บทที่ 770 ภารกิจราชวงศ์
ความพ่ายแพ้ของหวงอวิ๋นหู่ ทำให้ลูกศิษย์คนสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวไม่สามารถรับผลเช่นนี้ได้
โดยเฉพาะศิษย์จำนวนน้อยที่เข้าใจในตัว ‘จ้าวเฟิง’ คนก่อนในระดับหนึ่ง
ในกลุ่มนั้น นัยน์ตางามคู่หนึ่งของศิษย์พี่วั่นหรงจ้องไปที่จ้าวเฟิงเขม็ง นอกจากความตกตะลึง มากกว่านั้นคือความสงสัยที่เกิดขึ้น
นางมักรู้สึกว่าจ้าวเฟิงในตอนนี้กับจ้าวเฟิงเมื่อก่อน ไม่ว่าจะลักษณะท่าทางหรือพลังเป็นคนสองคนที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เหมือนกับว่าสัมผัสได้
ชายหนุ่มหล่อเหลาที่ตกเป็นเป้าสายตาทอดมองมาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม และประสานเข้ากับดวงตาของศิษย์พี่วั่นหรง
จ้าวเฟิงที่อยู่เบื้องหน้า ไม่เพียงแต่หล่อเหลา ยังมีความมั่นใจในตนเองอย่างยิ่งยวดเกินจะพรรณนา
เสน่ห์ของบุรุษเพศที่ฉายออกมา มากพอจะทำให้สตรีจำนวนมากมายตกตะลึงและหัวใจเต้นระรัว
ในวินาทีที่สายตาสบประสานกัน หัวใจของวั่นหรงเต้นแรง
ดวงตาที่ดูลึกล้ำและลี้ลับคู่นั้นในครรลองสายตา เสมือนว่ามีเสน่ห์บางอย่างที่ล่อลวงดวงวิญญาณของคน ทำให้ศิษย์พี่วั่นหรงจมดิ่งเข้าไป
ใบหน้านางแดงระเรื่ออย่างอดไม่ได้ ใจเต้นระรัว ก้มหน้าอย่างเขินอาย
ความรู้สึกในใจเช่นนี้ วั่นหรงเกินจะรับได้!
ที่ผ่านมานางสงบสุขุม จะเคยทำท่าทีเขินอายราวสาวน้อยเบื้องหน้าของบุรุษหนุ่มเช่นนี้ที่ไหนกัน
แต่ทว่าบุรุษหนุ่มผู้นั้นทิ้งความรู้สึกดีที่ยากจะพรรณนาได้ไว้ในใจนาง กระทั่งเกิดความรู้สึกที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง
จ้าวเฟิงยิ้มแย้มออกมาน้อยๆ ถอนสายตากลับมา
เมื่อครู่เขาสังเกตเห็นความสงสัยของศิษย์พี่วั่นหรง จึงลอบปล่อย ‘วิชาดวงตาควบคุมใจ’ เพื่อขจัดความสงสัยในใจของอีกฝ่าย ให้เกิดความรู้สึกดีๆ และสนิทสนมกับตนเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ศิษย์พี่วั่นหรงก็จะไม่เกิดความสงสัยในตัวเขาหรือคิดกับเขาไปทางที่ไม่ดีอีก
จ้าวเฟิงไม่อยากจะลงมือสังหารศิษย์พี่วั่นหรงเพราะความสงสัยในใจของนาง
พลังที่ควบคุมและส่งผลต่อจิตใจนี้สามารถขจัดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ส่วนหนึ่งให้กับเขาได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ
“นอกจากศิษย์พี่วั่นหรง สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นแห่งนี้มีคนน้อยนักที่จะค่อนข้างเข้าใจในตัว ‘จ้าวเฟิง’ คนเก่า”
จ้าวเฟิงลอบผงกศีรษะ จ้าวเฟิงคนก่อนมีนิสัยค่อนข้างรักสันโดษ จึงมีน้อยคนนักที่เข้าใจเขาอย่างแท้จริง
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับจ้าวเฟิงในวันข้างหน้าก็จะไม่ตกเป็นเป้าสงสัยของคนมากนัก เพราะในโลกนี้ อัจฉริยะที่มีโอกาสดีก็ไม่ได้มีน้อย
“หวงอวิ๋นหู่ เจ้าพ่ายแพ้แล้วยังไม่เก็บ ‘วิหคอัสนีสองหัว’ อีกหรือ!” จ้าวเฟิงเหลือบมองไปยังอากาศด้านบน
นกอัสนีสองหัวและวิหคนิลกาฬต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ในด้านพลังฝึกตน วิหคนิลกาฬเสียเปรียบกว่าเล็กน้อย หากยังต่อสู้ต่อไปก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
และในเวลานี้เอง พลังราชันกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ตราคำสั่งที่อยู่ในมือหวงอวิ๋นหู่พลันเปล่งแสงออกมา ชั้นแสงเมฆอัสนีเก็บเอานกสองหัวเข้าไป
ในบรรดาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ มีคนจำนวนน้อยนิดนักที่จะสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของพลังราชัน
จ้าวเฟิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
พลังราชันกลุ่มนั้นเหมือนจะหยุดอยู่บนร่างของจ้าวเฟิงชั่วครู่หนึ่ง
ในขณะเดียวกัน
สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น คฤหาสน์แห่งหนึ่งของราชันผู้อาวุโส
“วิชาของเด็กนั่นแปลกพิสดาร กลิ่นอายบนร่างกายก็ประหลาดนัก เหมือนกับว่าไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะ จะต้องมีโชคและโอกาสที่ดีเยี่ยมแน่” ราชันลู่อวิ๋นเอ่ยเสียงเบา
เขาลอบจับตามองจ้าวเฟิงอยู่ในใจ
หากว่าในอีกครึ่งปีหน้า เจ้าเด็กผู้นี้มีผลงานที่ดีแล้วล่ะก็ ราชันลู่อวิ๋นคงจะพิจารณารับเขาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอด
วูบ สวบ!
วิหคนิลกาฬหอบลมหนาวมา พาจ้าวเฟิงทะยานฟ้าจากไป
“พลังของจ้าวเฟิงผู้นี้ คาดไม่ถึงว่าจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน”
“ตัวของเด็กนี่จะต้องมีความลับอะไรสักอย่างหรือไม่ก็โอกาสดีๆ แน่” ลูกศิษย์ส่วนหนึ่งที่อยู่ด้านล่างเอ่ยถกเถียงกัน
หวงอวิ๋นหู่หน้าดำคล้ำเครียด แล้วยืนขึ้นอย่างอ่อนแรง
หวังหยวน ศิษย์พี่ก่วงเถียน และคนอื่นๆ ต่างกุลีกุจอเข้ามาพยุงเขา
“คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงผู้นี้จะมีโอกาสที่ดียิ่ง ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้น ดูไปแล้วภารกิจถัดมาของสำนักก็ยากที่จะสร้างความลำบากและคุกคามเขาได้”
สีหน้าของศิษย์พี่ก่วงเปลี่ยนไปมา พลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิงอยู่เหนือกว่าที่เขาคาดไว้มาก
“เรื่องนี้ต้องรีบแจ้งให้ตระกูลอินทราบ หากไม่เช่นนั้นแล้ว จ้าวเฟิงผู้นี้จะเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่” ศิษย์พี่ก่วงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่ง
จ้าวเฟิงนั่งอยู่บนวิหคนิลกาฬ ร่อนลงยังหน้าตำหนักมอบภารกิจของสำนัก
ภารกิจของสำนักในสามเดือนที่ผ่านมา จ้าวเฟิงยังทำไม่สำเร็จ ในแต่ละเดือนคือหนึ่งภารกิจ เมื่อรวมกันแล้วจึงเป็นสามภารกิจ
จ้าวเฟิงไม่ใส่ใจสามภารกิจพวกนั้น
เขายังเตรียมที่จะทำภารกิจสำนักจำนวนมากมายอย่างบ้าคลั่ง รวมถึงภารกิจที่มีระดับความยากสูงส่วนหนึ่ง เพื่อจะเก็บสะสมทรัพยากรและคะแนนของสำนัก
ภายในตำหนักรอง
“จ้าวเฟิง เจ้ายังทำภารกิจทั้งสามที่ล่วงเวลามาไม่สำเร็จ ถัดจากนี้ข้าจะจัดสรรภารกิจให้กับเจ้า”
ผู้คุมกฎหน้าดำที่มีสายตาแหลมคมเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
จ้าวเฟิงมีสีหน้าเรียบเฉยขณะรอการแจกจ่ายภารกิจ
ภารกิจทั้งสามต่อจากนี้ถือว่าเป็นการลงโทษ จึงไม่สามารถเลือกได้ และยังไม่มีรางวัลอีกด้วย
จ้าวเฟิงได้รับภารกิจแรกอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายของภารกิจคือไปสังหาร ‘ราชากิ้งก่าโคลนพิษ’ ที่กลางบึงน้ำเพื่อเอา ‘หัวใจโคลนพิษ’ ที่อยู่ภายในร่างกายมาจำนวนยี่สิบชิ้น
‘ราชากิ้งก่าโคลนพิษ’ ตัวนี้ พลังของมันไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ถึงจะเป็นคนในขั้นมนุษย์แท้ก็สามารถจัดการหลายตัวได้อย่างสบายๆ
แต่จ้าวเฟิงมองความยากของภารกิจนี้ออกอย่างรวดเร็ว
ราชากิ้งก่าโคลนพิษเป็นสัตว์อสูรที่อยู่เป็นฝูง มักจะอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มจำนวนนับร้อยตัว และในทุกฝูงจะมีราชากิ้งก่าโคลนพิษเพียงหนึ่งตัวที่มีพลังเทียบเท่าขั้นนายเหนือแท้
อีกทั้งกิ้งก่าประเภทนี้มักอยู่ในเขตบึงน้ำส่วนลึก วิหคนิลกาฬของจ้าวเฟิงช่วยะไรไม่ได้มากนัก
เห็นได้ชัดว่าภารกิจนี้จงใจจะสร้างความลำบากแก่จ้าวเฟิง
สีหน้าของจ้าวเฟิงเรียบเฉย รับภารกิจเสร็จจึงค่อยนั่งวิหคนิลกาฬ ใช้เวลาสองชั่วยามก็ถึงเขตบึงน้ำแห่งหนึ่ง
ครึ่งชั่วยามผ่านไป จ้าวเฟิงก็ได้ ‘หัวใจโคลนพิษ’ จำนวนนับพัน
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังควบคุม ’ราชากิ้งก่าโคลนพิษ’ ในขั้นนายเหนือแท้สองตัวอีกด้วย
‘ราชากิ้งก่าโคลนพิษ’ พวกนี้ พิษมีพลังกัดกร่อน กระทั่งมีความสามารถพิเศษในการทำให้ของแข็งทื่อ พลังป้องกันของมันก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
หลังจากที่จ้าวเฟิงส่งมอบภารกิจแล้ว ก็เก็บเอาหัวใจโคลนพิษที่เหลือนับพันไปเปลี่ยนเป็นคะแนนและรางวัล
‘ราชากิ้งก่าโคลนพิษ’ สองตัวนั้น เขาทิ้งไว้ที่ปราการแลกเปลี่ยนเพื่อทำการประมูลขาย
ในฐานะที่เป็นสัตว์วิเศษซึ่งถูกฝึกมาแล้ว ย่อมมีมูลค่าสูงกว่าสัตว์อสูรธรรมดาๆ หลายเท่า หรือถึงขั้นสิบกว่าเท่า
“ภารกิจที่สอง”
จ้าวเฟิงมารับภารกิจลงโทษที่จัดสรรให้อีกครั้ง
ผู้คุมกฎหน้าดำเกิดความประหลาดใจเล็กน้อย แล้วจึงรีบส่งมอบภารกิจที่สองให้กับจ้าวเฟิง
เมื่อดูเนื้อหาของภารกิจเสร็จสิ้น จ้าวเฟิงก็ขมวดคิ้ว
ภารกิจในครั้งนี้เป็นภารกิจแบบกลุ่ม อีกทั้งระดับของภารกิจก็สูงอยู่เล็กน้อย
ในวันต่อมา ด้านหน้าของตำหนักภารกิจ
“เหล่าสหายเตรียมตัวพร้อมกันรึยัง?”
ผู้เฒ่าขี้เมาในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดคนหนึ่งเหลือบตามองไปที่จ้าวเฟิงและคนอีกนับสิบ
ผู้นำกลุ่มเป็นยอดฝีมือในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด จึงทำให้เห็นได้ว่าระดับของภารกิจนี้สูงส่ง
จ้าวเฟิงที่อยู่ในกลุ่มคนกวาดสายตามองคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีหลากหลายประเภทและไร้คุณภาพ
หมดเวลาไปครึ่งค่อนวัน สมาชิกของสำนักล้วนแต่ทำภารกิจไม่สำเร็จในเวลาที่กำหนด จึงถูกจัดสรรให้รวมตัวกัน
เมื่อเห็นผู้นำขี้เมาตาเยิ้ม จ้าวเฟิงก็มั่นใจว่าภารกิจครั้งนี้ไม่น่าจะราบรื่นเท่าไหร่นัก
“ทุกท่าน ข้าขอตัวก่อน” จ้าวเฟิงแยกตัวจากกลุ่มและไปทำภารกิจเพียงลำพัง
“เจ้าเด็กบ้า! เจ้าไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัดของภารกิจ จะไปทำได้อย่างไร?”
ผู้เฒ่าในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดผู้นั้นมีสีหน้าขบขัน
เมื่อเป็นภารกิจแบบกลุ่ม ข้อมูลรายละเอียดภารกิจจึงอยู่ในกำมือของผู้นำ
เมี้ยว เมี้ยว!
และในเวลานี้เอง เจ้าแมวตัวน้อยสีเทาเงินตะปบเอาม้วนหนังสือที่มีลักษณะพิเศษตกลงบนตัวของจ้าวเฟิง
“นี่! ม้วนหนังสือภารกิจของข้า” ผู้นำกลุ่มที่อยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดผู้นั้นตะโกนด้วยความเมามาย และตะเบ็งเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว
แต่ทว่า ‘วิหคนิลกาฬ’ ที่จ้าวเฟิงนั่งอยู่รวดเร็วอย่างยิ่ง ทิ้งห่างคนเหล่านั้นจนไม่เห็นฝุ่น
เหล่าสมาชิกของกลุ่มนั้นร้อนรนขึ้นในทันที แล้วเริ่มตะโกนก่นด่าจนตกเป็นเป้าสายตาของคนจำนวนมากหน้าตำหนักภารกิจ
“ภารกิจที่สอง คือการไปที่เขาลึกทางตอนเหนือของ ‘สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น’ เพื่อกำจัดกลุ่มโจรปล้นชิงที่ลุกฮือขึ้นช่วงนี้ ได้ยินมาว่าหัวหน้าโจรผู้นั้นได้ทะลวงผ่านขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเมื่อครึ่งปีก่อน จึงอันตรายมากยิ่งขึ้น”
จ้าวเฟิงกวาดสายตาอ่านเนื้อหาภารกิจอย่างคร่าวๆ
ในม้วนกระดาษภารกิจแจ้งจุดที่ตั้งรวมไปถึงลักษณะพลังของกลุ่มโจรนี้ไว้อย่างละเอียด
หลายชั่วยามต่อมา
จ้าวเฟิงนั่งวิหคนิลกาฬเข้าไปในทิวเขาจนถึงสถานที่เกิดเหตุ
เมื่อเห็นว่ารอบบริเวณไร้ผู้คน จ้าวเฟิงเบิกดวงตาเทพเจ้า และมองสำรวจรัศมีหลายพันลี้
ไม่นานนัก มีเสียงร้องโหยหวนต่อเนื่องดังขึ้นจากในตำหนักถ้ำแห่งหนึ่ง
ถัดจากนั้นครู่หนึ่ง วิหคนิลกาฬก็พาจ้าวเฟิงเดินทางออกจากตำหนักถ้ำที่กลายเป็นซากปรักหักพังแห่งนั้นพร้อมกลิ่นคาวเลือด
ใช้เวลาเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้น
จ้าวเฟิงก็ปล้นเอาสิ่งของทั้งหมดมาจากรังโจรของกลุ่มโจรชิงทรัพย์พวกนี้ แล้วยังเอาศีรษะของโจรที่แข็งแกร่งหลายคนมาเป็นเครื่องยืนยันด้วย
สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น ตำหนักภารกิจ
“ภารกิจที่สองสำเร็จแล้ว” จ้าวเฟิงเอาเครื่องยืนยันทั้งหมดมอบให้ผู้คุมกฎหน้าดำ
“ได้ยินมาว่าภารกิจครั้งนี้ เจ้าออกไปจากกลุ่มและทำภารกิจเพียงคนเดียวอีกแล้วงั้นหรือ?”
ผู้คุมกฎหน้าดำมีสีหน้าแปลกประหลาด
เขาตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้ง จ้าวเฟิงทำภารกิจสำเร็จโดยมีศีรษะเป็นเครื่องยืนยัน แต่ละอย่างครบถ้วน
เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเจตนาหาเรื่องเดือดร้อนให้เหมือนก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงจึงบันทึกภาพเหตุการณ์ แล้วยังบันทึกขั้นตอนทั้งหมดที่โจรพวกนั้นถูกทำลายล้างด้วย
ผู้คุมกฎหน้าดำพูดไม่ออก
“ภารกิจที่สาม ต้องขอโทษด้วย มันก็เป็นภารกิจกลุ่มเช่นกัน”
ผู้คุมกฎหน้าดำคลี่ม้วนกระดาษออก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
จ้าวเฟิงกลอกตา
“แต่ว่าวางใจเถอะ ภารกิจในครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ คนในกลุ่มก็ไม่ใช่กลุ่มอันธพาลเลวทรามอย่างในครั้งที่แล้ว” ผู้คุมกฎหน้าดำเอ่ยสำทับอย่างหนักแน่น
ภารกิจพิเศษ?
จ้าวเฟิงเปิดม้วนกระดาษกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ ภารกิจนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไรมากนัก
“ภารกิจพิเศษ กำจัดราชวงศ์พื้นเมือง”
“เนื้อหาภารกิจ ในส่วนตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเกาะเทียนเฟิง มีราชวงศ์พื้นเมืองถือกำเนิดขึ้นในเขตพื้นที่ขนาดเล็ก เป็นการดูหมิ่นเกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียน”
เมื่อจ้าวเฟิงอ่านเนื้อหาจบก็อดสูดลมหายใจไม่ได้
เมื่อดูที่เนื้อหาของภารกิจอีกที พลังของสมาชิกเหล่านั้นเก่งกล้ายิ่งนัก
ผู้นำกลุ่มและรองผู้นำล้วนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง นอกจากนี้ยังมีขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำเจ็ดคน ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสี่ห้าสิบคน
กองทัพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จ้าวเฟิงเพิ่งเข้าร่วมเป็นครั้งแรก
ในรายชื่อสมาชิก จ้าวเฟิงยังเห็นชื่อศิษย์พี่วั่นหรงและศิษย์พี่ก่วงเถียนด้วย
ในเช้าตรู่ของวันต่อมา
กลุ่มภารกิจที่แข็งแกร่งนี้ก็รวมตัวกันที่หน้าตำหนัก
ผู้นำเป็นผู้เฒ่าที่สวมชุดสีขาวปลอด สีหน้าดูเคร่งขรึม มีอานุภาพที่ไร้รูปร่างแผ่ออกมา
“ขอให้ทุกคนทราบโดยทั่วกัน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของดินแดนทวีปและเขตทะเลความว่างเปล่าใกล้เคียง ล้วนเป็นดินแดนของ ‘ราชวงศ์ต้าเฉียน’ ”
ผู้เฒ่าชุดขาวชะงักเล็กน้อย
ราชวงศ์ต้าเฉียน!
จ้าวเฟิงฝึกตนใหม่ได้ไม่นาน จึงไม่ได้มีความเข้าใจมากนักเกี่ยวกับราชวงศ์ที่ปกครองดินแดนอันแสนกว้างใหญ่
แต่เขาก็รู้ว่า ตามหลักการที่เหล่านี้ล้วนแต่เป็นพื้นที่ของราชวงศ์ต้าเฉียน รวมไปถึงเขตทะเลในชังไห่ด้วย
“ราชวงศ์ต้าเฉียนได้รวบรวมชะตาราชวงศ์ในแผ่นดินฝั่งหนึ่ง ภายใต้ขั้วอำนาจของราชวงศ์นี้ จะไม่มีทางยอมให้เกิดอาณาจักรแห่งที่สองที่ตั้งขึ้นโดยราชวงศ์อื่นเด็ดขาด”
ผู้เฒ่าชุดขาวดวงตาเปล่งประกาย
ภารกิจในครั้งนี้คือการทำลายราชวงศ์ที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นแคว้นขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือกว่าอาณาจักรนภา
จ้าวเฟิงและศิษย์พี่วั่นหรงยืนอยู่ด้วยกัน
“ภารกิจพิเศษนี้ ‘จวนอ๋องโหว[1]’ ที่เป็นโครงสร้างการปกครองของดินแดนเกาะเทียนเฟิงประกาศมาโดยตรง รางวัลที่จะได้รับมากมายอย่างยิ่ง” ศิษย์พี่วั่นหรงเอ่ยแนะนำเสียงต่ำ
จ้าวเฟิงตระหนักได้ว่า ฟ้าดินผืนนี้ไม่ได้เป็นเพียงโลกของสำนักใดๆ เพียงสำนักเดียวเท่านั้น ราชวงศ์ต้าเฉียนมีอำนาจการปกครองที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งเหนือดินแดนแห่งนี้
…………………………………………..
[1] โหว เป็นหนึ่งในบรรดาศักดิ์ห้าขั้นรองจากอ๋อง ได้แก่ กง (公) โหว (侯) ป๋อ (伯) จื่อ (子) หนาน (男) ตามลำดับ