Skip to content

King of Gods 840

King Of Gods

บทที่ 840 ไร้ต้นสายปลายเหตุ

ข้างภูเขาจำลอง

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งทยอยข้ามผ่านระดับ เสริมความมั่นคงอีกครึ่งวัน จึงเร่งเดินทางไปยังส่วนลึกของคฤหาสน์ เพราะเพิ่มระดับพลังฝึกตน ทั้งสองใช้เวลาไปสามวัน จึงอาจตามหลังกลุ่มอัจฉริยะส่วนหนึ่ง

สวบ! ชั้นแสงสีเงินม่วงทรงพลังปกคลุมพวกเขา หายตัววูบวาบอยู่กลางอากาศด้วยความเร็วน่าตื่นตะลึง

ระหว่างตรงลึกเข้าไป ทั้งคู่พบโอกาสน่าเย้ายวนใจจำนวนหนึ่ง

ของสามัญธรรมดาบางอย่างในคฤหาสน์เสียหยาง สำหรับผู้แข็งแกร่งที่โลกด้านนอก ทั้งหมดคือของหายากเป็นที่สุด ถึงขั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาใฝ่ฝัน

ทว่าสมบัติล้ำค่าทั่วไป จ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่งจะไม่หยุดกลางทาง

เว้นแต่เป็นทรัพย์สมบัติที่มีราคาและคุณประโยชน์มหาศาล ทั้งสองคนจึงค่อยคว้ามา

ผ่านไปครึ่งวัน พวกจ้าวเฟิงเข้าสู่ส่วนลึกของคฤหาสน์

ในระยะสายตา เห็นหมู่หอและตำหนักยิ่งใหญ่มโหฬาร สิ่งก่อสร้างโอ่อ่าไม่เหมือนใคร แต่ละหลังมีระเบียงทางเดินหรือสะพานเชื่อมเข้าด้วยกัน

สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ส่วนมากใช้สีเข้ม มีสีม่วงและสีแดงหม่นเป็นหลัก

ท่ามกลางอาคารทั้งหมด มีหอคอยผลึกม่วงสูงเสียดฟ้า ก่อขึ้นจากหยกสีม่วงแวววาวนับไม่ถ้วน หอคอยผลึกม่วงแผ่อำนาจกดดันน่าพรั่นพรึงมาจากที่ไกลลิบ

คนจากภายนอกในบริเวณนั้น ปราณที่แท้จริงสั่นเทาอย่างไร้สาเหตุ พวกเขาไม่กล้าต้านหอคอยโดยตรง ไม่เช่นนั้นแรงกดจะเพิ่มขึ้นเท่าทวี

อึก!บุรุษรูปงามสวมเกราะดำ กระอักเลือดอยู่ตรงระเบียงทางเดิน สีหน้าเริ่มซีดขาว

“คุณชายฉี อย่าได้ฝืนต้านอำนาจหอคอยนั่น!”

ชายชราไว้หนวดเคราด้านข้างร้องเสียงต่ำ

ทั้งสองคนฝึกตนถึงขั้นราชันในขอบเขตปราณเทวะ บุรุษสวมเกราะเป็นราชันระดับลึกซึ้ง

คนกลุ่มนี้มาจาก ‘จวนฉีกง’ หนึ่งในสิบแปดมณฑลของต้าเฉียน

“เกรงว่าหอคอยผลึกม่วงนั่นจะเป็นใจกลางของคฤหาสน์เสียหยาง หยกม่วงทุกชิ้นที่ใช้ก่อขึ้น มีระดับและพลังเทียบได้กับผลึกเซียนระดับล่าง”

ชายชราไว้หนวดเคราเอ่ยอย่างหวาดกลัว

ตาเฒ่าผู้นี้เดิมเป็นครึ่งก้าวสู่ราชันของจวนฉีกง

หลังเข้ามาในมิติเทพลวงตา โดยเฉพาะเมื่อมาถึงคฤหาสน์ จึงข้ามผ่านไปขั้นราชันด้วยความช่วยเหลือจากโอกาสต่างๆ

ความจริง ยอดฝีมืออัจฉริยะที่มายังมิตินี้ ส่วนใหญ่ผ่านระดับขั้นบ้างแล้วไม่มากก็น้อย อย่างไรเสีย จำนวนคนที่แต่ละขั้วอำนาจใหญ่เลือกมา หากไม่ใช่คนชั้นยอด ก็เป็นผู้โดดเด่นในบรรดารุ่นอาวุโส

“เราตามหลังพวกวังลอยฟ้ากับเชื้อพระวงศ์แล้ว”

คุณชายฉีเกราะดำกินน้ำค้างวิเศษหยดหนึ่งที่ได้จากคฤหาสน์ อาการบาดเจ็บฟื้นฟูทันใด ใบหน้ายังเปล่งปลั่ง ดียิ่งกว่ายามปกติ

คนจากจวนฉีกงเตรียมการเล็กน้อย ก่อนเข้าไปสำรวจคฤหาสน์ชั้นในอย่างระแวดระวัง

ระหว่างทาง กำลังคนทั้งหลายพบเจออันตรายบางส่วน

สิ่งที่เรียกว่า ‘อันตราย’ อาจเป็นของธรรมดายิ่งนักในคฤหาสน์เสียหยาง ทว่าสำหรับผู้มาเยือน มันอาจเป็นวิกฤตครั้งใหญ่

ตัวอย่างเช่น พืชที่มีเหล็กใน น้ำโสโครกเหม็นเน่าในแอ่งน้ำขัง ก็สังหารครึ่งก้าวสู่ราชันหรือกระทั่งราชันได้

ดังนั้น ขณะมุ่งไปข้างหน้า กำลังคนจากแต่ละขั้วอำนาจจึงตื่นตัวอยู่ตลอด

สวบ! ขณะนั้น แสงสีเงินม่วงซึ่งปกคลุมคนสองคนมาถึงหมู่ตำหนักตรงชั้นในสุดของคฤหาสน์แล้ว

“มารคู่ผมม่วง!”

คนของจวนฉีกงร้องลั่น แต่ละคนเผยอาการเคียดแค้นและหวั่นเกรง

ใบหน้าคุณชายฉีกับชายชราไว้หนวดมีแววอาฆาตสังหาร แสงสว่างบนร่างสั่นเทา จากนั้นทะยานตามไปทันที

“เจ้าหัวขโมย! จะหนีไปไหน…”

คุณชายฉีตะเบ็งเสียง โทสะกับความอำมหิตอาบทั่วทั้งหน้าขณะนำไปคนแรก

พรึ่บ! ลำแสงสีเงินม่วงร่อนลงบนศาลาแห่งหนึ่ง จ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่งมีสีหน้าฉงน

“มารคู่ผมม่วง พวกเจ้าลอบจู่โจมปล้นชิงจวนฉีกงของข้า ซ้ำยังสังหารคนของเราไปสอง บัญชีแค้นนี้ควรชำระอย่างไร?”

ชายชราไว้หนวดเครากล่าวเสียงทุ้มต่ำ

“จู่โจมปล้นชิง?”

สองโจรสบตากัน รู้สึกว่าประหลาดพิกล

ไม่ผิด พวกเขาฉกชิงของจากกำลังคนไม่น้อยในมิติเทพลวงตา

ทว่าเหมือนจะไม่ได้ทำสิ่งใดกับจวนฉีกง

อย่างน้อยหลังจากเข้าสู่คฤหาสน์ ทั้งสองคนก็เปลี่ยนมาใช้วิธีที่มีระดับขึ้น ไม่ปล้นชิงผู้ใดอีก ต่อให้พวกจ้าวเก่งกาจอีกสักเท่าไหร่ ก็ไม่คิดจะล่วงเกินขั้วอำนาจทุกฝ่าย

แม้ไม่กลัวเกรงตอนอยู่ในมิตินี้ ทว่าเมื่อกลับไปดินแดนทวีป จะรับมือกับการตามฆ่าและการซักถามจากสำนักสามสี่ดาวพวกนั้นได้หรือ?

ทันใดนั้น บุรุษเกราะดำกับชายชรามีหนวดพุ่งเข้ามาจากสองด้าน

“ดาราสวรรค์พร่างพราย!”

บุรุษเกราะดำถือหอกด้ามยาว วินาทีที่ซัดมันออกไป ดวงดาวเต็มผืนฟ้าคล้ายระเบิดปะทุ กลิ่นอายเย็นเยียบเสียดกระดูกแทรกซึมไปทั่วทุกมุมของมิติ

คมหอกนั้นยังผสานเงามิติที่หนักอึ้งและเย็นเยือกเข้าไปด้วย

หากกล่าวด้านพลัง บุรุษเกราะดำผู้นี้ใกล้เคียงจิวอู๋จี้ พัฒนาขึ้นไม่น้อยในมิตินี้

“อ่อนหัด!”

คนหนุ่มผู้มีผมม่วงโบกสะบัด ส่งเงาแสงแวววาวสีม่วงเงินที่ทับซ้อนกัน ปะทะเข้าใส่คุณชายฉีอย่างหนักหน่วง

เงาหลายชั้นของแสงนั้นปรากฏเป็นเค้าโครงมิติเกือบเป็นรูปธรรม พลังชั่วร้ายที่ทำให้จักรพรรดิสะเทือนได้ปะทุออกมา

เปรี้ยง! ฟึ่บ! เงาร่างสองสาย เขตแดนมิติสองแห่ง ปะทะกันกลางอากาศ

“แย่แล้ว!”

คุณชายฉีผู้สวมเกราะดำร้องลั่น ปลายหอกที่มีพลังสะสมถูกอานุภาพชั่วร้ายกลืนกิน

พริบตาต่อมา คลื่นมีดเย็นยะเยือกหลายชั้นตรงเข้ามาทิ่มแทง

พรึ่บ!

คุณชายฉีถอยร่นติดๆ กัน แสงดาราเย็นเฉียบบนร่างพลันหม่นลงครึ่งหนึ่ง เกราะดำมีร่องรอยเหลือไว้ หากไม่ได้การป้องกันชั้นยอดจากเกราะดำที่ใกล้เคียงอาวุธชั้นพิภพ ถ้าเขาไม่ดับดิ้นก็คงเจ็บสาหัส

เวลาเดียวกัน

อีกฟากหนึ่ง การต่อสู้ของจ้าวเฟิงกับชายชราไว้หนวดเคราก็พลันหยุดลง

“ไป!” จ้าวเฟิงซัดหมัดออกไป แรงหมัดเปล่งแสงเรืองรองสีฟ้าทอง ผิวนอกผุดลวดลายอัสนีจากแก่นแท้พลัง

เปรี้ยง!

อากาศบริเวณนั้นให้ความรู้สึกหนักอึ้ง ประหนึ่งขุนเขาลูกใหญ่ตกลงมาในฉับพลัน

“อ๊าก…” ชายชราที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตปราณเทวะร้องเสียงหลง แสงทรงพลังแหลกเป็นชิ้น ทั่วร่างไหม้เกรียม ก่อนจะร่วงลงไปราวว่าวสายป่านขาด

เพียงหมัดเดียว จ้าวเฟิงใช้แต่พลังกายสายฟ้า ก็โจมตีชายชราจนสาหัสโดยตรง

เฮือก! เหล่าครึ่งก้าวสู่ราชันจากจวนฉีกงที่ตามหลังมา พากันสูดลมหายใจเย็นเยือก ใบหน้าไร้สีเลือด

เมื่อเผชิญหน้ากัน คุณชายฉีกับชายชรามีหนวดเคราก็พ่ายแพ้ในพริบตา

หนึ่งในนั้น ชายชราในขอบเขตปราณเทวะ โดนเด็กหนุ่มผมม่วงในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงซัดหมัดใส่จนเจ็บหนัก

“คนของจวนฉีกง หากพวกเจ้าไม่ชี้แจง ก็อย่าคิดว่าจะหนีรอดปลอดภัยไปได้”

หนานกงเซิ่งแค่นเสียงหยัน

พวกจ้าวเฟิงถูกจวนฉีกงโจมตีกะทันหัน รู้สึกว่าช่างไร้ต้นสายปลายเหตุ

“มารคู่ผมม่วง! ยามนี้วิกฤตครั้งใหญ่อยู่ตรงหน้า พวกเราล้วนลงเรือลำเดียวกัน แต่พวกเจ้ายังหัวรั้นไม่เปลี่ยน กลับลงมือกับมนุษย์ด้วยกัน…”

ชายชรามีหนวดลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าโศกเศร้าอาดูร

“ลงมือ? เราไม่ได้ลงมืออะไร!”

หนานกงเซิ่งกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว

จ้าวเฟิงยืนตระหง่านขนาบข้าง มุ่นคิ้วเล็กน้อย อดครุ่นคิดไม่ได้

“ไม่ต้องเสแสร้ง!”

“สองวันก่อน ยามพวกเราจวนฉีกงได้ ‘หยาดน้ำค้างสวรรค์’ มา พวกเจ้าก็เข้าจู่โจม!”

“เป็นขโมยสองคนนี้! กลายเป็นเถ้าถ่านเราก็ยังจำได้แม่น!”

เหล่าคนจากจวนฉีกงกราดเกรี้ยวฮึกเหิม

ทุกคนแน่ใจว่ามารคู่ผมม่วงเป็นผู้ลงมือ

“ฮึ! สองโจรชั่ว! กำลังคนที่โดนพวกเจ้าจู่โจมไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสอง”

“ตอนนี้พวกเราล้วนผนึกกำลังกันขุดรากถอนโคนพวกเจ้า”

คนเหล่านี้ทั้งโกรธทั้งแค้น ทว่าไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยง่าย

“มารคู่ผมม่วง! มอบชีวิตเจ้ามา…” ตรงระเบียงทางเดินไม่ไกล เงาร่างนับสิบโผทะยานมา

ผู้นำคือราชันสองคน แบ่งเป็นชายหนุ่มชุดดำกับหญิงงามล้ำผมฟ้า

“คนตระกูลเจียง!”

“เจียงเฉิน ยังมีเจียงเฟยเสวี่ยหญิงงามอันดับหนึ่งของพวกเขา”

คนฝั่งจวนฉีกงเผยสีหน้ายินดี

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเคยประมือกับตระกูลเจียง กล่าวได้ว่าคุ้นเคยกันดี ทว่าหญิงงามอันดับหนึ่งตระกูลจีที่เคยโดนจ้าวเฟิงชิงของ กลับผ่านถึงขั้นราชันแล้ว

เดิมที หลังโดนล้อมโจมตีจนพ่ายแพ้ คนตระกูลเจียงล้มเลิกไม่ตามสังหารมารคู่ผมม่วงแล้ว อีกอย่างเมื่อเข้าสู่คฤหาสน์ คนทุกผู้ถูกมังกรวารีล้างโลกาข่มขวัญ ล้วนลงเรือลำเดียวกันทั้งนั้น

“มารคู่ผมม่วง!” เจียงเฟยเสวี่ยเรือนผมฟ้ากัดฟันแน่น

“ก่อนนี้พวกเจ้าชิง ‘จิตนทีเทพ’ ไปจากข้าไม่ว่า แต่หลังเข้ามาในคฤหาสน์ กลับลอบสังหารคนของเราไปหนึ่ง ปางตายอีกสอง แล้วนำ ‘วารีห้ามายา’ ที่เราอุตส่าห์ได้มาไป”

“จ้าวเฟิง! หนานกงเซิ่ง! ก่อนจะคลี่คลายวิกฤติเรื่องมังวารี พวกเราต้องกำจัดคนต่ำช้าเช่นพวกเจ้าทิ้งเสีย!”

เจียงเฉินทะยานมาโจมตีจากด้านหนึ่ง

จ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่งยังมึนงง

สวบ! สองคนหลีกหนีไปโดยเร็วภายใต้ชั้นแสงสีเงินม่วง

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

เจียงเฉิน เจียงเฟยเสวี่ย รวมทั้งคุณชายฉีสวมเกราะดำ สามราชันเข้าขัดขวางพร้อมกัน

โครม!

ชั้นแสงแสบตาสีเงินม่วงแทรกกายหายไปในอากาศฝั่งหนึ่ง ขณะเดียวกัน สายฟ้าของแก่นแท้พลังกายที่น่าครั่นคร้าม ไม่ต่างจากภูเขากดทับ ทำให้เลือดลมร่างกายของทุกคนเดือดพล่าน

ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ!

สามราชันถูกซัดกระเด็นออกไป เจียงเฟยเสวี่ยที่เพิ่งถึงปราณเทวะมีเลือดไหลมุมปาก ใบหน้างามขาวซีด

“สองคนชั่วนี่แข็งแกร่งขึ้นทุกที…” กำลังคนสองฝั่งมีสีหน้าพรั่นพรึง

“เจ้าพวกนั้นลงมือเหมือนเก็บงำไว้ส่วนหนึ่ง…”

ชายชราไว้หนวดเคราที่เจ็บหนักก่อนหน้านี้มีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเป็นประกาย

สวบ! สวบ! สวบ!

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

เงาร่างราวยี่สิบสายล่องลอยลงมาจากตำหนักฝั่งตรงข้าม

“วังลอยฟ้า!”

สีหน้าคนจากสองขั้วอำนาจตรงนั้นเผยอาการยินดี

ทว่า “มาช้าไป… มารคู่ผมม่วงคงสัมผัสบางอย่างได้ หนีไปก่อนแล้ว”

เซวียนหยวนเหวิน ศิษย์พี่จูเก๋อ และสตรีชุดแดง สามราชันอัจฉริยะของวังลอยฟ้าก้าวเข้ามา

แววตาของสามราชันฉายแววเคร่งขรึมเย็นเยือก

“เฮอะ! มารคู่ผมม่วงอายุยืนเสียจริง กล้าจู่โจมกระทั่งพวกเราวังลอยฟ้า ถึงแม้พวกมันจะทำไม่สำเร็จก็เถอะ”

ใบหน้าสตรีชุดแดงมีน้ำค้างแข็งเกาะตัว

“ทุกท่านวางใจได้ ข้าจะกำจัดสองคนนั้นด้วยตนเองให้ได้”

วงหน้าหล่อเหลาของเซวียนหยวนเหวิน ปรากฏรังสีฆ่าฟันและความโกรธเกรี้ยวเป็นครั้งแรก

ดวงตาเขาพลันเปล่งแสงพลังศักดิ์สิทธิ์ สำนึกรู้เหมือนทะลวงผ่านทุกสรรพสิ่ง ทลายสิ้นทุกอย่าง

“พลังจักรพรรดิ!”

“พลังนี้แก่กล้ากว่าจักรพรรดิทั่วไปเสียอีก…”

คนตระกูลเจียงกับจวนฉีกงตื่นตะลึง

ตรงกันข้าม ฝั่งวังลอยฟ้าไม่แปลกใจแม้แต่น้อย

“หากไม่จงใจกดไว้ ก่อนศิษย์น้องเซวียนหยวนจะมายังมิติเทพลวงตา ก็มีพลังจักรพรรดิขั้นต้นแล้ว”

ศิษย์พี่จู่เก๋อเอ่ยอย่างราบเรียบ

อีกสองขั้วอำนาจที่ยังคงหวาดกลัว แสดงอาการดีอกดีใจ

มีคนแข็งแกร่งเยี่ยงเซวียนหยวนเหวินออกหน้า จะจัดการสองโจรผมม่วงก็ง่ายดายยิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!