บทที่ 796 ผลึกปีศาจ
แท่นบูชาปีศาจอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของเมืองใต้ดินพอดิบพอดี เผ่าพันธุ์ที่อยู่ใกล้แท่นบูชาล้วนเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง
จากข้อมูลที่เขาได้มาจากราชินีแมงป่อง เผ่าพันธุ์แข็งแกร่งที่ใกล้กับแท่นบูชาไม่ได้มีเพียงมนุษย์แมงป่อง แต่ยังมีอีกสามเผ่าพันธุ์ที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากัน
มีแท่นบูชาปีศาจเป็นจุดศูนย์กลาง จากด้านในออกไปภายนอก พลังของแต่ละเผ่าพันธุ์จะเรียงลำดับจากแข็งแกร่งไปอ่อนแอ
ในความเป็นจริง ขอบเขตชั้นนอกยิ่งกว่ามนุษย์หมาป่า ยังมีพวกมนุษย์หนู มนุษย์แมว พลังก็จะอ่อนแอกว่าเล็กน้อย อีกทั้งภายในเมืองใต้ดินเชื่อมต่อกันทั้งหมด ทางเข้าที่เชื่อมกับโลกด้านบนจึงไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสองทาง
คนของวังสุริยันม่วงก็เข้ามาจากทางเข้าอื่น
ส่วน ‘หนานกงเซิ่ง’ เข้ามาภายในเมืองใต้ดินได้อย่างไร จ้าวเฟิงไม่สามารถคาดเดาได้
ตามที่เขาล่วงรู้มา เมื่อพลังฝึกตนถึงระดับขั้นราชันและทู่ซี้ส่งไปที่ ‘มิติเทพลวงตา’ ตำแหน่งที่ปรากฏกายจะเป็นการสุ่มเลือก
แต่คำว่าสุ่มนั้นไม่ได้หมายถึงทั่วทั้งมิติเทพลวงตา
ผู้มาเยือนจากภายนอกจะสามารถปรากฏกายได้แค่ในสถานที่ที่ทับซ้อนกันของมิติเทพลวงตาและดินแดนทวีป รวมไปถึงราชันที่เข้าไปแบบสุ่มด้วย
ทว่าพื้นที่ทับซ้อนแต่ละครั้งเป็นเพียงส่วนน้อยของมิติเทพลวงตาเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ความเข้าใจในมิติเทพลวงตาจากการสำรวจของราชวงศ์ต้าเฉียนจึงมีอยู่ค่อนข้างจำกัด
สองชั่วยามต่อมา
ฝูงชนผ่านอาณาเขตของเผ่าพันธุ์มนุษย์แมงป่อง
ในเวลานี้ ภายในพื้นที่ที่คดเคี้ยวซับซ้อนของเมืองใต้ดินปรากฏจตุรัสกว้างใหญ่มืดทะมึนแห่งหนึ่ง
จตุรัสสีดำมืดดังกล่าวมีรัศมีหลายสิบลี้ ในนี้ยังมีแท่นบูชาเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยไอชั่วร้าย สาดซัดกลิ่นอายอัปมงคลออกมามากมาย
บุ๋ง บุ๋ง~
ใจกลางของแท่นบูชานั้นมีบ่อเลือดขนาดถึงร้อยจั้งบ่อหนึ่ง ภายในบ่อเลือดนั้นมีเสาสีเงินกว้างครึ่งจั้ง สูงไปถึงด้านบนสุดของเมืองใต้ดิน
จตุรัสทมิฬ แท่นบูชาปีศาจ บ่อเลือด
บรรยากาศน่ากลัวทั้งหมดนี้นับว่าเหมาะสมกับลักษณะของเมืองใต้ดิน
แน่นอนว่าที่ดึงดูดความสนใจที่สุดเป็นส่วนยอดของเสาสีเงินในบ่อเลือดซึ่งประดับด้วยมุกผลึกโลหิตสีม่วง
‘มุกโลหิตม่วง’ นั่นพื้นผิวแวววาว ภายในกลับลึกล้ำไร้ก้นบึ้ง เมื่อมองผ่านๆ เห็นคล้ายเป็นดวงตาของมนุษย์ที่แผ่พลังชั่วร้ายมัวเมาวิญญาณ ไอสวรรค์ฟ้าดินในละแวกใกล้เคียงสั่นไหวไม่สงบ
“แท่นบูชาปีศาจ…ก็คือที่นี่”
ข่งเฟยหลิงสัมผัสได้ว่าสายเลือดวิถีราชาของตนสั่นสะเทือนน้อยๆ ความรู้สึกนั้นรุนแรงจนถึงขีดสุด สายเลือดวิถีราชาที่แปรผันไปภายในร่างของจ้าวเฟิงก็เป็นเช่นนั้นด้วย
พู่ว พรึ่บ!
ไอเพลิงสีโลหิตสุกสกาวราวกระจกผุดขึ้นบนร่างของจ้าวเฟิงแวบหนึ่ง แล้วเก็บงำไปในทันที
“นี่ก็คือ ‘ผลึกปีศาจ’ งั้นหรือ?”
จ้าวเฟิงลอบประเมิน
เขารู้ข้อมูลของแท่นบูชาปีศาจมากยิ่งขึ้นจากราชินีแมงป่อง
อันดับแรก ผลึกปีศาจนี้คือ ‘ผลึกเซียน’ ที่มีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่ง ผืนพสุธาทุกวันนี้ ผลึกเซียนที่ปรากฏขึ้นส่วนมากล้วนเป็นผลึกเซียนระดับล่าง รวมถึงกุญแจที่ใช้เปิดค่ายกลข้ามดินแดนจิตวิญญาณ แต่ ‘ผลึกปีศาจ’ ชิ้นนี้ ว่ากันว่าเกิดจากพลังของปีศาจโบราณผู้หนึ่งกลายเป็นผลึก
“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นผลึกเซียนบริสุทธิ์…แต่ข้อบกพร่องในความสมบูรณ์แบบคือมันมีความชั่วร้ายสะสมมาเนิ่นนาน สามารถส่งผลต่อโลกภายนอกได้”
ผู้เฒ่าเฟ่ยมีสีหน้าตื่นเต้น
ผลึกเซียนไม่ใช่ระดับล่าง!
นี่คือขอบเขตของเซียน! อยู่ในระดับขอบเขตเซียนสวรรค์!
ความพิเศษของผลึกปีศาจชิ้นนี้คือมันสามารถควบคุมและเก็บงำพลังของตนเอง และยังส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตรอบๆ ได้
“หนานกงเซิ่ง!” ข่งเฟยหลิงพึมพำเสียงเบาในฉับพลัน
เห็นเพียงมุมของแท่นบูชาปีศาจมีบุรุษหนุ่มชุดดำที่ใบหน้าออกจะขาวซีดพิงอยู่
รอบแท่นบูชายังมีศพอมนุษย์อื่นๆ นอนเกลื่อน
เห็นได้ชัดว่าหนานกงเซิ่งมาถึงก่อน แล้วยังต่อสู้อย่างดุเดือด น่าจะรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่ต่อสู้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์แมงป่องด้วยซ้ำไป
จากที่จ้าวเฟิงรู้มา ละแวกใกล้เคียงของแท่นบูชาปีศาจนี้เป็นที่อยู่ของทหารนักรบผู้แข็งแกร่งสี่เผ่าพันธุ์
นอกจากนี้แล้วยังมี ‘ไต้ซือ’ ผู้หนึ่ง
‘ไต้ซือ’ ผู้นี้ถึงแม้ว่ากำลังรบจะไม่แข็งแกร่งที่สุด แต่กลับมีความสามารถในการสื่อสารกับผลึกปีศาจ จึงมีสถานะที่สูงส่ง
“หนานกงเซิ่ง เจ้าเป็นอะไรไป?” ข่งเฟยหลิงเดินไปหาอย่างห่วงใย
“อย่าเข้ามา!” หนานกงเซิ่งสีหน้าเคร่ง
เขาลงมือทำทุกอย่างเพียงลำพัง แยกตัวออกจากสำนักชั่วคราว ไม่เชื่อใจใครทั้งสิ้น
คนของวังสุริยันม่วงและสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นค่อยๆ เข้าใกล้แท่นบูชา
เหตุการณ์ประหลาดก็ปรากฏขึ้น ทันทีที่เข้าใกล้แท่นบูชา ศิษย์จำนวนไม่น้อยก็เหมือนต้องมนต์ เดินไปที่บ่อเลือดโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ตูม!
หนึ่งในศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นเลียริมฝีปากเล็กน้อย สีหน้าร้อนผะผ่าว ตรงดิ่งกระโดดลงไปในบ่อเลือด
ปุด! บุ๋ง ~
ในบ่อเลือดผุดฟองเลือดขึ้นมา แล้วศพของศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นก็สูญหายไป
พรึ่บ! ผลึกปีศาจเป็นประกายแวววาวเล็กน้อย
“ถอยไป! ทั้งหมดถอย!” ผู้เฒ่าเฟ่ยร้องอย่างตกใจ
ยอดฝีมือและลูกศิษย์ทั่วไปไม่มีพลังราชันอย่างหนานกงเซิ่งที่สามารถต้านทานพลังของผลึกปีศาจได้อย่างสบายๆ สมาชิกของทั้งสองสำนักถอยร่นออกมาระยะหนึ่งอย่างรวดเร็ว
มีเพียงผู้มีพลังฝึกตนแข็งกล้าส่วนหนึ่งที่เข้าใกล้แท่นบูชาปีศาจได้ พวกเขาสำรวจอย่างระแวดระวัง
“หนานกงเซิ่ง เจ้าเคยพบไต้ซือท่านนั้นหรือไม่?” จ้าวเฟิงเปิดปากถาม
หนานกงเซิ่งเปิดตาขึ้นในทันใด เผยแววประหลาดใจออกมา
คำเรียกของฝ่ายตรงกันข้ามทำให้เขารู้สึกละม้ายคล้ายพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับคนที่คุ้นเคย
“ไต้ซือ? มองไม่เห็น! ในละแวกของแท่นบูชามีนักรบเผ่าพันธุ์อมนุษย์ฝีมือสูงส่ง ทั้งหมดโดนข้าจัดการไปแล้ว”
หนานกงเซิ่งเอ่ยตอบ
เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจ ว่าเหตุใดตนเองจึงอดทนตอบคำถามอย่างละเอียดแก่เด็กหนุ่มผู้นี้
ไต้ซือผู้นั้นของแท่นบูชาปีศาจไม่ปรากฏตัวงั้นหรือ?
จ้าวเฟิงสัมผัสเงื่อนงำอะไรบางอย่างได้
หรือว่าก่อนที่หนานกงเซิ่งจะมาถึงแท่นบูชาปีศาจ ไต้ซือผู้นั้นมีเรื่องเร่งด่วนอะไรจนทำให้ต้องรีบร้อนจากไป?
จ้าวเฟิงคิดว่าอาจเป็นไปได้
ด้วยเพราะบริเวณใกล้เคียงของแท่นบูชา นักรบเผ่าพันธุ์อมนุษย์พวกนั้นก็ถูกหานกงเซิ่งสังหารไปหมด ในนั้นยังมีราชันผู้หนึ่งด้วย
หนานกงเซิ่งเหมือนจะบาดเจ็บสาหัส ร่างกายอ่อนแออยู่บ้าง น่าจะไม่ใช่เพียงแค่จากการต่อสู้เท่านั้น แต่อาจเป็นเพราะความพยายามที่จะเก็บ ‘ผลึกปีศาจ’ แต่กลับโดนแรงต่อต้านจากพลังของผลึก
ผลึกปีศาจนั่นก่อให้เกิดความอัปมงคล ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งของไร้ชีวิต แต่มันยังมีสติปัญญาและแผนการ
“ขนาดหนานกงเซิ่งยังไม่อาจเก็บ ‘ผลึกปีศาจ’ ได้ เกรงว่าคนอื่น…” จ้าวเฟิงคิดคำนวณในใจ
ผลึกปีศาจชิ้นนี้ไม่ใช่ผลึกเซียนระดับล่าง
ภายในผืนพสุธา ผลึกเซียนที่แท้จริงชิ้นหนึ่งล้ำค่าเกินจะประมาณ
โดยเฉพาะกับเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับที่ต้องการจะทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ ประโยชน์ของผลึกเซียนบริสุทธิ์มีมากมายเกินคาดคะเน
ทันทีที่จ้าวเฟิงฟื้นฟูกลับไปมีพลังเท่ากับในช่วงชีวิตก่อน เขาจะถึงขั้นใช้พลังของผลึกเซียนได้
สวบ สวบ! จ้าวเฟิงสาวเท้าราวเดินเล่นไปบนแท่นบูชาปีศาจ
เขาเหลือบมอง ‘ผลึกปีศาจ’ ก่อน แล้วจึงเดินเข้าไปใกล้บ่อโลหิตที่มีเสาสีเงินตั้งตระหง่าน
“จ้าวเฟิง!” มีคนทางฟากสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นเอ่ยห้ามขึ้น
พวกเขาคิดว่าจ้าวเฟิงได้รับผลกระทบจากพลังของผลึกปีศาจ
ดวงตาของผู้เฒ่าเฟ่ยฉายแววประหลาด
นัยน์ตาทั้งสองข้างของจ้าวเฟิงเป็นประกาย ไม่มีร่องรอยของการถูกผลกระทบจากผลึกปีศาจแม้แต่น้อย
“ไม่จำเป็นต้องกังวลไป ให้ข้าศึกษาสักครู่” จ้าวเฟิงทำท่าประหนึ่งไม่มีใคร เดินวนไปรอบๆ บ่อโลหิตนั่นหลายรอบ
ในเวลานี้เอง
‘ผลึกปีศาจ’ สาดซัดพลังชั่วร้ายที่ลี้ลับออกมา พยายามจะส่งผลต่อจ้าวเฟิง แต่กลับไม่เป็นผลใดๆ
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปรากฏระลอกสีม่วงอ่อนเส้นหนึ่งขณะจ้องไปที่ผลึกปีศาจ
พรึ่บ!
ผลึกปีศาจสะเทือนเล็กน้อย ก่อนจะปลดปล่อยแสงโลหิตสีม่วงอ่อนชั้นหนึ่งออกมา ซึ่งมีแรงสะท้อนกลับกัดกร่อนกายเนื้อและวิญญาณ
จ้าวเฟิงยืนนิ่งไม่ไหวติงด้วยท่าทางองอาจ
โลกจิตวิญญาณของเขาเป็นดังมหาสมุทรแห่งความตาย กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สาดพลังแก่นแท้ร่างกายที่ไร้รูปร่างปกป้องกายเนื้อเอาไว้ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณและกายเนื้อ ทำให้การฝึกตนอีกครั้งของจ้าวเฟิงมีแนวโน้มว่าจะสมบูรณ์แบบขึ้น
แน่นอนว่าผลึกปีศาจไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาอย่างสมบูรณ์ ความสามารถในการชิงลงมือก่อนด้อยนัก แรงตอบโต้ก็จะมากน้อยตามแรงภายนอก
พูดง่ายๆ คือมองมันเป็นอาวุธที่มีจิตของตนเองได้
ถ้าหากว่าเจ้าไม่หาเรื่องก่อน อาวุธเซียนก็ยากจะเกิดแรงโต้กลับหรือปกป้องตนเองโดยอัตโนมัติ
ในเวลานั้นเอง จ้าวเฟิงนั่งยองลง ยื่นมือชี้ไปยังบ่อโลหิตนั้น
พรึ่บ! ด้วยพลังร่างกายที่ไร้รูปร่าง เลือดกลุ่มหนึ่งภายในบ่อปรากฏขึ้นในมือของจ้าวเฟิง
“นอกจากพลังกัดกร่อนที่ชั่วร้ายของตัวมันเอง เลือดนี้ยังแฝงพลังเลือดบริสุทธิ์ที่อย่างยิ่ง สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายและเพิ่มปราณที่แท้จริง”
จ้าวเฟิงดูตกใจเล็กน้อย
พลังเลือดบริสุทธิ์ในบ่อเลือดมาจากพลังเผ่าพันธุ์เก่าแก่ที่มีมาอย่างยาวนานส่วนหนึ่งในเมืองใต้ดิน
อีกทั้งพลังเลือดบริสุทธิ์ยังได้รับผลกระทบจากการหลอมรวมของพลัง ‘ผลึกปีศาจ’ ด้วย
จากปฎิกิริยาตอบโต้ของราชินีแมงป่อง
องครักษ์ส่วนหนึ่งในเมืองใต้ดินเคยเข้าไปในบ่อเลือด พลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ไต้ซือสามารถติดต่อสื่อสารกับผลึกปีศาจได้ คนส่วนหนึ่งเข้าไปในบ่อเลือดก็จะไม่โดนกัดกร่อนจากพลังชั่วร้าย
แต่กลับกัน ทุกปีเมืองใต้ดินจะส่ง ‘นักโทษ’ เข้าไปภายในบ่อเลือดเพื่อบูชายัญแก่ปีศาจ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว อัคคีใต้พื้นดินจะทะลักออกมา กลืนกินเมืองใต้ดินมากกว่าครึ่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนพบภัยพิบัติ
เผ่าพันธุ์ส่วนหนึ่งก็เคยลองไม่บวงสรวงบูชา ผลสุดท้ายพื้นที่ของเผ่าพันธุ์เหล่านั้นต่างต้องเผชิญหน้ากับระลอกอัคคีจากใต้ดินทั้งสิ้น
เวลายาวนานผ่านไป ลำแสงพลังของปีศาจก็มีผลต่อทั่วทั้งเมืองใต้ดิน
ผู้ที่เชื่อในปีศาจจะได้รับพลัง ผู้ที่ไม่เชื่อต้องเผชิญกับภัยพิบัติ
“เจ้ามนุษย์พวกนี้! พลังของปีศาจจะฉีกทึ้งพวกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ…”
มีเสียงร้องตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากทางเดินฝั่งตรงข้ามจตุรัสสีดำสนิท
แล้วจึงเห็นผู้เฒ่ามนุษย์งูที่ดูอ่อนล้า ในมือกำคทาเพชรสีม่วงเจิดจ้า วิ่งหนีหัวซุกหัวซนมาทางนี้
“นั่นคือ…”
ฝูงชนมีสีหน้าตื่นตระหนก จ้องมองไปยังผู้เฒ่ามนุษย์งูซึ่งอยู่ในชุดไต้ซือผู้นั้น
“นั่นมันไต้ซือ!”
ผู้เฒ่ามนุษย์งูผู้ที่เพิ่งหนีตายมาคือไต้ซือของแท่นบูชาปีศาจ
แต่ทว่า เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ที่โหดร้ายบนแท่นบูชาปีศาจก็พูดอะไรไม่ออก
“พวกมนุษย์แบ่งทหารเป็นสองกองทัพ พยายามโจมตีแท่นบูชาปีศาจ พลังแห่งปีศาจไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะลองดี” ไต้ซือสบถคำก่นด่า แล้วเอ่ยสาปแช่ง
สีหน้าของจ้าวเฟิงตื่นตระหนก ดูจากสถานการณ์ ไต้ซือมนุษย์งูผู้นี้เหมือนจะโดนไล่โจมตีจากพลังบางอย่าง
ตามที่เขารู้มา ไต้ซือเป็นคนของเผ่ามนุษย์งูที่อยู่ใกล้เคียง
“ระวัง! ไต้ซือผู้นี้เป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะ” ผู้เฒ่าเฟ่ยเอ่ยเสียงต่ำ
ไต้ซือผู้นั้นมิได้ชำนาญการต่อสู้มากนัก แต่เขาเป็นราชันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสื่อสารกับผลึกปีศาจได้
“มารพิโรธ!”
ไต้ซือมนุษย์งูโบกคทในมือ เพชรสีม่วงเหนือคทานั้นสะท้อนแสงเข้ากับผลึกปีศาจบนเสาในบ่อเลือด
โครม! ทันใดนั้น ทั่วทั้งจัตุรัสทมิฬกว้างใหญ่ก็สั่นสะเทือน ลำแสงโลหิตม่วงที่ไร้รูปร่างแพร่กระจายไปในความว่างเปล่า ลำแสงโลหิตสีม่วงมีพลังในการกัดกร่อนอย่างมาก เลือดลมชีวิตของสิ่งมีชีวิตในที่ดังกล่าวหลุดลอยอออกไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
อีกทั้ง ในลำแสงโลหิตสีม่วงนั้นยังมีพลังไร้รูปร่างเหมือนพลานุภาพของราชัน กดข่มและจำกัดอากาศทั้งผืนเอาไว้
“เฮอะ!” ร่างหนานกงเซิ่งสั่นน้อยๆ แล้วหายไป
วินาทีต่อมา ไอมีดมิติที่ไร้รูปร่างตรงดิ่งไปที่ไต้ซือมนุษย์งู
ไต้ซือมนุษย์งูไม่มีท่าทีหวาดกลัว คทาในมือสาดลำแสงโลหิตสีม่วงกระแทกหนานกงเซิ่งให้กระเด็นถอยไป
ขณะที่คนทั้งหมดตื่นตระหนกในความสามารถของไต้ซือนั้นเอง
“ไต้ซือมนุษย์งู! เจ้าจะหนีไปไหน…”
เสียงดังกึกก้องราวสายอัสนีดังขึ้นพร้อมกับพลานุภาพของราชันกลุ่มหนึ่ง
สวบ สวบ สวบ!
พื้นที่ตรงข้ามเผ่าพันธุ์งู เงาร่างที่มีกลิ่นอายแข็งกล้ามาเป็นกลุ่ม มีคนจำนวนประมาณร้อยห้าหกสิบคน