Skip to content

King of Gods 936

King Of Gods

บทที่ 936 ทำลายทิ้งทันที

“จ้าวเฟิง เศษซากมิติบรรพกาลแห่งนี้ ไม่มีแรงกดดันใดต่อเจ้าเลยงั้นรึ?”

เดิมทีโจวซู่เอ๋อร์ก็สงสัยอย่างยิ่ง เมื่อผ่านการต่อสู้เมื่อครู่นี้แล้ว นางจึงยิ่งเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น

ในหอโอสถเซียน พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงที่นางเคยสัมผัสได้แตกต่างจากเมื่อครู่มาก

“มีแรงกดดันในระดับหนึ่ง!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างสุขุม

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สุสานราชวงศ์ก็เป็นมิติหลงเหลือจากยุคบรรพกาล ถึงแม้ว่าตัวของจ้าวเฟิงจะมีกลิ่นอายบรรพกาลอยู่ และก็ไม่นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตในยุคนั้น เพียงแต่จะมีแรงต้านทานต่อสถานที่ัเหล่านั้นค่อนข้างแรงกล้า ท่ามกลางกฎฟ้าดินของสุสานราชวงศ์ พลังทั้งหมดของจ้าวเฟิงแสดงออกมาได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

แต่จักรพรรดิคนอื่นที่เพิ่งเข้ามาในที่แห่งนี้ ในตอนแรกเริ่มจะสามารถสำแดงกำลังรบออกมาได้เพียงหนึ่งในยี่สิบส่วน จะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อผสานและปรับตัวให้เข้ากับฟ้าดินบรรพกาลแห่งนี้ พลังที่ปลดปล่อยออกมาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

ผู้ที่ขอบเขตพลังยิ่งสูง ความสามารถให้การปรับตัวจะยิ่งเร็ว

ดังนั้นในช่วงนี้ จ้าวเฟิงจึงแทบจะไร้เทียมทานในสุสานราชวงศ์แล้ว

“ถึงแล้ว มรดกเทียนฮ่าว!”

จ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์หยุดฝีเท้าลง

ด้านหน้าไม่ไกลนัก มีบันไดหินทอดยาวลงไปสู่ทางเข้าใต้ดิน แถวนั้นยังมีร่องรอยของผู้มาเยือนในอดีตที่ผ่านมา

เมื่อมาถึงทีนี่ ‘พลังชะตามังกร’ ในอากาศก็เหมือนจะเข้มข้นขึ้นมาในทันใด

แรงดูดซึมพลังชะตามังกรของ ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ พลันเพิ่มขึ้น

มรดกเทียนฮ่าว!

พื้นที่มรดกเป็นจุดที่ถูกค้นพบเมื่อนานมาแล้ว ถึงแม้จะเป็นมรดกระดับต่ำ แต่กลับอยู่มาจนถึงขณะนี้ ไม่มีใครสามารถครอบครองได้

จ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์มุ่งหน้าตรงเข้าไป

ยามนี้โจวซู่เอ๋อร์สามารถเดินในที่แห่งนี้ได้อย่างสบายๆ แล้ว ผลไม้ในสุสานราชวงศ์ บวกกับกลิ่นอายบรรพกาลจากตัวของเจ้างูลายตัวยักษ์ ทำให้โจวซู่เอ๋อร์มีแรงต้านในระดับหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ในวินาทีที่คนทั้งสองเดินเข้าไปใต้ดิน

จ้าวเฟิงจึงรู้ว่า ทั้งหมดรอบบริเวณเป็นมิติที่อยู่กึ่งกลางระหว่างภาพมายาและของจริง

คนทั้งสองอยู่ในมรดกโลกมิติที่เซียนได้สร้างไว้ก่อนจะจากไป ทั้งหมดเบื้องหน้าสายตาเปลี่ยนแปลงไปมา เดี๋ยวพร่าเลือนเดี๋ยวชัดเจน จ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์เดินทางมาจนถึงบริเวณที่อึมครึมแห่งหนึ่ง

กลางอากาศปรากฏรูปสลักขนาดมโหฬารอยู่สี่รูป และในทันใดนั้นพวกมันก็ลืมตาขึ้น แผ่พลังในขั้นจักรพรรดิออกมา

“เพิ่งจะเริ่มต้นก็ต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิทั้งสี่ อีกทั้งในพื้นที่แห่งนี้เหมือนจะมีเสวียนอ้าวค่ายกลที่แปลกประหลาดอยู่ด้วย!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกวาดผ่าน มองทะลุทุกอย่าง

สำหรับผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งจะเข้ามาภายใน และปลดปล่อยพลังได้เพียงหนึ่งในยี่สิบส่วน รูปสลักหินขั้นจักรพรรดิทั้งสี่นับว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยาก

มิน่าล่ะ บนแผนที่ที่ตาเฒ่าอิงมอบให้

สุดขอบของสุสานราชวงศ์จะมีมรดกค่อนข้างมาก ยิ่งอยู่ใกล้ใจกลางยิ่งมีน้อย

อย่างแรก มรดกที่อยู่ใกล้ใจกลางจะอยู่ในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นจึงมีจำนวนน้อย

อย่างที่สอง ในขณะที่สมาชิกเข้าใกล้ใจกลาง ค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ พลังที่ปลดปล่อยออกมาก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ถึงขั้นอาจจะร่วมมือกับกองกำลังอื่นๆ จนทำให้พิชิตมรดกได้ง่ายดายมากขึ้น

“จ้าวเฟิง มรดกแห่งนี้นับว่ายากอยู่ เจ้ามีหวังจะบุกเข้าไปได้หรือไม่?”

โจวซู่เอ๋อร์สงสัยอยู่เล็กน้อย นางยังคงไม่เข้าใจในพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิง

“บุกเข้าไป? ความหวังของข้าไม่มากนัก!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

โจวซู่เอ๋อร์ผงกศีรษะ บุกไปเพียงคนเดียวออกจะยากสักหน่อย ถ้าหากว่าตนเองสามารถช่วยได้ บางทีอาจจะสำเร็จก็เป็นได้ แต่ต่อมา คำพูดของจ้าวเฟิงกลับทำให้นางชะงักไปอีกครั้ง

“แต่ว่า ข้ามีโอกาสจะทำลายได้สำเร็จ!”

แววตาจ้าวเฟิงฉายความตื่นเต้นวาบผ่าน

ตึง ตึง…

รูปสลักยักษ์ทั้งสี่สาวเท้าเข้ามาด้วยฝีเท้าที่แปลกประหลาด พื้นดินสั่นสะเทือนไม่หยุด

ฟิ้ว! จ้าวเฟิงบินขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

“น่าจะลองโลกมิติส่วนตัวของข้าบ้างแล้ว!”

จ้าวเฟิงเหยียดยิ้ม

ทันใดนั้น จ้าวเฟิงโคจรพลังแก่กล้า พลังมหาศาลน่าสะพรึงกลัวแทรกซึมในอากาศ ความว่างเปล่าทั่วทิศทางปั่นป่วนวุ่นวาย

เปรี๊ยะ!

มิติวายุอัสนีที่อึมครึมเริ่มปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าผืนนี้

ต้องรู้ไว้ว่า มิติส่วนตัวของเซียนยังอยู่ห่างไกลจากมิติความจริงมากนัก หากว่าในนั้นปรากฏมิติส่วนตัว ระหว่างทั้งสองจะต้องกัดกร่อนทำลายซึ่งกันและกัน และแย่งกันครอบครองพื้นที่

ตูม โครม! อากาศทั่วทิศเกิดเสียงดังโครมครามไม่หยุด พื้นดินแตกละเอียด

มิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงเกาะกลุ่มเกิดขึ้นในห้วงฝันบรรพกาล ในระดับหนึ่งสามารถนับได้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดจากในนั้น ด้วยเหตุนี้ มิติส่วนตัววายุอัสนีจึงแทบไม่ถูกกดข่มที่สุสานราชวงศ์

วิ้ง! จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ปราณแท้จริงวายุอัสนีในใจกลางแก่นผลึกถูกส่งไปที่มิติส่วนตัวเป็นจำนวนมหาศาล พลังของมิติส่วนตัวสองกลุ่มปะทะเข้าหากันกลางอากาศ!

“หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนี!”

จ้าวเฟิงลอยตัวขึ้นสูง ปล่อยลำแสงหมัดขนาดใหญ่ที่มีสายฟ้าทองเกี่ยวกระหวัดหลายสาย โจมตีไปที่โลกมิติของมรดก

แกรก! จากการพุ่งปะทะของมิติส่วนตัววายุอัสนีและพลังหมัดสายฟ้าของจ้าวเฟิง อากาศด้านบนปรากฏรอยปริร้าวขนาดใหญ่ และค่อยๆ ขยายตัวออกไปเรื่อยๆ

ตูม ตูม!

ชั่วพริบตา โลกมิติส่วนตัวขมุกขมัวก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ พายุวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังพัดหมุนวนขึ้นมาจากใต้ดิน แต่ว่ามิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงทับซ้อนกับความว่างเปล่าทันที และควบคุมกฎเสวียนอ้าวเอาไว้

เมื่อทั้งหมดระเบิดออก ก็ถูกจ้าวเฟิงต้านทานเอาไว้ได้หมดที่นอกมิติส่วนตัว

“พลังไม่เลวเลย!”

จ้าวเฟิงพอใจอย่างมาก

โลกมิติส่วนตัวของเซียนเทียนฮ่าวอยู่มาเนิ่นนาน รากฐานแหล่งกำเนิดก็อ่อนแอลงไป เมื่อไม่มีพลังมาควบคุมก็เป็นเสมือนสิ่งไม่มีชีวิต แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น นี่ก็เป็นโลกมิติที่เซียนสร้างไว้นับหมื่นปี ย่อมแข็งแกร่งคงทนกว่ามิติส่วนตัวของเซียนทั่วไปอย่างมาก

โจวซู่เอ๋อร์ยืนนิ่งงันอยู่ในมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิง

ฟ้าดินปั่นป่วนบ้าคลั่ง อัสนีบาตส่งเสียงดังกึกก้อง บนพื้นเป็นป่าไม้ที่มืดมิดผืนหนึ่ง เส้นสายฟ้าสว่างวาบขึ้น

นี่ก็คือโลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงหรือ?

เพราะว่าพลังของจ้าวเฟิง นางจึงไม่ได้รับผลกระทบจากมิติส่วนตัว

แต่โจวซู่เอ๋อร์รับรู้ความน่ากลัวจากมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงอย่างชัดเจน

นี่ไม่ใช่โลกมิติส่วนตัวที่จักรพรรดิทั่วไปควรจะมีแน่

…………

กลางฟ้าเหนือมรดกเทียนฮ่าว

“องค์ชายสิบเอ็ด พวกเรากำลังจะถึงมรดกเทียนฮ่าวแล้ว!”

ผู้เฒ่าในชุดสีเทาแววตาฉายแววฮึกเหิม

“ได้ พอถึงตอนนั้นคงต้องดูเจ้าแล้ว!”

องค์ชายสิบเอ็ดผู้สวมชุดทอง ความเร็วเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน

“องค์ชายสิบเอ็ดโปรดวางใจ ในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทครั้งก่อน ผู้อาวุโสสำนักเทียนหลัวของข้าเคยประสบพอเจอมาแล้ว สำนักเทียนหลัวศึกษามรดกแห่งนี้จนทะลุปรุโปร่งนานแล้ว ข้ามีหวังถึงแปดส่วนว่าจะพิชิตมันได้!”

ผู้สีหน้าของเฒ่าชุดเทามีแววภาคภูมิใจ

ผู้ที่ร่วมทางมาด้วยกันยังมีผู้แข็งแกร่งระดับปฐมเซียนผู้หนึ่งด้วย

องค์ชายสิบเอ็ดอยู่ในลำดับที่สองของอันดับความแข็งแกร่งทั้งหมด

เขาไม่มีเจตนาจะช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาท เพียงแต่มีแผนการจะตามสมาชิกไปตามหาโอกาสในมรดกต่างๆ แถวขอบนอก

“ถึงแล้ว องค์ชายสิบเอ็ด!”

ดวงตาของผู้เฒ่าชุดเทาฉายแววยินดี มรดกเทียนฮ่าวยังอยู่ที่นี่และยังไม่ถูกครอบครอง

แต่ในทันใด!

ตูม ตูม เปรี้ยง…

ทั่วทั้งผืนดินแตกออกจากกันในทันใด พายุพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขามพร้อมกลิ่นอายฟ้าดินทรงอานุภาพระเบิดออกมา ต่อจากนั้น พลังสายฟ้าน่าสะพรึงกลัวเป็นประกาย

“เป็นกลิ่นอายพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่ง รีบไปเร็ว!”

ผู้เฒ่าชุดเทาตะโกนเสียงดัง

“มรดกมิติส่วนตัวของเซียนเทียนฮ่าวถูกทำลายจนแหลกละเอียด ด้านล่างจะต้องมีผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนแน่ๆ!”

ยอดฝีมือระดับปฐมเซียนที่ติดตามองค์ชายสิบเอ็ดตื่นตะลึง รีบพาองค์ชายสิบเอ็ดถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว จะต้องรู้ว่า กองกำลังที่มีคนในขั้นเซียน แทบจะเป็นองค์ชายที่อยู่ห้าลำดับแรกทั้งสิ้น!

อีกทั้งเพิ่งจะเข้ามาที่นี่ พลังของคนทั้งหมดต่างถูกจำกัดเอาไว้ เซียนเองก็โดนกดข่มด้วยเช่นกัน

สามารถสำแดงพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ และทำลายโลกมรดกเป็นเสี่ยงๆ จะต้องแข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน!

……

ในเวลาดังกล่าว ณ วังหลวงต้าเฉียน

แผ่นหินโบราณที่สลักอักษรแปลกประหลาดยังคงล่องลอยอยู่กลางอากาศ ระลอกพลังประหลาดสาดกระจายออกไป

หนำซ้ำรอบแผ่นหินยังโอบล้อมด้วยม่านแสงสีขาวขนาดใหญ่

ตรงกลางของม่านแสงเป็นองค์ชายทั้งสิบ

“องค์ชายสี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหามรดกระดับสูงแห่งหนึ่งเจอแล้ว!”

เหนือท้องฟ้าที่สูงลิ่ว ยอดฝีมือผู้หนึ่งตะโกนเสียงหลง

จากภาพเหตุการณ์โดยรอบในม่านแสงมรดกแห่งนี้อย่างน้อยที่สุดคงเป็นสถานที่ละสังขารของขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง

“ดีมาก ชายชุดดำไม่ได้อยู่กับเฉินเอ๋อร์ เฉินเอ๋อร์ตรงไปยังพื้นที่มรดกที่ข้าบอกแล้ว!”

ภายในตำหนักองค์ชายสิบสาม บุรุษท่าทางขึงขังทรงอำนาจเอ่ยด้วยยิ้มบาง

“องค์ชายหกท่องไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย ไปเจอกับฝูงสัตว์อสูรแล้ว!”

ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ

การทดสอบคัดเลือกรัชทายาทเริ่มตั้งแต่ตอนต้นของราชวงศ์มาจนถึงตอนนี้ มีความเป็นมากว่าร้อยล้านปีแล้ว

‘การทดสอบคัดเลือกรัชทายาท’ ค่อยๆ ถูกตำหนักไท่หวงควบคุม จนถึงกระทั่งคนในระดับสูงของตำหนักไท่หวงสามารถควบคุมสุสานราชวงศ์จากโลกภายนอกได้

‘ตรารัชทายาทจำลอง’ ผ่านการปรับปรุงแก้ไขจากสมาชิกในราชวงศ์ จนติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้ ด้วยเหตุนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ช่วงรัศมีหนึ่งๆ ของ ‘ตรารัชทายาทจำลอง’จะปรากฏขึ้นที่โลกภายนอก เพียงแต่ภาพอาจจะค่อนข้างเลือนรางเท่านั้น

เมื่อเพิ่มความสามารถประเภทนี้ให้กับ ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ ที่จริงแล้วก็เป็นไปเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับเหล่าองค์ชาย นอกจากนี้ ยังทำให้ตระกูลใหญ่และสำนักภายนอกเข้าใจในเรื่องราวและสถานการณ์บางส่วนในสุสานราชวงศ์

“องค์ชายสิบเอ็ดก็หามรดกแห่งหนึ่งเจอเช่นกัน!”

มีคนตะโกนขึ้น คนทั้งหมดจึงมองไปในทันที

ทว่าทันใดนั้น ในม่านแสงที่มีองค์ชายสิบเอ็ดอยู่

ในมรดกแห่งนั้นระเบิดออกมาทันใด ระลอกพลังบ้าคลั่งจำนวนนับไม่ถ้วนกัดกร่อนพื้นที่ทั่วบริเวณจนทำให้ภาพเลือนรางลงไปอีก

องค์ชายสิบเอ็ดและสมาชิกทั้งสองหนีไปจากที่เกิดเหตุ

รอบตำหนัก ยอดฝีมือที่ดูสถานการณ์อยู่โดยรอบสูดหายใจเข้าลึกทันที

“เป็นพลังที่สุดยอดอย่างยิ่ง ถึงกระทั่งสามารถทำลายโลกมรดกของเซียนจนแหลกละเอียดได้ เป็นเซียนท่านใดกันแน่?”

“หรือว่าจะเป็นมิติส่วนตัวที่สูญสลายได้?”

“เป็นไปไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นพลังสองประเภทที่ต่างกัน ข้าเห็นสายฟ้าแล้ว!”

“โหดเหี้ยมเหลือเกิน ตรงดิ่งไปหาการทดสอบในมิติส่วนตัวแล้วช่วงชิงเอามรดกและ ‘พลังชะตามังกร’ มา!”

“ความสามารถประเภทนี้ มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเซียนวั่นเหลย (หมื่นอัสนี) แห่งวังลอยฟ้า!”

คนทั้งหมดตื่นตะลึง

จากภาพที่เห็น ทุกคนมีความเข้าใจในสุสานราชวงศ์อยู่ระดับหนึ่ง

มิติบรรพกาลที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้มีแรงกดดันมหาศาล และเมื่อเข้าไปภายในช่วงแรกๆ พลังก็จะถูกกดไว้อย่างรุนแรง

ในสถานการณ์เช่นนี้ ยอดฝีมือลึกลับก็ยังทำลายโลกมรดกของเซียนได้อยู่ดี!

“เสียดายก็เพียงแต่องค์ชายสิบเอ็ดรีบร้อนหนี จึงไม่เห็นว่าเป็นใครกันแน่?”

……

หลังจากที่มิติส่วนตัวของเซียนเทียนฮ่าวถูกทำลายไป

สุสานแห่งหนึ่งด้านล่างก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของคนทั้งสอง

ทันใดนั้น หยกมังกรคุ้มกันบนร่างของจ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์ก็เกิดแรงดึงดูดขึ้น พลังชะตามังกรที่ไร้รูปร่างทั่วบริเวณถูกดูดซึมไปทั้งหมด

ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงก็เริ่มค้นหาสิ่งของที่เซียนเทียนฮ่าวทิ้งเอาไว้

“มิติเก็บของของเซียนในราชวงศ์ ไม่เหมือนใครจริงด้วย!”

สตินึกคิดของจ้าวเฟิงดำดิ่งลงไปในแหวนเก็บของของเซียนเทียนฮ่าว สีหน้ายิ้มแย้ม

“หืม? คิดไม่ถึงว่าจะมี ‘หญ้าอัศจรรย์’ ของยุคบรรพกาลด้วย!” จ้าวเฟิงมีสีหน้าปีติยินดี

ถึงแม้ว่านี่คือมิติที่หลงเหลือมาจากยุคบรรพกาล แต่ก็เหมือนกับโลกภายนอกมาก โดยส่วนมากต่างเป็นต้นไม้ใบหญ้าบุปผาทั่วไป

เมื่อเวลาผ่านไปเป็นล้านปี ด้วยการสำรวจของเหล่าองค์ชาย ทำให้หญ้าวิญญาณและทรัพยากรล้ำค่าดั้งเดิมในมิติมีค่อนข้างน้อยนิดแล้ว คงเหลือเพียงแต่ในพื้นที่ต้องห้ามส่วนหนึ่งเท่านั้น

“ไปเถอะ ไปสถานที่มรดกอีกที่หนึ่ง!”

เมื่อค้นจนเสร็จ จ้าวเฟิงก็เอ่ยขึ้นทันที

โจวซู่เอ๋อร์ชะงัก นางรู้สึกว่าสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดจนถึงวันนี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้แม้แต่น้อย ไม่มีอันตราย ไม่มีอุปสรรคใดๆ!

นางไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น จ้าวเฟิงก็สามารถแก้ไขทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

เมื่อมาถึงบนผืนดิน จ้าวเฟิงก็ทะยานขึ้นบนต้นไม้ในทันใด ระลอกพลังในดวงตาซ้ายพวยพุ่งออกมา ในอากาศ สัตว์อสูรที่โบยบินอยู่ตัวหนึ่งถูกจ้าวเฟิงจับเป็นทาสรับใช้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!