บทที่ 720 การโต้กลับของจ้าวเฟิง
เพลิงเนตรล้างผลาญสีชาดที่อยู่บนร่างของ ‘ราชาแม่มด’ เผาผลาญอยู่สองสามช่วงลมหายใจเต็มๆ ถึงจะถูกดับลง
บนร่างที่ขาวซีดของราชาแม่มดเหลือเพียงร่องรอยไหม้เกรียม รอยแผลสาหัสเหล่านี้ยากที่จะหายสนิท ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายที่ไม่อาจทำให้สูญสลายไปอยู่
กลิ่นอายน่ากลัวนั้นไม่เพียงแต่มีกลิ่นอายพลังทำลายล้างของวายุอัสนีพิฆาตสีชาด ทว่ายังมีเสวียนอ้าวอัสนีเทวะแฝงอยู่ด้วย
นั่นเพราะว่าดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงได้ดูดซึมพลังอัสนีเทวะไปไม่น้อย และยังหลอมรวมเสวียนอ้าวเข้าไปภายในวายุอัสนีพิฆาตสีชาดด้วย
เพลิงเนตรล้างผลาญสีชาดกลายเป็นวิชาสายเลือดดวงตาที่มีอานุภาพทำลายล้างแข็งแกร่งที่สุด โดยทะลวงผ่านขอบเขตของรูปธรรม ขอบเขตดวงวิญญาณ การทำลายล้างที่มาพร้อมกับมันไม่สามารถคาดคะเนได้
“เสียดาย ตัดขาดค่ายกลนรกไปแล้ว….” จ้าวเฟิงเสียดายเล็กน้อย
เพลิงเนตรล้างผลาญของเขาถูกลดทอนอานุภาพไปสองสามส่วน ซึ่งนี่คงเป็นเพราะสูญเสียเวินลั่วอันที่เป็นหนึ่งในใจกลางของค่ายกล
ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เพลิงเนตรกระบวนท่าเมื่อครู่ก็น่าจะสามารถสร้างอาการบาดเจ็บสาหัสแก่ราชาแม่มด และอาจสังหารราชันธรรมดาได้
แต่ว่าราชาแม่มดก็เป็นราชันในระดับลึกซึ้ง ไม่อาจจะดูแคลนได้
“สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงผู้นี้ ที่แท้แล้วเล็งเป้าหมายมาที่ดวงวิญญาณของข้าโดยตรง ผลลัพธ์จากการป้องกันโดยเขตแดนมิติล้วนด้อยกว่าที่ควรจะเป็นมาก”
ความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกเผาผลาญแพร่กระจายไปที่ดวงวิญญาณและร่างกายของราชาแม่มด
ร่องรอยการบาดเจ็บที่เกิดจากเสวียนอ้าวอัสนีกับพลังทำลายล้าง แฝงไปด้วยกลิ่นอายรุนแรงที่ไม่สูญสลายและคอยยับยั้งการฟื้นฟูของร่างกายตน
“ราชาแม่มด ระวัง!”
ราชาอินหยางส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ พลังมหาศาลของราชันช่วงสุดยอดโจมตีไปยังจ้าวเฟิงที่อยู่ภายในหมอกเพลิงหุ่นเชิดศพ
เขากังวลว่าจ้าวเฟิงจะใช้วิชาสายเลือดดวงตาที่เก่งกล้าอย่างต่อเนื่อง
ตามข้อมูลที่ผ่านๆ มา จ้าวเฟิงยังมีกระบวนท่าวิชาสายเลือดดวงตาที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านี้อีก
เวลาเดียวกัน อากาศเหนือศีรษะ ในภาพบรรยากาศขาวดำของราชาอินหยางปรากฏลำแสงมือขนาดใหญ่ประทับลงมาอีกครั้ง
จ้าวเฟิง เด็กน้อยครึ่งเซียน และเจ้าหอโครงกระดูกลงมือโจมตีและตั้งรับ ‘ราชาอินหยาง’ อย่างพร้อมเพรียงกัน
เจ้าหอโครงกระดูกบังคับฝ่ามือใหญ่ยักษ์หลายข้างของวิญญาณอาฆาตให้กัดกร่อนไปทางภายนอกของค่ายกล
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนจึงกลายเป็นกำลังหลักในการโจมตี
ฟิ้ว ฟิ้ว!
เด็กน้อยครึ่งเซียนกระตุ้นพลังครึ่งเซียน รวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินเพื่อตั้งรับการโจมตีจากพลังราชันช่วงสุดยอดของราชาอินหยาง ชั้นดวงวิญญาณสั่นระริกขึ้นมา
ในด้านของระดับความแข็งแกร่งของสำนึกรู้ พลังของเด็กน้อยครึ่งเซียนยังได้เปรียบกว่ามาก แต่ทว่าในด้านของจำนวนแล้วนั้น สิ่งที่แฝงในดวงวิญญาณของเขายังสู้ไม่ได้
“ยังมีของข้า!”
จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงดัง เส้นผมสีม่วงโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาซ้ายทะลักพลังดวงตาและดวงวิญญาณที่น่ากลัวออกมา
โครม พรึ่บ!
ชั้นดวงวิญญาณสั่นไปเล็กน้อย ‘เงาดวงตามายาสีม่วง’ ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในอากาศ ก่อให้เกิดพลังโจมตีที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง
เจตจำนงดวงตานั้นปรากฏออกมาในรูปลักษณ์ที่เกินความคาดหมาย
พลั่ก โครม พลั่ก!
การโจมตีของเจตจำนงดวงตาแฝงด้วยกลิ่นอายเสวียนอ้าวของอัสนีเทวะ มาพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้าง
“เปรี้ยง—— ”
ในจิตวิญญาณที่ว่างเปล่าเกิดเสียงสะเทือนเลือนลั่นดังขึ้น
ด้านนอกของค่ายกลนรก ราชาอินหยางผู้แข็งแกร่งในระดับขั้นราชันช่วงสุดยอดสั่นสะท้านทั้งร่างกายและจิตใจ ส่งเสียงร้องในลำคอออกมา
“เปลี่ยนรูปเจตจำนง? นี่เป็นไปได้อย่างไร…” ราชาอินหยางยากที่จะเชื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
หากไม่ใช่ว่าพลังดวงวิญญาณของเขาลึกล้ำเกินจะเปรียบ อยู่เหนือราชันในช่วงสุดยอดทั่วๆ ไป เมื่อโดนจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนร่วมมือกันกดดัน เกรงว่าดวงวิญญาณคงจะบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว
ถ้าเปลี่ยนเป็นราชันทั่วไป อย่างน้อยสภาวะของจิตใจจะต้องบาดเจ็บอย่างสาหัส มีความเสี่ยงที่จะสูญสลาย
“ฝ่ามือผนึกนภา!” เด็กน้อยครึ่งเซียนฉวยโอกาสไล่ตามเพื่อเอาชนะ ดูเหมือนจะปล่อยฝ่ามือออกมาอย่างช้าๆ หลายครั้ง
ในวินาทีนั้นเอง ความว่างเปล่าในละแวกใกล้เคียงเหมือนตกลงไปในบ่อโคลน ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา!
โครม! โครม! โครม!
ลำแสงของฝ่ามือสีทองลึกลับแปลกประหลาด ในระหว่างที่บิดเบี้ยวก็หลอมรวมเข้ากับฟ้าดิน แล้วจึงเข้าปิดล้อมบรรยากาศแสงสีขาวดำเหนือศีรษะไว้เป็นชั้นๆ
“ตราประทับนภาทมิฬของข้า…”
ราชาอินหยางรู้สึกเพียงว่าเคล็ดวิชาลับสุดยอดที่หลอมรวมเข้ากับผืนฟ้าโดนตัดขาดความเชื่อมโยงกับตนเองไปทีละขั้น
พลังต่อจากนั้นของเขาถูกจำกัดไปอย่างแปลกประหลาด
“วายุอัสนีพิฆาต!”
ปีกอัสนีด้านหลังจ้าวเฟิงโบกสะบัด ก่อให้เกิดพายุอัสนีสีชาด แสงหมัดสีแดงที่เผาไหม้ลุกโชนกระเทือนผืนฟ้าขาวดำ ตามมาด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมที่น่าสะพรึงกลัว
โครม ฉัวะ เคร้ง!
ผืนบรรยากาศบิดเบี้ยวสีขาวดำถูกระเบิดแตกเป็นรอยโหว่
ประกายปีกอัสนี!
ภายในค่ายกลนรกสีโลหิตเข้ม จ้าวเฟิงเป็นประหนึ่งเศษเสี้ยววายุอัสนีที่ยากจะจับได้
ซ่า พรึ่บ!
แสงของประกายปีกอัสนีกวาดผ่านไปยังตำแหน่งของธงค่ายกลที่ ‘ราชาแม่มด’ ควบคุมทั้งหมด
“ระวัง!” ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดตะโกนออกมาพร้อมกัน
“รับหมัดข้าไป!”
ปีกอัสนีพิฆาตสีชาดโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว วายุอัสนีสีชาดที่เผาไหม้กลุ่มหนึ่งปกคลุมเป็นระยะทางหลายลี้
เส้นลำแสงสีโลหิตที่หนาแน่นในค่ายกลนรก ทันทีที่เข้าใกล้พายุอัสนีสีชาดก็สูญสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
“ฝันไปเถอะ!”
ราชาแม่มดสงบจิตใจ เมื่อครู่เพิ่งจะประสบกับการโจมตีของ ‘เพลิงเนตรล้างผลาญ’ จึงเพิ่งผ่อนคลายลงได้
นางไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ด้วยเพราะเบื้องหน้ายังมีลำแสงรอบ ‘ค่ายกลนรก’ ต้านทานอยู่ ซึ่งเท่ากับว่านอกเหนือจากการป้องกันร่างของตนเองแล้ว ยังมีปราการอีกชั้นหนึ่งด้วย
“เพลิงวิญญาณพิศวง!”
สองมือขาวซีดของราชาแม่มดประสานเข้าหากัน ภายในร่างส่งเสียงกรีดร้องออกมานับครั้งไม่ถ้วน พลังเพลิงภูติผีวิญญาณปรากฏขึ้นทั่วร่าง เกาะกลุ่มกันเป็นชั้นลมปราณที่สมจริงอย่างยิ่ง
ชั้นลมปราณนั่นมืดมิดราวหลุมดำ ด้านบนพื้นผิวรอบๆ ยังมีไอเพลิงสีขาวซีดชั้นหนึ่งเผาผลาญอยู่
ในเวลานี้เอง การโจมตีของจ้าวเฟิงก็มาถึง
โครม ฉัวะ!
ลำแสงหมัดพิฆาตรวมตัวกันจนถึงขั้นสุดยอด บิดเบี้ยวราวแสงเหนือ ก่อให้เกิดพายุอัสนีสีชาดขนาดใหญ่ปะทะไปยังเบื้องหน้าของราชาแม่มด
นี่เป็นกำปั้นที่สุดยอดที่สุดตั้งแต่จ้าวเฟิงฝึกวายุอัสนีพิฆาตสำเร็จ
กำปั้นนี้เป็นการโจมตีที่รวดเร็วที่สุด แล้วยังมีร่างกายสายเลือดที่น่ากลัวของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณอีก
“ฉัวะ โครม!”
ลำแสงที่ปกคลุมค่ายกลนรกและเปลวเพลิงสีเทาถูกระเบิดออกเป็นรอยโหว่ขนาดใหญ่ในทันที
บริเวณที่ลำแสงปกคลุมค่ายกลนรกสั่นสะเทือนไป
“โครม!”
ร่างกายและจิตใจของราชาแม่มดสั่นไหวอย่างรุนแรง สายเลือดและสภาวะจิตใจเกิดความรู้สึกราวถูกกดจนหายใจไม่ออก
‘เพลิงวิญญาณพิศวง’ สีมืดมิดทั่วร่างนางอับแสงลงอย่างรวดเร็ว ไอเพลิงขาวซีดเหล่านั้นก็หลุดลอกออกมาเป็นชั้นๆ
“เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
ราชาจิตวิญญาณมรณะทั้งสามรู้สึกตื่นตะลึง
หากว่าสู้กันตัวต่อตัว นอกเหนือจากราชาอินหยางแล้ว เกรงว่าราชาจิตวิญญาณมรณะคนอื่นๆ จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฟิง
“รับหมัดของข้าไปอีกสักหมัดแล้วกัน”
จ้าวเฟิงหัวเราะลั่น ดวงตาซ้ายราวกับมีหมอกมายาสีม่วงหมุนวนไปมา เจตจำนงดวงตาที่แกร่งกล้าตรงดิ่งทะลวงไปยังราชาแม่มด
บนผิวทั่วร่างของเขาปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรสีฟ้าที่งดงามและสุกสกาว
พลังเหมันต์ลี้ลับในระดับสุดยอดปิดผนึกพื้นที่เป็นรัศมีสิบลี้
พลังสายเลือดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ แช่แข็งรอยแยกบนวงแสงที่ปกคลุมอยู่เพื่อยับยั้งการฟื้นคืนสภาพของค่ายกลนรก
แซ่ด แซ่ด~
ร่างของราชาแม่มดแข็งทื่อ ‘เพลิงวิญญาณพิศวง’ และไอเพลิงที่อยู่รอบกายมีไอน้ำแข็งลอยกรุ่นขึ้นมา
“รีบช่วยราชาแม่มดเร็ว!” ราชาวิญญาณมืดหน้าเปลี่ยนสี แล้วกางนิ้วมือทั้งห้าออก
ฟุ่บ วิ้ง!
ฝ่ามือจิตวิญญาณมืดขนาดเกินร้อยจั้ง สร้างหนามแหลมคมในระดับชั้นดวงวิญญาณ ก่อนจะมุ่งตรงไปทางจ้าวเฟิง
ฝ่ามือจิตวิญญาณมืดที่ใหญ่ยักษ์ช่างพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ในนั้นรวมการโจมตีดวงวิญญาณเจ็ดส่วน การโจมตีทางกายสามส่วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีดวงวิญญาณทั้งเจ็ดส่วน ซึ่งจะทำให้เกิดผลต่างๆ มากมายต่อจิตวิญญาณ รวมไปถึงความหวาดกลัว กระวนกระวาย และสับสน
หากเปลี่ยนเป็นราชันทั่วๆ ไปก็จำเป็นต้องปกป้องวิญญาณอย่างแน่นหนา มิฉะนั้นจิตสำนึกจะยุ่งเหยิงจนพังทลายตามไป
อย่างไรก็ตาม
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝ่ามือจิตวิญญาณมืด จ้าวเฟิงก็ไม่หลบหลีกหนีไป
พลั่ก!
ฝ่ามือจิตวิญญาณมืดขนาดใหญ่กระทบไปบนร่างของจ้าวเฟิง เกล็ดมังกรสีฟ้าทั่วร่างของเขาเปล่งแสงเหมันต์ระยิบระยับออกมา ไอเย็นวาบทะลวงผ่านเข้าไปในกระดูก
แซ่ด แซ่ด!
บนฝ่ามือจิตวิญญาณมืดมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะกลุ่มกันเป็นชั้น แล้วจึงค่อยๆ ปริร้าวออก
ส่วนการโจมตีวิญญาณเจ็ดส่วนและผลลัพธ์ที่แปลกประหลาด แทบไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อจ้าวเฟิงเลย
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีในระดับดวงวิญญาณที่แทบเรียกได้ว่าพิสดารอย่างยิ่ง เขาไม่เคยเสียเปรียบในด้านนี้มาก่อน
ถึงแม้ว่าราชาจิตวิญญาณมืดจะมีกายจิตวิญญาณที่พิเศษและมีพรสวรรค์ด้านวิญญาณ แต่ว่าในชั้นดวงวิญญาณยังห่างไกลกับจ้าวเฟิงอยู่มากทีเดียว
“ฮ่าฮ่า…”
จ้าวเฟิงตั้งรับการโจมตีแล้วจึงตะโกนก้อง ใจกลางฝ่ามือเกาะกลุ่มกันเป็นลำแสงเหมันต์สายเลือดที่สูงส่ง ราวกับดอกบัวสีฟ้าที่เบ่งบานออกมา แล้วพุ่งทะลวงไปหา ‘ราชาแม่มด’ ผ่านทางช่องโหว่ของค่ายกลราวกับภูเขาน้ำแข็งที่พังทลาย
ลำแสงนั้นมีพลังสายเลือดเย็นยะเยือกของ ‘เผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์’ ซึ่งเป็นลำดับที่เก้าสิบแปดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณแฝงอยู่ด้วย
เพียงแค่แรงโจมตีของร่างกายก็สามารถพุ่งกระแทกคนในขั้นราชันทั่วไปจนกระเด็นได้
“ไม่…” ความหวาดกลัวแผ่ขยายออกในแววตาของราชาแม่มด
ก่อนหน้านี้นางก็โดนโจมตีจากเพลิงเนตรล้างผลาญ ร่างกายจิตใจจึงบาดเจ็บอยู่เล็กน้อย
ต่อจากนั้นเป็นการโจมตีของวายุอัสนีพิฆาตสีชาดและเจตจำนงดวงตา สับเปลี่ยนหมุนเวียนโจมตีไปเรื่อยๆ กดดันจนนางแทบขาดอากาศหายใจ
“หยุดมือ!”
เสียงสะท้อนของราชาอินหยางดังกึกก้องมา
“กระบี่อินหยางตัดนภา”
ลำแสงกระบี่อันเกิดจากแสงสีขาวดำพันเกี่ยวกันมีขนาดยาวถึงร้อยจั้ง มันส่องแสงสว่างแปลบปลาบ แหวกอากาศไปทางจ้าวเฟิง
“หมัดจักรพรรดิทองคำ!” เด็กน้อยครึ่งเซียนหัวเราะเสียงเย็น
ลำแสงหมัดสีทองสว่างเจิดจ้าเข้าขัดขวางแสงกระบี่อินหยางนั้น ลำแสงคมกระบี่อับแสงลงไปเล็กน้อย แต่ว่ายังตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิงด้วยความเร็วเท่าเดิม
ขณะเดียวกัน
เฟี้ยว วิ้ง!
จ้าวเฟิงรวบรวมพลังโจมตีของแก่นแท้ร่างกายและพลังสายเลือดเหมันต์ กระหน่ำตรงไปที่ราชาแม่มด
การโจมตีนั้นยังหลอมรวมกับ ‘เขตแดนมายา’ ของจ้าวเฟิง ทำให้ราชาแม่มดประสาทสัมผัสสับสน ยากจะหลบหนีไปได้
ในทันทีทันใด
แสงเหมันต์กระจายเต็มทั่วฟากฟ้า ปกคลุมและกลืนกินความว่างเปล่าทั้งหมด ลำแสงเหมันต์นั้นระเบิดออกประหนึ่งบุปผานับหมื่นแย้มกลีบบาน งดงามวิจิตร แต่กลับอันตรายอย่างยิ่งยวด
โครม! แซ่ด แซ่ด~
ในรัศมีร้อยลี้ถูกปกคลุมด้วยไอเย็นจากพายุหมุนเหมันต์ลูกมหึมา
“อ๊าก!”
ร่างของราชาแม่มดถูกหมัดกระแทกจนกระเด็นออกไป บริเวณมุมปากปรากฏรอยเลือดไหล แต่กลับแข็งไปในทันที
พลังเหมันต์ในขั้นสูงสุดแทบจะแช่แข็งสายเลือดของนาง ทำให้เพลิงวิญญาณพิศวงทั่วร่างกลายเป็นน้ำแข็งแล้วจึงปริออกทีละชั้นๆ
เขตแดนมิติปกป้องร่างกายที่นางลดขนาดลง ก็โดนน้ำแข็งปิดผนึกไว้ด้วยเช่นกัน
“ผู้เยาว์ เจ้าสมควรตาย!”
กระบี่อินหยางขนาดยักษ์ของราชาอินหยางฟาดฟันลงบนร่างของจ้าวเฟิงจากด้านหลัง
ถึงแม้ว่าลำแสงกระบี่อินหยางนั้นจะถูกเด็กน้อยครึ่งเซียนลดทอนพลังไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่กลับยังคงมีอานุภาพสังหารที่รุนแรงยิ่ง ซึ่งมากพอที่จะทำร้ายราชันในระดับลึกซึ้งทั่วไปจนสาหัสได้
“หอกจักรพรรดิเหมันต์!”
จ้าวเฟิงไม่มีท่าทีจะหลบหนีอย่างใด ของเหลวสีฟ้าหมุนวนทั่วร่างกาย กลายเป็น ‘เกราะเหมันต์สีฟ้าเข้ม’ เป็นการป้องกันที่เพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง นอกเหนือจากการปกป้องของสายเลือดเผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์
หลังจากเพิ่มความแข็งแกร่งที่เมืองของเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์แล้ว หอกจักรพรรดิเหมันต์ของจ้าวเฟิงสามารถเปลี่ยนเป็นเกราะเหมันต์ รวมไปถึงรูปร่างอื่นๆ ด้วย
กึก!
ลำแสงกระบี่แสงอินหยางตัดลงบนร่างของจ้าวเฟิง ทำให้บนเกราะน้ำแข็งปรากฏรอยปริร้าว
ร่างของจ้าวเฟิงกระเทือนไปเล็กน้อย แต่กลับยังคงอยู่รอดปลอดภัยดังเดิม
ภายในเกราะน้ำแข็งยังมีลายเกล็ดสีฟ้าที่เป็นเหมือนเกล็ดของมังกร ทว่าทั้งเล็กละเอียดและวิจิตรงดงาม
บนลายเกล็ดสีฟ้ามีรอยเลือดเล็กๆ สายหนึ่ง แต่กลับสมานตัวอย่างรวดเร็ว
จำต้องยอมรับเลยว่า การโจมตีของราชาอินหยางแข็งแกร่งเกินกว่าธรรมดา
โดนหมัดของเด็กน้อยครึ่งเซียนลดทอนกำลัง ทำให้อ่อนแอลง ทว่ายามปะทะร่างของจ้าวเฟิงก็ยังทำลายเกราะเหมันต์ที่เกิดจากหอกจักรพรรดิจนแตกออก
แต่ถึงอย่างนั้น ราชาอินหยาง ราชาวิญญาณมืด และเหล่าองครักษ์แห่งความตายที่อยู่อีกฟากหนึ่งก็ยังตื่นตะลึงกันหมด
การป้องกันร่างกายที่แปลกประหลาดของจ้าวเฟิงทำให้คนทั้งสองฝ่ายตกใจ
หลังจากปล่อยหมัดโจมตีราชาแม่มด จ้าวเฟิงยังต้านรับอานุภาพการโจมตีสุดแรงของราชาอินหยางไว้มากกว่าครึ่ง แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้
และในเวลาดังกล่าว
ราชาแม่มดโดนจ้าวเฟิงโจมตีจนบาดเจ็บไปไม่น้อย เกล็ดน้ำแข็งห่อหุ้มทั่วร่างนาง ทำให้เคลื่อนกายได้ช้าลง
วินาทีนั้นเอง
เมี้ยว เมี้ยว!
เส้นแสงสีเทาเส้นหนึ่งวาบผ่านเบื้องหลังของราชาแม่มด