Skip to content

King of Gods 878

King Of Gods

บทที่ 878 สังหารไร้ปรานี

กลางอากาศเหนือสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น

แซ่ด! เพียงก้าวเดียวจ้าวเฟิงก็ไปปรากฏกายขึ้นตรงกลางระหว่างยอดฝีมือขอบเขตปราณเทวะทั้งสองฝั่ง

“ลงมือสังหารหมู่?”

ผู้มากความสามารถของตำหนักวิญญาณปฐพีและสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในความเงียบงัน สีหน้าแบ่งรับแบ่งสู้

ฟากของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นก็ครุ่นคิดพิจารณาว่าจ้าวเฟิงได้คิดวางแผนอะไรหรือไม่

บรรดาราชันและจักรพรรดิของตำหนักวิญญาณปฐพีชะงักไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนใบหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น

บางทีความเร็วของจ้าวเฟิงอาจน่าตื่นตกใจ สูงส่งกว่าคนทั่วไป แต่เมื่อเผชิญกับการร่วมมือของยอดฝีมือขอบเขตปราณเทวะจำนวนมาก รวมไปถึงจักรพรรดิหลายคน และยังมีจักรพรรดิชั้นยอดคนหนึ่งด้วย เขาก็ยังคงดูเล็กจ้อยอย่างเห็นได้ชัด

“ฮ่าๆๆ…”

‘จางเสวียนต้ง’ จักรพรรดิชุดทองแห่งตำหนักวิญญาณปฐพีแหงนหน้าหัวเราะลั่น ก่อนเอ่ย “เด็กโง่เจ้าคิดว่าเพียงแค่คำพูดข่มขู่ธรรมดาของเจ้า จะทำให้พวกเรากองกำลังของตำหนักวิญญาณปฐพีหวาดกลัวจนต้องถอยไปงั้นหรือ?”

เมื่อเอ่ยจบแล้ว บรรดายอดฝีมือในขอบเขตปราณเทวะของตำหนักวิญญาณปฐพีเปล่งเสียงหัวเราะออกมา

คำตอบช่างแน่นอนเพียงนี้

ตำหนักวิญญาณปฐพีเป็นสำนักยิ่งใหญ่อย่างมากในระดับสามดาว กองกำลังที่มีคนในระดับสูงจำนวนมาก จะมาตื่นตกใจเพียงเพราะคำพูดของคนรุ่นหลังจนล่าถอยไปได้อย่างไรกัน?

แต่ในฝั่งของตำหนักวิญญาณปฐพี มีเพียงกูเจาจื้อที่ยิ้มไม่ออก

ในหัวของเขาปรากฏภาพเหตุการณ์ในมิติเทพลวงตาทีละภาพๆ

เด็กหนุ่มผมม่วงในครรลองสายตา เหมือนไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็มีความเชื่อมั่นและความแน่วแน่ที่ไม่อาจบรรยายได้

ถึงแม้จะเป็นยามนี้ ใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้นั้นไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

มุมปากของเด็กหนุ่มผมม่วงปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ “วันนี้พวกเจ้าไม่ถอย แต่ในภายหน้าต้องทำแน่!”

ทันทีที่เอ่ยจบ

แซ่ด!ขวั่บ!ขวั่บ!

จ้าวเฟิงสาวเท้าไปอีกก้าวหนึ่ง ในความว่างเปล่าเหลือเพียงเสี้ยวเงาวายุสายฟ้าเลือนรางไม่ชัดเจน

ในเวลาดังกล่าว ความเร็วของจ้าวเฟิงไม่เพียงแต่มากจนชวนตื่นตะลึงเท่านั้น แต่ในท่าร่างยังหลอมรวมวายุอัสนี และเสวียนอ้าวศาสตร์ลวงตาที่สูงส่งลึกล้ำด้วย

“ทุกคนระวัง!”

ฝั่งของตำหนักวิญญาณปฐพี จักรพรรดิและราชันจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้นโดยมากจะมองเห็นร่องรอยท่าร่างของจ้าวเฟิงไม่ชัดเจนด้วยซ้ำ

ในตอนนี้ พลังจักรพรรดิของจ้าวเฟิงฟื้นฟูไปแล้วเจ็ดแปดส่วน ในระดับความสูงส่งของสำนึกรู้ก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว

ณ ที่ดังกล่าว นอกเหนือจากจางเสวียนต้งผู้เป็นจักรพรรดิชั้นยอดแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่รู้เรื่องอะไร

พรึ่บ!

ทันใดนั้นเอง เสี้ยวเงาวายุอัสนีสายหนึ่งในนั้น บนร่างก็ทะลักริ้วสายฟ้าแก่นแท้พลังสีทองสว่างชั้นหนึ่งออกมา

ริ้วสายฟ้าแก่นแท้พลังเป็นประกายแวววาวสีทอง พลังอำนาจของมันน่ากลัวอย่างที่สุด ในวินาทีที่แผ่พวยพุ่งออกมา อากาศในละแวกนั้นมีเสียงกึกก้องแว่วมา

“แย่ล่ะ!”

จางเสวียนต้งและจักรพรรดิสองสามคนของตำหนักวิญญาณปฐพีพูดไม่ออกพร้อมกัน สัมผัสได้ถึงพลังน่าสะพรึงกลัวในแก่นแท้พลังสีทองที่เป็นประกายนั้น

แต่ทว่าการเตือนของพวกเขาก็ช้าไปเสียแล้ว

โครม——

ในวินาทีที่กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทะลักออกมา ความเร็วในเวลาดังกล่าวของของจ้าวเฟิงก็ทะยานสูงขึ้นไปอีกขั้น

โครม เปรี้ยง!

ท่ามกลางเสียงอัสนีที่ดังกึกก้องกระเทือนฟ้าดิน จ้าวเฟิงซัดหมัดกระแทกราชันปราณเทวะที่ไม่ทันป้องกันตัวผู้หนึ่งจนร่างแหลกละเอียด

“อ๊าก!”

ราชันปราณเทวะผู้นั้นไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากแก่นแท้พลังของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ห้าระดับสูง กายเนื้อถูกบดเละกลายเป็นกองเลือด

เพียงแค่หมัดธรรมดาๆ เท่านั้น จ้าวเฟิงยังไม่ได้ใช้ปราณที่แท้จริงเลยด้วยซ้ำไป เขาใช้เพียงร่างกายแข็งแกร่งที่ดั้งเดิมที่สุดลงมือสังหารราชันระดับลึกซึ้งในขอบเขตปราณเทวะช่วงปลาย

เฮือก!

ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ!

ทั้งสองฝั่งไม่ว่าตนเองหรือศัตรูต่างตื่นตะลึง เมื่อมองเห็นความเร็วที่น่าตื่นตะลึงของจ้าวเฟิงด้วยตาตนเอง พลังที่น่าพรั่นพรึงนี้สังหารราชันระดับลึกซึ้งผู้หนึ่ง

ทุกคนต่างเคยคาดเดาว่าจ้าวเฟิงจะมีพลังความสามารถและความเร็วที่ไม่ธรรมดา

แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า เมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวเฟิง ราชันอาวุโสระดับลึกซึ้งผู้หนึ่งยังไม่มีแม้แต่แรงจะโต้กลับ ถูกสังหารไปเสียแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกูเจาจื้อแห่งตำหนักวิญญาณปฐพีที่ใจเย็นวาบ

เขาเห็นชัดว่าจ้าวเฟิงมีท่าทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากสังหารราชันระดับลึกซึ้งไป

เหมือนว่าในสายตาของจ้าวเฟิง การลงมือสังหารราชันระดับลึกซึ้งผู้หนึ่งไม่ต่างอะไรกับการปลิดชีพสุนัขตัวหนึ่ง

ที่มิติเทพลวงตา ตั้งแต่เมืองใต้ดินไปจนถึงคฤหาสน์เสียหยาง เด็กหนุ่มผู้นี้สงบนิ่ง เหมือนวางแผนทั้งหมดเอาไว้อยู่เสมอ

“คนแรก”

น้ำเสียงของจ้าวเฟิงราบเรียบ “พวกเจ้าล่าถอยไปตอนนี้ยังพอจะมีโอกาส”

ทางฟากของตำหนักวิญญาณปฐพีตกอยู่ในความเงียบงัน จากนั้นแต่ละคนระเบิดโทสะพุ่งไปที่จ้าวเฟิง

“เจ้าเด็กนี่รวดเร็วยิ่งนัก รีบล้อมจับเขาไว้!”

‘จางเสวียนต้ง’ จักรพรรดิชุดทองร้องตะโกนอย่างกรี้ยวกราด

แต่ทว่า เด็กหนุ่มผมม่วงในครรลองสายตาไม่ลุกลี้ลุกลนสักนิด มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ

“ปีกวายุอัสนี!”

เบื้องหลังจ้าวเฟิง ปีกวายุอัสนีคู่หนึ่งที่ดูราวของจริงรวมตัวขึ้น ในทุกคราวที่โบกสะบัดจะต่อให้เกิดลมวายุอัสนีที่รุนแรงมหาศาล ทันใดนั้น เมฆสายฟ้าบนฟ้าลอยตลบมา วายุอัสนีธาตุน้ำและวายุอัสนีธาตุไม้กลายเป็นลำแสงปีกขนาดใหญ่สองสาย พุ่งทะยานไปถึงชั้นฟ้า

อานุภาพสำนึกรู้ที่แกร่งกล้าของปีกวายอัสนีเทียบเท่าได้กับจักรพรรดิชั้นยอดแล้ว ราชันปราณเทวะทั่วไป ถึงขั้นที่ว่าไม่สามารถเข้าใกล้จ้าวเฟิงได้

แต่ปีกวายุอัสนีถูกจ้าวเฟิงใช้ไปเพียงเพื่อเพิ่มความเร็วเท่านั้น

เปรี๊ยะ!ตูม!

แก่นแท้พลังทรงอำนาจที่เป็นแสงทองอมฟ้าและปีกวายุอัสนีทำให้ความเร็วของจ้าวเฟิงถูกกระตุ้นไปจนถึงขีดสุด

“หยุด!”

จักรพรรดิขอบเขตปราณเทวะคนหนึ่งในนั้นและราชันปราณเทวะหลายคน ดึงดันโบยบินไปหาจ้าวเฟิงที่กำลังจะบินไปจาก

โครม——

จ้าวเฟิงไม่หวาดกลัว ระเบิดเสียงหัวเราะ และกระแทกจักรพรรดิปราณเทวะที่เป็นผู้นำขบวนกระเด็นออกไป

“อะไรกัน!”

จักรพรดริปราณเทวะผู้นั้นตกใจจนพูดไม่ออกไปในทันที ร่างกายกระเด็นออกไป เลือดลมปั่นป่วน

ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะไม่ได้ลงมือทำร้ายเขา แต่ใช้เพียงแก่นแท้พลังที่แกร่งกล้าปะทะจักรพรรดิกระเด็นออกไป นี่ก็ถือว่าน่ากลัวเกินไปแล้ว

ปีกวายุอัสนีบวกกับแก่นแท้พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ความเร็วและพลังของจ้าวเฟิงที่โจมตีเข้าไปทำเอาจักรพรรดิปราณเทวะกระเด็นออกไปทันที

เหตุการณ์นี้ทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากทั้งสองฝ่ายตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี

“กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ห้าจะส่งผลสอดคล้องกับขอบเขตแก่นก่อกำเนิด เมื่อกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แตะขั้นที่ห้าระดับสูง พึ่งพาเพียงแก่นแท้พลังก็สามารถประมือกับจักรพรรดิทั่วไปได้อย่างสูสี และบดขยี้ราชันที่ซึ่งอยู่ต่ำกว่าขั้นจักรพรรดิได้”

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลในร่างกาย

ทุกช่วงลมหายใจของเขา ทุกอริยาบถล้วนแต่มีพลังที่ย้ายภูเขาแยกวารี อีกทั้งยังไม่ต้องการปราณที่แท้จริงอื่นๆ ด้วย

นี่คือเส้นทางในการฝึกตนที่ครึ่งเซียนคุนอิ๋นเคยเดินมาก่อน!

‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ที่จ้าวเฟิงฝึกฝนเป็นฉบับที่แข็งแกร่งกว่าของ ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ อันเป็นแบบดั้งเดิม

“ผู้เยาว์ หยุดก่อน!”

ถึงแม้ว่าจักรพรรดิปราณเทวะผู้นั้นโดนกระแทกจนถอยร่นไป แต่ข้างกายยังมีราชันในระดับลึกซึ้งและราชันระดับสุดยอดด้วยอย่างละคน

ราชันในขอบเขตปราณเทวะทั้งสองคนชำนาญในความเร็วอย่างยิ่ง

การลงมือของจักรพรรดิคนก่อน ฝืนพยายามจะขัดขวางจ้าวเฟิง เปิดโอกาสให้ราชันทั้งสองลงมือขัดขวางต้านทาน

“สังหาร!”

จ้าวเฟิงไม่หลบไม่หลีก กระตุ้นแก่นแท้พลังกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แกว่งกำปั้นสองข้าง จนสายฟ้าฟาดลงไปยังราชันทั้งสอง

ราชันปราณเทวะทั้งสองคนต่างรับรู้ถึงความเก่งกาจของจ้าวเฟิง จึงทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อโจมตีและป้องกัน

“เขตแดนเมืองมายา!”

แต่ในวินาทีที่จ้าวเฟิงปล่อยหมัดออกมา จิตใจของราชันทั้งสองสั่นเทา และตกลงไปในเมืองเขาวงกตเก่าแก่ที่มีหมอกควันปกคลุมแห่งหนึ่ง ประสาทสัมผัสจิตสำนึกพร่าเลือน ความสามารถในการควบคุมพลังร่างกายลดลงไปมาก

“อ๊าก อ๊าก…”

ราชันทั้งสองถูกแก่นแท้พลังหมัดสีทองที่รุนแรงเกินจะเปรียบปกคลุมกลืนกินร่าง เสียงกรีดร้องสองเสียงแว่วออกมาแทบจะในเวลาเดียวกัน

โครม ตูม ตูม!

ราชันทั้งสองคน คนผู้หนึ่งคือปราณเทวะช่วงปลาย ส่วนอีกคนคือปราณเทวะช่วงสุดยอด สิ้นชีพลงในทันที

“สังหารคู่!”

ฟากของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น พวกของจักรพรรดิหลิงฉงและราชาลู่อวิ๋นตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

ก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงลงมือสังหารราชันระดับลึกซึ้งผู้หนึ่ง

แต่ในครั้งนี้ลงมือสังหารราชันทั้งสองในครั้งเดียว ในนั้นยังมีราชันระดับลึกซึ้งอยู่คนหนึ่งด้วย

“คนที่สาม”

เสียงเรียบนิ่งทำให้ยอดฝีมือของตำหนักวิญญาณปฐพีใจเย็นวาบ

ถูกผู้เยาว์ที่เพิ่งเลื่อนขึ้นเป็นราชันผู้หนึ่งสังหารราชันในขอบเขตปราณเทวะถึงสามคนในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้จะให้จักรพรรดิและราชันของตำหนักวิญญาณปฐพีเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

แล้วเจ้าเด็กนี่ยังทำท่าทางราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น

“ปีกอัสนีโบยบิน!”

ปีกวายุอัสนีที่อยู่ด้านหลังจ้าวเฟิงโบกสะบัดจนเกิดเป็นเงาแสงที่เลือนราง มีศาสตร์อัสนีและเสวียนอ้าวของมิติที่แปลกประหลาดเกี่ยวกระหวัดกันไปมา

แซ่ด!

เงาร่างของจ้าวเฟิงหายไปแล้ว

“ผู้เยาว์ เจ้าตายซะ!”

และในวินาทีต่อมาจักรพรรดิทั้งสามที่นำโดย ‘จางเสวียนต้ง’ ผู้เป็นจักรพรรดิชุดทองปลดปล่อยพลังโจมตีที่สะเทือนฟ้าดินออกมาทันที

โครม!

การร่วมแรงโต้กลับของจักรพรรดิทั้งสาม ทำให้ท้องฟ้าของฝั่งหนึ่งเกิดเสียงดังโครมครามของสายอัสนีบาตดังแว่วมา สาดซัดระลอกพลังตั้งห้ามออกมา จนบรรดาราชันที่อยู่ใกล้เคียงถูกกระแทกกระเด็นออกไป

ทางเข้าสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นด้านล่างถูกปะทะเข้าอย่างจังๆ จนเกิดเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่

พลังในระดับนี้มากพอที่จะสังหารจักรพรรดิทั่วไป เสียดายก็เพียงแต่ว่าไม่ได้บรรลุจุดประสงค์

เด็กหนุ่มผมม่วงคนนั้นเหมือนควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ท่ามกลางความวุ่นวาย และหลบหลีกออกจากการร่วมมือกันล้อมสังหารเขาได้อย่างเฉียดฉิว

“คมปีกวายุอัสนี!”

จ้าวเฟิงปรากฏกายขึ้นที่อีกฟากของกองกำลังตำหนักวิญญาณปฐพี

โครม!

ในช่วงเวลาที่ปรากฏกาย เงาของปีกอัสนีที่คมกริบสายหนึ่งกวาดผ่านราชันระดับลึกซึ้งคนหนึ่งที่อยู่ข้างกาย

“อ๊าก——”

ราชันระดับลึกซึ้งผู้นั้นยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ก็ถูกกลยุทธ์ปีกอัสนีของจ้าวเฟิงตัดร่างออกเป็นสองท่อน

เสียงร้องโหยหวนอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง

ท่ามกลางกลุ่มคนขอบเขตปราณเทวะของตำหนักวิญญาณปฐพี ความตื่นตระหนกหวาดกลัวเกิดขึ้น

การลงมือโจมตีทุกครั้งของจ้าวเฟิง หลังจากที่สังหารราชันแล้ว บนร่างจะมีกลิ่นอายอัสนีเทวะที่ไม่ดับสลายวาบผ่าน กลืนกินเอาดวงวิญญาณของราชันเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“คนที่สี่”

เสียงนิ่งเรียบราวกับเป็นสัญลักษณ์ในการตัดสินชีวิต ทำให้พวกราชันของตำหนักวิญญาณปฐพีตัวสั่นอย่างหวาดกลัว

ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า คนในระดับขั้นจักรพรรดิลงไป เมื่ออยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟิงก็ไม่มีแรงจะต้านทาน

“ผู้เยาว์! แน่จริงก็ลงมือกับพวกเราสิ…”

จักรพรรดิหลายคนของตำหนักวิญญาณปฐพีเต้นเร่าราวถูกสายฟ้าฟาด

พวกเขาไม่ได้หวาดกลัวในตัวของจ้าวเฟิง เพียงแต่พวกเขายังคาดเดาและระแวงในความเร็วของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่เหนือกว่าจักรพรรดิทั่วไป ยังมีการคาดการณ์และประสาทสัมผัสทางกลิ่นที่แข็งกล้าประเภทหนึ่ง

ขวับ!ขวับ!ขวับ!

จักรพรรดิจำนวนมากและจางเสวียนต้งจักรพรรดิชุดทองแยกตัวออกไปหลายทิศทางเพื่อขัดขวางจ้าวเฟิง

ราชันปราณเทวะคนอื่นๆ ล้วนแต่ยึดเอาจักรพรรดิหลายคนเป็นหลัก ไม่กล้ารั้งรออยู่ด้านหลัง แต่ละคนตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างยิ่ง

ตั้งแต่เริ่มลงมือจนถึงตอนนี้ จ้าวเฟิงยังไม่เคยพลาดมาก่อน

เหมือนว่าทุกครั้งที่เขาปรากฏกายและลงมือจะสามารถสังหารราชันในขอบเขตปราณเทวะได้คนหนึ่ง ถึงขั้นที่ว่าสังหารราชันได้สองคน

ในเวลานี้เอง บรรยากาศตึงเครียดในที่นั้นก็ไปถึงขีดสุด

บรรดาราชันและจักรพรรดิของตำหนักวิญญาณปฐพี แต่ละคนต่างทุ่มแรงเตรียมพร้อม ทุ่มเทแรงใจร่วมมือกัน โดยไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย

สวบ!

ชั่วเวลาหนึ่ง ร่างที่แท้จริงของริ้วทองแก่นแท้พลังที่จ้าวเฟิงปะทุขึ้นปรากฏให้เห็นอีกครั้ง

ในพื้นที่ใกล้เคียงกับเขามีราชันปราณเทวะสามคน

“รีบไปซะ!”

ราชันปราณเทวะทั้งสามราวกับเจอกับศัตรูที่เก่งกาจ หลบหลีกและล่าถอยไปจนสุดแรง

“ฝันไปเถอะ——”

พลังจักรพรรดิสายหนึ่งทะลวงผ่านมาจากบริเวณใกล้เคียง พลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตปกคลุมไปทั่วร่างของจ้าวเฟิง

จากการร่วมมือกันของทุกคน บรรดาราชันของตำหนักวิญญาณปฐพีต่างเกาะกลุ่มสามถึงห้าคน และแถวนั้นยังมีจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะด้วย

“ผู้เยาว์ ถ้าเก่งจริงก็โจมตีข้า…” จักรพรรดิ ในขอบเขตปราณเทวะที่สวมชุดนักรบสีดำผู้นั้นตะเบ็งเสียงออกมา เบื้องหลังปรากฏเงาขนาดใหญ่ของโลกมิติส่วนตัวแห่งหนึ่งขึ้น ก่อนตรงดิ่งมาหาจ้าวเฟิง

วูบ!

จักรพรรดิชุดนักรบสีดำผายมือสองข้างออก ระลอกโซ่สายฟ้าสีขาวหลายวงล้อมรอบบริเวณรัศมีหลายสิบลี้ที่จ้าวเฟิงยืนอยู่

ตุบ ตุบ ตุบ!แซ่ด~

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ทอแสงสีทองของจ้าวเฟิงเกิดสะเก็ดไฟ ร่างกายมีอาการเหน็บชาเล็กน้อยเมื่อถูกรัดจากระลอกโซ่สายฟ้าสีขาว ความเร็วลดฮวบ

“สำเร็จแล้ว!”

เหล่าราชันปราณเทวะของตำหนักวิญญาณปฐพี สีหน้าเผยแววยินดี

“เป็นเจ้าต่างหาก ที่ข้าจะสังหาร——”

เรือนผมสีม่วงของจ้าวเฟิงโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง ในดวงตาซ้ายปรากฏคมแสงสีม่วงหนาวเหน็บ แก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขยายใหญ่หลายส่วนอีกครั้ง เป็นดังยักษ์ตัวใหญ่ตนหนึ่ง บนร่างก็พลันทะลักลำแสงร้อนแรงที่ปกคลุมฟ้าดินออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!