Skip to content

King of Gods 707

King Of Gods

บทที่ 707 ความพ่ายแพ้

ค่ายกลหุ่นเชิดศพเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ดูดกลืนร่างกายและวิญญาณของราชันในระดับสุดยอดผู้หนึ่งเข้าไป ดวงตาดุร้ายสีแดงก่ำดั่งโลหิตหลายคู่ปรากฏขึ้น

ดวงตาสีเลือดเหล่านั้นมาจากร้อยศพต้องสาปต่างจ้องมองกันเป็นจุดเดียว คำสาปอาฆาตน่าพรั่นพรึงมากจนกระทั่งทำให้ราชันในขอบเขตปราณเทวะต้องใจเย็นวาบ ส่วนคนที่อยู่ต่ำกว่าขั้นราชันลงไปมีแต่จะจิตใจสับสนกระวนกระวายเท่านั้น

จ้าวเฟิงมีสีหน้าปิติยินดี ร้อยศพต้องสาปพัฒนาขึ้นจนถึงระดับขั้นใหม่ทั้งหมด

หุ่นเชิดศพพวกนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นพร้อมกัน

พรึ่บ!

ภายใต้การควบคุมของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย ดวงตาสีเลือดพวกนั้นเก็บแสงกลับไปอย่างรวดเร็ว

จากการสิ้นชีพของราชามังกรดำ คนทรยศของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสุดท้ายแล้วก็โดนกำจัดไป

บรรดาราชาโจรสลัดของพันธมิตรโจรสลัดอดจะตกใจไม่ได้ ยอดราชาโจรสลัดที่อยู่มายาวนานกว่าร้อยปีกลับต้องมาตายเช่นนี้

“ทุกคนบุกไปพร้อมกัน!”

บรรดาโจรสลัดได้สติ พากันบุกทะลวงไปที่จักรพรรดิมู่อวิ๋น

ราชันในระดับลึกซึ้งเหล่านั้นทะยานตรงไปด้วย

ส่วนราชันธรรมดาที่เหลือส่วนหนึ่งไม่กล้าเข้าใกล้ แต่กลับโจมตีอยู่ไกลๆ

 

ในฐานะราชันปราณเทวะ มีอายุยืนยาวหลายพันหลายหมื่นปี ในมือเรียกอาวุธวิเศษเก่าแก่มาชิ้นสองชิ้นก็ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โต

ในระยะเวลาสั้นๆ ราชันทั้งหมดสิบยี่สิบคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงราชาเหมันต์จันทรา ราชาฉลามยักษ์และคนอื่นๆ ต่างโคจรพลังราชันและกำลังมหาศาลกดดันไปทางจักรพรรดิมู่อวิ๋น

“จักรพรรดิมู่อวิ๋น ราชามังกรดำตายไปแล้ว เหลือเจ้าเพียงแค่คนเดียวจะมีความหมายอะไร” ราชาฉลามยักษ์เอ่ยเสียงต่ำ

ราชันยี่สิบคนในสนามรบร่วมมือกันล้อมโจมตีจักรพรรดิมู่อวิ๋น อยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบอย่างยิ่งยวด

ในนี้ยังมี ‘ฝ่ามือผนึกนภา’ ของเด็กน้อยครึ่งเซียนคอยกดพลังและสำนึกรู้ของจักรพรรดิมู่อวิ๋น ลดทอนพละกำลังลงไป

จักรพรรดิมู่อวิ๋นโมโหโกรธเกรี้ยว เขาเป็นถึงจักรพรรดิแต่กลับถูกบีบจนตกอยู่ในขั้นนี้

เปรี้ยง เปรี้ยง โครม!

จากการที่ราชันระดับสุดยอด ราชันระดับลึกซึ้ง และราชันธรรมดาร่วมกันปลดปล่อยพลังออกมา ทำให้จักรพรรดิมู่อวิ๋นตกที่นั่งลำบาก คล้ายจะต้านทานไม่ไหวอยู่บ้างด้วยซ้ำ

ถึงขั้นที่ว่าหากจักรพรรดิมู่อวิ๋นคิดจะทะลวงฝ่าวงล้อมจะต้องจ่ายค่าตอบแทน

“เหอะ! ถึงแม้ว่าราชามังกรดำนั่นจะตายไปแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ข้าสัญญากับเขาว่าจะสังหารบางคนจะไม่มีทางปล่อยไปเป็นแน่”

จักรพรรดิมู่อวิ๋นแค่นเสียงหยันออกมา

เมื่อเอ่ยจบ แสงเมฆสีแดงมืดรอบทิศทางทะลักออกมาราวกับเป็นของจริง

 

โครงสร้างของโลกมิติส่วนตัวแห่งหนึ่งค่อยๆ กลมกลืนไปกับความว่างเปล่าทั่วทิศทาง ต้านทานการโจมตีหมู่ของราชันจำนวนมากไว้

“จักรพรรดิมู่อวิ๋น โลกมิติส่วนตัวของเจ้าต่อให้ปรากฏขึ้นก็ไม่อาจจะต้านทานการโจมตีของพวกเราเหล่าราชันได้”

“จะทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร!”

ราชาเหมันต์จันทราและราชาฉลามยักษ์โจมตีพลางเอ่ยชักจูงไปด้วย

ในตอนนี้จักรพรรดิมู่อวิ๋นผู้นี้ยอมลำบากไม่ยอมเสียหน้า หลังจากที่โลกมิติส่วนตัวของเขาปรากฏ พลังป้องกันก็เพิ่มขึ้นอย่างยิ่ง พลังโจมตีก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ตุบ ตุบ ตุบ! โครม เปรี้ยง!

แต่กำลังรบของราชันเหล่านี้ แต่ละคนล้วนแต่สามารถพลิกฟ้าพลิกดิน ถ้าหากเป็นภายในดินแดนก็จะดำรงอยู่อย่างไร้เทียมทาน

โลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิมู่อวิ๋นโดนทำลายจนยับเยินไปหมด

“ต่อให้ข้าจ่ายค่าตอบแทนมากมายก็ต้องสังหารคนทั้งสามให้ได้”

จักรพรรดิมู่อวิ๋นทระนงตนในฐานะที่เป็นจักรพรรดิปราณเทวะ ไม่อาจจะยอมแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เสียดายที่จะใช้โลกมิติส่วนตัวของตนเองต้านทานการโจมตีที่บ้าคลั่งนั้น

ต่อมา ดวงวิญญาณและปราณที่แท้จริงของเขาปั่นป่วนอย่างรุนแรง  มีดโลหิตเมฆาลุกโชนในฝ่ามือ

มีดโลหิตเมฆามีดโลหิตเมฆานั่นขยายออกจนยาวเป็นร้อยจั้ง เผาผลาญไปด้วยเพลิงโลหิตกึ่งโปร่งแสงชั้นหนึ่ง

“ตาย!”

ดวงตาของจักรพรรดิมู่อวิ๋นผุดแสงสีเลือดดูโหดเหี้ยมอำมหิต มีดโลหิตเมฆาโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่งรุนแรง

โครม ฉะ!

การโจมตีที่ทรงพลังของราชันทั้งหลายกลายเป็นเศษเสี้ยวธุลีนับหมื่นนับพัน

มีดโลหิตเมฆาขนาดใหญ่โตกวาดทั่วฟ้าดิน แล้วยังมีเสียงแตกละเอียดของเขตแดนมิติหลายแห่งด้วย

“อ๊าก อ๊าก…”

คมดาบที่ฟาดลงมาทำให้ราชันในระดับลึกซึ้งผู้หนึ่งถึงแก่ความตาย ราชันธรรมดาสองคนกลายเป็นกองเลือดอย่างรวดเร็ว

“เป็นการโจมตีที่รุนแรงอย่างยิ่ง เขตแดนมิติล้วนแต่โดนทำลายจนแหลกละเอียด”

ใจของจ้าวเฟิงชาวาบ

จักรพรรดิปราณเทวะผู้นี้สู้สุดชีวิต กำลังรบเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!

อีกทั้งมีดโลหิตเมฆาทะลวงผ่านสังหารทุกดวงวิญญาณจนหมด

“จักรพรรดิมู่อวิ๋น เจ้านี่มันบ้าเสียจริง ไม่นึกเสียดายที่สิ้นเปลืองแหล่งกำเนิดพลังดั้งเดิม สูญเสียอายุขัยไป”

“ทุกคนรีบรวมตัวกันเร็ว!”

ราชาโจรสลัดทั้งหมดทั้งตกใจทั้งเกรี้ยวโกรธ แต่ละคนต่างเรียกเคล็ดวิชาของตนเองออกมา

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…เจ้าพวกโจรสลัดเหล่านี้ ตายเสียเถอะ”

ใบหน้าของจักรพรรดิมู่อวิ๋นผู้นั้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งอำมหิต

“สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา!”

เด็กน้อยครึ่งเซียนตะโกนเสียงดัง พลังดวงวิญญาณและสายเลือดถูกกระตุ้นจนหมดสิ้น

ทั่วร่างของเขาเป็นสีทองสว่างเรืองรอง ดวงวิญญาณและพลังครึ่งเซียนหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่นจนยากจะแยกออกจากกันได้ ดูเหมือนว่าเขาจะส่งลำแสงฝ่ามือที่บิดเบี้ยวออกมาช้าๆ ดิ่งลงไปบนโลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิมู่อวิ๋น

“สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา? นี่เป็นท่าไม้ตายที่สมบูรณ์แบบใน ‘ฝ่ามือผนึกนภา’ นี่!”

สำนึกรู้ของจักรพรรดิมู่อวิ๋นหรือกระทั่งโลกมิติส่วนตัวล้วนโดนกดข่มเอาไว้

ตามการเปิดผนึกทีละระลอกของสิบแปดฝ่ามือผนึกนภา ความรู้สึกที่ถูกกดดันอย่างหนักหน่วงและพลังที่ถูกผนึกยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“เหอะ เหอะ สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา ในทันทีข้าสำแดงทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วจะมีพลังผนึกถึงสิบแปดเท่า เมื่อไปจนถึงระดับนั้นแล้ว ต่อให้เป็นฟ้าดินแถบหนึ่งก็สามารถผนึกเอาไว้ได้”

เด็กน้อยครึ่งเซียนประทับฝ่ามืออกมาเรื่อยๆ

ในความเป็นจริงแล้ว ระดับขั้นของเขาในตอนนี้ อย่างมากที่สุดสามารถไปได้จนถึงแค่ฝ่ามือผนึกนภาที่แปด

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้นก็น่าสะพรึงขวัญมากพอจะปิดผนึกราชันในระดับสุดยอด และจำกัดโลกมิติส่วนตัวได้

“แย่แล้ว! โลกมิติส่วนตัวของข้า…”

ใจของจักรพรรดิมู่อวิ๋นหนักอึ้ง กระบวนท่าโจมตีของเขาและพลังมหาศาลล้วนแต่โดนจำกัดเอาไว้

 

เมื่อมาถึงฝ่ามือผนึกนภาครั้งที่สี่ ความเร็วในการเคลื่อนไหวร่างกายของเขาโดนจำกัดไปครึ่งหนึ่ง แรงโจมตีถูกลดทอนไปถึงสองสามส่วน

“นายท่าน อย่างมากข้าน่าจะทนต่อไปได้ถึงฝ่ามือผนึกนภาที่แปด ไม่สามารถจะผนึกเขาได้ทั้งหมด” เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ย

“เพียงพอแล้ว” จ้าวเฟิงผงกศีรษะ

ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็นถึงจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะ

จักรพรรดิมู่อวิ๋นโดน ‘ฝ่ามือผนึกนภา’ บีบคั้นไปเรื่อยๆ แล้วยังต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของราชันยี่สิบคน

โลกมิติส่วนตัวของเขาแหลกละเอียดไปครึ่งหนึ่งแล้ว

อึก!

สุดท้ายแล้ว มุมปากของจักรพรรดิมู่อวิ๋นมีคราบเลือดไหลเป็นทาง

เขานึกเสียใจเล็กน้อยว่าไม่ควรจะหยิ่งผยองเช่นนั้น

นี่ก็คือการรักษาหน้ามากเกินไป

จักรพรรดิผู้หนึ่งต้านทานราชันยี่สิบคนย่อมเป็นการทำร้ายตัวเองมากจนเกินไปแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ เมื่อโดน ‘สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา’ ปิดผนึกและจำกัดทีละชั้นจนแทบจะอยู่ในสภาพอับจนหนทาง

“นายท่าน เขาเป็นถึงจักรพรรดิ จะต้านทานเขาต้องเตรียมโต้กลับให้ดีๆ”

‘ฝ่ามือผนึกนภา’ ของเด็กน้อยครึ่งเซียนสำแดงไปจนถึงฝ่ามือที่เจ็ดแล้ว

เวลานี้ จักรพรรดิมู่อวิ๋นบาดเจ็บไม่น้อย เขาสิ้นเปลืองไอสวรรค์ไปมาก และกำลังจะปล่อยท่าไม้ตายสุดท้ายออกมา

 

“เหอะ! กระบวนท่านี้ถึงแม้ว่าจะต้องจ่ายราคาแพง แต่รับรองได้ว่าข้าจะสามารถทะลวงผ่านไป ทั้งยังสังหารคนครึ่งหนึ่งได้” จักรพรรดิมู่อวิ๋นลอบหัวเราะเยาะ

ก่อนที่จะหนีไป เขาจะโจมตีคนพวกนี้อย่างหนักหน่วงสักชุด

ในเวลาดังกล่าว

ไม่มีใครค้นพบเลยว่าดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีสีม่วงที่พร่าเลือนคล้ายม่านหมอกเข้ามาแทนที่ ภายในราวกับมีโลกมายาสีม่วงที่มืดมิด

เรือนผมสีม่วงของเขาโบกสะบัดในสายลมที่พัดอย่างบ้าคลั่ง

“ฝ่ามือผนึกนภาที่แปด!”

ฝ่ามือผนึกนภาของเด็กน้อยครึ่งเซียนถูกกระตุ้นไปจนถึงขีดสุด

จิตใจและดวงวิญญาณของจักรพรรดิมู่อวิ๋นหนักอึ้ง กระอักเลือดออกมาอีกครั้งท่ามกลางการโจมตีรุนแรงของราชันจำนวนมาก

โลกมิติส่วนตัวของเขาแตกละเอียดเป็นผุยผง

ทว่าจักรพรรดิมู่อวิ๋นที่ร่างกายบาดเจ็บสาหัส มุมปากกลับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเหี้ยมโหด

ราชันส่วนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายต้องห้ามที่ปั่นป่วน

มีเพียงสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงที่มองเห็นการโคจรพลังดวงวิญญาณและปราณที่แท้จริงทั่วร่างของจักรพรรดิมู่อวิ๋นได้อย่างชัดเจน

“ถูกผนึกจนถึงขีดสุด โลกมิติส่วนตัวพินาศไปแล้ว ช่างเป็นโอกาสที่ดีนัก!”

วิชาดวงตาที่จ้าวเฟิงตระเตรียมไว้ระเบิดออกมาอย่างรวดเร็ว

วูบ โครม!

คมมีดกึ่งโปร่งแสงยาวสองจั้ง พื้นผิวผุดกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้าง อยู่ๆ ก็ทะลวงผ่านช่องอกของจักรพรรดิมู่อวิ๋น

โลหิตสาดกระจาย!

ร่างกายของจักรพรรดิมู่อวิ๋นแข็งค้างไป ท่าไม้ตายที่กำลังจะปล่อยออกมาโดนหยุดไว้กลางคัน

วินาทีนั้น ใบหน้าของเขาซีดเผือด แล้วพลันแดงเถือก ร่างกายโซซัดโซเซ ทั้งหูจมูกปากทะลักเลือดสดๆ ออกมา

ทั่วทิศทาง บรรดาราชาโจรสลัดที่ล้อมโจมตีตาเบิกกว้าง ตกใจกลัวจนหน้าถอดสี

“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!”

สายเลือดดวงตาและเรือนผมของจ้าวเฟิงฟื้นฟูกลับไปสู่สภาวะปกติ

ในดวงตาของราชาเหมันต์จันทรากับราชาฉลามยักษ์เผยแววตกใจอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งที่ดูธรรมดาจะมีความสามารถที่น่ากลัวเช่นนี้

ใครจะคาดเดาได้ว่าพลังแฝงที่แข็งแกร่งที่สุดของบุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่มรดกวายุอัสนี แต่เป็นสายเลือดดวงตา

ในวินาทีที่ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเปิดผนึกเคล็ดวิชา ชั้นดวงวิญญาณของราชันที่อยู่ในที่แห่งนั้นล้วนแต่สับสนว้าวุ่น

“นี่ถึงจะเป็นพลังที่แท้จริงของเขางั้นหรือ? ยังมีกลิ่นอายนี้อีก หรือว่าจะเป็นพลังอัสนีเทวะ?”

ท่าทางของเด็กน้อยครึ่งเซียนเหมือนสะอึกจนพูดอะไรไม่ออก

ไม่นานก่อนหน้านี้ เขาที่หลอมรวมพลังครึ่งเซียน พลังพุ่งสูงขึ้น แต่ว่ายังคงโดน ‘เมล็ดดวงใจทมิฬ’ ควบคุมความเป็นตายเอาไว้ เกิดมีใจคิดเป็นอื่น

 

 

ทว่าเมื่อมาถึงในวินาทีนี้ พลังที่แท้จริงของสายเลือดดวงตาจ้าวเฟิงถูกกระตุ้นออกมา เขากลับสะท้อนในอก ด้วยเพราะ ‘เนตรพิฆาต’ กระบวนท่านั้นเป็นการโจมตีที่สร้างความเสียหายให้กับจักรพรรดิมู่อวิ๋นได้

เนตรพิฆาตผ่านอากาศแข็งแกร่งกว่ายามที่อยู่ในอุทยานครึ่งเซียนไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

วายุอัสนีพิฆาตสีม่วงกลายมาเป็นวายุอัสนีพิฆาตสีชาด แล้วยังได้พลังอัสนีเทวะหลอมรวมเข้าไปด้วย อานุภาพจึงยิ่งต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว

“ถ้าหากไม่ลอบโจมตีบวกกับการจำกัดของฝ่ามือผนึกนภา จนทำให้โลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิละเอียดเป็นผุยผง กระบวนท่านี้ของข้าก็ไม่ได้ลงมือง่ายดายนัก”

จ้าวเฟิงไม่ได้ชะล่าใจจนลืมสถานการณ์

อาศัยเพียงความเข้าใจที่มีต่อมิติของจักรพรรดิ กับประสาทสัมผัสที่ไร้ขอบเขต เนตรพิฆาตซึ่งอยู่ในสถานการณ์ธรรมดาทั่วไปยากที่จะสำเร็จได้

ในเวลาดังกล่าว

ทวารทั้งเจ็ดของจักรพรรดิมู่อวิ๋นมีเลือดไหลออกมา โลกมิติส่วนตัวแหลกเป็นผุยผง ตกเข้าสู่สถานการณ์ความเป็นความตาย

ใครจะคาดเดาได้ว่า จักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะที่รุ่งเรืองไม่มีที่สิ้นสุดจะตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้

“ระเบิด!”

จักรพรรดิมู่อวิ๋นเผาผลาญพลังดวงวิญญาณและปราณที่แท้จริง

เสียงระเบิดดังกึกก้อง โลกมิติส่วนตัวที่แตกละเอียดพลันปะทุออก ทำให้ราชันในขอบเขตปราณเทวะที่อยู่รอบๆ สูญสลายตามไปด้วย

“อ๊าก อ๊าก อ๊าก…”

ราชันในขอบเขตปราณเทวะห้าหกคนที่อยู่ใกล้เคียงถูกสังหารจนสิ้นอย่างรวดเร็ว ที่เหลือถูกกระเทือนจนกระเด็นออกไป

ยังดีที่โลกมิติส่วนตัวนั่นแตกละเอียดไปแล้ว ถ้าหากว่าเป็นโลกมิติส่วนตัวที่สมบูรณ์ พลังจะยิ่งแข็งแกร่งกว่านี้อีกสิบเท่าตัว ถึงกระทั่งว่าอาจจะเอาชีวิตจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะได้เลยเสียด้วยซ้ำ

“เพี๊ยะ สวบ!” หลังจากที่ระเบิดโลกมิติส่วนตัวของตัวเองออกแล้ว ลำแสงโลหิตสีแดงก่ำสายหนึ่งทะลวงผ่านอากาศ เร็วกว่าจ้าวเฟิงที่อยู่ในความเร็วระดับสูงสุดหลายเท่าตัว

เพียงชั่วพริบตา จักรพรรดิมู่อวิ๋นก็หายไปจากครรลองสายตา

“ความแค้นในวันนี้ข้าจะไม่มีวันลืมแน่!”

หลังจากที่จักรพรรดิมู่อวิ๋นหนีออกจากวงล้อมสถานการณ์วิกฤตก็กัดฟันแน่น ใบหน้าถมึงทึง

ครึ่งชั่วยามผ่านไป

ความเร็วของเขาลดลงเมื่อมาถึงเขตแดนภายนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอด

แล้วในเวลานี้เอง

เรือสำเภาทองลำใหญ่ยักษ์เย็นยะเยือกก็ลอยละล่องมา

“จักรพรรดิปราณเทวะ?”

เวินลั่วอันตกใจอย่างยิ่ง

เมื่อไม่นานมานี้เขาและราชาอินหยางเหมือนจะสัมผัสได้ถึงพลังเนตรมรณะอยู่น้อยๆ

“ช้าก่อน!” ราชาอินหยางเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา

“จักรพรรดิปราณเทวะผู้นี้ เหมือนว่าจะมีกลิ่นอายแห่งความตายแปดเปื้อนอยู่”

ตราคำสั่งมรณะของเวินลั่วอันและราชาอินหยางมีปฏิกิริยาตอบสนอง

“อะไรกัน? ช้าก่อน?”

จักรพรรดิมู่อวิ๋นสีหน้าเข้มคล้ำลง ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ว่าดวงวิญญาณยังไม่ได้สูญสลายไป ยังคงมีกำลังรบเหลืออยู่ห้าหกส่วน

ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่ใช่คนที่ราชันระดับสุดยอดผู้หนึ่งจะรับมือได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!