Skip to content

King of Gods 945

King Of Gods

บทที่ 945 ง่ายดายอย่างยิ่ง

“ลมมืดมีผลลัพธ์ในการกัดกร่อน โคจรปราณที่แท้จริงมาคุ้มกาย!”

ตาเฒ่าอิงรีบเอ่ย

หากเป็นพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬในตอนแรกสุด ลมมืดที่รอบนอกก็สามารถสังหารราชันระดับสุดยอดได้ ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ ลมมืดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น

ถึงจะเป็นกายศักดิ์สิทธิ์ของเซียนก็แบกรับไม่ไหวเช่นกัน

หุบเขาวายุทมิฬทั้งหมดมืดมิด ลมมืดรุนแรงส่งเสียงหวีดวิวประหนึ่งเสียงคร่ำครวญของวิญญาณ

ในขณะที่ลมมืดสัมผัสโดนปราณที่แท้จริงคุ้มกาย ขอบส่วนหนึ่งในช่วงปลายของลมมืดทะลวงผ่านปราณที่แท้จริง และกวาดผ่านร่างของจ้าวเฟิง

‘ลมมืดนี้มีไอมืดมิดกลุ่มหนึ่งทะลักเข้าไปในดวงวิญญาณ!’ จ้าวเฟิงตื่นตะลึงเล็กน้อย

การอยู่ในแดนต้องห้ามในมิติบรรพกาลไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่รู้ว่านอกจากลมมืดยังมีภัยอันตรายอื่นใดที่ไม่อาจล่วงรู้อีกบ้าง

“ถูกต้อง หากเป็นผู้ที่จิตใจไม่แข็งแกร่งพอ จะโดนไอมืดมิดกระตุ้นความมืดในก้นบึ้งของหัวใจให้ตื่นขึ้น จนนิสัยผิดเพี้ยนไป!” ตาเฒ่าอิงเอ่ยสำทับ

“คิดไม่ถึงเลยว่าลมมืดจะมีความสามารถเช่นนี้!” จิงข่ายตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อรู้สึกถึงความโหดร้ายของสถานที่แห่งนี้

ในหุบเขาวายุทมิฬ คนทั้งสามระแวดระวังอย่างมาก ก้าวเข้าไปลึกขึ้นทีละก้าวๆ

เพราะเหตุการณ์ในลมมืด ความสามารถในการมองเห็นจึงต่ำมาก ต่อให้เป็นดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง ทัศนวิสัยก็ยังคงมีอุปสรรคนัก นอกเสียจากว่าจ้าวเฟิงจะกระตุ้นพลังของดวงตาสีทอง แต่ทำเช่นนี้เป็นการสิ้นเปลืองอย่างยิ่ง

“หญ้าวายุทมิฬ!” จิงข่ายเอ่ยขึ้นในทันใด

คนทั้งสามมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ในกองหินที่ไม่ไกลออกไปมีหญ้าวายุทมิฬหลายต้น

ถึงแม้ว่าหญ้าวายุทมิฬจะมีระดับขั้นไม่สูงมากนัก แต่หายากและมีน้อยนิดอย่างยิ่ง เป็นทรัพยากรล้ำค่าชั้นเยี่ยมที่ใช้ฝึกวิชาสายมารธาตุลม และถึงแม้จะเป็นโอสถที่แฝงไปด้วยพลังหนาวเหน็บและอยู่ในธาตุลม ก็เป็นของหายากอย่างมากในดินแดนทวีป

ก่อนที่จ้าวเฟิงจะจากไปได้เด็ดเก็บเอาไว้

“จ้าวเฟิง หญ้าวายุทมิฬต้นนี้ได้รับผลกระทบจากลมมืด และยังมีพลังเพลิงทมิฬ ถึงแม้ว่าเจ้าจะฝึกตนในธาตุลม แต่ไอมืดก็ขจัดออกไปได้ไม่ง่ายดายนัก” ตาเฒ่าอิงเอ่ยเตือนขึ้น

ณ หอเซียนโอสถ ตาเฒ่าอิงจับจ้องวิธีการขจัดพิษที่ลึกลับของจ้าวเฟิง ทว่าในเวลาดังกล่าว รังผึ้งอัคคีเทียนหงเป็นผสานพิษเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ แต่หญ้าวายุทมิฬในหุบเขาวายุทมิฬได้รับผลกระทบจากลมมืดมานาน เกิดการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่รากฐาน จนทำให้ไอมืดมิดภายในนั้นยากจะขจัดออกไปได้

“ข้ารู้!” จ้าวเฟิงเอ่ยตอบ และก้มตัวลงไปเด็ดอีกเมื่อด้านหน้ามีหญ้าโอสถดังกล่าว ด้วยพลังวิญญาณของจ้าวเฟิง บวกกับพลังของอัสนีเทวะทำลายล้าง เขาจึงไม่หวาดกลัวไอมืดมิดพวกนี้แม้แต่น้อย หากว่าไอมืดมิดนี้แข็งแกร่งมากพอก็พอจะสามารถใช้ประโยชน์ในการฝึกจิตใจ

“ตาเฒ่าอิง เขาไม่ฟังคำชี้แนะของเจ้าก็ช่างเถอะ!” จิงข่ายส่ายศีรษะเล็กน้อย ท่าทางดื้อรั้นถือดีของจ้าวเฟิงที่ทำต่อตาเฒ่าอิง ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยชอบนัก

ตลอดทางในสุสานราชวงศ์ ตาเฒ่าอิงนำองค์ชายเก้าและจิงข่ายพิชิตมรดกสองแห่งและหลบหลีกจากภยันอันตรายทุกอย่างได้จนหมด

ความสามารถและประสบการณ์ของตาเฒ่าอิงทำให้จิงข่ายนับถือชื่นชมอย่างยิ่ง

เขาไม่เข้าใจเพียงอย่างเดียวก็คือ ทำไมตาเฒ่าอิงจึงเชื่อมั่นในตัวจ้าวเฟิงนักหนา

เดิมก็วางแผนไว้ว่าจะออกจากพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ แต่การมาถึงของจ้าวเฟิงทำให้ตาเฒ่าอิงเปลี่ยนใจไป

เขามองว่าในกองกำลังมีจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่งก็ไม่มากพอจะรับมือกับอันตรายในหุบเขาวายุทมิฬ

“หืม?” จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงระลอกวิญญาณที่แปลกประหลาดระลอกหนึ่ง ดวงตาซ้ายจับเงาดำสายหนึ่งในลมมืดด้านหน้าได้อย่างชัดเจน

“ระวัง!” ตาเฒ่าอิงและจิงข่ายจับสังเกตได้เช่นกัน จึงรีบพุ่งเข้าไปปะทะ

เสียงคำรามที่เย็นชาดังขึ้นจากในลมมืดรอบบริเวณ

เห็นเพียงเงาดำเส้นสายหนึ่งกลายร่างเป็นลมมืดที่จับต้องได้ ปะทะเข้ามาที่จ้าวเฟิง ในลมมืดมิดมีปากขนาดใหญ่ที่น่าขยะแขยงปรากฏขึ้นด้วย

ตาเฒ่าอิงโคจรปราณที่แท้จริง ในขณะที่โผบินก็ชี้นิ้ว

เปรี๊ยะ! ลำแสงสีเทาเข้มจากนิ้วตาเฒ่าอิงพุ่งหายไปในอากาศ ตรงดิ่งไปปะทะเข้ากับลมมืดกลุ่มนี้

โครม! ลมมืดกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดสีดำในรูปลักษณ์มนุษย์ แผ่ราบไปกับพื้น แยกเขี้ยวใหญ่ยักษ์ด้วยท่าทีหิวโหย หน้าตาบิดเบี้ยวเหมือนไม่มีอะไรลงท้องมานาน

“นี่มัน…สัตว์ประหลาดอะไรกัน?” ทั้งร่างของจิงข่ายสั่นสะท้าน พลางโคจรปราณที่แท้จริงทันที วงแหวนลำแสงทองจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะลุออกมา

เปรี๊ยะ! ลำแสงสีทองมากมายบินทะลวงออกมาเป็นลำดับ แทงทะลุสัตว์ประหลาดสีดำที่ร่างกายบิดเบี้ยว

โครม!

ลำแสงสีทองเหล่านั้นทะลุเข้าไปในร่างของสัตว์ประหลาดสีดำบิดเบี้ยว แต่กลับไม่ส่งผลอะไรมากนัก

ผัวะ! สัตว์ประหลาดสีดำเกรี้ยวกราดขึ้นเล็กน้อย ส่งเสียงคำรามใส่จิงข่าย ทันใดนั้น ลมมืดที่ทรงพลังกลุ่มหนึ่งก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับลมมืดรอบบริเวณ จากนั้นพุ่งไปหาจิงข่าย

“ทำไมถึงไม่มีผลลัพธ์อะไร!” จิงข่ายตื่นตะลึง เขาโบกมือซ้าย เถาวัลย์ขนาดใหญ่มุดขึ้นมาบังลมมืดที่พุ่งมาได้ทันท่วงที

แต่ไอมืดมิดที่ส่งผลกระทบต่อดวงวิญญาณกลับแทรกซึมผ่านเถาวัลย์ไม้และโจมตีไปยังวิญญาณของจิงข่าย ทำให้เกิดความเจ็บปวดเย็นวาบขึ้น

“นี่คือปีศาจลมมืด เป็นร่างรวมกันระหว่างลมมืดพิเศษของหุบเขาวายุทมิฬกับวิญญาณ ต้องโจมตีในชั้นดวงวิญญาณจึงจะได้ผล!”

ตาเฒ่าอิงกำชับทันที ต่อมาจึงชี้นิ้วไปอีกครั้ง

เปรี๊ยะ… ลำแสงมืดมิดรวมเป็นหนึ่งอากาศ แล้วจึงโจมตีไปที่จุดสำคัญของปีศาจลมมืด

หลังจากเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น

ร่างกายของปีศาจลมมืดแตกสลายออกเป็นผุยผง กลายเป็นไอมืดมิดธาตุลมจำนวนนับไม่ถ้วนหลอมรวมเข้าไปในอากาศ

จ้าวเฟิงมองเห็นตาเฒ่าอิงจัดการปีศาจลมมืด จึงเก็บหญ้าวายุทมิฬแล้วค่อยๆ ชันกายลุกขึ้นยืน

ปีศาจลมมืดเหล่านี้มีความพิเศษเฉพาะอยู่ พลังทั้งหมดเทียบเท่าได้กับราชันทั่วไป เมื่ออยู่ในสถานที่พิเศษอย่างหุบเขาวายุทมิฬก็จะสามารถปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าเป็นนักฝึกสัตว์ อย่าอยู่ห่างจากพวกเรา!” จิงข่ายเดินนำหน้าพลางหันมาเตือนจ้าวเฟิง

ในสายตาของเขา เมื่อครู่นี้จ้าวเฟิงอกสั่นขวัญแขวนจากปีศาจลมมืดจนไม่กล้าขยับเขยื้อนตัว

หากไม่ได้เขาและตาเฒ่าอิงลงมืออย่างทันท่วงทีแล้วละก็ ผลลัพธ์ที่ตามมาคงรุนแรงเกินจะคาดเดา

“หืม? หินแร่สีดำเหล่านี้ก็แฝงไปด้วยลมมืดธาตุลมมหาศาล!” ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเล็งเป้าหมายไปที่หินแร่สีดำก้อนเล็กซึ่งโผล่ออกมาจากกำแพงด้านหน้า

“เจ้า!” เมื่อเผชิญหน้ากับการโดนมองข้ามจากจ้าวเฟิง แววตาทั้งสองข้างของจิงข่าย ฉายแววเกรี้ยวกราด

โครม! “สัตว์ประหลาดพวกนี้สลัดได้ยากจริงๆ!”

ไม่ไกลนัก เกิดเสียงรบราฆ่าฟันดังขึ้น เห็นได้ชัดว่ายังมีกองกำลังกลุ่มอื่นที่เจอการลอบโจมตีของปีศาจลมมืดเช่นกัน

ผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาที่นี่ต่างอยู่เหนือกว่าคนในระดับขั้นเดียวกัน ไม่มีใครด้อยกว่ากันแม้แต่น้อย

“ใช้การโจมตีวิญญาณแล้วกัน” พวกเขาเองก็เจอจุดด้อยของปีศาจลมมืดอย่างรวดเร็ว และจัดการมันทันที

หนึ่งในเหล่าผู้เฒ่าเองก็มองเห็นเงาคนที่อยู่ด้านข้าง จึงรีบร้อนตะโกนออกมา

“ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นสมาชิกขององค์ชายคนใด แต่สิ่งสำคัญในเวลานี้คือช่วยกันเสาะหาโอกาสที่อยู่ในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬแห่งนี้ด้วยกัน เจ้ายินยอมจะร่วมมือกับพวกเราชั่วคราวหรือไม่!”

ตาเฒ่าอิงค่อยๆ เดินไป “แบบนี้ก็ดี ทุกคนร่วมมือ จะได้ช่วยดูแลกัน!”

กองกำลังทั้งสามคนด้านหน้าเป็นสมาชิกฝ่ายองค์ชายหก มีผู้นำอยู่ในระดับปฐมเซียน เป็นผู้อาวุโสคุมกฏแห่งสำนักสามดาว สมาชิกอีกสองคน คนหนึ่งเป็นจักรพรรดิอายุไม่มากนัก ส่วนอีกคนเป็นปฐมเซียน

“ที่แท้ก็เป็นตาเฒ่าอิง!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงที่เป็นผู้นำหัวเราะเสียงดัง

“หืม? เหตุใดยังมีราชันอีก?”

จักรพรรดิรุ่นเยาว์ในกลุุ่มราชันชุดม่วงมีสีหน้าตื่นตะลึง

จากที่เขาดูไปแล้ว พลังความสามารถของกลุ่มตาเฒ่าอิงค่อนข้างจะอ่อนแอ

ราชันคนนั้นที่พอจะเข้ามาในที่แห่งนี้ได้ บนร่างคงมีสมบัติล้ำค่าป้องกันวิญญาณ

ปฐมเซียนอีกคนก็ปรายตามองจ้าวเฟิงและไม่ได้พูดอะไรออกมา

“เมื่อครู่พวกเราเพิ่งจะหาถ้ำหินแห่งหนึ่งเจอ ในขณะที่กำลังจะเข้าไปก็ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจลมมืดจำนวนมาก” สีหน้าของผู้เฒ่าชุดม่วงยิ้มแย้มเล็กน้อย ความหมายชัดเจนอย่างยิ่ง

“พวกเราไปสำรวจอีกสักหน่อยเถอะ!” ตาเฒ่าอิงไม่เปลี่ยนสีหน้า

หากไม่มีภัยอันตรายอะไร ฝ่ายตรงข้ามไหนเลยจะเชิญพวกเขาได้ ใจของตาเฒ่าอิงกระจ่างแจ้งตั้งนานแล้ว จากการนำทางของผู้เฒ่าชุดม่วง เพียงไม่กี่ก้าวทุกคนก็มองเห็นทางเข้าถ้ำหินนี้ได้

ในครั้งนี้ไม่มีการทะลักโจมตีจากปีศาจวายุทมิฬ ทุกคนค่อยๆ ก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง

ในวินาทีที่เข้าไปในถ้ำหินสีดำ ไอมืดมิดที่แกร่งกล้ากลุ่มหนึ่งทะยานไปที่ดวงวิญญาณของผู้คน

จักรพรรดิอายุน้อยในกลุ่มผู้เฒ่าชุดม่วงร้องตะโกนอย่างทรมานในทันที

จิงข่ายก็ไม่ได้ต่างไปมากนัก ใบหน้าบิดเบี้ยวดิ้นรน

ดวงวิญญาณของปฐมเซียนอีกสามคนที่เหลือค่อนข้างแข็งแกร่ง อาจยังมีสมบัติล้ำค่าป้องกันวิญญาณ จึงมีผลกระทบน้อยนิด

จ้าวเฟิงที่ผ่าเหล่าผ่ากอคนนี้ดึงดูดความสนใจจากผู้เฒ่าชุดม่วงและปฐมเซียนอีกคนหนึ่งในฉับพลัน

ผู้เฒ่าชุดม่วงหรี่ตามองจ้าวเฟิง“ผู้เยาว์คนนี้อยู่ในขอบเขตปราณเทวะช่วงปลาย เมื่อโดนโจมตีจากลมมืดกลุ่มนี้ หน้าไม่เปลี่ยนสีเลยด้วยซ้ำ ดูไปแล้วสมบัติป้องกันวิญญาณในครอบครองของเขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่!”

“นี่คือ พลังของโลกมิติส่วนตัวงั้นรึ?” เสียงของตาเฒ่าอิงดังขึ้นเรียบๆ

“หรือว่านี่คือพื้นที่มรดกแห่งหนึ่งของเซียน?” ผู้เฒ่าชุดม่วงละความสนใจจากตัวจ้าวเฟิง และสัมผัสอย่างถี่ถ้วน

เซียนที่สามารถสร้างมรดกในหุบเขาวายุทมิฬแห่งนี้ได้ ความสามารถที่มีย่อมต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แต่ระดับความยากของด่านในมรดกย่อมต้องสูงส่งตามไปด้วยเช่นกัน

ความเร็วของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในสุสานราชวงศ์ มรดกเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงแทบจะอยู่ในกำมือกองกำลังของห้าองค์ชายอันดับต้น ความสามารถของพวกเขาอ่อนด้อยมากเกินไป คิดจะแบ่งกันทำหน้าที่ก็ยังยากอยู่ดี

กลุ่มที่นำโดยตาเฒ่าอิงเองก็เช่นกัน ยังไม่เคยสำรวจมรดกของเซียนชั้นสูงมาก่อน ยังผ่านไปไม่กี่ก้าว ฟ้าดินเต็มไปด้วยหิมะที่มืดมิดก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของพวกเขา

ใจกลางโลกหิมะที่หนาวเหน็บเต็มไปด้วยลมหนาว มีวังน้ำแข็งปรักหักพังแห่งหนึ่ง

“หืม? ไม่มีด่านทดสอบงั้นหรือ?” ตาเฒ่าอิงสีหน้าเคร่งขรึม เสียงแหบพร่า

โลกมิติมรดกและโลกมิติส่วนตัวที่เขาเคยบุกพิชิตมาไม่เหมือนกันเท่าไหร่นัก ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาจนถึงตอนนี้ไม่มีวี่แววของอะไรทั้งสิ้น

“โลกมิติส่วนตัวแห่งนี้เสียหายจนดูไม่ได้ คิดว่าด่านทดสอบต่างๆ ของมรดกน่าจะถูกทำลายไปแล้ว!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงกวาดสายตามองไปรอบบริเวณครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่เห็นความแตกต่างอะไร ก่อนจะคืบคลานเข้าไปใกล้วังน้ำแข็งอย่างระแวดระวัง

“มรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์!”

จักรพรรดิรุ่นเยาว์คนนั้นมองเห็นสิ่งของในนั้นผ่านรอยแยกเล็กๆ ของพระราชวังน้ำแข็งที่ทรุดโทรม จึงบุกเข้าไปภายในด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด

สีหน้าของผู้เฒ่าชุดม่วงเรียบเฉย ไม่ได้ขัดขวางอะไรทั้งสิ้น

ต่อมา จักรพรรดิวัยเยาว์คนนั้นคว้าเอาค้อนสีดำออกมาอย่างง่ายดาย ก่อนเก็บเอาเข้าไปในมิติเก็บของ

ตาเฒ่าอิงและผู้เฒ่าชุดม่วงขมวดคิ้ว มักจะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง

ทุกคนเพิ่มความเร็วในการเข้าไปที่พระราชวังน้ำแข็ง ด้านขวาของวังน้ำแข็งจัดวางไปด้วยเศษเสี้ยวบันทึกโบราณต่างๆ ทางขวาเป็นอาวุธจำนวนหนึ่ง ใจกลางของวังน้ำแข็งมีโลงน้ำแข็งเป็นผลึกแวววาว ภายในมีโครงกระดูกร่างหนึ่ง ด้านข้างมีแหวนสีทองเข้มวงหนึ่งวางอยู่

“ทรัพยากรมรดกในมิติส่วนตัว!” ผู้เฒ่าชุดม่วงมีสีหน้าตื่นตะลึง

ง่ายดายและไม่มีอุปสรรคใด ก็มาถึงสถานที่ที่มีทรัพยากรมรดกขั้นเซียน นี่ก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจมากพอแล้ว ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกเสียใจทีหลังอยู่เล็กน้อยว่าไม่น่าชวนพวกของตาเฒ่าอิงมาด้วยเลย

เดิมเขาคิดว่าในถ้ำหินจะมีภยันอันตรายอยู่รอบด้านเสียอีก

“ข้าเป็นคนนำพาพวกเจ้าเข้ามาในโลกมิติมรดกแห่งนี้ อีกทั้งพวกเจ้าไม่ได้ออกแรงอะไรแม้แต่น้อย ทรัพยากรมรดกต้องให้ข้าเจ็ดส่วน พวกเจ้าสามส่วน!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงมองไปที่ตาเฒ่าอิงและยิ้มน้อยๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง ไม่มีเจตนาจะเจรจาตกลง

ทันใดนั้น กองกำลังทั้งสองฟากต่างประจันหน้ากัน บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดลงไป

ทางฟากของผู้เฒ่าชุดม่วง สีหน้าคนทั้งสามประดับยิ้มเย็นชา

“ตาเฒ่าอิง กองกำลังของพวกเจ้าอ่อนแอนัก ไม่เช่นนั้นพวกเราแบ่งกันห้าสิบห้าสิบก็ใช่ว่าจะไม่ได้!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงไม่ปกปิดความต้องการอีกต่อไป

กลุ่มที่เขาอยู่มีปฐมเซียนสองคน ส่วนอีกคนเป็นจักรพรรดิ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็อยู่เหนือกลุ่มตาเฒ่าอิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!