Skip to content

King of Gods 685

King Of Gods

บทที่ 685 เคล็ดวิชาปีกอัสนี

ตุบ!

เหลยเจิ้นร่วงหล่นลงบนพื้น บนร่างยังมีเปลวเพลิงของวายุอัสนีพิฆาตสีชาดเผาไหม้อยู่

การโจมตีในระยะประชิดของจ้าวเฟิงทำให้เขาบาดเจ็บหนักอย่างยิ่ง

“เร็วยิ่งนัก!”

“วายุอัสนีพิฆาตสีชาดของเจ้าหนุ่มคนนี้เหนือกว่าจักรพรรดิวายุอัสนีในขณะที่วัยเท่านี้เสียอีก”

บริเวณใกล้เคียงเวทีราชันที่แท้จริงเกิดเสียงพูดคุยอึกทึก

จักรพรรดิและราชันบางส่วนล้วนแต่ตกตะลึงเพราะเรื่องนี้

คนรุ่นหลังเก่งกาจเหนือคนรุ่นก่อน

จักรพรรดิวายุอัสนีอยู่เหนือกว่าวิชาของสำนักหมื่นอัสนี กลายมาเป็นจักพรรดิที่มีความเร็วเป็นที่หนึ่งในยามก่อน

และในตอนนี้

มรดกวายุอัสนีที่จ้าวเฟิงสรรสร้างก็เหนือกว่าจักรพรรดิวายุอัสนีในวัยเดียวกันไปอีก

“ประเมินเจ้าเด็กนี่ต่ำไปเสียแล้ว” จักรพรรดิอัสนีทมิฬสีหน้าคล้ำลง

ข้อแรก วายุอัสนีพิฆาตสีชาดของจ้าวเฟิง ขอบเขตพลังอัคคีอยู่เหนือความคาดหมาย

ตามปกติแล้วก่อนจะทะลวงไปยังขอบเขตราชัน อย่างมากก็น่าจะฝึกฝนได้เพียงผิวเผินของวายุอัสนีพิฆาตสีชาดเท่านั้น

แต่วายุอัสนีพิฆาตสีชาดของจ้าวเฟิงบรรลุการสรรสร้างเพลิงถึงห้าสิบส่วนขึ้นไป

ข้อสอง จ้าวเฟิงแก้ไขปัญหาความบ้าคลั่งของวายุอัสนีพิฆาตสีชาดและการปะทะกันระหว่างธาตุแล้ว

เขาหลอมรวมวายุอัสนีพิฆาตสีชาดจนมั่นคง ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในการควบคุม อานุภาพยังแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

“ไม่เสียแรงที่เป็นพี่จ้าวเฟิง ใช้เวลาเพียงสองเดือน พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมากมายเช่นนี้” จ้าวหยูเฟยปรากฏกายในละแวกของเวทีราชันที่แท้จริง

การประลองในวันนี้ยังด้อยกว่าการประลองของนางและหนานกงเซิ่งเสียอีก

แน่นอนว่าระดับในการประลองครั้งนี้ย่อมต่ำกว่าเล็กน้อย

ในคราวก่อนกำลังรบของจ้าวหยูเฟยและหนานกงเซิ่งล้วนแต่แตะถึงขั้นราชัน

“เหลยเจิ้น ต่อให้ข้าไม่ได้ใช้สายเลือดดวงตา เจ้าก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”

จ้าวเฟิงลอยตัวอยู่กลางอากาศ ปีกอัสนีด้านหลังโบกสะบัดอย่างมีชีวิตชีวา เหมือนกับว่าเป็นปีกของวิหคอย่างแท้จริง

ปีกวายุอัสนีของเขาใกล้จะเป็นของจริงเข้าไปทุกที!

แววตาของจ้าวเฟิงกวาดผ่านเหลยเจิ้นและพวกจักรพรรดิอัสนีทมิฬทั้งสาม

“ข้า…ยังไม่แพ้!”

เหลยเจิ่นพยายามเค้นเสียง วารีอัสนีทั้งห้าธาตุหมุนวนรอบร่างกายเพื่อรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้นจากวายุอัสนีพิฆาตสีชาด

ความพ่ายแพ้ที่เพิ่งเกิดขึ้น สาเหตุหลักเป็นเพราะความเร็ว จ้าวเฟิงอาศัยจุดนี้ให้เป็นประโยชน์

วิ้ง~

แสงอัสนีห้าสีบนร่างของเหลยเจิ้นปะทุออกอย่างรุนแรง สาดซัดเอากลิ่นอายศาสตร์อัสนีโบราณออกมา

ทันใดนั้นเอง ด้านหลังของเหลยเจิ่นปรากฏเงาสายฟ้าโบราณเป็นรูปร่างขึ้นมา

มือสองข้างของเงาสายฟ้านั้นกำค้อนอัสนีเอาไว้ แววตาคล้ายกับเปลวไฟ กลิ่นอายอยู่เหนือกาลเวลาทั้งอดีตและปัจจุบัน ดึงดูดพลังอัสนีมหาศาลในฟ้าและดิน

“เงาจิตวิญญาณอัสนี!”

“กระตุ้นเงาจิตวิญญาณอัสนีโบราณ ไม่กลัวถูกตอบโต้กลับรึ”

ในละแวกเวทีราชันที่แท้จริง เหล่ายอดฝีมือในขอบเขตปราณเทวะส่วนหนึ่งที่มากประสบการณ์หน้าเปลี่ยนสี

‘เงาจิตวิญญาณอัสนี’ ที่อยู่ด้านหลังเหลยเจิ้นค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง กลิ่นอายพลังอัสนีเหนือกว่าขั้นราชัน

“คมปีกวายุอัสนี!”

เงาปีกอัสนีแหลมคมเส้นหนึ่งกวาดผ่านกลางอากาศในฉับพลัน

บริเวณที่จ้าวเฟิงเคยยืนเหลือเพียงเศษเสี้ยวของเงาปีกอัสนี

ถัดจากนั้น

ฟิ้ว!

เงาปีกวายุอัสนีสีชาดทำลายแกนกลางของมิติ แหวกผ่านร่างของเหลยเจิ้นในฉับพลัน

“อ๊าก…”

เหลยเจิ้นร้องตะโกน ล้มโครมลงบนพื้น

‘เงาจิตวิญญาณอัสนีโบราณ’ ด้านหลังเขาพลันอับแสงลงแล้วแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว

เหล่าผู้ชมที่อยู่ต่ำกว่าขั้นราชันทั้งหลายแทบจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

มีเพียงจักรพรรดิไม่กี่คนที่พากันจับจ้องไปยังขาทั้งสองข้างของเหลยเจิ้น

โครม!

หลังจากเหลยเจิ้นร่วงลงที่พื้น ขาทั้งสองข้างก็แยกออกจากร่างกายในทันที

สิ่งที่แปลกประหลาดคือ ขาทั้งสองข้างของเขาถูกตัดขาดแต่กลับไม่มีเลือดไหลสักหยด ด้วยถูกเผาไหม้จากวายุอัสนีพิฆาตสีชาดนั่นเอง

“รีบช่วยเจิ้นเอ๋อร์เร็ว!”

หญิงสาวงามเฉิดฉายเอ่ยเสียงต่ำ จักรพรรดิทั้งสามแห่งสำนักหมื่นอัสนีก้าวลงไปยังข้างกายเหลยเจิ้นอย่างรวดเร็ว

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ โลกของสำนักสองดาวระดับสุดยอดและสำนักสามดาว อาการบาดเจ็บธรรมดาไม่ใช่ปัญหาใหญ่โต

แต่ว่าบาดแผลของเหลยเจิ้นไม่ใช่การโจมตีธรรมดาทั่วไป วายุอัสนีพิฆาตสีชาดนั่นแฝงไปด้วยเสวียนอ้าวทำลายล้าง กระทั่งเป็นการเผาผลาญจากเพลิงอัสนี

หากช่วยเหลือช้าไปเพียงเล็กน้อยก็อาจพิการได้

ฮู่!

จ้าวเฟิงผ่อนลมหายใจยาว แล้วใช้ ‘ปีกอัสนีโบยบิน’ ออกจากเวทีราชันที่แท้จริงเพื่อหลีกเลี่ยงเพลิงความโกรธแค้นของจักรพรรดิทั้งสาม

เมื่อครู่ถือว่าตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเอาการ

ถ้าหากปล่อยให้ ‘จิตวิญญาณอัสนีโบราณ’ กลายเป็นรูปร่างขึ้นมา จ้าวเฟิงจะต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือแห่งศาสตร์อัสนีในขั้นราชัน

ด้วยเหตุนี้

จ้าวเฟิงจึงไม่รีรออีก จัดการใช้ ‘คมปีกวายุอัสนี’ ที่รวดเร็วที่สุด

คมปีกวายุอัสนีเป็นเคล็ดวิชาปีกอัสนีที่ลึกล้ำที่สุด วิธีการโจมตีจะผสมผสานหลักการของวายุอัสนีข้ามมิติเข้าไปด้วย

สามารถพูดได้ว่า คมปีกดังกล่าวได้รวบรวมแก่นบริสุทธิ์ของมรดกวายุอัสนี เกิดเป็นขีดสุดของความเร็วและการโจมตี!

“เก่งซะจริง อานุภาพของเคล็ดวิชาปีกอัสนีสามารถคุกคามคนในขั้นราชันได้แล้ว”

ราชันในขอบเขตปราณเทวะส่วนหนึ่งในที่ดังกล่าวล้วนแต่พรั่นพรึง

จ้าวหยูเฟยกับหนานกงเซิ่งมาถึงไล่ๆ กัน โดยหนานกงเซิ่งถึงทีหลัง

ในขณะที่เขามาถึง ทันเห็น ‘เคล็ดวิชาปีกอัสนี’ ของจ้าวเฟิงที่ตัดขาทั้งสองข้างของเหลยเจิ้นไป

“ถ้าหากว่า ‘คมปีกวายุอัสนี’ นี้ลอบโจมตีแบบฉับพลัน ราชันอาจจะพลาดท่าเสียทีเอาได้”

หนานกงเซิ่งสีหน้าเคร่งขรึม

แต่ว่าการประลองครั้งนี้ จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้สายเลือดดวงตาแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้พึ่งพาข้อได้เปรียบของระดับชั้นวิญญาณเลย

“เหอะเหอะ จักรพรรดิทั้งสาม ยังมีคำใดจะเอ่ยอีกหรือไม่? ทุกท่านก็เห็นแล้วว่าจ้าวเฟิงใช้เพียงมรดกวายุอัสนีก็สามารถเอาชนะอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักท่านได้”

ตวนมู่ชิงเปล่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

พูดตามความจริง

ก่อนจะประลองเขาเองก็ไม่ค่อยไว้วางใจ ด้วยเพราะขอบเขตวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวเฟิงถูกจำกัดไม่ให้ใช้ จำเป็นต้องใช้มรดกวายุอัสนีเอาชนะเหลยเจิ้นให้ได้

อีกทั้งคุณสมบัติวิชาของเหลยเจิ้นยังสามารถควบคุมพลังศาสตร์อัสนีในโลก

จักรพรรดิอัสนีทมิฬทั้งสามคนพยายามรักษาบาดแผลของเหลยเจิ้นให้คงสภาพ สีหน้าไม่สู้ดีนัก

“อืม การประลองในครั้งนี้จ้าวเฟิงเป็นผู้มีชัยชนะ ไม่มีอะไรต้องถกเถียงกันอีกแล้ว”

“สาเหตุหลักที่จ้าวเฟิงมีชัยก็คือความเร็ว ซึ่งเป็นจุดเด่นของมรดกวายุอัสนีที่อยู่เหนือวิชาของสำนักหมื่นอัสนี”

จักรพรรดิคนกลางซึ่งเป็นกรรมการผงกศีรษะยอมรับในฐานะพยาน

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว

จ้าวเฟิงจึงนำศีรษะอำนาจเทวะกลับมาได้ท่ามกลางสายตาของกลุ่มคน แล้วยังได้ ‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’ มาด้วย

พวกจักรพรรดิอัสนีทมิฬทั้งสามคนมีสีหน้าไม่ยินยอม แต่จะให้เสียใจภายหลังก็ไม่ได้ ผลแพ้ชนะของการประลองที่อยู่ในสายตาของคนทั้งหลายแทบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

“วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย”

จ้าวเฟิงรับวิชาศักดิ์สิทธิ์มรดกอัสนีเล่มโบราณนี้มา เปิดดวงตาเทพเจ้าแล้วกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว

ด้วยความสามารถของดวงตาเทพเจ้าของเขาในตอนนี้ เกรงว่าถึงจะเป็นหนังสือเล่มหนาๆ เพียงพริบตาเดียวก็สามารถคัดลอกเนื้อหาทั้งหมดได้

ในสมองของจ้าวเฟิงปรากฏตำราที่เหมือนกับวิชาหมื่นอัสนี

สิ่งที่เขาคัดลอกมานั้นเป็นหนังสือที่เป็นรูปธรรมอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีเนื้อหาที่ซับซ้อน

“จ้าวเฟิง เจ้าไม่มีคุณสมบัติกายจิตวิญญาณอัสนีเป็นพิเศษ ถึงจะได้วิชาหมื่นอัสนีไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

จักรพรรดิอัสนีทมิฬพูดด้วยเสียงเย็นชา

ถึงแม้ว่าจะต้องเสีย ‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’ ให้แก่จ้าวเฟิง แต่เงื่อนไขของจักรพรรดิทั้งสามคือ จ้าวเฟิงต้องดูให้เสร็จที่นี่แล้วทำลายทิ้งทันทีที่อ่านจบ และยังต้องสาบานว่าจะไม่เผยแพร่ออกไป

วูบ!

วิชาหมื่นอัสนีในมือจ้าวเฟิงถูกเผากลายเป็นเถ้าธุลีในทันที

จักรพรรดิทั้งสามคนชะงักค้าง ดูๆ แล้วเหมือนว่าจ้าวเฟิงแทบจะไม่ได้พลิก  ‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’ ดูเสียด้วยซ้ำ

“ต่อให้เป็นจักรพรรดิก็ไม่มีความสามารถใช้ห้วงคิดเซียนจดจำเนื้อหาในหนังสืออย่างรวดเร็วเช่นนี้”

ยอดฝีมือส่วนหนึ่งในลานประลองตกใจจนสั่นสะท้าน

เว้นเสียแต่ว่า จ้าวเฟิงรู้ตัวดีว่าไม่สามารถฝึกฝนได้ จึงทำลาย ‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’ ฉีกหน้าสำนักหมื่นอัสนีเสีย

“เจ้าเด็กนี่….” จักรพรรดิทั้งสามแห่งสำนักหมื่นอัสนีสีหน้าคล้ำเข้ม

จ้าวเฟิงไม่สนใจเสียงถกเถียงตกใจของผู้คน กลายร่างเป็นเสี้ยววายุปีกอัสนีกลับไปยังที่พักของตน

“จ้าวเฟิง หนึ่งเดือนจากนี้พวกข้าจะใช้ ‘ค่ายกลข้ามเขต’ ออกไป” ตวนมู่ชิงเอ่ยเตือนขึ้น

จ้าวเฟิงเคร่งขรึมจริงจัง แล้วขานรับทันที

ค่ายกลที่ข้ามดินแดนจิตวิญญาณเช่นนี้ เขาเพียงคนเดียวไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้ได้ ด้วยเส้นสายของตวนมู่ชิง ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนถึงจะเปิดใช้ได้

จ้าวเฟิง ตวนมู่ชิง และจ้าวหยูเฟยจะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมกัน

ท่านอาจารย์จากไปแล้ว ศิษย์อย่างจ้าวเฟิงก็ไม่มีที่ให้พึ่งพา ย่อมไม่อ้อยอิ่งอยู่ต่อ

สำนักหมื่นอัสนีก็เข้าใจจุดนี้ จึงวางกลอุบายเอาไว้

น่าเสียดายก็เพียงแผนการที่พวกเขาวางไว้ไม่เป็นไปตามนั้น นอกจากจะไม่ลุล่วงตามที่หวังแล้วยังก่อให้เกิดความเสียหายด้วย

เมื่อกลับไปถึงที่พัก

แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกายขณะครุ่นคิด

ขณะนี้เขาอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ ได้รับการคุ้มครองจากตวนมู่ชิง จึงไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงการตามล่าของจักรพรรดิแห่งความตาย

แต่ทว่า

ทันทีที่หลบหนีออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ แล้วแยกทางกับอาจารย์ เขาอาจจะต้องเผชิญหน้ากับการตามฆ่าอีกครั้ง

เฮ้อ!

จ้าวเฟิงถอนหายใจยาวและปิดตาลง

เขาใช้ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ทำลายพลังดวงตามรณะในโลกทะเลวิญญาณอย่างไม่ว่างเว้น

“เมื่อเปรียบกับตอนแรกสุด พลังของดวงตามรณะลดลงไปหกสิบเจ็ดสิบส่วนแล้ว” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

ถ้าหากเขาปิดผนึกดวงตาเทพเจ้า แล้วใช้วิชาลับเก็บกักกลิ่นอายของดวงวิญญาณเอาไว้ ปฏิกิริยาของพลังดวงตามรณะอาจจะเหลือเพียงหนึ่งในสิบของอดีต

แต่จ้าวเฟิงรู้สึกว่าถึงอย่างไรแบบนี้ก็ยังไม่ปลอดภัยพอ

“เมื่อก่อนมีบริวารของจักรพรรดิแห่งความตายไล่ล่า แต่จากนี้จักรพรรดินั่นจะลงมือเอง แรงตอบสนองของเขาย่อมต้องอยู่เหนือองค์รักษ์แห่งความตายเหล่านั้นอยู่แล้ว” ในใจของจ้าวเฟิงรู้สึกไม่สงบ

ในเวลาต่อมา จิตใจครึ่งหนึ่งของเขาใช้ไปกับการทำลายพลังดวงตามรณะ โดยทำลายต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดไม่หย่อน

นอกจากนี้ จ้าวเฟิงยังเจอเคล็ดวิชาลับพิเศษในการปิดผนึกกลิ่นอายดวงวิญญาณได้จากใน ‘วิชาหมื่นห้วงความคิดเซียน’

นอกเหนือจากปิดผนึกกลิ่นอายแล้ว จ้าวเฟิงก็ไม่หยุดฝึกตนด้วยเช่นกัน

เพียงแต่ว่าความลึกซึ้งต่อพลังอัสนีเทวะ ในช่วงระยะเริ่มต้นจะพัฒนาไปเชื่องช้าอย่างยิ่ง

สำหรับ ‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’ จ้าวเฟิงไม่สามารถฝึกฝนได้อย่างแน่นอน

หมื่นอัสนีห้าสายหลอมรวมเอาธาตุทอง ธาตุพฤกษา ธาตุวารี ธาตุอัคคี และธาตุดินทั้งห้าเข้าสู่ภายในเสวียนอ้าวของหมื่นอัสนี

เมื่อไม่มีคุณสมบัติกายจิตวิญญาณอัสนีก็ไม่อาจฝึกฝนได้เลย

จ้าวเฟิงเก็บวิชานี้เอาไว้ เพื่อที่จะใช้แก่นบริสุทธิ์ของมันเป็นดั่งกระจกเงา แล้วในเวลาเดียวกันก็อยากจะเพิ่มความเร็วในการรับรู้พลังอัสนีด้วย

เพราะอย่างไรวิชาหมื่นอัสนีก็รวมเสวียนอ้าวของหมื่นอัสนีเอาไว้

เจ็ดวันจากนั้น

จ้าวเฟิงถอนหายใจออกมา

ศาสตร์อัสนีของเขารวมไปถึงการเข้าฌานฝึกฝนพลังอัสนีเทวะก็เจออุปสรรคเข้า

ยังมีสุราเพลิงมังกรและสุราเมฆาอัสนีเหลืออยู่ แต่เขาจะไม่ใช้โดยง่าย

ข้อแรก ใช้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์จะไม่ดีที่สุด

ข้อสอง จะอาศัยสิ่งของอย่างอื่นมาช่วยในการฝึกตนก็ไม่เสถียรมากนัก

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว จ้าวเฟิงจึงวางมือเรื่องการฝึกฝนวิชาใดที่เกี่ยวข้องกับมรดกวายุอัสนีชั่วคราว

“สุราเซียนมายา!”

ในมือของจ้าวเฟิงปรากฏแก้วผลึกสีม่วง

เขายังเหลือสุราเซียนมายาไว้ครึ่งแก้วสุดท้าย

ในตอนนี้ ระดับชั้นวิญญาณของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งกว่าราชันธรรมดา สร้างเจตจำนงดวงตาขึ้นมาได้แล้ว

ต่อให้ไม่อาศัยสุราเซียนมายา เขาก็สามารถลึกซึ้งในสำนึกรู้และขอบเขตพลังของราชันที่สมบูรณ์ได้อย่างรวดเร็ว

“สุราเซียนมายาที่เหลืออยู่ จะเก็บไว้ถึงวันหน้าหลังจากเลื่อนเป็นราชัน”

จ้าวเฟิงมีเป้าหมายในระยะยาวของตนเอง

สุราเซียนมายาย่อมต้องช่วยให้ราชาลึกซึ้งในสำนึกรู้ได้บ้าง ถึงแม้ว่าจะผลลัพธ์จะไม่รุนแรงเหมือนที่คนต่ำกว่าขั้นราชันใช้ก็ตาม

วูบ!

จ้าวเฟิงเก็บสุราเซียนมายาเข้าไป

“ถึงเวลาอันสมควรแล้ว เข้าไปสำรวจในห้วงฝันบรรพกาลสักหน่อย” จ้าวเฟิงปิดตาลง

จิตสำนึกของเขาเข้าไปในโลกทะเลวิญญาณ ตรงตาน้ำไร้รูปร่างที่อยู่ใจกลางทะเลสาบสีฟ้า

ในวินาทีต่อมา จ้าวเฟิงก็เข้าไปภายในมิติเก่าแก่ดั้งเดิมนั้น

ในห้วงฝันบรรพกาล แรงกดดันของฟ้าดินที่ปกคลุมอยู่ทั่วกดทับมาอย่างรุนแรง

แรงกดดันของที่นี่แข็งแกร่งกว่าอุทยานครึ่งเซียนไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

ในอุทยานครึ่งเซียน ระดับขั้นราชันก็ยังสามารถบินได้ แต่อยู่ที่นี่คิดว่าน่าจะพอทำได้เพียงเดินเท่านั้น

ในครั้งนี้ ความสามารถในการแบกรับของจ้าวเฟิงเพิ่มความแข็งแกร่งไม่น้อย

ตึก! ตึก!

จ้าวเฟิงเดินทีละก้าวๆ ถึงแม้ว่าแรงกดดันจะสูงมาก แต่ยังสบายกว่าเมื่อก่อนอยู่บ้าง

ในตอนนี้เขาอยู่ในช่วงเตรียมตัวขั้นเริ่มต้น เพื่อจะค้นหา ‘แรงเคลื่อนไหว’ ในห้วงฝันบรรพกาล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!