได้อย่างสบายๆ ทั้งพลัง ความเร็ว หรือกระทั่งสติปัญญาล้วนแต่เกินคนในวัยเดียวกัน

“เหอะเหอะ? เศษเสี้ยวห้วงคิดคุนอวิ๋น ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าอย่างไรดี?”

จ้าวเฟิงบีบผิวกายของเด็กทารกอย่างประหลาดใจ ผิวอ่อนนุ่ม แต่ว่าพละกำลังที่แฝงในร่าง กลับไม่เป็นไปตามหลักการทั่วไป

ทารกน้อยผู้นี้ต่อให้ไม่ได้ฝึกตนก็มีพลังเหนือคนต่ำกว่าระดับขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้

“ข้าคือครึ่งเซียนคุนอวิ๋น”

เด็กทารกผิวทองนั่งขัดสมาธิ บนร่างมีกลิ่นอายที่เข้มงวดเคร่งขรึม

ประกายในแววตาของเขาเหมือนผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย

ในชั่วขณะนั้น จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงความหยิ่งผยองจากเรือนร่างของเขา

“อืม! หลังถือกำเนิดจากเลือดแล้วเหมือนจะได้ความทรงจำกับความสามารถกลับมาไม่น้อย”

จ้าวเฟิงคาดคะเน

เขาฝัง ‘เมล็ดดวงใจทมิฬ’ ลงไปภายใต้การดิ้นรนอย่างสุดแรงของเด็กน้อยผู้นี้ในทันที

ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นเป็นเพียงเซียนเกิดใหม่ ยังคงอ่อนแอในหลายๆ ด้าน เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวเฟิงจึงแทบไม่มีแรงต่อต้านใด

“ครึ่งเซียนคุนอวิ๋น นี่เป็นข้อตกลงก่อนจะถือกำเนิดใหม่ของเจ้า” จ้าวเฟิงเอ่ยเรียบๆ

เด็กน้อยผิวทองสีหน้าเขียวคล้ำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

ถึงแม้เพิ่งเกิดใหม่แต่ความรู้ในหัวของเขาก็ไม่ใช่เด็กแรกเกิด เมื่อเปรียบกับคนทั่วไปแล้วยังฉลาดกว่ามาก

สองสามวันต่อมา

ทารกผิวทองนั่งขัดสมาธิบำเพ็ญพลังด้วยมาดผู้ใหญ่ ถึงขั้นขอผลึกเริ่มต้นกับทรัพยากรต่างๆ จากจ้าวเฟิง

ใช้เวลาเพียงแค่วันเดียว

ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นก็มีปราณจิตวิญญาณที่แท้จริงรวมตัวอยู่ในจุดตันเถียน

“ปราณจิตวิญญาณที่แท้จริง? เจ้าเด็กนี่ เวลาเพียงนิดเดียวก็เข้าสู่ขอบเขตปราณที่แท้จริงแล้ว อีกทั้งวิธีการฝึกตนเหมือนยังมีเสวียนอ้าวลึกล้ำเกินจะเปรียบด้วย”

จ้าวเฟิงจ้องจนตาโต

ทันทีที่เข้าสู่ขอบเขตปราณที่แท้จริงก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป

ภายในดินแดนเกาะทั่วไป ผู้ฝึกตนในขอบเขตปราณที่แท้จริงมีไม่มากนัก ถือว่าเป็นระดับขั้นในฝันของคนทั้งหลาย

ทว่าทั้งหมดกลับไม่ยากสำหรับครึ่งเซียนคุนอวิ๋นเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาถือกำเนิดอีกครั้งโดยใช้เลือดบริสุทธิ์ของครึ่งเซียน

เวลาไม่นานนัก

ทารกผิวทองก็เริ่มปรับตัวให้เข้ากับไอสวรรค์ในฟ้าดิน ปราณจิตวิญญาณที่แท้จริงในร่างเริ่มเข้นข้นขึ้นเรื่อยๆ

ในเวลาเดียวกันนั้น เขายังดูดซับผลึกเริ่มต้นระดับสูงมาเป็นไอสวรรค์ที่บริสุทธิ์

“ดูจากท่าทางเจ้านี่น่าจะไม่เจออุปสรรคเลยจนกว่าจะถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลาย”

จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

รอให้ใช้เลือดครึ่งเซียน น้ำอมฤต วารีคืนชีวิตจนหมดก็จะไปถึงขีดสุดของร่างกายเจ้าเด็กทารกผิวทอง

หลังจากนั้น

เขายังต้องเผชิญกับขีดจำกัดของร่างกาย ความต่างคือเขามีประสบการณ์ในการฝึกตนหลังจากเกิดใหม่

“เจ้าแมวขโมย เจ้าคอยเฝ้าดูเขาไปก่อน” จ้าวเฟิงเอ่ยสำทับ

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยโบกมือไปมา ก่อนพาทารกผิวทองหายเข้าไปในแหวนเหล็กโบราณ

ตามหลักการแล้วสัตว์วิเศษธรรมดาไม่สามารถอยู่ภายในแหวนเก็บของได้

แต่ทว่าเจ้าแมวขโมยและทารกผิวทองอยู่เหนือกฎเกณฑ์ปกติ

สี่ห้าวันต่อมา

ด้วยความช่วยเหลือจากทรัพยากรจำนวนมาก ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นฝึกตนมาถึงขั้นนายเหนือแท้

ร่างกายของเขาก็เติบโตเทียบเท่ากับเด็กอายุสามสี่ขวบ

หลังจากทะลวงผ่านขั้นนายเหนือแท้แล้ว ความเร็วในการฝึกตนของเขาค่อยๆ ช้าลง เพราะ ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดที่เป็นระดับสูงกว่าต้องการการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ

เฮ้อ~

จ้าวเฟิงถึงค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอกได้ เมื่อได้เลือดบริสุทธิ์ของครึ่งเซียนเป็นตัวกลาง ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นผู้นั้นถือกำเนิดใหม่ ระดับการฝึกตนจึงเพิ่มขึ้นอย่างยิ่งน่ากลัวมากนัก

โชคดีที่พลังเลือดบริสุทธิ์ของครึ่งเซียนนั่น ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วล้วนต้องถูกใช้ไปจนหมด ต่อจากนั้นความเร็วในการฝึกตนของคุนอวิ๋นก็จะเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป

สำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดาย

ภายในหอสูงที่หลบซ่อนตัว

บุรุษหนุ่มหยางกวงนั่งขัดสมาธิ สายเลือดและปราณที่แท้จริงในร่างกระเพื่อมไปมาตลอดเวลา

เบื้องหลังของเขามีราชันปราณเทวะสามคนกำลังส่งปราณจิตวิญญาณที่แท้จริงเข้าไปในร่างของเขา

“ฝืนฟื้นฟูไปจนถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงกลาง”

ดวงตาของเวินลั่วอันเปิดออก ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ

ในวินาทีสุดท้ายที่อุทยานครึ่งเซียน เขาลงมือระเบิดตัวเองสังหารจ้าวเฟิง พลังตกลงมาอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต้น

หลายวันมานี้ ราชาจิตวิญญาณมรณะทั้งสามร่วมแรงร่วมใจช่วยเวินลั่วอันฟื้นฟูไอสวรรค์และพลังฝึกตน

“องค์ชายสาม ด้วยรากฐานของเจ้าและความช่วยเหลือจากเรา ใช้เวลาไม่กี่เดือนจะต้องฟื้นฟูพลังฝึกตนในช่วงรุ่งโรจน์ได้”

หนึ่งในราชาจิตวิญญาณมรณะเอ่ยขึ้น

ในเวลานี้เอง

“เอ๊ะ!” เวินลั่วอันหยิบตรามรณะออกมาโดยฉับพลัน

“เป็นข่าวคราวของท่านอาจารย์” ใบหน้าของบุรุษหนุ่มหยางกวงฉายแววปีติ

“ท่านจักรพรรดิออกจากการฝึกตนแล้วหรือ?”

“เมื่อหนึ่งปีก่อนนายท่านตื่นจากการหลับใหล แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในระยะหนึ่งปีนี้จึงเอาแต่เก็บตัว” หนึ่งในราชาจิตวิญญาณมรณะเอ่ย

ในเวลาเดียวกัน อีกฟากของทะเลความว่างเปล่า

ท่ามกลางความมืดมิดภายในตำหนักโบราณ

จักรพรรดิเก่าแก่ผู้เป็นเหมือนร่างเงาที่เลือนรางค่อยๆ ยืนขึ้น

ทันใดนั้น

พลังมรณะทั่วทั้งฟ้าดินก็กวาดไปทั่วทะเลความว่างเปล่าเป็นรัศมีกว่าร้อยลี้ ดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนสั่นสะท้าน

“พอประมาณแล้ว เคล็ดวิชาดวงตาต้องห้ามข้าจัดแจงเรียบร้อยแล้ว โอกาสที่จะสำเร็จเพิ่มขึ้นสิบเท่า ต่อให้เป็นดวงตาเทพเจ้าแรกเริ่มดวงนั้นก็มีโอกาสสำเร็จสี่สิบเท่าได้”

จักรพรรดิแห่งความตายเอ่ยพึมพำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!