บทที่ 798 เจ้าแมวขโมยยึดอำนาจ
ในตอนที่คนอื่นกำลังตกใจกับกระบวนท่า ‘ระเบิดสายฟ้า’ ที่แข็งแกร่งของกูเจาจื้อ
“กระบี่ฟ้าดิน!”
บนร่างของหนานกงเซิ่งเปล่งประกายแสงสีเงินวิจิตร ในมือปรากฏมรดกกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่ง กวัดแกว่งช้าๆ คมกระบี่โค้งสีเงินที่เจิดจ้าก็ทับซ้อนในอากาศ เกิดเป็นพลังรุนแรงที่เขย่าฟ้าสะเทือนดิน
คมกระบี่นั้นประหนึ่งบิดฟ้าดิน สำนึกรู้ทรงพลังเหนือทุกสิ่ง
ในขณะที่ฟาดฟันกระบี่ฟ้าดิน เสวียนอ้าวและสำนึกรู้ด้านหน้าทั้งหมดล้วนเผชิญกับการล้มล้างและทำลาย
โครม!
กระบี่นั้นตัดลำแสงโลหิตสีม่วงที่ปกคลุมทั้งจตุรัสทมิฬออกเป็นสองส่วน แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แกรก! เปรี้ยง
เมืองใต้ดินที่แข็งแกร่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง นี่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่มิติเทพลวงตากดพลังไว้มหาศาล
‘แท่นบูชาปีศาจ’ ที่ถูกโจมตีเป็นอย่างแรก บริเวณรอบนอกล้วนปริแตกออกเป็นชั้นๆ
“มรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์…ระดับเทียบเท่าได้กับอาวุธชั้นนภา”
ไต้ซือมนุษย์งูมีสีหน้าตื่นตระหนก
“กระบี่ฟ้าดิน! ที่แท้ก็เป็นมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ถูกส่งต่อของทวีปชิ้นนี้”
กูเจาจื้อที่อยู่อีกฟากเสียสมาธิไปเล็กน้อย
พลังกระบี่ของหนานกงเซิ่งเทียบเท่าได้กับระเบิดสายฟ้าของเขา แต่ว่าความสามารถบิดงอฟ้าดินและตัดผ่านสำนึกรู้พิเศษยิ่งกว่า
สิ่งใดแกร่งสิ่งใดด้อย มองปราดเดียวก็รู้ได้“ไม่เสียทีที่เป็นมรดกกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบเท่ากับ ‘ธนูเหนือนภา’ ”
จ้าวเฟิงที่อยู่ในกระบวนทัพด้านหลังคิดในใจ
กระบี่ฟ้าดินและธนูเหนือนภาล้วนมาจากอุทยานครึ่งเซียนในยามก่อน
เด็กน้อยคุนอวิ๋นในช่วงรุ่งโรจน์อยู่ในจุดสุดยอดของโลกแห่งนี้ อาวุธศักดิ์สิทธิ์และของเก็บสะสมของเขาต้องเป็นสมบัติล้ำค่าชั้นยอดอยู่แล้ว
“พวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจ…” ไต้ซือมนุษย์งูสัมผัสได้ถึงการทรุดตัวลงของแท่นบูชา
เขารีบโบกคทา สื่อสารกับพลังของผลึกปีศาจเพื่อปกป้องแท่นบูชาไว้
แต่ทว่า
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างต่อเนื่องของหนานกงเซิ่งและกูเจาจื้อ เกรงว่าแท่นบูชาปีศาจไม่น่าจะทนต่อไปได้นานนัก
“ออกมา!”
ไต้ซือมนุษย์งูกัดฟันกระทุ้งคทาในมือลงบนพื้น
ตูม! ในบ่อเลือดใจกลางแท่นบูชา ระลอกเลือดหมุนวนปั่นป่วน ตรงกลางปรากฏน้ำวนสีเลือดขึ้น
“วูบ!”
แมงป่องชั่วร้ายสีดำทะมึนทะยานออกมาจากน้ำวนสีเลือด แสงโลหิตสีเข้มผุดขึ้นทั่วร่าง นัยน์ตาสองข้างแดงก่ำ อีกทั้งโครงร่างส่วนหน้ายังคล้ายคลึงกับราชันแมงป่องตนก่อนอยู่หลายส่วน
แมงป่องยักษ์โลหิตมืดตัวนั้นดุจภูเขาขนาดเล็ก สาดซัดกลิ่นอายบ้าคลั่งกระหายเลือดออกมา
ปัง! เปรี้ยง!
จตุรัสใต้ดินอันเป็นที่ตั้งของแท่นบูชาปีศาจสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง เหมือนยากจะแบกรับพลังมหาศาลเอาไว้ได้
“ระวัง!”
ผู้เฒ่าเฟ่ยเอ่ยเสียงต่ำ กลิ่นอายที่แมงป่องยักษ์ตัวนั้นสาดซัดออกมาแข็งแกร่งกว่าราชาแมงป่องคนก่อนหลายเท่า
ตูม ตูม!
หนานกงเซิ่งและกูเจาจื้อที่เป็นแกนนำหลักบุกทะลวง ถูกพายุหมุนโลหิตม่วงที่หมุนวนจากแมงป่องยักษ์โลหิตมืดกระแทกปลิวออกไป
“ราชาแมงป่องตนนั้นเพิ่มความแข็งแกร่งโดยบ่อโลหิตและผลึกปีศาจ กำลังรบแตะขั้นราชันระดับสุดยอด นอกเหนือจากความต่างของดวงวิญญาณและสำนึกรู้ ในด้านต่างๆ ก็ถึงขั้นที่อาจจะไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิ…”
จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ที่อยู่ในกระบวนทัพด้านหลังสัมผัสกลิ่นอายโหดร้ายทารุณที่กดข่มร่างกายและจิตใจ
ในทุกครั้งที่แมงป่องยักษ์โลหิตมืดขยับ คมแสงโลหิตสีม่วงเย็นยะเยียบจะกลายเป็นพายุหมุนน่าสะพรึง แล้วทำลายทุกอย่างให้แหลกละเอียดไป
หนานกงเซิ่งและกูเจาจื้อ ราชันทั้งสองคนร่วมมือกันถึงจะฝืนต้านการโจมตีของมันได้
ถ้าหากให้แมงป่องยักษ์โลหิตมืดตัวนี้บุกเข้ามาในกลุ่มคน ผลที่ตามมาจะเลวร้ายเกินคาดเดา
“แบ่งการโจมตีออกเป็นสองทาง!”
ผู้เฒ่าเฟ่ยกำกับบรรดาอัจฉริยะและยอดฝีมือที่รวมตัวกันตั้งกระบวนทัพด้านหลัง นอกเหนือจากการโจมตีของอัจฉริยะที่เหลือ สามสำนักก็แบ่งเป็นสามกลุ่ม
หนึ่งในนั้นเป็นพลังอัคคีที่แข็งกล้า ใช้เพื่อจำกัดแมงป่องยักษ์โลหิตมืด
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไปโจมตีแท่นบูชาปีศาจ
“คมกระบี่ฟ้าดิน!”
หนานกงเซิ่งปรากฏกายบนอากาศเหนือแมงป่องยักษ์โลหิตมืด ฟันจนเกิดรอยแยกสีเงินสว่างกึ่งโปร่งแสง กว้างถึงครึ่งจั้ง ยาวสิบกว่าจั้ง ทำลายสิ่งที่อยู่ในอากาศบริเวณรอบๆ จนแหลกละเอียดด้วยพลังมิติไร้รูปร่าง
เคล็ดวิชามิติในระดับนี้ เมื่อเพิ่มพลังจากกระบี่ฟ้าดินก็เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่มันทำลายไม่ได้
แกรก!
ระลอกแสงเลือดสีเข้มบนร่างของแมงป่องยักษ์ถูกฉีกทึ้งทันใด ทิ้งไว้เพียงบาดแผลที่ลึกจนเห็นกระดูกและอวัยวะภายใน
ในเวลาฉับพลัน แมงป่องยักษ์โลหิตมืดร้องตะโกนจนจตุรัสสั่นไหว
แซ่ด!
หนานกงเซิ่งหายตัวไป หลบการพุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่งของแมงป่องยักษ์โลหิตมืด ปรากฏกายขึ้นข้างตัวมัน แล้วจึงปลดปล่อยอัสนีออกมาอีกครั้ง
“ระเบิดสายฟ้า!”
อาวุธชั้นพิภพรูปร่างหอกยาวปรากฏในมือกูเจาจื้อ หอบเอาแสงสายฟ้าที่เกาะกลุ่มแสบตามา อาศัยช่วงที่แมงป่องยักษ์โลหิตมืดกรีดร้องแทงทะลุเข้าไปในปากกว้างของมัน แล้วระเบิดมันออกในทันที
ตูม——
ร่างกายใหญ่โตของแมงป่องยักษ์โลหิตมืดไหม้เกรียมดำสนิท ใบหน้าและริมฝีปากที่โดนระเบิดจากลำแสงสายฟ้าแทบจะไหม้หมดแล้ว
และแน่นอน กระบวนท่านี้ของกูเจาจื้อ การโจมตีทุกครั้งล้วนแต่จะใช้อาวุธวิเศษไปชิ้นหนึ่ง
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือ ไม่เหมือนหนานกงเซิ่งกระตุ้นที่กระบี่ฟ้าดินจนสิ้นเปลืองพลังไปมาก
ตึง! โครม!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง การโจมตีจากทั้งสามสำนักตกลงบนร่างของแมงป่องยักษ์โลหิตมืดอย่างต่อเนื่อง
แมงป่องยักษ์โลหิตมืดสะบักสะบอม ในดวงตามีแววหวาดกลัว
พลังมิติของหนานกงเซิ่งส่งผลให้มันอับจนหนทาง การโจมตีของกระบี่ฟ้าดิน พลังมหาศาล รวมกับเคล็ดวิชามิติ แข็งแกร่งเกินกว่าจะถูกทำลายได้
หนำซ้ำหนานกงเซิ่งยังเป็นราชันในระดับลึกซึ้งแขนงมิติที่หาได้ยากยิ่ง
จากเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป แมงป่องยักษ์โลหิตมืดบาดเจ็บหนัก การป้องกันร่างกายของมันแข็งแกร่ง แต่กลับต้านทานการฟาดฟันของเคล็ดวิชามิติจากกระบี่ฟ้าดินไม่ได้
เมื่อเห็นสถานการณ์ดังกล่าว สีหน้าของไต้ซือแห่งแท่นบูชาปีศาจหวาดผวา
เมื่อแท่นบูชาปีศาจถูกทำลายลงไป ความสามารถในการสื่อสารกับพลังของผลึกปีศาจจะลดทอนลงไปถึงหนึ่งในห้าส่วน
อีกทั้งครั้งนี้ กองทัพอันแข็งแกร่งที่เกิดจากการรวมตัวกันสำนักทั้งสาม มีการโจมตีทรงพลังกว่า การต้านทานพลังของผลึกปีศาจก็เพิ่มขึ้นมากด้วย
ต่อให้พลังแข็งแกร่งสักเท่าไร ก็ไม่สามารถรับมือกับคนจำนวนมากได้
ตอนนี้แมงป่องยักษ์โลหิตมืดที่ถูกโจมตีโดยสำนักทั้งสามกำลังจะพ่ายแพ้
บนใบหน้าของไต้ซือเผยความกระวนกระวายในที่สุด
“คลื่นวารีปีศาจ!”
ไต้ซือตะเบ็งเสียงออกมา เขาปักไม้คทาในมือลงไปในบ่อเลือด ระลอกลำแสงโลหิตก็เดือดพล่าน
‘มุกปีศาจ’ ที่อยู่บนเสาสีเงินในบ่อเลือดสาดแสงเซียนโลหิตม่วงดั่งฝนพรำ นำคลื่นพลังที่เกินขอบเขตปราณเทวะกลุ่มหนึ่งมาด้วย
โครม! พู่ว~
ในเวลาสั้นๆ แสงโลหิตม่วงและไอสวรค์ในฟ้าดินสอดประสาน ส่งเสียงโครมครามกึกก้อง แล้วก่อตัวเป็นกระแสน้ำที่หมุนวน
กระแสน้ำทำให้พลังหรือกระบวนท่าทั้งหมดที่อยู่บนพื้นฐานของไอสวรรค์เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้น
บรรดายอดฝีมือของทั้งสามสำนักเลือดลมปั่นป่วน พลังของปราณที่แท้จริงสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว แทบจะเสียการควบคุมไป
ยามนั้น
ในสถานที่ดังกล่าวโกลาหลวุ่นวาย มีเพียงผู้ที่อยู่เหนือขั้นครึ่งก้าวสู่ราชันขึ้นไปจำนวนน้อยนิดที่สะกดปราณที่แท้จริงของตนให้มั่นคงอยู่ได้
ขนาดการโจมตีของราชันทั้งสองยังหยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่งเช่นกัน
แต่ทว่า พลังแก่นแท้ร่างกายของแมงป่องยักษ์มหาศาล ถึงแม้ไอสวรรค์จะโดนรบกวนก็ตาม แต่ก้ามแมงป่องของมันก็ยังคุกคามคนในขั้นราชันปราณเทวะได้อยู่ดี
“แก่นแท้พลังกายจะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พิเศษประเภทนี้”
จ้าวเฟิงยืนนิ่งไม่ไหวติง มั่นคงหนักแน่นราวภูเขาไท่ซาน
กระบวนท่า ‘คลื่นวารีปีศาจ’ นี้ของไต้ซือ สามารถส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อปราณที่แท้จริง และพลังที่แท้จริงประเภทต่างๆ บนพื้นฐานของไอสวรรค์ฟ้าดิน
ในสภาพแวดล้อมอันพิเศษเช่นนี้ ถึงขั้นมีการจำกัดไอสวรรค์ในฟ้าดิน
แต่ว่าวิชาฝึกฝนร่างกาย แก่นแท้พลังกาย กลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดในสถานการณ์ที่บีบบังคับเหล่านี้
เด็กน้อยคุนอวิ๋นในกาลก่อน ก็ได้หยิบยืมเอา ‘กายศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเซียน’ เขย่าฟ้าดิน ใช้พลังที่บริสุทธิ์กดดันทุกสรรพสิ่งเหมือนไม่มีขีดจำกัดใดๆ
“ถึงไต้ซือผู้นั้นจะทำเช่นนี้ แต่ก็เหมือนจะไม่ส่งผลกระทบใหญ่โตใดๆ”
จ้าวเฟิงขมวดคิ้ว
จนถึงขณะนี้ ในการสำรวจเมืองใต้ดิน เขาล้วนแต่อยู่ในฐานะ ‘ตัวประกอบ’ หรือ ‘คนไม่โดดเด่นอะไร’
นอกเหนือจากจับ ‘ราชินีแมงป่อง’ เป็นทาสอย่างลับๆ จ้าวเฟิงก็ไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงอะไรอีก เพียงแค่เพราะยังไม่ถึงช่วงเวลาที่สำคัญในการแบ่งผลประโยชน์
“อย่าปล่อยให้เขาหนีไป…”
ผู้เฒ่าเฟ่ยมองอะไรออกอย่างฉับพลัน จึงพึมพำเสียงเบา
เมื่อเอ่ยจบ ก็เห็นไต้ซือมนุษย์งูบนแท่นบูชาเร้นกายหนีไปภายใต้การปกคลุมของ ‘คลื่นวารีปีศาจ’
ที่แท้ไต้ซือมนุษย์งูเห็นว่าตนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จึง ‘สละส่วนน้อยเพื่อประคับประคองสิ่งที่สำคัญกว่า’ เสีย
จากผลกระทบของ ‘คลื่นวารีปีศาจ’ ทำให้ยอดฝีมือทั้งสามสำนักไม่สามารถโคจรปราณที่แท้จริงได้อย่างที่ปรารถนา
แต่เพราะคทาในมือของเขาสามารถสื่อสารกับพลังของผลึกปีศาจ จึงไม่ได้รับผลกระทบจาก ‘คลื่นวารีปีศาจ’
“หนีไปไหน!”
หนานกงเซิ่งกลายร่างเป็นแสงสีเงินสายหนึ่ง ไล่ตามไต้ซือมนุษย์งูผู้นั้นไป
พลังมิติเป็นการใช้พลังที่พิเศษยิ่งกว่านั้น จึงไม่ได้รับผลกระทบของ ‘คลื่นวารีปีศาจ’ มากนัก อีกทั้งไต้ซือมนุษย์งูยังไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของคลื่นวารี
ถึงจะเป็นเช่นนั้น
ความเร็วของหนานกงเซิ่งกูก็ถูกจำกัดเอาไว้อย่างมาก ทำได้เพียงพยายามอย่างสุดกำลังที่จะไล่ตามไป
สิบช่วงลมหายใจต่อมา
เมื่อหนานกงเซิ่งไล่ตามออกมาจากจตุรัสทมิฬ ผลกระทบของคลื่นวารีปีศาจลดลงไปจนถึงขีดต่ำสุด
“ตายซะ!”
หนานกงเซิ่งปล่อยไอมีดว่างเปล่าที่เป็นดั่งระลอกน้ำออกมา เสียง ‘เปรี๊ยะ’ ดังขึ้น ไต้ซือมนุษย์งูกระเด็นลอยออกไป
ไต้ซือมนุษย์งูตะโกนร้องเจ็บปวด เลือดและเนื้อบนร่างเละไปหมด
กระทั่งขนาด ‘ไม้คทา’ ในมือของเขายังหลุดออกจากมือในขณะที่ถูกโจมตี
เมี้ยว เมี้ยว!
เส้นสีเงินเส้นหนึ่งสว่างวาบขึ้น แล้วจึงปรากฏแมวตัวน้อยสีเงินเทาตัวหนึ่ง
แมวตัวน้อยตัวนั้นเคลื่อนไหวร่างกายอย่างปราดเปรียว มือคว้าเอา ‘ไม้คทา’ มา
“เอ๊ะ?” เมื่อหนานกงเซิ่งเห็นเจ้าแมวตัวน้อยนี้ก็ตกใจอย่างยิ่ง
เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยตัวนั้นกำไม้คทาหัวเพชรสีม่วงเอาไว้ แสยะยิ้มไปทางหนานกงเซิ่ง
“เอาคทาข้าคืนมา!” ไต้ซือมนุษย์งูตะโกนเสียงดังใส่อีกฝ่ายอย่างกราดเกรี้ยว
ผลั่ก!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกคทาในมือ ตีไปบนศีรษะของไต้ซือมนุษย์งู อย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง แล้วจึงหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ไต้ซือมนุษย์งูร้องออกมา ศีรษะบวมขึ้น เกิดความรู้สึกวิงเวียนขึ้นมา
เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกำคทาเอาไว้แน่น แล้วหายตัวไปจากเบื้องหน้าของไต้ซือมนุษย์งูและหนานกงเซิ่ง
“หรือว่า…”
หนานกงเซิ่งใจเต้นรัว แต่กลับไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก ปล่อย ‘รอยแยกโลหะเวหา’ ฟันฉับลงไปที่ไต้ซือมนุษย์งู ที่ดูงุนงงอย่างเห็นได้ชัด จนร่างกายขาดออกเป็นสองท่อน
หลังจากนั้นสักครู่
เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว!
บนแท่นบูชาปีศาจ ปรากฏแมวตัวน้อยที่ในมือข้างหนึ่งกำไม้คทาเอาไว้ เต้นร้องระบำราวกับเป็นหัวขโมยผู้หนึ่ง
ยอดฝีมืออัจริยะของทั้งสามสำนักล้วนแต่มีสีหน้าประหลาด
ในเวลานี้ พลังของ ‘คลื่นวารีปีศาจ’ นั้นยังไม่หยุดไป
เมี้ยว! ดวงตาของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยกลอกไปมา โบกไม้คทาในมือ
ทันใดนั้น คลื่นวารีปีศาจที่กดข่มทั่วท้องฟ้าหยุดชะงักลงไปในทันที
“นั่นเหมือนจะเป็น…แมวของจ้าวเฟิง!” มีลูกศิษย์คนสำคัญคนหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นเอ่ยปาก
“หรือว่าเจ้าแมวตัวนี้จะถูกไต้ซือยึดร่างเอาไว้แล้ว จึงสามารถสื่อสารกับพลังของ ‘ผลึกปีศาจ’ ได้”
สีหน้าของยอดฝีมืออัจฉริยะของสามสำนักเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
พลังชั่วร้ายของผลึกปีศาจส่งผลกระทบต่อทั่วทั้งสถานที่แห่งนั้นในฉับพลัน จนคนต้องล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ!
ในเวลาเดียวกัน แมงป่องยักษ์โลหิตมืดตัวนั้นก็กลายร่างเป็นมนุษย์แมงป่อง กระตุ้นเสี้ยวเงาเส้นหนึ่งมุดเข้าไปภายในอุโมงค์
แต่ในเวลาดังกล่าวไม่มีใครสนใจราชามนุษย์แมงป่องที่พ่ายแพ้และหนีไป
จุดสนใจของคนทั้งหมดอยู่ที่เจ้าแมวบนแท่นบูชา
“‘จ้าวเฟิง! แมวของเจ้ากลายเป็นไต้ซือคนใหม่ของแท่นบูชาปีศาจได้อย่างไรกัน…?”
ดวงตาของผู้เฒ่าเฟ่ยเบิกกว้าง รวมไปถึงพวกข่งเฟยหลิงที่ล้วนแต่มีสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อจ้องมองไปที่จ้าวเฟิงผู้เป็นเจ้านายของแมวตัวนี้