บทที่ 742 คำสั่งล่าสังหาร (5)
ดินแดนภายในที่จ้าวเฟิงเข้าไปมีชื่อว่า ‘ดินแดนหมิงหวา’ ซึ่งอยู่ในระดับขั้นเดียวกันกับทวีปบุปผาครามบ้านเกิดเขา
โครม!
ระลอกพลังมหาศาลที่หลงเหลือของปีกวายุอัสนีทำให้พื้นที่ที่เขาร่อนลงกลายเป็นหลุมขนาดพันจั้ง
จ้าวเฟิงสีหน้าซีดขาว กลิ่นอายอ่อนแอ จึงกิน ‘ผลไม้ห้วงฝัน’ ลงไปก่อนลูกหนึ่ง
ในขณะที่ขาดแคลนปราณที่แท้จริงและไอสวรรค์ร่อยหรอไป การกินผลไม้จิตวิญญาณจากห้วงฝันเก่าแก่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น
แต่ว่าผลไม้ห้วงฝันบรรพกาลจะย่อยสลายไปอย่างเชื่องช้า
ตอนที่จ้าวเฟิงหลบหนีล้วนใช้สมบัติล้ำค่าหรือไม่ก็โอสถวิญญาณส่วนหนึ่งมาเพิ่มเสริมกำลัง
ผลไม้ในห้วงฝันแฝงไปด้วยไอสวรรค์ในฟ้าดิน และค่อนข้างดั้งเดิมมากกว่า นอกจากจะเพิ่มพลังฝึกตนให้แล้ว ยังส่งผลให้ร่างกายและเลือดเนื้อ รวมไปถึงอวัยวะภายในแข็งแกร่งอย่างที่สุด สูงส่งกว่ากลิ่นอายของห้วงฝันบรรพกาลไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
ดวงวิญญาณและสำนึกรู้ของจ้าวเฟิงเพิ่มไปถึงขั้นจักรพรรดิ ผลลัพธ์ของการดูดซึมผลไม้ห้วงฝันจะสูงกว่าเดิม อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าพื้นฐานไม่มั่นคง
เวลานี้
ในทุกขณะที่เขาหายใจเข้าออก สายธารไอสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่จากฟ้าดินจะทะลักเข้าไปภายในมิติปราณที่แท้จริง
ยิ่งสำนึกรู้สูงส่งมากเท่าไหร่ ความเร็วในการฟื้นฟูก็รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น และสายเลือดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณก็มีกำลังการฟื้นฟูอยู่เหนือกว่าสายเลือดธรรมดาหลายเท่าตัว
ยังไม่ทันพ้นวัน
สภาวะไอสวรรค์และพลังของจ้าวเฟิงก็ฟื้นฟูขึ้นมาจำนวนมาก
อีกทั้งเมื่อกินผลไม้ห้วงฝันไปแล้ว พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น
จ้าวเฟิงยังคงโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แล้วแบ่งหนึ่งห้วงความคิดไปทำอะไรหลายๆ อย่าง
ตราประทับลายอัสนีที่แปลกประหลาดจำนวนหนึ่งร้อยสิบกว่าเส้นสายกระจายอยู่ทั่วในทะเลวิญญาณสีม่วง กลิ่นอายลึกล้ำ ซ้ำยังผุดแสงมืดมิดขึ้นมารำไร
ตราประทับสายฟ้าเหล่านี้เชื่อมโยงต่อกันราวอัสนีบาต
จากการที่ความเข้าใจในเสวียนอ้าวเคราะห์เซียนลึกล้ำยิ่งขึ้น แล้วยังมีพลังจักรพรรดิแฝงอยู่ จ้าวเฟิงจึงค่อยๆ โคจรใช้พลังอัสนีเทวะนี้ได้
แต่ทว่าพลังอัสนีเทวะฟื้นฟูได้เชื่องช้าอย่างยิ่ง ในยามที่จ้าวเฟิงรับมือกับจักรพรรดิแห่งความตายยังนับว่าเก็บงำพลังเอาไว้อยู่
“รอให้เก็บพลังอัสนีเทวะได้ถึงหลายร้อยเส้นสายก่อน ถึงจะสามารถคุกคามจักรพรรดิแห่งความตายได้มากขึ้น ถ้าหากดูดซึมได้ถึงพันเส้นสายแล้วล่ะก็ ข้าก็จะอยู่เหนือคนในระดับต่ำกว่าจักรพรรดิทุกคน”
แววตาของจ้าวเฟิงทอแสงประกาย
ในตอนนี้ วิธีการการโจมตีของจ้าวเฟิงมีเพียง ‘เพลิงเนตรล้างผลาญ’ ที่หลอมรวมอัสนีเทวะเข้าไป ซึ่งสร้างอาการบาดเจ็บแก่ ‘ร่างศพอมตะ’ ของจักรพรรดิแห่งความตายได้แค่เล็กน้อย
“พลังอัสนีเทวะ…ปีกวายุอัสนี…วายุอัสนีสีทอง…”
ในหัวของจ้าวเฟิงมีอยู่สามทิศทางการโจมตี ด้านต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่สามารถเพิ่มพลังโดยรวม
ต่อให้เป็นความเร็วของปีกวายุอัสนีก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของพละกำลังด้วย
จ้าวเฟิงยังมีห้วงความคิดอีกสองกลุ่ม แบ่งเป็นใช้เพื่อฝึกฝน ‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’ รวมไปถึง ‘วายุอัสนีสีทอง’ ในระดับขั้นที่สูงส่งยิ่งกว่า
จากการที่มีพลังในขั้นจักรพรรดิ สำนึกรู้ที่เหนือธรรมชาติทำให้ความเร็วในการฝึกตนของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นมาก ผ่านอุปสรรคส่วนหนึ่งไปได้ไม่ยาก
ในขณะที่จ้าวเฟิงสำรวมจิตใจฝึกตน ก็ไม่ได้รู้เลยว่าการมาเยือนของเขาสร้างแรงปะทะแก่มิติภายใน ‘ดินแดนหมิงหวา’ แห่งนี้ไม่น้อย
สวบ สวบ สวบ!
มีเสียงแหวกอากาศจากที่ไกลๆ ดังขึ้น เงาส่วนหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้หลุมใหญ่ที่จ้าวเฟิงอยู่
“เป็นทางนั้นเองที่ในวันก่อนเคยมีเหตุการณ์ประหลาดร่วงลงมาจากฟ้า!”
“ว่ากันว่าเป็นฝนดาวตกระยิบระยับดวงหนึ่งที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน มันลากแสงวายุอัสนีสว่างเจิดจ้าเข้ามาภายในดินแดนหมิงหวา แรงตอนที่ร่วงบนพื้นเกรงว่าสามารถสังหารผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งได้สบายๆ”
กลุ่มคนกลางอากาศส่งเสียงสนทนากัน
อันที่จริงแล้ว ในวันนั้นที่จ้าวเฟิงเข้ามาสู่ ‘ดินแดนหมิงหวา’ จากทะเลความว่างเปล่าภายนอก เขาเหมือนดาวตกสว่างไสวดวงหนึ่งที่ร่วงหล่นลงมาพร้อมกับแสงวายุอัสนี
ในสายตาของยอดฝีมือสำนักต่างๆ อาจจะเป็นสัญญาณประหลาดที่หล่นลงมากฟ้า หรือบางทีอาจเป็นอุกกาบาตจากนอกดินแดนที่มีน้อยนิด ไม่ก็ของล้ำค่าจากฟ้าที่ร่วงหล่นลงมา
เพียงแต่ว่า หลุมขนาดพันจั้งที่จ้าวเฟิงอยู่มีกลิ่นอายมากมายมหาศาลจนทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงไม่อาจเข้าใกล้ได้
เวลาดังกล่าว
เสียงแหวกอากาศดังมาจากหลายทิศทาง ในเหล่ายอดฝีมือที่เร่งรุดมามีพลังฝึกตนขั้นนายเหนือแท้เป็นอย่างน้อย และสูงสุดอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย
สถานการณ์ของดินแดนหมิงหวาคล้ายคลึงกับทวีปบุปผาคราม คือไม่มีราชันในขอบเขตปราณเทวะ สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งดาวครึ่งเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง คนที่ได้ยินข่าวคราวนี้แล้วรีบมาจึงเป็นยอดฝีมือหัวกะทิในดินแดนหรือกระทั่งเป็นสุดยอดฝีมือ
“ช่างเป็นอานุภาพฟ้าดินที่แข็งแกร่งนัก…”
ยอดฝีมือระดับสูงของเขตภายในดินแดนอยู่ใกล้หลุมในระยะหลายร้อยลี้ก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลของฟ้าดินที่ไม่อาจจะต้านทานได้
บนฟากฟ้าปรากฏเมฆหมอกไอสวรรค์หลายต่อหลายกลุ่มก้อน และยังห้อมล้อมไปด้วยวายุอัสนี
“สภาพท้องฟ้าแบบนี้ ไม่ได้เป็นของล้ำค่าอะไรทั้งนั้นหรอก”
ยอดฝีมือจากเขตภายในที่มาถึงละแวกใกล้เคียงมีจำนวนสิบยี่สิบคน แต่ว่าหลังจากเข้าไปใกล้ระยะร้อยสองร้อยลี้ แต่ละก้าวก็เริ่มยากลำบากมากยิ่งขึ้น
ยอดฝีมือเหล่านี้ไม่เคยเห็นราชันปราณเทวะเสียด้วยซ้ำไป
ในความเป็นจริงแล้ว นี่เป็นสัญญาณในฟ้าดินที่จ้าวเฟิงสร้างขึ้น แต่ว่ากลิ่นอายจิตวิญญาณของตัวเขาเองกลับเก็บงำเอาไว้มิดชิดอย่างยิ่ง
ยอดฝีมือเหล่านี้จึงแทบไม่ได้นึกถึงในด้านนี้เลย เพราะอย่างไรพลังและสภาพอากาศที่ปรากฏก็เกินเลยไปกว่าการรับรู้ทางสายตาของพวกเขา
“ขนาดประสาทสัมผัสจิตวิญญาณยังโดนกดดันเลย…” ยอดฝีมือในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดผู้หนึ่งฝืนพยายามเข้าไปใกล้อาณาเขตร้อยลี้ ร่างกายและจิตใจโดนกดดันจนรู้สึกหายใจไม่ออก
หืม?
จ้าวเฟิงที่กำลังฝึกตนสัมผัสได้ถึงเงาร่างซึ่งเข้ามาใกล้ ทว่าเขาก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด
จ้าวเฟิงเพิ่มความเร็วในการฝึกบำเพ็ญขึ้น ต้องการจะข้ามผ่านสำนึกรู้ในขั้นจักรพรรดิ จึงดูดซึมไอสวรรค์ในฟ้าดินอย่างเต็มที่ ปรากฏการณ์ประหลาดบนฟ้าในระดับนั้นยากที่จะยับยั้งเอาไว้ ต่อให้ย้ายสถานที่ก็ยังไม่อาจหลบเลี่ยงได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ไม่สามารถเข้าใกล้หลุมขนาดยักษ์ขนาดพันจั้งที่เขาอยู่
เพียงแค่พลังมหาศาลจากการฝึกตน ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นยอดผู้ศักดิ์ก็ยากจะเข้าไปใกล้ได้แล้ว
ไม่ได้เกินไปจากที่คาดไว้
ยอดฝีมือต่างแดนเหล่านี้ส่วนมากแล้วไม่สามารถเข้าใกล้ในรัศมีร้อยลี้ได้ ประสาทสัมผัสของพวกเขา ยากจะสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของจ้าวเฟิงเช่นกัน
สามวันต่อมา
“ผลลัพธ์ในการฝึกสำนึกรู้ของจักรพรรดิไม่เหมือนกัน” จ้าวเฟิงกินผลไม้ห้วงฝันลงไปอีกผลหนึ่ง
ในป่าไม้ที่ห้วงฝันบรรพกาล
ผลไม้จิตวิญญาณจำนวนสิบสองผลบนหอคอยพฤกษาต้นใหญ่ มีงูลายตัวยักษ์และนกอสูรโบราณทาสสัตว์เลี้ยงสองตัวของจ้าวเฟิงคอยเฝ้ารักษาเอาไว้ จ้าวเฟิงจึงได้สิทธิ์ในการเด็ดผลไม้ห้วงฝันที่สุกก่อน
พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงค่อยๆ เข้าใกล้ขอบเขตปราณเทวะช่วงกลางโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เขาคาดเดาไว้ว่า ถ้าหากสงบจิตใจฝึกตนต่ออีกสองเดือน แล้วกินผลไม้จากห้วงฝันสิบผลเป็นอย่างมาก ก็จะสามารถทะลวงผ่านขอบเขตปราณเทวะช่วงกลาง
สำนึกรู้จักรพรรดิทำให้ความเร็วในการฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
“นายท่าน ผลไม้จิตวิญญาณประเภทนี้ หากข้าได้กินสักสี่ห้าผลแล้วล่ะก็
กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทองน่าจะแตะถึงขั้นต้นได้พลังในการฝึกตนก็จะฟื้นฟูได้รวดเร็วว่องไวยิ่งขึ้น ถ้าได้ความช่วยเหลือจากทรัพยากรล้ำค่าช้ัันยอดอีกส่วนหนึ่ง ขอบเขตปราณเทวะช่วงกลางก็อยู่ไม่ไกลแล้ว…”
เสียงของเด็กน้อยครึ่งเซียนแว่วมา
เขาค้นพบว่าจ้าวเฟิงครอบครองผลไม้จิตวิญญาณที่มีกลิ่นอายเหมือนกับเลือดเนื้อในห้วงฝันบรรพกาล และพลังยังแข็งแกร่งกว่าหลายสิบเท่า!
เด็กน้อยครึ่งเซียนชาญฉลาดอย่างยิ่ง เขายื่นข้อเสนอเช่นนี้ในขณะที่จ้าวเฟิงตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายจากการโดนตามล่า
หากเป็นสถานการณ์ธรรมดา จ้าวเฟิงย่อมไม่ตอบตกลงแน่นอน
จ้าวเฟิงคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงให้ผลไม้ห้วงฝันแก่เด็กน้อยครึ่งเซียนห้าผล
ในขณะที่รับมือกับจักรพรรดิแห่งความตาย เด็กน้อยครึ่งเซียนมีบทบาทสำคัญยิ่งนัก
แก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์ของเขา รวมไปถึงสิบแปดฝ่ามือผนึกนภาและเคล็ดวิชาต่างๆ สามารถกดข่มสำนึกรู้ของจักรพรรดิแห่งความตาย ช่วยจำกัดพลังของอีกฝ่ายได้
อาจพูดได้ว่า จักรพรรดิแห่งความตายที่จ้าวเฟิงเผชิญหน้าในยามก่อนไม่ได้มีพลังอยู่ในระดับสุดยอด
หากไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อให้เขาไม่ตายก็คงต้องบาดเจ็บสาหัส ไม่มีทางรามือแล้วถอยหนีไปอย่างปลอดภัยได้
จ้าวเฟิงเองก็รู้ดีว่าเด็กน้อยครึ่งเซียนไม่ได้ซื่อสัตย์ภักดีกับตนเท่าใด ความหวังสูงสุดของฝ่ายนั้นคือพยายามเก็บเกี่ยวเอาทรัพยากรมาให้ได้มากที่สุด แล้วฟื้นฟูพลังครึ่งเซียนกลับมา
“คุนอวิ๋นน้อย ถ้าหากการต่อสู้คราวหน้าเจ้ายังเก็บกักพลังเอาไว้อีก ข้าจะจำกัดจำนวนทรัพยากรที่ให้เจ้าอย่างจริงจัง” จ้าวเฟิงเอ่ยสำทับ
ใจของเด็กน้อยครึ่งเวียนเย็นวาบ หรือจ้าวเฟิงจะดูออกว่าการปะทะกันก่อนหน้านี้ตนเองมิได้สำแดงพลังรบทั้งหมด
ในความเป็นจริง หลังจากที่พลังฝึกตนฟื้นฟูกลับไปถึงขอบเขตปราณเทวะแล้ว เคล็ดวิชาลับต่างๆ ของเด็กน้อยครึ่งเซียนจะสามารถสำแดงออกมาได้
ในหลุกยักษ์ขนาดพันจั้ง
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนล้วนอยู่ในสภาวะฝึกตน
แต่ที่ต่างกันก็คือ จ้าวเฟิงใช้ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แบ่งห้วงความคิดของตนออกเป็นหลายส่วนเพื่อฝึกฝนในแต่ละด้าน
ในวันนี้ ห้วงคิดของจ้าวเฟิงสามารถแบ่งออกเป็นหนึ่งพันห้าร้อยกว่ากลุ่ม เทียบเท่าได้กับจักรพรรดิตวนมู่แล้ว
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ในขณะที่กำลังฝึกตนอย่างแท้จริง จะสามารถแบ่งออกชัดเจนเป็นสี่ห้ากลุ่มเท่านั้น
ห้วงคิดเซียนกระจายออกเป็นร้อยเป็นพัน จำกัดให้ทำได้เพียงงานที่ไม่ยุ่งยากบางส่วน เช่น ควบคุมสัตว์วิเศษ หรือแบ่งไปเป็นจิตวิญญาณในการโจมตี เป็นต้น
ทว่าการฝึกฝน ‘วายุอัสนีสีทอง’ กับการดูดซึมและทำความเข้าใจในพลังอัสนีเทวะ สองอย่างนี้ต้องใช้ความตั้งใจอย่างมหาศาล
วันนี้
ภายในทะเลวิญญาณสีม่วงของจ้าวเฟิง พลังอัสนีเทวะที่ดูดซึมเข้าไปมีจำนวนถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเส้น!
เหมือนว่ายิ่งนานวันเข้า ความเร็วในการดูดซึมก็ยิ่งมากขึ้น
นี่ไม่ใช่เพียงเพราะสำนึกรู้ขั้นจักรพรรดิของจ้าวเฟิงเท่านั้น ดวงวิญญาณของเขายังดูดซึมและหลอมรวมพลังอัสนีเทวะจำนวนมากเข้าไป จึงทำให้เกิดการชะล้างและเปลี่ยนแปลง จนมีกลิ่นอายอัสนีเทวะอยู่ภายในนั้นด้วย
พลังอัสนีเทวะที่แฝงอยู่ภายในกะโหลกเทวะจึงไม่ต่อต้านกลิ่นอายดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงอย่างรุนแรงเช่นเดิมอีก
แซ่ด แซ่ด!
ในทะเลวิญญาณสีม่วงปรากฏตราลายสายฟ้าเก่าแก่หนึ่งร้อยแปดสิบเส้นสาย มันลี้ลับลึกล้ำ มีกลิ่นอายเทวะที่เป็นอมตะ
ดวงวิญญาณและพลังของจ้าวเฟิงล้วนแต่โดนชะล้างไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนมีลักษณะพิเศษของพลังอัสนีเทวะส่วนหนึ่งแล้ว
ตัวอย่างเช่น การโจมตีด้านจิตวิญญาณของเขาจะมีคุณสมบัติอัสนีเทวะอยู่ภายใน แทบจะควบคุมพลังทั้งหมดในฟ้าดินเอาไว้ อีกทั้งอาการบาดเจ็บที่สร้างขึ้นยังยากจะทำลายให้หายไปได้
หลายวันที่ผ่านมานี้
ด้วยพื้นฐานพลังในระดับขั้นจักรพรรดิของจ้าวเฟิง ทำให้การฝึกฝนวายุอัสนีสีทองเกิดการข้ามผ่านระดับครั้งใหม่
ปราณที่แท้จริงพิฆาตสีชาดที่อยู่ในมิติปราณที่แท้จริงเปล่งแสงสีทองสว่างขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน
“เรียนรู้วายุอัสนีสีทองได้ถึงสี่ห้าส่วน พลังเทียบเท่าได้กับวายุอัสนีสีทองของจักรพรรดิวายุอัสนีแล้ว” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ
ถ้าหากบวกกับเสวียนอ้าวของอัสนีเทวะด้วยล่ะก็ ระดับความแข็งแกร่งของวายุอัสนีสีทองอาจถึงขั้นเทียบเท่าได้กับสีทองเข้มเลยด้วยซ้ำไป
เพียงแต่ว่าส่วนแฝงในพลังของจ้าวเฟิงห่างชั้นกว่าจักรพรรดิวายุอัสนีและจักรพรรดิแห่งความตายอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะในส่วนของจักรพรรดิแห่งความตายที่นอกเหนือจากความเร็วแล้ว ในด้านอื่นๆ ก็เหนือจักรพรรดิวายุอัสนีไปมาก
“เอ๊ะ!”
จ้าวเฟิงค้นพบในทันใด มียอดฝีมือในขั้นยอดผู้สูงศักดิ์ผู้หนึ่งกำลังเข้าใกล้หลุมยักษ์พันจั้งนี้ไม่ถึงสิบลี้แล้ว
ผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดบริเวณรอบๆ ถึงขั้นกางเขตค่ายกลไปส่วนหนึ่งเพื่อต้านทานพลังในฟ้าดินที่น่าพรั่นพรึง
คนเหล่านี้มองไปยังทิศทางของหลุมขนาดพันจั้งแล้วจึงเกิดความละโมบขึ้น
“เหอะ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงหยัน ห้วงความคิดขยับเล็กน้อย
การฝึกตนของเขาจะถูกรบกวนได้อย่างไร!
โครม ครืน~
พลังมหาศาลของจักรพรรดิรวมตัวกันบนฟากฟ้า ไอสวรรค์ในฟ้าดินส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นออกไปหมื่นลี้
ในครรลองสายตาปรากฏเงาของชายหนุ่มเรือนผมสีม่วงรูปร่างใหญ่โต ทั่วกายห้อมล้อมไปด้วยแสงวายุอัสนี จนเหมือนเป็นดั่งเทพแห่งสายฟ้าจากสรวงสวรรรค์
เงาขนาดใหญ่กลางอากาศของชายหนุ่มมีโครงร่างเหมือนกับจ้าวเฟิงไม่มีผิดเพี้ยน
ถึงกระทั่งยังมีพลังและสำนึกรู้ของตัวจ้าวเฟิงอยู่หลายส่วน
“นั่น…หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือในตำนาน เป็นเงาที่แบ่งร่างมาจากการเกาะกลุ่มของพลังที่ยิ่งใหญ่!”
“ในบันทึกโบราณมีเพียง ‘จักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะ’ ที่สูงส่งจึงจะมีความสามารถเหนือธรรมชาติเช่นนี้”
ยอดฝีมือจากในดินแดนที่กำลังเข้ามาใกล้เหมือนโดนกักขังเอาไว้ หน้าถอดสีกันในฉับพลัน
เงาชายหนุ่มสูงใหญ่กลางอากาศโบกมือขนาดมหึมา แล้วกลางอากาศจึงเกิดเสียงดัง ‘เปรี้ยง’
พลังที่ไร้รูปร่างทะลวงผ่านสรรพสิ่งต่างๆ ไป
อึก!
เหล่ายอดฝีมือที่พยายามเข้ามาใกล้ต่างกระอักเลือดกันเป็นแถว ไอวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เงาจักรพรรดิ…”
เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยพึมพำ ไม่คิดเลยว่าจากการชะล้างของพลังอัสนีเทวะ สำนึกรู้ในดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงไม่เพียงแต่มั่นคงแล้ว ทว่ายังประสบความสำเร็จในการสำแดงเคล็ดวิชาของจักรพรรดิเช่นนี้ด้วย