บทที่ 876 เรื่องใหญ่ใกล้บังเกิด ขั้นราชันหวนคืน
สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น
พื้นที่ที่จ้าวเฟิงเก็บตัวฝึกตน คนในระดับสูงของสำนักกำจัดคนออกไป จนพื้นที่รัศมีร้อยลี้ไม่มีสมาชิกสำนักคนใดอีก
แซ่ด เปรี๊ยะ~
กลางอากาศเหนือลานที่พักมีระลอกน้ำวนวายุอัสนีขนาดใหญ่ ลึกราวกับมหาสมุทร ในทุกช่วงลมหายใจ พลังวายุอัสนีจำนวนมหาศาลในฟ้าดินจะทะลักเข้าไป และยังกำจัดส่วนที่ไม่บริสุทธิ์ของไอสวรรค์มากมายออกไปด้วย
อานุภาพที่แก่กล้าเช่นนี้ แม้กระทั่งราชันในขอบเขตปราณเทวะทั่วไปยังรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง ยากจะเข้าใกล้ได้
บางครั้งจะมีห้วงคิดเซียนกลุ่มหนึ่งกวาดผ่านพื้นที่ที่จ้าวเฟิงฝึกตนอยู่
“ยากจะคิดได้ว่า ผู้เยาว์ที่อายุยังน้อยผู้นี้เตรียมพร้อมทะลวงผ่านขอบเขตของราชัน อีกทั้งยังเกือบจะประสบความสำเร็จอยู่แล้วด้วย…”
“วิชาวายุอัสนีที่เขาฝึกฝน สำนักรู้ที่มีเหมือนอยู่เหนือหลักเหตุผลใด”
คนระดับสูงของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น ผู้อาวุโสราชันส่วนหนึ่ง ลอบเจรจาสื่อสารกันเป็นการลับๆ
การสิ้นสุดของมิติเทพลวงตาผ่านมาเป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้ว
ในช่วงเวลาที่จ้าวเฟิงปิดผนึกฝึกตน ก็มีข่าวคราวสำคัญต่างๆ แพร่กระจายมาจากส่วนกลางของราชวงศ์แห่งดินแดนทวีป
ณ ตำหนักผลึกวารีบนยอดเขาที่สูงลิ่วในสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น
“รายงานท่านผู้อาวุโสที่สาม! จากข่าวที่แพร่กระจายมาจากส่วนกลางของดินแดนทวีปและตำหนักวิญญาณปฐพี ‘มารคู่ผมม่วง’ เป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในคฤหาสน์เสียหยาง เชื่อได้ว่าจ้าวเฟิงของสำนักข้าคือหนึ่งในมารคู่ผมม่วง หรือกระทั่งเป็นผู้นำของกลุ่ม”
ครึ่งก้าวสู่ราชันผู้หนึ่งนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น รู้สึกเคารพยำเกรงมากยิ่งขึ้น
“ผู้นำของกลุ่ม? เจ้าแน่ใจความถูกต้องของข่าวคราวนี้หรือไม่?”
จักรพรรดิหลิงฉยงพูดไม่ออกไปเล็กน้อย
ถึงแม้ว่านางเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ไม่ได้คิดว่าจ้าวเฟิงไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในมารคู่ เขายังเป็นผู้นำอีกด้วย
และสิ่งที่คาดคิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ กลุ่มของหัวขโมยคู่นี้กลายมาเป็นผู้รับผลประโยชน์มากที่สุดของคฤหาสน์เสียหยาง
ดูจากข่าวคราวเล็กน้อยเหล่านี้ หนึ่งในมารคู่จะคนใดก็ตามแต่ล้วนมีความสามารถที่ไม่ต้องหวาดกลัวจักรพรรดิปราณเทวะทั่วไปเลยด้วยซ้ำ
“กูเจาจื้อแห่งตำหนักวิญญาณปฐพีเคยคบค้าสมาคมกับมารคู่ผมม่วง คุ้นเคยกับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง…”
ครึ่งก้าวสู่ราชันผู้นั้นเอ่ยตอบอย่างเชื่อมั่น
ตำหนักวิญญาณปฐพีเป็นสำนักสามดาวตรงขอบชายแดนของดินแดนทวีป ไม่ได้มีระยะห่างไกลกับดินแดนเกาะเทียนเฟิง
ในวันนี้เอง
ผู้อาวุโสในระดับสูงของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นเรียกประชุมอย่างเร่งด่วน
แต่ทว่า หลังจากที่ยืนยันสถานะของจ้าวเฟิงแล้ว คนระดับสูงของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นก็ไม่กล้าลงมือผลีผลาม
ลำดับแรก ตัวของจ้าวเฟิงเองมีพลังที่ลึกล้ำเกินจะคาดเดา และยังมีไพ่ไม้ตายบางอย่างที่ได้มาจากคฤหาสน์เสียหยาง
ลำดับที่สอง เบื้องหลังของจ้าวเฟิงไม่ธรรมดา เขามีทั้งอาจารย์จักรพรรดิอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ที่มีกับหนานเฟิงอ๋อง
ลำดับสาม ความสัมพันธ์กับตระกูลเถี่ย
ตระกูลเถี่ยเป็นตระกูลระดับสูงที่อยู่ในแปดตระกูลชนชั้นสูงของราชวงศ์ เป็นถึงปราการต้านทานราชวงศ์จันทราทมิฬทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
‘เถี่ยหลีเทียน’ ผู้เป็นจักรพรรดิแห่งตระกูลเถี่ยพำนักอยู่ใกล้สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้จากไป
กลางชั้นเมฆ
‘เถี่ยหลีเทียน’ ผู้สวมชุดนักรบสีแดงเข้มลอยตัวอยู่ในหมู่เมฆ แววตาเป็นประกายเมื่อกวาดตามองสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นที่อยู่ด้านล่าง
“คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มนอกสกุลผู้มีสายเลือดของตระกูลเถี่ยจะเป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากที่พำนักเทพบรรพกาล ‘คฤหาสน์เสียหยาง’ ข้าประเมินเขาต่ำไป…”
เถี่ยหลีเทียนเอ่ยเสียงต่ำ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้น
ในขณะนี้ปัญหาในการ ‘หวนคืน’ สู่ตระกูลเถี่ยของจ้าวเฟิงยุ่งเหยิงยิ่งขึ้น
ความเย้ายวนของผลประโยชน์มหาศาลในคฤหาสน์เสียหยาง เกรงว่าต่อให้เป็นขั้วอำนาจยิ่งใหญ่ในระดับสามสี่ดาวส่วนหนึ่งก็ยังยากจะต้านทานไหว
หนำซ้ำ ขณะที่มารคู่ผมม่วงอยู่ในมิติเทพลวงตาก็มีศัตรูเป็นจำนวนมาก
ส่วนในของดินแดนทวีป ทิวเขาไร้ขอบเขตที่ทอดยาวติดกันตั้งตระหง่านอยู่ในกลุ่มหมอกควันสลัวมานานปี
ทิวเขาพวกนี้มีระลอกเพลิงมารที่กระเทือนไปทั่วทั้งแปดทิศ ภูติผีปีศาจก็ยังต้องถอยหนี
สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ศาสตร์มารที่มีชื่อเสียงที่สุดของราชวงศ์ดินแดนทวีป——ทิวเขาเก้านิรย
เมื่อพูดถึง ‘ทิวเขาเก้านิรย’ ก็จำเป็นต้องพูดถึงขั้วอำนาจที่มีอำนาจปกครองที่แห่งนี้สูงสุดอย่าง——วังเก้านิรย
วังเก้านิรยเป็นถึงสำนักศาสตร์มารแห่งแรกของราชวงศ์ต้าเฉียน ในยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดเคยเป็นถึงสำนักสี่ดาวอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะเป็นยุคนี้ วังเก้านิรยก็เป็นสำนักสูงส่งสามดาวระดับสุดยอด เป็นถึงที่ที่ผู้โดดเด่นในสำนักสามดาวจำนวนมากมีอำนาจสั่งการบรรดาสำนักศาสตร์มารและราชวงศ์
แต่ทว่า ในวันนี้
ภายในตำหนักลับตรงใจกลางของวังเก้านิรย เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมจิตสังหารดังออกมาหลายเสียง
“กองกำลังยอดฝีมือของวังเก้านิรยของข้า ยามอยู่ภายในคฤหาสน์เสียหยาง กลับถูกหนานกงเซิ่งผู้เป็นหนึ่งในมารคู่สังหารจนสิ้นอย่างรวดเร็ว”
“ด้วยความสามารถที่ทะลวงถึงราชันระดับสุดยอดของ ‘จิวอู๋จี้’ ในตอนนั้น เมื่ออยู่เบื้องหน้าของเด็กคนนั้นไม่มีแรงจะตอบโต้ด้วยซ้ำไป พลังมรดกเทพปีศาจดูไปแล้วคงเป็นเรื่องจริง!”
เจ้าของน้ำเสียงเหล่านี้อยู่ในขั้นราชันระดับสุดยอดเป็นอย่างน้อย และเป็นจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะอยู่จำนวนหนึ่ง ถึงขั้นมีกลิ่นอายที่สูงส่งยิ่งกว่านั้น
จักรพรรดิในศาสตร์มารส่วนหนึ่งในตำหนักก็ออกจากการปิดผนึกฝึกตน เมื่อล่วงรู้ข่าวจึงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง
ราชันโดยทั่วไป หากว่าอยู่ในตำหนักลับนี้เกรงว่าคงจะตื่นตระหนกตกใจจนหายใจไม่ออกเพราะสิ่งนี้
“เรียนผู้อาวุโสสูงสุด!”
ราชันผู้หนึ่งที่อยู่ด้านล่างคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นและเอ่ยตอบอย่างหวาดกลัว “หนานกงเซิ่งผู้เป็นหนึ่งในมารคู่ผมม่วง ตอนนี้ยังไม่รู้ที่มาที่ไป แต่เหมือนว่าเจอเบาะแสของเขาในส่วนกลางของดินแดนทวีป”
หนานกงเซิ่ง!
คนในระดับสูงของวังเก้านิรยต่างจำชื่อนี้ได้
คนชื่อนี้อาศัยแรงของตนเพียงคนเดียว ทำให้กองกำลังชั้นหัวกะทิของวังเก้านิรยที่เข้าไปภายในคฤหาสน์เสียหยางสลายหายไปทันที
จากการวิเคราะห์ในขั้นต้น หนานกงเซิ่งจะต้องมีกำลังรบเทียบเท่ากับจักรพรรดิเป็นอย่างน้อย
“นอกจากนี้ ‘จ้าวเฟิง’ ผู้เป็นหนึ่งในมารคู่ผมม่วงอีกคน สถานที่ที่เขาอยู่ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น ณ ดินแดนเกาะเทียนเฟิง ที่แห่งนั้นเป็นฐานที่มั่นของหนานเฟิงอ๋อง”
ราชันผู้นั้นคุกเข่าอยู่บนพื้น
แววตาเคารพยำเกรงของเขาหยุดที่ ‘ผู้อาวุโสสูงสุด’ ที่เหมือนเป็นกลุ่มแสงมารเรืองรอง และเป็นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุด
กลิ่นอายทั่วร่าง ‘ผู้อาวุโสสูงสุด’ ผู้นั้นเวิ้งว้างไร้ขอบเขต ร่างกายเหมือนไม่มีน้ำหนักใดๆ ประหนึ่งแสงมารที่เลือนรางกลุ่มหนึ่ง หลุดพ้นออกจากขอบเขตของกายเนื้อสิ่งมีชีวิต
หากไม่ประสานสายตากัน ตัวตนของ ‘ผู้อาวุโสสูงสุด’ ก็อาจจะถูกมองข้ามไปด้วยซ้ำ
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้อาวุโสสูงสุดผู้นี้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ
ข้างกายซ้ายขวาของเขายังมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งเกินจะเปรียบอีกสองคน คนหนึ่งเป็นเจ้าลัทธิมารชุดดำอยู่ในกลุ่มระลอกแสงสีดำ ส่วนอีกคนเป็นมารหญิงใบหน้างดงามผู้นั่งขัดสมาธิอยู่ในเพลิงดอกบัวสีดำ
ภายใต้สามหัวเรือใหญ่ที่สูงส่งที่สุด ยังมีจักรพรรดิคนอื่นๆ รวมไปถึงจักรพรรดิชั้นยอดเก่าแก่ส่วนหนึ่ง
“การจับสังหารหนานกงเซิ่งจะต้องใช้จักรพรรดิชั้นยอดหลายคน เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น จำเป็นต้องส่งเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับไปด้วยคนหนึ่ง”
มารหญิงผู้งดงามที่นั่งอยู่ในดอกบัวเพลิงสีดำไม่พูดอะไรออกมา น้ำเสียงที่ไร้รูปร่างดังกล่าว ทะลวงผ่านชั้นกายเนื้อและชั้นวิญญาณพร้อมกัน
เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ!
บรรดาราชันและจักรพรรดิในที่นั้นแต่ละคนใจสั่นสะท้าน
ในสถานการณ์ปกติทั่วไป ส่งจักรพรรดิชั้นยอดหลายคนไป นั่นเป็นเรื่องใหญ่โตยิ่งนัก
จักรพรรดิชั้นยอด โดยปกติแล้วจะเป็นคนในที่อยู่ระดับขั้นเดียวกับตวนมู่ชิง จักรพรรดิวายุอัสนี หรือกระทั่งจักรพรรดิแห่งความตาย
จากการที่ประเมินพลังของหนานกงเซิ่ง จะจับสังหารคนผู้นี้ ต้องส่งจักรพรรดิชั้นยอดสองสามคนไป นี่ก็ถือว่าเหลือเฟือแล้ว
แต่คนในระดับสูงของวังเก้านิรยที่กำลังเกรี้ยวกราด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง
“สำหรับจ้าวเฟิงที่เป็นหนึ่งในมารคู่ ว่ากันว่าลี้ลับอย่างมาก ไม่สามารถมองข้ามได้เช่นกัน…”
เจ้าลัทธิมารชุดดำที่อยู่ในกลุ่มคลื่นแสงสีดำสนิทผงกศีรษะน้อยๆ
ยามนี้ เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับสองคนมองสบตากันเล็กน้อย แล้วจึงตัดสินใจ
ที่นั่งตรงกลาง ผู้อาวุโสสูงสุดที่เหมือนกลุ่มแสงมารเอ่ยออกมาคำหนึ่ง “ตกลง”
ทันทีที่เอ่ยจบ ผู้อาวุโสสูงสุดผู้ลึกลับเกินจะคาดหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ถ้าหาก ‘ครึ่งเซียนคุนอวิ๋น’ อยู่ในที่นี่ จะสามารถมองเห็นร่างจริงของคนผู้นี้ กระทั่งอาจเปลี่ยนท่าทีไป
ราชวงศ์ต้าเฉียน วังลอยฟ้า
ในกลุ่มตำหนักที่ลอยล่องอยู่ท่ามกลางชั้นเมฆบนยอดเขา
สถานที่นี้เป็นเหมือนสรวงสวรรค์ อยู่เหนือนับหมื่นสำนักหมื่นเผ่าพันธุ์ อยู่เหนือใต้หล้า
บนยอดเขาเดี่ยวแห่งหนึ่ง
คนท่าทางธรรมดาสองคนที่มีกลิ่นอายนิ่งสงบกำลังนั่งวางหมาก
คนธรรมดาสองคนนี้ ชายผู้หนึ่งเป็นชายอ้วนหน้าอวบหูใหญ่ อีกคนเป็นชายชราที่ดูไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ ดั่งไม้แห้ง
เปรี๊ยะ! ในเวลานี้เอง กลิ่นอายของพลานุภาพจักรพรรดิปราณเทวะเส้นหนึ่งลอยลงมาเยือนบนยอดเขาโดดเดี่ยวแห่งนั้น
“เรียนปรมาจารย์ทั้งสอง พอจะสำรวจเจอตำแหน่งของมังกรวารีล้างโลกาแล้ว นอกจากนี้ยังเจอร่องรอยที่กบดานของหนานกงเซิ่งผู้ครอบครองพลังเทพปีศาจ…”
จักรพรรดิปราณะเทวะผู้นั้นมีกลิ่นอายอยู่เหนือเถี่ยหลีเทียน เข้าใกล้ระดับขั้นเดียวกันกับจักรพรรดิแห่งความตาย
“ดูจาก ‘ตราประทับล้างโลกา’ พลังของหนีชิวดำ (ปลาไหล) ตัวนั้นยังฟื้นฟูไม่ถึงขั้นครึ่งเซียน จะผนึกมันตอนนี้ยังพอมีหวังอยู่บ้าง”
ชายชราร่างผอมแห้งเอ่ย
“จะผนึกหนีชิวดำตัวนี้ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนมหาศาล เรื่องนี้จำเป็นต้องดึงตาแก่หนังเหนียวของ ‘ตำหนักไท่หวง’ พวกนั้นลงมาร่วมวงด้วย พวกเขาย่อมต้องไม่อาจนั่งมองความล่มสลายของราชวงศ์ได้”
ชายอ้วนหน้าอวบหูใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
คนธรรมดาทั้งสองคนนี้มองสบตาและเห็นพ้องต้องกันยิ่ง จึงผงกศีรษะอย่างรวดเร็ว
ในเวลาดังกล่าว
ณ สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นที่อยู่ไกลออกไปในแถบฝั่งทะเล จ้าวเฟิงก็ยังคงอยู่ในการปิดผนึกฝึกตนอย่างเงียบๆ
เขายังไม่รู้ว่าตนเองอยู่ในใจกลางน้ำวนที่มีคลื่นถาโถมของราชวงศ์ดินแดนทวีปเรียบร้อยแล้ว
ในใจของเขาเหลือเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือฟื้นฟูพลังฝึกตนขั้นราชัน และฟื้นฟูความสามารถในช่วงสุดยอดของช่วงชีวิตก่อน หรือกระทั่งเหนือกว่านั้น
“พอได้แล้ว…”
จ้าวเฟิงโคจรพลังวายุอัสนีสองกลุ่มที่อยู่ในร่างกาย หรือคือวายุอัสนีธาตุน้ำและวายุอัสนีธาตุไม้
ขนาดของแก่นผลึกภายในจุดตันเถียนมั่นคงแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ
แต่ว่าในแก่นผลึกกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าพลิกดิน ปราณที่แท้จริงภายในเปลี่ยนเป็นมหาสมุทร สร้างพื้นที่มิติขึ้นด้วยตนเอง
ตามความมีเสถียรภาพของรูปร่างมิติปราณที่แท้จริง จ้าวเฟิงเองก็กำลังจะก้าวไปแตะขอบเขตราชันอย่างแท้จริง
สวบ สวบ สวบ!
และในวันนี้เอง อากาศเหนือสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นเกิดเสียงแหวกอากาศลอยมามากมาย จากนั้นกลิ่นอายมหาศาลชวนเขย่าขวัญก็ลอยละล่องมาปกคลุมทั่วสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น เจ้าของกลิ่นอายเหล่านี้อย่างน้อยอยู่ในขั้นราชันปราณเทวะ จักรพรรดิปราณเทวะมีจำนวนสี่ห้าคน
“นั่นคือ…”
เถี่ยหลีเทียนที่เร้นกายอยู่บนชั้นเมฆตกใจไปเล็กน้อย
เขาสามารถมองที่มาที่ไปของขั้วอำนาจกลุ่มนี้ออก
ทั่วทั้งราชวงศ์ของดินแดนทวีปนี้ สำนักที่อยู่ในระดับสามดาวได้ก็คงมีแต่สำนักพวกนั้น
“เป็นยอดฝีมือในขอบเขตปราณเทวะของตำหนักวิญญาณปฐพี!”
คนทั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นตกอยู่ในความโกลาหล แม้กระทั่งจักรพรรดิหลิงฉยงก็ยังตื่นตะลึงทำอะไรไม่ค่อยถูกเช่นกัน
“ตำหนักวิญญาณปฐพีบุกมาอย่างไม่เป็นมิตร เกรงว่าคงจะมีเจตนาไม่ดีแน่!”
จักรพรรดิหลิงฉยงใจเย็นวาบ
ตำหนักวิญญาณปฐพีเป็นสำนักสามดาวเพียงแห่งเดียวในละแวกนี้ อำนาจเหนือกว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินที่จ้าวเฟิงเคยอยู่ในอดีตหลายส่วนนัก
“สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น? ที่นี่ก็คือสำนักที่จ้าวเฟิงผู้นั้นสังกัดอยู่งั้นหรือ?”
กูเจาจื้อผู้อยู่ท่ามกลางเหล่าจักรพรรดิและราชัน ห้วงคิดเซียนของเขากำลังกวาดผ่านสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นที่อยู่เบื้องล่าง
ถึงแม้ว่าตัวของเขาเองจะหวาดระแวงต่อจ้าวเฟิงอย่างลึกซึ้ง
แต่ว่าศักยภาพของสำนักที่ทั้งสองอยู่ก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว
ตำหนักวิญญาณปฐพีอยู่เหนือกว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น สำนักสามดาวกับสองดาว นี่ย่อมเป็นการกดข่มกันอย่างไร้ปรานีที่สุด
“สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น ส่งตัวจ้าวเฟิงผู้เป็นหนึ่งในมารคู่ผมม่วงออกมาซะ!”
ภายใต้การปกคลุมของพลานุภาพของปราณเทวะมหาศาล เสียงกึกก้องดังทั่วฟ้าดิน ทำให้ทางเข้าสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นสั่นไหว
การที่ตำหนักวิญญาณปฐพีตามหาจ้าวเฟิงไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของคนระดับสูงในสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น
แววตาของจักรพรรดิหลิงฉยงและคนอื่นๆ กวาดผ่านพื้นที่ที่จ้าวเฟิงเข้าฌานฝึกตนโดยจิตใต้สำนึก แต่กลับพบว่ากลุ่มน้ำวนวายุอัสนีเหนือลานที่พักค่อยๆ กระจายตัวหดหายไป
เวลานี้ การพัฒนาของจ้าวเฟิงก็เสร็จสมบูรณ์อย่างเงียบๆ จึงเก็บกักกลิ่นอายเอาไว้อย่างง่ายดาย
นี่ย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนเพิ่งทะลวงผ่านขั้นราชันมาหมาดๆ จะทำได้