บทที่ 833 หุบเหวแห่งความสิ้นหวัง
มิติเทพลวงตา เดิมเป็นโลกปรักหักพังที่เทพบรรพกาลทิ้งไว้ มันร่อนลงยังฟ้าและดินที่อยู่ใกล้ ทุกร้อยปีจะทับซ้อนกับดินแดนทวีปครั้งหนึ่ง
ทว่ามิติที่เหล่ายอดฝีมืออยู่ยามนี้ คือขอบเขตซ้อนขอบเขตที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของมิติเทพลวงตา
ยามนี้ กลุ่มคนอยู่รอบนอกของอาณาเขตเก่าแก่ลึกลับ ด้านหลังคือชั้นแสงดุจอาทิตย์แรงกล้า ลักษณะเหมือนหินละลายกระเพื่อมไหว
ไอสวรรค์ในมิติลี้ลับหนาแน่นกว่าโลกภายนอกมาก
ครืน~
ส่วนลึกของมิติลึกลับ เงาแสงเกี่ยวกระหวัดตัดกัน อากาศสั่นไหวน้อยๆ กลิ่นอายพลังมังกรสะเทือนดินฟ้าแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไกลออกไป เห็นคฤหาสน์ราวอัญมณีสีม่วงหลังหนึ่งอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์โลหิตที่คล้ายหมอก ผิวนอกมีแสงพร่างพรายสีดำมืดผุดขึ้น
คฤหาสน์นั้นให้ความรู้สึกคลุมเครืออย่างที่บรรยายไม่ได้ ซ้ำยังส่งกลิ่นอายชั่วร้ายออกมา
จ้าวเฟิงรู้สึกว่ามันมีบางจุดที่คล้ายคลึงกับผลึกปีศาจ
“คฤหาสน์ที่อยู่ไกลๆ นั่นน่าจะเป็น ‘คฤหาสน์เสียหยาง’ ”
องค์ชายแปดทอดมองไปไกล
สายตาของคนทุกผู้จับจ้องยังคฤหาสน์ที่ประหลาดเหมือนความฝัน
ฮู่! ครืน! เสียงสั่นสะเทือนจากแรงปะทะดังมาจากส่วนลึกในคฤหาสน์ เสียงมังกรร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวชัดเจนขึ้น
ชั้นนอกของคฤหาสน์ แสงหมอกอาทิตย์โลหิตถูกทำลายเป็นระยะ ทว่าฟื้นคืนสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว
สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเห็นเงามังกรยักษ์เกล็ดดำอยู่เลือนราง มันกางกรงเล็บแยกเขี้ยว ทุกครั้งที่โจมตีล้วนมีอานุภาพถล่มฟ้าดิน พายุหมุนมืดดำกวาดทำลายสี่ทิศจนราบคาบ รอบนอกคฤหาสน์ หลุมรอยไหม้กระจายตัวอยู่ทั่ว
กระทั่งค่ายกลหมอกคุ้มกันยังมีหลุมและรอยแยกจากการโจมตีต่อเนื่องของมังกรวารีทมิฬ
ขวับ ขวับ ขวับ! ครั้นค่ายกลคุ้มกันถูกโจมตี กลุ่มเส้นแสงโลหิตม่วงจะฟาดฟันทุกสิ่ง
อานุภาพของแสงแต่ละเส้นจากพลังค่ายกลสามารถสังหารราชัน จนกระทั่งทำร้ายจักรพรรดิปราณเทวะเจ็บสาหัสได้ ทว่าร่างกายของมังกรทมิฬแกร่งจนถึงขั้นพิสดาร ฝืนต้านทานการโจมตีจากเส้นแสงโลหิตม่วงนับพัน โดยไม่บาดเจ็บถึงเนื้อแท้
“นี่คืออานุภาพของสายเลือดลำดับเก้าในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ…”
จ้าวเฟิงนึกหวาดหวั่น
ไม่เสียทีที่มังกรล้างโลกาตัวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบ ไม่มีอื่นใดอีก!
ขอบนอกของอาณาเขตลี้ลับ
กองกำลังยอดฝีมือจากราชวงศ์ต้าเฉียน รู้สึกถึงพลังมังกรทำลายล้างที่หมุนตลบเข้ามา แต่ละคนตื่นกลัวจนอยู่ไม่เป็นสุข กำลังคนทั้งหลายแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม มุ่งเข้าใกล้คฤหาสน์ด้วยความระมัดระวัง
อาณาเขตของคฤหาสน์ค่อนข้างกว้างขวาง
กลุ่มยอดฝีมือต่างเดินอ้อมไปยังตำแหน่งที่อยู่ห่างจากมังกรวารีทมิฬ
จุดนี้ทุกคนล้วนทำเหมือนกัน เพราะอย่างไรก็ไม่มีใครอยากกระตุ้นจุดสนใจและความเป็นศัตรูของมังกรล้างโลกา
ไม่นานจากนั้น กลุ่มยอดฝีมือผู้แกร่งกล้าเข้าใกล้อีกด้านหนึ่งของคฤหาสน์ ‘พลังค่ายกลคุ้มกัน’ ตรงชั้นนอกชวนให้รู้สึกพรั่นพรึง
“ค่ายกลคุ้มกันชั้นนอกทรงพลังเพียงนี้ มังกรวารีล้างโลกาโจมตีอยู่นานก็ไม่ทลายออก?”
สตรีชุดแดงฝั่งวังลอยฟ้ามีสีหน้าแปลกใจ
มังกรตัวนั้นโจมตีรุนแรงขนาดไหน ทุกคนรู้ได้จากกลิ่นอายของมัน
อธิบายให้เห็นภาพสักหน่อย แรงทำลายทุกครั้งของมังกรทมิฬจะถล่มสำนักสองดาวแห่งหนึ่งให้สิ้นซากได้
ในกลุ่มอัจฉริยะยอดฝีมือเหล่านี้ ไม่มีผู้ใดมีหวังจะสามารถต้านรับการโจมตีครั้งหนึ่ง
‘มังกรวารีล้างโลกาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจต่อกรได้สำหรับพวกเรา’
จ้าวเฟิงทอดถอนใจ จำต้องยอมรับในเรื่องนี้
สายเลือดดวงตาซ้ายของเขาสอดส่องจนชัดแจ้งขึ้น หลังวิเคราะห์จึงได้ข้อสรุปดังกล่าว
“เฮอะ เฮอะ”
ศิษย์พี่จูเก๋อหัวเราะเบาๆ “เป้าหมายของมังกรทมิฬคือทำลายค่ายกลคุ้มกัน ต้องยากเย็นแน่นอน”
คนทั้งหลายพยักหน้าเห็นด้วย
ค่ายกลรอบนอกคฤหาสน์คือ ‘ค่ายกลเทพคุ้มกัน’ ความสามารถฟื้นฟูตนเองยอดเยี่ยมนัก ถึงแม้ผ่านมานานหลายปี พลังค่ายกลสลายไปมากมาย จึงมีหลุมและรอยแยกบางส่วนก็ตาม
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ต้องขอบคุณมังกรวารีนั่นที่เปิดทางให้เรา มันโจมตีค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง รอยแตกร้าวก็ยิ่งเยอะ”
“หึหึ มังกรวารีล้างโลกามีพลังทำลายล้างแก่กล้า แต่ตัวใหญ่เช่นนี้ กลับยากจะเข้าไปด้านในคฤหาสน์ผ่านรอยโหว่ของค่ายกล”
อัจฉริยะส่วนหนึ่งอดหัวเราะลั่นไม่ได้ ใบหน้าทั้งลำพองใจทั้งหยามเหยียด
ตั้งแต่เริ่มตามรอยมังกรทมิฬ จนถึงยามนี้ที่อีกฝ่ายทำลายและเปิดทาง ล้วนเป็นประโยชน์แก่พวกเขาทั้งสิ้น
เหมือนทุกอย่างที่มังกรวารีทมิฬทำไปก็เพื่อรับใช้มนุษย์
ยามนี้ มังกรวารีล้างโลกาพุ่งโจมตีบ้าระห่ำอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ทำให้ค่ายกลเทพคุ้มกันนอกคฤหาสน์ปรากฏรอยร้าวบางส่วน กระทั่งมีรอยแยก
เหล่าคนในที่นั้นไม่ขาดแคลนปรมาจารย์ค่ายกล ซึ่งมองเห็นรอยแตกร้าวมากมาย
“หารอยร้าวที่มั่นคง แล้วค่อยคิดหาวิธีเข้าไป”
กองกำลังยอดฝีมือตามหารอยโหว่ที่ใหญ่พอในบริเวณนั้น เพื่อใช้มันเป็นทางเข้าสู่คฤหาสน์ ทว่าทุกรอยแตกที่ปรากฏ ค่ายกลเทพคุ้มกันล้วนฟื้นคืนสภาพอย่างรวดเร็ว
“ช่องโหว่และรอยแตกร้าวของค่ายกลทั่วไปจะคงอยู่ช่วงระยะหนึ่ง แต่นี่เป็นค่ายกลเทพคุ้มกัน หากอยากทะลวงเข้าไปผ่านช่วงโหว่ธรรมดา ระดับความยากสูงเกินไป และยังเสี่ยงอันตรายมากด้วย”
ซินอู๋เหินพึมพำเสียงต่ำ
ค่ายกลชั้นยอดทั่วไป เพียงอาศัยช่องโหว่รอยร้าวก็คิดหาหนทางเข้าไปได้ ต่อให้มีแรงสะท้อนกลับบ้างก็ยังสามารถต้านทานไว้
แต่ค่ายกลนี้มิใช่ธรรมดา แรงสะท้อนกลับเพียงเล็กน้อยสามารถปลิดชีพราชันในขอบเขตปราณเทวะ
“มีเพียงเข้าไปผ่าน ‘รอยแตก’ ถึงจะไม่เผชิญแรงสะท้อน เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด”
ปรมาจารย์ค่ายกลผู้หนึ่งเอ่ย
เพียงแต่รอยแตกที่ว่าเกิดขึ้นหลังมังกรเข้าโจมตี หนำซ้ำค่ายกลยังซ่อมแซมตัวเองดีเยี่ยมยิ่ง ทุกครั้งที่มีรอยแยกจะกลับคืนสภาพทันที ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจควบคุมการปรากฏขึ้นของมันได้ เวลากระชั้นอย่างมาก ยากจะทำสำเร็จ
“รอให้รอยแตกปรากฏ จากนั้นคว้าโอกาสในวินาทีนั้นไว้”
กองกำลังยอดฝีมือผู้เก่งกาจเฝ้ารออยู่บริเวณที่รอยแยกเผยให้เห็นบ่อยครั้ง
เหล่าคนทั้งหลายต่างตั้งสมาธิมองไป
อย่างไรก็ตาม ตอนที่คนครึ่งหนึ่งของวังลอยฟ้ากับฝ่ายเชื้อพระวงศ์เข้าไปแล้ว ผ่านไปนาน รอยแตกค่ายกลกลับไม่ปรากฏ
“เกิดอะไรขึ้น? รอยแตกยังไม่มาอีก?”
คนมากมายตรงนั้นกระซิบกระซาบกัน
ขณะนั้น เซวียนหยวนเหวินแห่งวังลอยฟ้าและองค์ชายเก้านำกำลังคนส่วนหนึ่งของตนเข้าไปในคฤหาสน์สำเร็จ
พวกเขาเหล่านั้นกำลังรอรวมพลกับคนอื่นๆ อยู่ในนั้น แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ รอยแยกไม่ปรากฏขึ้นเสียที การโจมตีของมังกรล้างโลกาอีกฟากหนึ่งก็คล้ายจะหยุดลง
“น่าแปลก…”
ศิษย์พี่จูเก๋อมุ่นคิ้วน้อยๆ พลางครุ่นคิด
วินาทีนั้น เขาตระหนักขึ้นได้ จึงมองไปทางมังกรวารีล้างโลกา ทว่าไม่เห็นร่องรอยของมัน สีหน้าผิดแปลกไป
เสียงมังกรคำรามสะเทือนขวัญทุกสรรพสิ่ง พลันลอยมาจากเหนือศีรษะทุกคน กลิ่นอายทำลายล้างที่แผ่ปกคลุมอยู่ทั่วบีบคั้นเข้ามา
“อ๊าก!”
กำลังคนมากฝีมือถูกปกคลุมอยู่ใต้เงามืดดำใหญ่ยักษ์ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ทุกคนร้องตกใจ แผ่นหลังชุ่มเหงื่อเย็น
“มังกรวารีล้างโลกา!”
บนศีรษะพวกเขาคือมังกรวารีเกล็ดดำตัวมหึมาราวห้าจั้ง บนร่างมีโซ่สีดำขนาดเท่าถังน้ำพันรอบ สองดวงตาใหญ่เท่าหนึ่งห้องช่างเยียบเย็นลึกล้ำ แฝงนัยหยอกล้อ มองฝูง ‘มดปลวก’ ลงมาจากด้านบน
ชั่วขณะนั้น ทุกคนร้องลั่น หัวใจขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ
ใครก็ไม่คาดคิดว่ามังกรวารีจะเก็บงำกลิ่นอายบินขึ้นสูง ก่อนลอบลดระดับลงเหนือศีรษะพวกเขา
มังกรวารีล้างโลกาเปล่งเสียงคำรามสะเทือนดินฟ้า พลังมังกรกับพายุไร้รูปกดดันทั่วบริเวณ
ตุ้บ! ตุ้บ! ยอดฝีมืออัจฉริยะบางส่วนแบกรับกลิ่นอายกดดันไม่ไหว ทรุดลงไปคลานทันที
อึก! อึก!
มีอีกไม่น้อยที่กระอักเลือดอยู่ตรงนั้น
เมื่ออยู่ใต้แรงกดดันจากกลิ่นอายพลังมังกร คนต่ำกว่าขั้นราชันไม่มีแม้แต่แรงตอบโต้
“มังกรวารีทมิฬ…”
ใจกายจ้าวเฟิงหนักอึ้ง ร่างกายสายเลือดสั่นเทาตามสัญชาตญาณ
ความคิดเขาหมุนวน คิดคำนวณหาวิธีหนีเอาชีวิตรอด กลับพบว่าอัตราความสำเร็จต่ำอย่างยิ่ง
วูบ! ขณะมังกรวารีล้างโลการ้องคำราม พายุหมุนสีดำอ่อนไร้รูปร่างปกคลุมทั่วสิบลี้
กองกำลังของขั้วอำนาจ…วังลอยฟ้า เชื้อพระวงศ์ต้าเฉียน หอกระบี่ฟ้า วังเก้านิรย ทั้งหมดพลันตกอยู่ในพายุหมุนไร้รูปนั้น
“อ๊าก อ๊าก…”
บริเวณรอบนอกมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามหลบหนี หนึ่งราชันปราณเทวะ สี่ครึ่งก้าวสู่ราชัน ถูกพายุหมุนเข้าโอบรอบ กลายเป็นเถ้าธุลีในฉับพลัน
พรึ่บ! กรงเล็บมังกรใหญ่โตตะปบลง บดขยี้สมาชิกที่เหลืออยู่ในกลุ่มนั้นจนแหลกลาญ ที่เดิมเหลือหลุมไหม้ดำกว้างร้อยจั้งทิ้งไว้
เฮือก! กำลังคนของขั้วอำนาจสูดลมหายใจเย็นเยือก
เพียงปรากฏกาย มังกรวารีทมิฬก็สังหารกองกำลังกลุ่มหนึ่งของสำนักสามดาวทันที
“พวกมนุษย์โง่เง่า! พวกเจ้ากล้าตามรอยเผ่าพันธุ์ล้างโลกาที่ยิ่งใหญ่ พยายามใช้ประโยชน์จากตัวข้า อยากได้มาซึ่งผลประโยชน์จากคฤหาสน์เสียหยาง?”
เสียงเย็นชาที่อยู่เหนือทุกสิ่งดังมาจากเบื้องบน
กายใหญ่ยักษ์ของมังกรวารีหมุนวนกลางอากาศ พายุหมุนน่าสะพรึงโอบล้อมทุกคนโดยรอบไว้ สีหน้าเผยความเหี้ยมโหด
ยอดฝีมือที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันพากันสิ้นหวัง
“ย้าก! ข้าจะสู้สุดชีวิต…”
ยอดฝีมือส่วนน้อยเผาผลาญปราณที่แท้จริงขณะบ้าคลั่งถึงสุดขีด สำแดงวิชาลับก้นหีบ ลองฝ่าทะลวงออกไป
พรึ่บ!
กรงเล็บมโหฬารกดลงจากบนฟ้า สังหารยอดฝีมือพวกนั้นจนสิ้นโดยพลัน
“กระบี่จักรพรรดิ…”
ขณะหมดสิ้นความหวัง องค์ชายเก้าคิดจะเรียกกระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ออกมา ผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวด้านข้างกลับหยุดไว้
“ศิษย์พี่จูเก๋อ!”
เซวียนหยวนเหวินที่เข้าไปข้างในแล้วตกใจจนไร้เสียง มองฉากสิ้นหวังราวฝันร้ายด้านนอก ทว่าไร้กำลังจะยับยั้งได้
นอกคฤหาสน์ คนทุกผู้ยืนอยู่บนขอบเหวที่ไร้ซึ่งความหวัง
ในสถานการณ์อับจนหนทางซึ่งแทบไม่สามารถพลิกผัน คนที่ยังรักษาอาการสงบนิ่งไว้มีน้อยจนนับนิ้วได้
“ถึงตายก็ไม่เสียดาย!”
ผู้เฒ่าเคราขาวของหอกระบี่ฟ้าเผยยิ้มโศกเศร้า แต่ปราศจากความยำเกรง กลับมีปณิธานไม่กลัวตาย
นอกจากนี้ ศิษย์พี่จูเก๋อ ซินอู๋เหิน และพวกจ้าวเฟิงยังคงสงบนิ่งอยู่หน้าหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง ความคิดขยับเร็วรี่ วิเคราะห์สถานการณ์ตอนนี้ และมองหาช่องโหว่