Skip to content

King of Gods 922

King Of Gods

บทที่ 922 ปฏิเสธ

เรื่องมารคู่ผมม่วงที่ล่ำลือกัน ทำเอาเหล่าผู้ชมที่ห้อมล้อมอยู่ฮือฮา อีกทั้งนี่ยังเป็นการต่อสู้ตัดสินแพ้ชนะของของนักฝึกสัตว์ จึงดึงดูดผู้คนจากรอบด้านเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

“ข้ากับจ้าวเฟิงวางเดิมพันกันเอาไว้ คือชื่อของปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ และตำแหน่งรายชื่อนักฝึกสัตว์ในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท!”

เหลียงซังแสยะยิ้ม มองมายังจ้าวเฟิง

ถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนี้ ราวกับจะป้องกันไม่ให้ทั้งสองฝ่ายบิดพลิ้วสัญญา แต่จริงๆ แล้วเหลียงซังทำไปเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนมากขึ้นเท่านั้น

สมญานามปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ ตำแหน่งผู้ติดตามในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท แน่นอนว่าคำสำคัญทั้งสองต้องนำมาซึ่งการวิพากย์วิจารณ์อย่างแน่นอน

“เยี่ยม ศึกครั้งนี้ต้องสนุกแน่!”

“ของเดิมพันที่ล้ำค่าเช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายต้องทุ่มเทกำลังเต็มที่แน่นอน!”

“เร็วเข้า รีบให้พวกเขาเข้ามาเร็ว!”

“ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์เหลียงซัง จะเริ่มได้หรือยัง?” จ้าวเฟิงถามอย่างออกจะเหนื่อยหน่าย เจ้าคนนี้ทำท่าเสียยังกับจะขึ้นเวทีทำการแสดง

“ได้!”

สีหน้าของเหลียงซังแปรเปลี่ยนโดยพลัน เปิดปากถุงสัตว์วิเศษออก

ทันใดนั้น กิ้งก่าเกล็ดเขียวมรกตทั้งตัว ยาวกว่าสิบจั้ง ก็พลันย่างก้าวออกมาที่พื้น เขาหนึ่งเดียวราวกับผลึกสีเขียวบนหัวส่องประกายระยิบระยับ

กิ้งก่ามรกตแผดเสียงก้อง พลังน่าเกรงขามขั้นราชันระดับสุดยอดแผ่กระจาย ทำให้ผู้ชมที่ระดับพลังอยู่ขั้นต่ำๆ ใจสั่นหวาดหวั่น จนเกือบร่วงลงไปนั่งอยู่บนพื้น

คนดูทั้งหมดถอยหลังไปเองทันที เข้าใกล้การต่อสู้ของราชันระดับสุดยอด ต่อให้มีชะตาราชวงศ์คุ้มครอง ก็ไม่กล้าเข้าใกล้มากนัก กิ้งก่ามรกตเหมือนภูเขาลูกเล็กๆ มันมองต่ำลงมา แววตาสัตว์ดุร้ายจ้องเขม็งมายังจ้าวเฟิง

“นี่คือสัตว์วิเศษที่แซ่เหลียงคนนี้ฝึกฝนจนเชื่องในบึงน้ำแบบปิดตาย ชื่อของมันคือกิ้งก่ามรกตเขาแก้ว ขอบเขตอยู่ขั้นราชันระดับสุดยอด แต่กลับมีกำลังรบที่แท้จริงถึงขั้นจักรพรรดิ!”

เหลียงซังแนะนำอย่างได้ใจ กิ้งก่ามรกตเขาแก้ว ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันหรือการโจมตีล้วนแต่สุดยอด แต่เสียแค่ว่าขาดความคล่องแคล่วว่องไว

นักฝึกสัตว์ไม่เพียงแต่ฝึกสัตว์อสูรให้เชื่อง ทำให้มันยอมศิโรราบ แต่จะต้องทำให้สัตว์อสูรเชื่อฟังคำสั่ง และออกไปต่อสู้ ใช้สติปัญญาของมนุษย์มาพัฒนาความสามารถด้านการสู้รบของสัตว์อสูรในขั้นที่สูงที่สุด

“เป็นกิ้งก่าที่มีเอกลักษณ์เสียจริง!”

“สมกับที่เป็นสัตว์อสูรวิเศษจริงๆ ท่าทางไม่ธรรมดาเลย!”

“ว่ากันว่ากิ้งก่าก็คือลูกหลานรุ่นหลังของมังกร กำลังรบนับว่าสุดยอดที่สุดในหมู่สัตว์อสูร”

จ้าวเฟิงเพียงแค่ชายตามอง สัตว์อสูรชนิดนี้ ในมิติเทพลวงตามีเยอะแยะ

แขนซ้ายของจ้าวเฟิงยกขึ้นสะบัด

หึ่ง! ผึ้งที่เปล่งประกายแสงห้าสีขนาดเท่ากำปั้นบินออกมา

รูปร่างผอมเล็กของมัน เมื่อเปรียบเทียบกับกิ้งก่ามรกตเขาแก้วแล้วแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

“สวยจริง นี่คือสัตว์อสูรอะไร?”

“กลิ่นอายช่างอ่อนแอนัก ราชันระดับธรรมดา!”

“แตกต่างกับกิ้งก่ามรกตเขาแก้วของอาจารย์เหลียงซังมากเกินไปแล้ว!”

คน ณ ที่นั้นดูไม่ออกในครั้งแรกว่านี่คือสัตว์วิเศษอะไร ช่างตัวเล็กวิจิตร ส่องประกายหลากสีงดงาม

แต่กิ้งก่ามรกตเขาแก้วที่เป็นสัตว์อสูร เพียงแค่ถลึงตา ร่างทั้งร่างก็สั่นสะท้านแล้ว

ส่วนผึ้งเบญจพิษแค่นำความหวาดหวั่นมาให้พวกเขาเท่านั้น

“นี่คือ?” แววตาของเหลียงซังจับจ้องมายังผึ้งตัวน้อย สีหน้าแปรเปลี่ยนทันใด

แต่ทั้งหมดนี้ก็ช้าไปเสียแล้ว

หึ่ง หึ่ง! รูปร่างยักษ์ใหญ่ของกิ้งก่ามรกตเขาแก้วกลายเป็นสิ่งที่คอยถ่วงมัน ทำให้มันเคลื่อนไหวเนิบช้า จึงโดนผึ้งเบญจพิษตามทันและพุ่งเข้าต่อย ก่อนตัวมันจะระเบิดออกทันใด

ตูม! หลังจากที่หมอกควันจางไปแล้ว ตั้งแต่คอจนถึงท้องของกิ้งก่ามรกตเขาแก้วมีรูดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น เลือดสีดำไหลออกมาไม่หยุด

สีหน้าของเหลียงซังตกใจระคนเคืองแค้น รีบเรียกกิ้งก่ามรกตเขาแก้วกลับเข้าไปทันที แล้วรีบใส่ยาถอนพิษที่บาดแผลให้

โชคดีที่ตัวของกิ้งก่ามรกตเขาแก้วใหญ่โต จุดที่บาดเจ็บจึงมีไม่มาก มิฉะนั้นเขาคงต้องสูญเสียสัตว์อสูรวิเศษไปแล้ว เพียงแต่เหลียงซังคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะมีผึ้งเบญจพิษ แมลงล้ำค่าที่มีพลังสายเลือดใกล้เคียงกับรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

มิน่าเล่าจ้าวเฟิงจึงไร้ซึ่งความเกรงกลัว

มีแมลงโบราณล้ำค่าเช่นนี้ แทบจะไม่ต้องให้นักฝึกสัตว์ลงมือทำอะไรเลย

ผึ้งเบญจพิษเพียงแค่โจมตีพลีชีพก็ได้รับชัยชนะ

“ในมือของเจ้าเด็กนี่จะต้องมีผึ้งเบญจพิษอีกเป็นแน่!”

เหลียงซังกัดฟันกรอด สีหน้าอิจฉาเคียดแค้น

ทั่วทั้งสนามหวาดผวา ไม่คิดไม่ฝันว่าผึ้งที่อ่อนแอไร้กำลังจะมีพลังมากมายถึงเพียงนี้

กิ้งก่ามรกตเขาแก้วที่ท่าทางโหดเหี้ยม กลับสูญเสียกำลังรบในชั่วพริบตา

“จ้าวเฟิง ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะมีผึ้งเบญพิษอีกสักกี่ตัว!”

ใบหน้าของเหลียงซังฉายแววเจ็บปวดใจ ก่อนจะเปิดปากถุงเก็บของอีกครั้ง

เต่ายักษ์สีเขียวเข้มตัวหนึ่งร่วงลงมายังลานฝึกวิชา

กระดองเต่ามันวาวหนาหนัก เนื้อแน่น ตัวใหญ่โต ชั่วพริบตาที่ปรากฏขึ้น รอบทิศก็ปรากฏม่านน้ำเกราะแสงขึ้น ล้อมตัวเองเอาไว้

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึม สัตว์อสูรชนิดนี้สามารถต้านผึ้งเบญจพิษได้พอดี

“แมวขโมยตัวน้อย!”

เหมียว!

เจ้าแมวขโมยน้อยมุดออกมาจากมนตราอากาศ รีบส่ายหัว มันแสดงท่าทีว่าตัวเองเป็นไพ่ตาย จะเปิดเผยออกมามากไม่ได้

อีกทั้งแมวขโมยตัวน้อยยังสนับสนุนไหมเมฆาผีเสื้อเซียนน้องชายตัวเองสุดฤทธิ์

จ้าวเฟิงจนคำพูด การแสดงออกของเจ้าแมวขโมยตัวนี้บอกชัดเลยว่า ตัวเขาไม่ใช่นักฝึกสัตว์ที่ได้คุณภาพ

“เช่นนั้นก็ตัดสินแพ้ชนะไปเลยแล้วกัน!”

จ้าวเฟิงมีสีหน้าเคร่งขรึม ถึงแม้แมวขโมยน้อยจะชนะเต่ายักษ์ตัวนี้ แต่เหลียงซังก็คงเอาสัตว์อสูรวิเศษออกมาเรื่อยๆ สู้กับจ้าวเฟิงต่อไป

หากแต่จ้าวเฟิงไม่ใช่นักฝึกสัตว์มืออาชีพ มีสัตว์อสูรวิเศษอยู่ไม่มากนัก

“หืม?” ในใจของเหลียงซังรู้สึกประหลาด มีความรู้สึกไม่ชอบมาพากล จ้าวเฟิงพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?

มือซ้ายของจ้าวเฟิงสะบัด หนอนไหมตัวอ้วนกลมลำตัวใสราวกับผลึกก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

ตูม! ทั้งลานฝึกตกเข้าสู่ความกดดันอันเงียบสงบ กลิ่นอายสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณน่าสะพรึงกลัว ทำให้ผู้คนที่ล้อมวงดูอยู่ใจเต้นระรัว รีบถอยหลังไปนับสิบจั้งทันที ใบหน้าขาวซีด ลมหายใจหยุดชะงัก

แววตาของเต่ายักษ์สีเขียวเข้มสั่นระริก เลือดในร่างกายสั่นหวาดกลัว มันมองหนอนไหมตัวน้อยด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนพลันลืมตาราวกับหยกล้ำค่าขึ้น จ้องมองลึกไปยังเต่ายักษ์

เต่ายักษ์พลันร้องออกมาอย่างหวาดกลัว จากนั้นก็หดหัวเข้าไปในกระดองทันที กระดองสั่นสะท้านไม่หยุด กระทบกับพื้นดินจนส่งเสียงดังครืนไปทั่ว

นักฝึกสัตว์เหลียงซังยืนตะลึงอ้าปากค้าง “รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน!”

ถึงแม้จะห่างจากกันมาก แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ กลิ่นอายพลังของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวนี้ถึงขั้นจักรพรรดิ แต่เผ่าพันธุ์ที่แท้จริงของมันคือสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ พลังที่แท้จริงสามารถสร้างผลกระทบให้ได้แม้กระทั่งขั้นเซียน และสัตว์อสูรวิเศษที่ห่างจากยุคบรรพกาลทั้งหมด เมื่อมาอยู่ต่อหน้ามันแล้วจะถูกกดพลังไปขอบเขตหนึ่ง

หรือก็หมายความว่า สัตว์อสูรวิเศษขั้นราชันระดับสุดยอดในมือเขา เมื่ออยู่ต่อหน้ามันแล้วก็เป็นเพียงแค่ราชันช่วงต้นเท่านั้น

เว้นเสียแต่เหลียงซังจะนำเอาสัตว์วิเศษขั้นเซียนออกมา จึงจะสามารถสู้กับไหมเมฆาผีเสื้อเซียนได้บ้าง

เหลียงซังเรียกเก็บเต่ายักษ์ไป มองจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าอิจฉาไม่อยากยอมแพ้ หากแต่ไม่อาจทำอะไรได้ ไม่ว่าเขาจะเอาสัตว์อสูรวิเศษอะไรออกมา ก็ไม่มีทางได้รับชัยชนะ สัตว์อสูรวิเศษในมือเขา ไม่กล้าแม้กระทั่งจะสบตากับไหมเมฆาผีเสื้อเซียนด้วยซ้ำ

เหตุใดจ้าวเฟิงจึงมีแมลงโบราณล้ำค่าอย่างผึ้งเบญจพิษ? เหตุใดจึงมีแม้กระทั่งเชื้อสายเดิมของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ?

ทั้งหมดนี้ช่างไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว

แต่เหลียงซังก็ไม่เคยคิดเช่นกัน ถึงแม้เขาเผชิญหน้ากับเชื้อสายเดิมของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ เขาเองก็ไม่มีความสามารถจะทำให้ทำศิโรราบเช่นกัน

“ข้าน้อย ยอมแพ้!”

ฟุ่บ! เมื่อเห็นเหลียงซังยอมแพ้ จ้าวเฟิงก็เก็บไหมเมฆาผีเสื้อเซียนไป

ผู้ชมบางคนในที่นั้นยังอยู่ในสภาวะกดดันจากกลิ่นอายพลังโบราณ กระทั่งเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำว่าจ้าวเฟิงนำสัตว์วิเศษอะไรออกมา การต่อสู้อันดุเดือดของสัตว์อสูรวิเศษที่จินตนาการไว้ก็ไม่ได้ปรากฏให้เห็น

การต่อสู้ตัดสินแพ้ชนะในครั้งนี้ ปรมาจารย์เหลียงซังยอมแพ้ ประกาศสิ้นสุด

เหลียงซังกระโดดออกจากลานฝึกวิชา ไม่มีหน้าอยู่ต่อ ตามเจ้าเมืองธารสวรรค์เดินจากไปทันที

ในยามนี้เอง พ่อบ้านฉีก็รีบเดินออกมารับหน้า ยิ้มต้อนรับ “สมกับที่เป็นคุณชายจ้าวจริงๆ ฝีมือการฝึกสัตว์แซงหน้าขั้นปรมาจารย์ไปไกลนัก!”

พ่อบ้านฉีแอบใจฝ่อเล็กน้อย เมื่อสักครู่ที่เหลียงซังมาเข้าพบ จริงๆ แล้วเขาสามารถเลี่ยงไม่ให้ทั้งสองเจอกันได้ แต่เขาอยากจะเห็นฝีมือการฝึกสัตว์ของจ้าวเฟิง ดังนั้นจึงไม่เข้าห้าม

ในยามนี้ เขาได้เห็นแล้ว สามารถเรียกใช้เชื้อสายเดิมของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณได้ ฝีมือจะแย่ไปได้อย่างไร

“ดี ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

ทันใดนั้น เสียงสดใสลอยมา ดังกังวานไปทั่วทั้งลานฝึก

เห็นเพียงชายรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสีทองลายมังกร แผ่นหลังเหยียดตรง เดินก้าวเท้ายาวเข้ามา ทั่วทั้งร่างห้อมล้อมด้วยพลังแห่งชะตาราชวงศ์ ข้างกายคือชายหนุ่มในชุดผ้าไหมสีขาว

“องค์ชายสี่!”

“องค์ชายสี่!”

คนในราชวงศ์ที่ล้อมรอบทั่วทั้งลานรีบทำความเคารพ องครักษ์ข้ารับใช้คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ทั่วทั้งลานฝึกวิชากลับคืนสู่ความสงบ

จ้าวเฟิงตกตะลึงในใจ

ในรายงานข่าว พลังอำนาจทั้งหมดขององค์ชายสี่จัดอยู่อันดับหนึ่ง การประเมินพลังความสามารถก็อยู่ในระดับที่สูงที่สุด

“จ้าวเฟิง ไม่ได้เจอกันนานเลย!”

ข้างกายองค์ชายสี่ จูเก๋ออวิ๋นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เอ่ยทักทายเสียงเบา

“จูเก๋ออวิ๋น?”

ดูทีท่าแล้ว ‘วังลอยฟ้า’ ที่จูเก๋ออวิ๋นอยู่จะเลือกยืนข้างองค์ชายสี่

จูเก๋ออวิ๋นหรือคืออาจารย์จูเก๋อ ตอนอยู่ในมิติเทพลวงตาเข้ามาในฐานะเสนาธิการ คอยเป็นผู้นำให้กับกลุ่มของวังลอยฟ้า เป็นรองเพียงเซวียนหยวนเหวินเท่านั้น

ราชวงศ์ต้าเฉียนมีกลุ่มอิทธิพลสี่ดาวเพียงสองแห่งเท่านั้น คือวังลอยฟ้าและตำหนักไท่หวง แต่ตำไท่หวงเป็นผู้จัดศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทขึ้น ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าร่วม

“ข้าได้ยินน้องจูเก๋อและซินอู๋เหินพูดถึงเรื่องของเจ้ามาโดยตลอด วันนี้ได้พบ ก็ทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาดังคาด!”

องค์ชายสี่มองมายังจ้าวเฟิง แววตาเป็นประกาย พูดจาฉะฉาน

“พูดชมเกินไปแล้ว องค์ชายสี่ก็ท่าทางไม่ธรมดาเลย!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเป็นประกายวูบไหว ขอบเขตพลังขององค์ชายสี่แทบจะถึงระดับปฐมเซียน สามารถบรรลุได้ถึงขั้นเซียนได้ทุกเวลา อีกทั้งกำลังรบที่แท้จริงเกรงว่าจะเทียบเคียงได้กับขั้นเซียนเลยทีเดียว เทียบกับองค์ชายคนอื่นๆ แล้วแข็งแกร่งกว่าหลายเท่าจริงๆ

“ข้าในตอนนี้ยังขาดรายชื่อของนักฝึกสัตว์อยู่อีกชื่อพอดี ไม่ทราบว่าสหายจ้าวจะยอมมาช่วยข้าหรือไม่?”

สายตาขององค์ชายสี่ฉายแววจริงใจยามมองจ้าวเฟิง

ด้านนอกลานฝึกเงียบสงัด ลมหายใจตัดขัด

ในฐานะองค์ชายที่มีพลังที่แท้จริงแข็งแกร่งที่สุดในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท ตำแหน่งผู้ติดตามในมือของเขา ส่วนมากล้วนเป็นที่แย่งชิงของยอดฝีมือทั้งหลาย จะหลงเหลืออยู่ได้อย่างไร

สามารถทำให้องค์ชายสี่มาชักชวนด้วยตนเอง มอบรายชื่อผู้ติดตามให้ นี่ช่างเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่นัก

คนทั้งหมดมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาอิจฉาริษยาทันที

เหลียงซังที่เพิ่งออกไปจากที่นี่ไม่ไกล อยากจะเอาหัวโขกพื้นตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด

เขาไม่คิดเลยว่าองค์ชายสี่จะมาเห็นการต่อสู้ของเขากับจ้าวเฟิงเข้า

เขารู้สึกว่าตนแสดงละครเป็นเพื่อนจ้าวเฟิง ทำให้องค์ชายสี่สนใจในตัวจ้าวเฟิง

ในตอนนี้ องค์ชายสี่ยังไปเชื้อเชิญเองอีก เรื่องแบบนี้ ต่อให้เป็นฝันเขาก็ยังไม่กล้าฝันถึงเลย

พ่อบ้านฉีที่อยู่ข้างจ้าวเฟิงลมหายใจกระชั้นถี่ ในใจนึกเสียใจภายหลังนัก แต่กลับไม่กล้าเปิดปาก

เกรงว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ คงไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอที่เย้ายวนใจเช่นนี้ได้แน่นอน คำวิจารณ์เรื่องพลังขององค์ชายสี่มาเป็นอันดับหนึ่ง มีโอกาสชิงตำแหน่งรัชทายาทได้สูงที่สุด

เพียงแค่แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทมาได้ ผู้ที่ช่วยเหลือสนับสนุนองค์ชายล้วนจะได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ มอบที่ดิน ได้รับชะตาราชวงศ์มหาศาล แม้กระทั่งจะเข้าไปยังตำหนักไท่หวงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“ขออภัยด้วย แต่ข้าเป็นคนขององค์ชายเก้า!”

จ้าวเฟิงยิ้มปฏิเสธ

ตำแหน่งศักดินาและชะตาราชวงศ์ เขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมาก ขอเพียงแค่ไม่ใช่องค์ชายสิบสามที่ขึ้นเป็นรัชทายาท ที่เหลือล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

นอกจากนั้น จ้าวเฟิงก็ไม่อาจจะหักหลังสหายได้

ฟู่! ผู้คนที่อยู่ ณ ตรงนั้นหายใจกระชั้นถี่

จ้าวเฟิงกลับปฏิเสธเสียได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!