Skip to content

King of Gods 865

King Of Gods

บทที่ 865 นางพญาผึ้งขั้นเซียน

ภาพนี้ทำให้ยอดฝีมือของตระกูลตวนมู่และหอกระบี่ฟ้าทั้งสองฝั่งด้านนอกสวนป่าร้องเสียงหลง อีกนิดเดียวจะส่งเสียงร้องตะโกนออกไปแล้ว

‘หึ่งๆๆ…’ ผึ้งพิษกลุ่มแรกนับร้อยตัวเพิ่งบินเข้ามาใกล้ ก็บินล้อมรอบตัวจ้าวเฟิงอย่างเฉลียวฉลาด

ในจำนวนนั้นมีผึ้งพิษระดับสูงอีกหลายตัวที่เทียบเท่าครึ่งก้าวสู่ราชัน ถ้าหากโจมตีด้วย ‘วิธีฆ่าตัวตาย’ จะสามารถทำให้ราชันปราณเทวะตายตกไปด้วยกัน

สิ่งที่ตามมาติดๆ คือ ผึ้งพิษกลุ่มที่สองประมาณร้อยถึงสองร้อยตัวบินเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นการกระทำของผึ้งกลุ่มแรกก็ลังเลอยู่เล็กน้อย

พรึ่บ! ชั่วพริบตา ความคิดจิตวิญญาณนับร้อยสายบินเฉียดผ่านผึ้งพิษกลุ่มที่สองด้วยความรวดเร็ว

หึ่งๆ! ร่างผึ้งพิษพวกนี้นิ่งแข็ง ความกลัวเกรงเพิ่มสูง จากนั้นจึงเข้าร่วมขบวน ‘คุ้มกัน’ ของผึ้งพิษกลุ่มนั้น

เช่นนี้นี่เอง

ผึ้งเบญจพิษที่คุ้มกันรอบด้านน่าจะมีประมาณสามร้อยกว่าตัวได้ ผึ้งพิษเหล่านี้มีลายห้าสีและคุ้มกันพวกเจ้าเฟิงสี่คนไว้ตรงกลาง

จังหวะก้าวของจ้าวเฟิงค่อนข้างช้ากว่าเดิม เขาโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ สายเลือดดวงตาซ้ายเริ่มมีผล ทำให้ผึ้งพิษที่แตกตื่นเหล่านั้นเชื่องและกลายเป็นทาสรับใช้อย่างเงียบงัน

เหลือเพียงผึ้งพิษระดับสูงเท่านั้น จ้าวเฟิงจึงจะใช้ ‘ตราผนึกดวงใจทมิฬ’ เปลี่ยนมันเป็นข้ารับใช้ ส่วนผึ้งพิษทั่วไปก็ทำให้เชื่อง หรือไม่ก็ให้ผึ้งระดับสูงควบคุมมันทางอ้อม

เวลาจิบหนึ่งถ้วยชาผ่านไป

รอบด้านของจ้าวเฟิงสี่คนคราคร่ำไปด้วยผึ้งเบญจพิษนับพันตัว และมีผึ้งพิษระดับสูงซึ่งสามารถควบคุมได้อีกประมาณห้าหกสิบตัว

ผึ้งพิษจำนวนมากนี้บินกันอย่างเนืองแน่นราวกับพายหมุนห้าสี จนบดบังเงาร่างของพวกจ้าวเฟิงสี่คนได้ทั้งหมด

สิ่งที่บดบังได้ไม่ใช่เพียงแค่เงาร่างเท่านั้น แม้แต่กลิ่นอายของทั้งสี่คนก็สามารถปิดบังได้มากเช่นกัน

“พอประมาณแล้ว”

จ้าวเฟิงพยักหน้า และเดินนำไปด้านหน้าก่อนโดยมีผึ้งเบญจพิษนับพันตัวบินล้อมรอบเพื่อปิดบังกลิ่นอายของทุกคน

หลังจากนั้น ผึ้งเบญจพิษที่บินวนอยู่ใกล้ๆ มีจำนวนน้อยมากที่บินเข้าประชิดตัว

ผึ้งพิษทั่วไปที่บินเข้าใกล้ จะถูกผึ้งพิษระดับสูงหลายตัวซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของของจ้าวเฟิงทำให้ล่าถอยไป และไม่กล้าบินเข้ามาใกล้อีก หากมีผึ้งพิษระดับสูงบินตอมใกล้ๆ จ้าวเฟิงก็จะลงมือควบคุมมันโดยตรง

“ผึ้งเบญจพิษระดับสูงนี้เทียมเท่าครึ่งก้าวสู่ราชัน ถ้าหากให้โจมตีด้วย ‘การฆ่าตัวตาย’ จะสามารถทำให้ราชันปราณเทวะวินาศไปด้วยกัน”

ใบหน้าจ้าวเฟิงเปื้อนรอยยิ้ม หากมีผึ้งพิษระดับสูงเกิดความสงสัยและบินเข้าใกล้ด้านนี้ ก็จะถูกจ้าวเฟิงควบคุม ในดินแดนผึ้งพิษแห่งนี้ ผึ้งพิษระดับทั่วไปราวทหาร ถึงขั้นเป็นหุ่นเชิดที่ยอมเชื่อฟังคำสั่งอย่างเข้มงวด

ผึ้งเบญจพิษระดับสูงมีความคิดความรู้สึกอยู่บ้าง

จ้าวเฟิงเปลี่ยนผึ้งเบญจพิษระดับสูงเป็นทาสก็เพื่อเป้าหมายในการควบคุมฝูงผึ้งพิษ

พวกหนานกงเซิ่งผู้ร่วมเดินทางทั้งสามคนแปลกใจเล็กน้อย ไม่นึกว่าจ้าวเฟิงจะคิดแผนการเข้าถึงดินแดนผึ้งพิษได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

ท่ามกลางเวลาที่ผันผ่าน เมื่อเข้าใกล้รังผึ้งซึ่งใหญ่โตราวกับพระราชวัง ผึ้งพิษระดับสูงที่พบเจอระหว่างทางก็มากขึ้นกว่าเดิม

ช่วงเวลานั้นเอง

หึ่ง!

ผึ้งพิษระดับราชาตัวหนึ่งบินเข้ามาอย่างดุดัน คล้ายกับกำลังส่งเสียงหาเรื่อง แต่ทำไมผึ้งพิษพวกนี้ถึง ‘เฉื่อยชา’

“มาก็ดี!”

จ้าวเฟิงใช้เจตจำนงดวงตาและโคจรพลังถึงขั้นสูงสุด พร้อมทั้งใช้วิชาต้องห้ามศาสตร์วิญญาณ ทันใดนั้น กลิ่นอายเยียบเย็นแทรกซึมเข้าไปในชั้นวิญญาณของผึ้งระดับราชา ผึ้งเบญจพิษเป็นเผ่าพันธุ์ขนาดตัวเล็ก ไม่ว่าจะชั้นวิญญาณหรือชั้นกายเนื้อก็ล้วนธรรมดา ถึงขั้นดูอ่อนแออยู่สักเล็กน้อย

เผ่าพันธุ์นี้มีลักษณะพิเศษที่น่ากลัวที่สุดคืออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม มีพิษแรง และมีการโจมตีแบบฆ่าตัวตาย

แต่ผึ้งเบญจพิษพวกนี้โชคร้ายเสียแล้วเมื่อได้เจอกับจ้าวเฟิง

พรึ่บ! ผึ้งพิษระดับราชาตัวที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนถูกจ้าวเฟิงควบคุมเป็นทาสแล้ว ตลอดขั้นตอนราบรื่นกว่าที่คิดไว้มาก

นี่ก็คือข้อดีของการที่ ‘พลังจักรพรรดิ’ ฟื้นคืนขั้นต้น

แม้พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงจะต่ำ แต่กายเนื้อกลับแข็งแรง เคล็ดวิชาดวงตาในชั้นวิญญาณเทียบเท่ากับขั้นจักรพรรดิได้

โม่ตงเหยาเผยร่องรอยความตกตะลึง และมองไปยังจ้าวเฟิงอย่างลึกล้ำ

คนของหอกระบี่ฟ้าและตระกูลตวนมู่ สีหน้าพวกเขาหวาดกลัว หากผึ้งพิษระดับราชาพวกนั้นเริ่มโจมตีด้วยวิธีฆ่าตัวตาย ก็คุกคามสังหารจักรพรรดิปราณเทวะได้

พละกำลังของจ้าวเฟิงเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

หลังจากเขาควบคุม ‘ผึ้งพิษระดับราชา’ ตัวหนึ่งแล้ว การเดินทางหลังจากนี้ก็ราบรื่นหาใดเปรียบ

หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มจ้าวเฟิงทั้งสี่คนก็มาถึงด้านล่างของรังผึ้งสีดำอันใหญ่โต

มีผึ้งพิษระดับราชาและผึ้งพิษระดับสูงมากมายรักษาการณ์อยู่ ผึ้งพิษรอบด้านล้วนแต่บินวนไปรอบๆ ไม่มีตัวใดกล้าเข้ามาหา

จ้าวเฟิงเพียงแค่ต้องระวัง ‘ผึ้งราชา’ ตัวอื่นเท่านั้น

หลังเข้าสู่รังผึ้งแล้วก็เป็นไปได้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับ ‘ผึ้งจักรพรรดิ’ ที่แข็งแกร่งกว่า และเป็นสิ่งมีชีวิตเทียบเท่าจักรพรรดิ

จากระดับพลังวิญญาณที่จ้าวเฟิงมีในตอนนี้ ถ้าอยากบังคับผึ้งจักรพรรดิ ระดับความยากจะค่อนข้างมาก หากโชคดีทำสำเร็จย่อมเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ จนทำให้ผึ้งตัวอื่นตื่นตกใจแน่

ปัง! สวบๆๆ! ทั้งสี่คนซึ่งอยู่ในการคุ้มครองของเหล่าผึ้งก้าวเข้าไปในรังผึ้งพิษใหญ่โต รังผึ้งพิษมีขนาดเท่าพระราชวังของมนุษย์ ด้านในมีผึ้งเบญจพิษจำนวนมากรักษาการณ์อยู่ รวมถึงดักแด้และไข่บางส่วนด้วย

“พยายามอ้อม ‘ผึ้งจักรพรรดิ’ ตรงไปยังรังที่ ‘นางพญาผึ้ง’ อยู่”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเบา

กำลังรบแข็งแกร่งของสี่คนรับมือกับผึ้งจักรพรรดิตัวเดียวนับว่าไม่ยากอะไร แต่ว่าผึ้งจักรพรรดิอยู่ในรังผึ้งพิษมีประมาณสี่ห้าตัวได้

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ หากผึ้งจักรพรรดิโจมตีด้วยวิธีฆ่าตัวตาย จะสามารถสังหารเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับได้ และจ้าวเฟิงไม่อยากเห็นภาพเช่นนั้น

ยังดีดวงตาเทพของจ้าวเฟิงมองสำรวจสภาพการณ์ภายในรังผึ้งพิษก่อนแล้ว ขณะเดียวกันเขายังได้รับข้อความมากมายจากผึ้งพิษระดับราชาที่กลายเป็นข้ารับใช้ด้วย หลังจากเข้ามาในรังผึ้งกว้างใหญ่แล้ว พวกจ้าวเฟิงทั้งสี่คนก็เพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น

ระหว่างทางบังเอิญพบกับ ‘ผึ้งพิษระดับราชา’ จ้าวเฟิงจะส่งตราผนึกดวงใจทมิฬไปอย่างระมัดระวัง ไม่อาจเคลื่อนไหวชัดเจนได้

ในช่วงที่ไม่รู้สึกตัวนั้น ผึ้งพิษระดับราชาที่จ้าวเฟิงทำให้เชื่องเพิ่มขึ้นเป็นสี่ห้าตัว ส่วนผึ้งพิษระดับสูงเพิ่มขึ้นถึงหลักร้อยตัว

เวลานี้เอง จ้าวเฟิงทั้งสี่คนรวบรวม ‘น้ำผึ้งไป่หยวน’ จำนวนหนึ่งได้อย่างราบรื่น

ในด้านเนื้อแท้ วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนคือน้ำผึ้งไป่หยวนที่ดั้งเดิมและบริสุทธิ์ยิ่งกว่า

น้ำผึ้งไป่หยวนช่วยเสริมให้สภาวะวิญญาณเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด มีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงกับราชันปราณเทวะ กระทั่งช่วยสร้างพื้นฐานที่ดีเยี่ยมไว้สำหรับขอบเขตเทวาเร้นลับ

‘น้ำผึ้ง’ นี้มีประโยชน์อย่างมากกับกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าของจ้าวเฟิง

ไม่ต้องพูดถึงหนานกงเซิ่งและโม่ตงเหยาที่ระดับขั้นชีวิตต่ำกว่าเล็กน้อยเลย

เมื่อได้รับ ‘น้ำผึ้งไป่หยวน’ มา จ้าวเฟิงได้รับสี่ส่วน ส่วนพวกหนานกงเซิ่งอีกสามคนได้คนละสองส่วน

การแบ่งสรรนี้ไม่มีใครเห็นต่าง ทุกคนมาถึงยังส่วนที่ลึกที่สุดของดินแดนผึ้งพิษโดยไม่รู้ตัว

เวลานี้ กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงปะทะเข้ามา ชวนให้หลอนไปว่าฟ้าดินถูกควบคุมไว้

ความรู้สึกกดดันจากกลิ่นอายนั้นเหนือชั้นกว่าจักรพรรดิปราณเทวะไปไกล!

หากเปลี่ยนเป็นราชันปราณเทวะ เกรงว่าจิตใจคงพังทลาย กระอักเลือดออกมาแล้ว

แต่พวกจ้าวเฟิงทั้งสี่คนไม่เหมือนคนทั่วไป

“แย่แล้ว! ‘นางพญาผึ้ง’ เห็นเข้าแล้ว…”

หน้าจ้าวเฟิงเปลี่ยนสี เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองประเมินนางพญาผึ้งต่ำไปแล้ว

นางพญาผึ้งตัวนั้นแม้จะไม่สามารถขยับได้ แต่อย่างไรมันก็เป็นผู้ปกครองสูงสุดของดินแดนผึ้งพิษแห่งนี้ พูดได้ว่ารังผึ้งอันโอ่อ่านี้ วัตถุกว่าครึ่งล้วนเป็นของเหลวเหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะนางพญาผึ้งยังต้องจัดการงานซับซ้อนเช่นเรื่องวางไข่ กลัวแต่ว่าจะรับรู้ถึงพวกจ้าวเฟิงสี่คนได้ตั้งนานแล้ว

“รีบไปเร็ว!” พวกจ้าวเฟิงสี่คนหนาวเหน็บเข้ากระดูก ก่อนพุ่งเข้าไปยังรังของ ‘นางพญาผึ้ง’ ด้วยความรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน ภายในรังผึ้งนี้ ผึ้งพิษระดับราชาพวกนั้น หรือแม้กระทั่ง ‘ผึ้งจักรพรรดิ’ ก็ถูกทำให้ตื่นตกใจจนบินตรงเข้ามาทันใด

ปัง! สวบๆๆ! พวกจ้าวเฟิงสี่คนพยายามพุ่งเข้าไปยังรังที่นางพญาผึ้งอยู่

เมื่อมองดูแล้ว รังนางพญาผึ้งอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลมาก ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ เหมือนจะอยู่ใกล้มากเช่นกัน

แต่ในเวลานี้เอง

หึ่งๆ!

ผึ้งจักรพรรดิตัวหนึ่งตื่นตกใจ แผ่กลิ่นอายที่เทียบได้กับจักรพรรดิปราณเทวะ พร้อมพุ่งเข้ามาเข่นฆ่าคนทั้งสี่

“ผึ้งจักรพรรดิให้ข้าจัดการเอง พวกเจ้ารับมือกับนางพญาผึ้งแล้วนำวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนไป”

โม่ตงเหยาเอ่ยขึ้น

นางหมุนตัวทันใด แววตาเย็นเยียบ มือกำกระบี่เทพชำรุดเอาไว้ ด้านหลังปรากฏเงาคมกระบี่พร่างพรายสายหนึ่ง เป็นโครงร่างเลือนรางของเซียนกระบี่เคราขาว

“ข้าจะรับมือกับผึ้งราชาตัวอื่นเอง”

จ้าวหยูเฟยก็รั้งอยู่ระวังด้านหลัง

ในรังผึ้งแห่งนี้ นอกจากผึ้งจักรพรรดิหลายตัวแล้ว ยังมีผึ้งราชาหลายสิบตัวอีกด้วย กำลังรบของผึ้งราชาใกล้เคียงราชันระดับสุดยอด

“ไป!” จ้าวเฟิงไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด เขาทิ้งกลุ่มผึ้งเอาไว้เพื่อช่วยเหลือทั้งสองนาง ก่อนจะพุ่งเข้าไปยังรังของนางพญาผึ้งพร้อมกับหนานกงเซิ่ง

ฟิ้ว ยังไม่ทันเข้าไปยังรังของนางพญาผึ้ง กลิ่นอายน่ากลัวสะกดฟ้าดินก็แผ่เข้ามาคุกคาม ปราณแท้จริงทั่วร่างจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน เขาหยุดชะงักทันใด ชั้นวิญญาณของเขาสั่นคลอนเบาๆ เลือดลมในกายปั่นป่วนไม่หยุด

นั่นคือนางพญาผึ้ง กลิ่นอายกดดันเทียบเท่าขั้นเซียน!

ถ้าเปลี่ยนเป็นราชันทั่วไป แม้แต่พลังของปราณแท้จริงก็ไม่สามารถโคจรได้ ทำได้แค่ก้มหัวยอมแพ้เท่านั้น

จากพลังวิญญาณกับร่างกายที่แข็งแกร่งของจ้าวเฟิง ร่างกายยังแข็งเกร็งอย่างชัดเจน ภายใต้กลิ่นอายน่ากลัวที่ปกคลุมอยู่ แต่ละก้าวยิ่งลำบากยากเย็น

หึ่ง! ในรังนางพญาผึ้ง มีดักแด้สีหม่นตัวเท่าห้องรุกล้ำเข้ามา สองตาผุดคลื่นแสงสีทอง ข้างหนึ่งวาวโรจน์ ข้างหนึ่งใช้ความคิด คล้ายสามารถปกครองส่วนหนึ่งของโลกได้

แต่ว่า ร่างกายของนางพญาผึ้งกับรังผึ้งใหญ่โต เมื่อรวมตัวกันแล้วไม่สามารถขยับได้โดยง่าย

“นี่คือนางพญาผึ้ง!”

จ้าวเฟิงหายใจอึดอัด สำแดงโลกมิติส่วนตัวของมนตราอากาศ

ทว่า แม้จะเป็นมิติส่วนตัวกลับไม่อาจปิดกั้นกลิ่นอายกดดันขั้นเซียนนั้นได้ เพียงแค่อ่อนกำลังลงสองสามส่วนเท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นราชันทั่วไป คงกระอักเลือดล้มลงกองกับพื้นนานแล้ว

“ข้าเอง!”

บนตัวหนานกงเซิ่งมีแสงโลหิตม่วงชั้นหนึ่งกระเพื่อมอยู่ มันแผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งที่ทะลวงผ่านรูปธรรมและวิญญาณ ตรงปะทะเข้ากับอานุภาพกลิ่นอายขั้นเซียน

ในชั่วพริบตา ผมสีม่วงของเขาโบกสะบัดรุนแรงตามลม ตราโลหิตม่วงกลางหว่างคิ้วขยับงดงาม มุมปากยกยิ้มร้ายกาจเย็นชา ราวเป็นเจ้าแห่งความชั่วร้าย

จ้าวเฟิงเพียงรู้สึกว่าแรงกดทับบนร่างกายตนเบาลง โดยเฉพาะชั้นกายเนื้อที่อ่อนกำลังลง

ชิ้ง! ในเวลานี้เอง ก็มีกลิ่นอายศาสตร์กระบี่ที่อยู่เหนือทุกสิ่งตรงมาจากด้านหลัง

“กระบี่วิญญาณจู่โจม!”

โม่ตงเหยาพลิกกระบี่เทพเก่าแก่ในมือ เงากระบี่สีขาวด้านหลังพลันขยายใหญ่ถึงร้อยจั้ง จากนั้นจึงแทงดาบสีขาววาววับเหมือนผลึกเข้าไปที่ตัว ‘ผึ้งจักรพรรดิ’ ที่กำลังตามไล่ฆ่าตัวนั้น

ผึ้งจักรพรรดิร้องเสียงเจ็บปวด แม้ร่างกายจะยังอยู่ในสภาพดี แต่พลังวิญญาณกลับถูกดาบนั้นฟาดฟันสังหาร

“ฟ้าดินวิญญาณ!”

ทั่วร่างจ้าวหยูเฟยเปล่งแสงแวววาวชั้นหนึ่ง ลำแสงผลึกม่วงนับพันหมื่นเส้นพุ่งแทงดักแด้ที่ตรงเข้ามานับพันนับหมื่นตัว

พึ่บๆๆ! ภายใต้การปกคลุมของลำแสงเหล่านั้น ดักแด้ผึ้งตัวแล้วตัวเล่าร่วงหล่นลงไป อีกหนึ่งสองลมหายใจถัดมา ผึ้งราชาอีกสองสามตัวถูกฆ่า ผึ้งพิษระดับสูงและดักแด้ธรรมดาตายไปอีกนับพันตัว

บึ้ม.. แม้ว่าจะเป็นคนตระกูลตวนมู่และหอกระบี่ฟ้าด้านนอกสวนป่า ก็สามารถรับรู้ได้ถึงการสั่นไหวของรังผึ้ง รวมถึงแสงสะท้อนแวววาวสีม่วงผลึกด้วย

“เป็นเคล็ดวิชาสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของจ้าวหยูเฟย”

ผู้เฒ่าชุดเขียวหัวใจบีบรัด

โม่ตงเหยาและจ้าวหยูเฟย คนหนึ่งบุกเดี่ยวโจมตี อีกคนใช้เคล็ดวิชาวงกว้าง เป็นความงดงามที่ลงตัวนัก

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเลยแม้แต่น้อย

คลื่นกลิ่นอายแข็งแกร่งของทั้งสองนางยามลงมือ ถึงขั้นทำให้นางพญาผึ้งขั้นเซียนตกใจได้

“วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน!”

แววตาจ้าวเฟิงจ้องไปยังน้ำหวานหลากสีที่ใกล้แข็งตัวอยู่ภายในรังของนางพญาผึ้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!