Skip to content

King of Gods 951

King Of Gods

บทที่ 951 แสงสมบัติปรากฏอีกครั้ง

“ฮ่าๆ ถึงแม้ว่าคนแซ่เจียงจะมาสาย แต่ก็ควรจะได้ส่วนแบ่งสมบัติด้วยกระมัง!”

เกิดเสียงหัวเราะเสียงดังขึ้นในอุโมงค์ทางเดินในทันที สิ่งที่มาพร้อมกันกับเสียงหัวเราะนั้นคือพลังที่หนาวเหน็บกลุ่มหนึ่ง

สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก เมื่อครู่ทุกคนเพิ่งจะตกใจกับพลังของจ้าวเฟิง ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังหลายกลุ่มกดดันลงมาจากด้านบน

“เป็นเจียงฮ่าว!”

ผู้เฒ่าเคราแพะมีสีหน้าตื่นตระหนก

เจียงฮ่าวเป็นถึงคนของตระกูลเจียงที่เป็นแปดตระกูลใหญ่ เป็นอัจฉริยะชั้นยอดที่พลังสายเลือดตื่นขึ้นแล้ว เป็นระดับปฐมเซียนเหมือนกัน ทว่าพลังทั้งหมดของเจียงฮ่าวอยู่เหนือผู้เฒ่าเคราแพะอย่างมาก และแข็งแกร่งกว่าเซียนทั่วไปด้วย

“สมาชิกกองกำลังองค์ชายเจ็ด!” เหลยทงใจหนักอึ้ง

ในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท ตระกูลเจียงเป็นขั้วอำนาจที่คอยหนุนหลังองค์ชายเจ็ด องค์ชายเจ็ดถูกจัดให้เป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีศักยภาพอยู่ในลำดับสามของการทดสอบครั้งนี้

ปฐมเซียนสามคนที่ติดตามเจียงฮ่าวมา กลิ่นอายพลังของทุกคนไม่ต่างจากผู้เฒ่าเคราแพะแม้แต่น้อย ทั้งสามกลุ่มที่อยู่ในที่นั้น ถึงแม้เมื่อครู่มีแนวโน้มว่าจะแตกหักกันแล้ว แต่ในตอนนี้ยืนหยัดเป็นพวกเดียวกันทันที แต่ยกเว้นผู้เฒ่าชุดม่วงและจ้าวเฟิง พวกเขาสองคนยังคุมเชิงกันอยู่

“จ้าวเฟิง ยั้งมือก่อน ตอนนี้กองกำลังของเราทั้งสามต้องผนึกกำลังกันก่อนชั่วคราว!”

จิงข่ายส่งกระแสจิตบอกจ้าวเฟิงอย่างรีบร้อน

ถึงแม้เขาจะตื่นตกใจกับพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิง แต่ถึงการป้องกันร่างกายของจ้าวเฟิงจะน่าสะพรึงขวัญเทียบเท่าได้กับปฐมเซียน ทว่าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียงฮ่าว

สายเลือดมารเหมันต์ของตระกูลเจียง เป็นสายเลือดหายากยี่สิบลำดับแรกในรายชื่อสายเลือดวิถีราชา โอกาสจะตื่นขึ้นต่ำเป็นอย่างมาก

เจียงฮ่าวเป็นบุคคลไร้เทียมทานในหมู่คนตระกูลเจียงที่อยู่ต่ำกว่าขั้นเซียนลงไป ต่อให้เป็นเซียนทั่วไปก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียงฮ่าว

“จ้าวเฟิง พวกเรายั้งมือก่อน เจียงฮ่าวคนนี้เป็นถึงอัจฉริยะชั้นยอดระดับอาวุโสของตระกูลเจียง มีสายเลือดมารเหมันต์!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงเหลือบตามอง รีบส่งเสียงไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ลิ้มรสหมัดของจ้าวเฟิงด้วยตนเอง ผู้เฒ่าชุดม่วงก็รู้ชัดว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฟิง และการมาถึงของเจียงฮ่าวเป็นข้ออ้างให้เขาสงบศึกได้พอดิบพอดี

รอตอนจ้าวเฟิงเผลอแล้วฉวยโอกาสค่อยๆหนีไป ในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ ประสาทสัมผัสทั้งห้าถูกจำกัดเอาไว้อย่างมาก ดังนั้นต่อให้จ้าวเฟิงอยากจะหาตัวเขาก็ยากเย็นเต็มทน

“เจียงฮ่าว?”

จ้าวเฟิงหันมองชายผมขาวท่วงท่าองอาจ

จำได้ว่าในมิติเทพลวงตา จ้าวเฟิงก็เคยมีปฏิสัมพันธ์กับคนตระกูลเจียง แต่ที่เขาจำได้ดีที่สุดคือเจียงเฉิน

เจียงเฉินในตอนนั้นเก่งกาจอย่างมาก ทว่าเมื่อเปรียบกับเจียงฮ่าวตอนนี้ต่างกันราวฟ้ากับเหว

“เจ้าก็คือจ้าวเฟิงกระมัง?”

แววตาของเจียงฮ่าวเย็นชา จับจ้องมายังจ้าวเฟิงด้วยท่าทีนึกสนุก

เรื่องที่มิติเทพลวงตา เขาก็พอจะได้ยินมาบ้างจากพี่น้องตระกูลเจียง บุญคุณความแค้นระหว่างคนรุ่นเยาว์เขาย่อมไม่ใส่ใจ

เขาเพียงแค่สนใจในตัวจ้าวเฟิงยิ่งนัก

ขอบเขตพลังขั้นราชัน กลับกล้าเข้ามาภายในใจกลางพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ

หากเปลี่ยนเป็นราชันทั่วไป เกรงว่าน่าจะถูกลมมืดกัดกร่อนจนแหลกสลาย กลายเป็นปีศาจลมมืดไปแล้ว หนำซ้ำ ปฐมเซียนที่ประจันหน้ากับจ้าวเฟิงในตอนนี้กลับตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ

อยู่ในขอบเขตพลังขั้นราชันก็มีพลังของปฐมเซียน นี่เป็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างมาก

“เจ้าอยากแบ่งสมบัติด้วยรึ?” จ้าวเฟิงไม่สนใจคำพูดของเจียงฮ่าว ย้อนถามกลับ

เจียงฮ่าวค่อนข้างตกใจ มองไปที่จ้าวเฟิงพลางยิ้มเอ่ย “ใช่ ไม่รู้ว่าข้าจะมีคุณสมบัตินี้หรือไม่?”

เมื่อได้ยินการสนนทนาระหว่างจ้าวเฟิงและเจียงฮ่าว

ผู้เฒ่าชุดม่วงและคนอื่นใจเต้นระรัว เห็นชัดๆ ว่าขอแค่พวกเขาทั้งสามกลุ่มร่วมมือกันชั่วคราว กลุ่มเจียงฮ่าวก็จะไม่กล้าทำกับพวกเขาเช่นนี้!

ที่สุดแล้วจ้าวเฟิงคิดจะทำอะไรกันแน่?

ตาเฒ่าอิงที่อยู่อีกด้านสับสนวุ่นวายอย่างมาก ต่อไปเหตุการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างก็ไม่อาจรู้ได้

“นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณสมบัติ!”

จ้าวเฟิงยังคงสงบเป็นปกติ ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับการคุกคามซักถาม

“อ้อ? เช่นนั้นเจ้าลองพูดซิ ทำอย่างไรถึงจะได้สมบัติมา?”

เจียงฮ่าวหัวเราะเสียงเย็น เขาเองก็อยากจะฟังว่าจ้าวเฟิงต้องการพูดอะไรกันแน่

ปฐมเซียนสามคนที่อยู่ด้านหลังเจียงฮ่าวหัวเราะเยาะเย้ย

ถ้าหากกองกำลังทั้งสามด้านหน้าร่วมมือกัน พวกเขาไม่น่าจะช่วงชิงเอาสมบัติมาได้

แต่เห็นได้ชัดว่าทั้งสามกลุ่มนี้มีปัญหาขัดแย้งภายใน อีกทั้งจ้าวเฟิงคนนี้หัวรั้นและยังยโสมาก ถึงกระทั่งไม่เห็น เจียงฮ่าวอยู่ในสายตา

ในสถานการณ์เช่นนี้ ขอแค่พยายามตัดกำลังของสามกลุ่มที่อยู่เบื้องหน้าให้ได้มากที่สุด ก็จะได้ผลประโยชน์จำนวนมหาศาล

หลังคำถามของเจียงฮ่าว แววตาของทุกคนพากันจับจ้องจ้าวเฟิง

ทุกคนต่างไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของจ้าวเฟิง

‘จ้าวเฟิงผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ถึงได้พูดจาไร้สาระกับเจียงฮ่าว!’

ผู้เฒ่าชุดม่วงลอบด่าในใจ

แต่ทันใดนั้น! วายุอัสนีธาตุไฟในร่างของจ้าวเฟิงพลันระเบิดออกมาพร้อมกับตราประทับอัสนีเทวะนับร้อย เห็นเพียงภูเขาอัสนีสีทองแดงลอยออกมาอย่างรวดเร็ว เป้าหมายก็คือเสาหินบริเวณใจกลางห้องโถง

ในวินาทีที่จ้าวเฟิงโคจรปราณแท้จริง เจียงฮ่าวแข็งเกร็งไปทั้งร่าง สายเลือดขับเคลื่อน แต่ต่อจากนั้นเขาก็ชะงักไป

เดิมทีเขานึกว่าจ้าวเฟิงที่มุทะลุบ้าคลั่งจะโจมตีเขาด้วยสายฟ้า คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะส่งฝ่ามือไปภายในห้องโถงใหญ่ที่ไร้คน

นี่เป็นเพราะเหตุใดกัน? สามคนที่เหลือของกลุ่มเจียงฮ่าว ก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน

แต่ว่า! ทุกคนในกลุ่มผู้เฒ่าชุดม่วง ตาเฒ่าอิง และผู้เฒ่าเคราแพะ ต่างใจเต้นระรัวทันใด พวกเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้ง การกระทำเช่นนี้ของจ้าวเฟิงน่ากลัวมากเพียงใด

หมัดจ้าวเฟิงโจมตีไปยังค่ายกลด้านบนใจกลางเสาหิน

อีกทั้งความน่ากลัวของค่ายกลนี้ ผู้เฒ่าเคราแพะเคยแสดงให้ทุกคนเห็นมาก่อน

ค่ายกลลวดลายขาวทองที่ลึกลับนี้สามารถนำการโจมตีจากโลกภายนอก และใช้พลังที่แข็งแกร่งกว่าโจมตีกลับมาในพริบตา เร็วจนทุกคนไม่อาจจะตอบโต้ได้เลย

ทุกคนตัวสั่นสะท้าน ถอยร่นไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว

“แย่แล้ว จ้าวเฟิงจะสังหารข้า!” ทันใดนั้น ใจของผู้เฒ่าชุดม่วงสัมผัสได้ถึงวิกฤตแห่งความตาย เขาไม่กล้าเชื่อเลยว่าเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว จ้าวเฟิงยังอยากจะสังหารเขาอยู่! จะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ก็ไม่ทันแล้ว!

ล่าถอยไป! ผู้เฒ่าชุดม่วงถอยไปก้าวหนึ่งในทันที!

โครม! วินาทีต่อมา ศีรษะของเขาก็ระเบิดออกทันที แม้กระทั่งวิญญาณและสีหน้าอารมณ์ที่ตื่นตระหนกก็ถูกทำลายจนแหลก! ถัดจากนั้น กำแพงเยื้องไปด้านหลังผู้เฒ่าชุดม่วงทิ้งไว้เพียงแต่รอยฝ่ามือลึก

วูบ! ที่แห่งนั้นตกอยู่ในความเงียบสงัด ไร้ซึ่งเสียงของสรรพสิ่ง ได้ยินเพียงแต่เสียงร้องแปลกประหลาดของลมมืด

“ตายแล้ว!” เหลยทงใจสั่นสะท้าน!

“เป็นไปได้อย่างไร เห็นชัดๆ ว่าเขาถอยไปก้าวหนึ่ง!”

สีหน้าของผู้เฒ่าเคราแพะเต็มไปด้วยความคาดคิดไม่ถึง จริงอยู่ที่ผู้เฒ่าชุดม่วงมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยการถอยหลังไปก้าวหนึ่งขณะที่จ้าวเฟิงโจมตีค่ายกล หลังจากนั้นการโจมตีของจ้าวเฟิงกระทบลงบนค่ายกลและถูกสะท้อนกลับมา แต่เพราะอะไรจึงยังโจมตีโดนผู้เฒ่าชุดม่วง

เจียงฮ่าวเองก็พลันเบิกดวงตาสองข้าง สูดลมหายใจลึก

คนทั้งสามด้านหลังตัวเขายืนนิ่งราวท่อนไม้ ในหัวสมองขาวโพลน

พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดจ้าวเฟิงส่งฝ่ามือไปในห้องโถงตามอำเภอใจ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายกลับเป็นศีรษะของผู้เฒ่าชุดม่วงระเบิดออก!

ปฐมเซียนผู้หนึ่งกลับตายอย่างแปลกประหลาดแบบนี้

“นั่นเป็นการใช้ประโยชน์จากค่ายกล!”

ผู้เฒ่าผมขาวหนึ่งในกลุ่มเจียงฮ่าวมองไปกลางห้องโถงด้วยแววตาเป็นประกายวาววับ

ทว่าทันใดนั้น ลมมืดในห้องโถงก็เข้าบดบังทัศนวิสัย

“ต้องขอโทษด้วย แม้กระทั่งระยะห่างของการถอยร่นก้าวสุดท้ายของท่าน ก็อยู่ในแผนของข้า!”

จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำกับร่างผู้เฒ่าชุดม่วง เหมือนจะให้เขาตายตาหลับ

“เป็นไปได้อย่างไร?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของจ้าวเฟิง ผู้แข็งแกร่งที่รู้หลักการของค่ายกลตื่นตะลึงอย่างมาก

ลำดับแรกต้องคำนวณเส้นทางการตอบโต้กลับ ซึ่งก็ลำบากเหลือเกิน ปรายตามองสักนิดก็ใช่ว่าจะมองได้ปรุโปร่ง

จ้าวเฟิงกลับยังบอกว่า การถอยก้าวสุดท้ายของผู้เฒ่าชุดม่วงก็คำนวณเข้าไปแล้ว!

ทุกคนเหลือจะเชื่อ! แต่ก็ต้องเชื่อ ในเมื่อความจริงปรากฏอยู่เบื้องหน้า!

ในเวลาวินาทีนี้ ทุกคนถึงเพิ่งจะรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของเด็กหนุ่มผู้นี้

ลงมือสังหารคนอย่างไม่เปลืองแรง อีกทั้งยังใช้ค่ายกลนั้นสังหาร ฝ่ายที่โดนปลิดชีพอยากจะโต้ตอบก็ยังยากลำบากเหลือเกิน ยกตัวอย่างเช่นผู้เฒ่าชุดม่วงเมื่อครู่ ถึงจะกระตุ้นค่ายกล ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ก็ยังหนีไปไม่ทัน!

“นี่คือ…จ้าวเฟิง?”

จิงข่ายเหม่อมองจ้าวเฟิงเหมือนเพิ่งรู้จักเขาเป็นครั้งแรก

คนเพียงคนเดียวเขย่าขวัญยอดฝีมือทั้งหมด รวมไปถึงเจียงฮ่าวแห่งตระกูลเจีย ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ทั้งหมด!

ผู้เฒ่าเคราแพะเองก็เสียใจภายหลังและเกลียดชังอย่างยิ่ง เมื่อครู่ตนเองไม่ควรจะรีบร้อนแสดงจุดยืนเช่นนั้น

จ้าวเฟิงถือแหวนเก็บของของผู้เฒ่าชุดม่วงไว้ในมือ แล้วมองไปที่เจียงฮ่าว

“ต้องจ่ายไป ถึงจะได้มา!” ในเวลานี้เอง จ้าวเฟิงตอบคำถามเมื่อครู่ของเจียงฮ่าว!

แววตาของเจียงฮ่าวราบเรียบราวสายน้ำนิ่ง

เมื่อครู่ปรมาจารย์ค่ายกลในกลุ่มเขาอธิบายหลักการที่จ้าวเฟิงสังหารผู้เฒ่าชุดม่วงให้เขาฟังอีกรอบ เขาจำต้องยอมรับ จ้าวเฟิงผู้นี้ทำให้เขาและคนในที่นี้ทุกคนตื่นตระหนกและหวั่นเกรงเพราะหมัดเมื่อครู่ไปแล้วเรียบร้อย!

เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย!

“ที่เจ้าพูดก็ถูก ไม่ลงแรงจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไม่ได้!”

เจียงฮ่าวเปล่งเสียงในฉับพลัน

ทุกคนที่อยู่ ณ ตรงนั้นถอนหายใจโล่งอก

การแสดงออกของจ้าวเฟิงทำให้คนหวาดกลัวก็จริง แต่พลังของกลุ่มเจียงฮ่าวก็ไม่ควรมองข้าม ในตอนนี้เจียงฮ่าวยอมประณีประนอม พวกเขาพลันรู้สึกขึ้นมาว่าควรจะขอบคุณจ้าวเฟิง

“ในห้องโถงแห่งนี้คงจะมีค่ายกลที่สูงส่ง ในกลุ่มของข้ามีปรมาจารย์ค่ายกลพอดี!”

เจียงฮ่าวเอ่ยเสียงเรียบ

“คงจะเป็นอาจารย์อูอวี้แห่งมณฑลหยวนล่ะสิ!”

ตาเฒ่าอิงมองไปที่ผู้เฒ่าผมขาวผู้นั้น

“เป็นข้าเอง!”

อูอวี้ค่อยๆ ก้าวออกมาจากด้านหลังของเจียงฮ่าว แววตาขรึมลึกมองจ้าวเฟิงอยู่ครู่หนึ่ง

แววตาของจ้าวเฟิงชะงักไป เดิมคิดว่าจะการเดินทางครั้งนี้จบลงแล้ว นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ก็มีปรมาจารย์ค่ายกลคนหนึ่งโผล่มา!

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองประเมินเสาหินสัมฤทธิ์ที่ใจกลางห้องโถง จากนั้นมองด้านล่าง เขารู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ตลอด

“หากอาจารย์อูอวี้สามารถอุทิศตนทำบางอย่างแล้วละก็ ของสิ่งนี้จะเป็นของพวกเจ้า!”

จ้าวเฟิงยื่นมือออกมา โบกแหวนเก็บของที่ได้มาจากผู้เฒ่าชุดม่วง

“ได้ ฝากด้วย อาจารย์อูอวี้!”

แววตาเจียงฮ่าวเป็นประกายวิบวับ

“ให้ข้าไปดูก่อนเถิด!”

ลมมืดรอบบริเวณหนาแน่นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใจกลางของห้องโถงที่แทบจะไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

อูอวี้เดินเข้าไปในห้องโถงช้าๆ

และไม่นานนัก อูอวี้ก็ถอยกลับมา มองไปที่เจียงฮ่าวแล้วสั่นศีรษะ “นี่เป็นค่ายกลซับซ้อนลึกลับที่สุดที่ข้าเคยเจอมา ข้าทำอะไรไม่ได้!”

กลุ่มของเจียงฮ่าวมีสีหน้าผิดหวัง อูอวี้เป็นปรมาจารย์ค่ายกลที่มีชื่อเสียงที่สุดในมณฑลหยวน ขนาดเขายังพูดเช่นนี้ก็คงจะไม่มีหนทางแล้วจริงๆ

“ไปเถอะ จ้าวเฟิง การเดินทางครั้งนี้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว!”

ตาเฒ่าอิงค่อยๆ เดินมา ไม่อาจทำลายค่ายกลได้ สุดท้ายแล้วคงจะไร้ซึ่งวาสนากับสมบัตินี้จริงๆ

เมื่อมาถึงห้องโถงแห่งนี้แล้ว ก็ไม่มีทางให้เดินสำรวจต่อไปอีก

“ข้าก็ขอตัวก่อนเหมือนกัน!”

ผู้เฒ่าเคราแพะเองก็เตรียมนำกำลังคนจากไป

สมบัติที่พวกเขาได้มาเมื่อครู่มีจำนวนเพียงพอแล้ว เพียงแค่ต้องหาสถานที่ปลอดภัยสักแห่งหนึ่งรอให้การทดสอบคัดเลือกรัชทายาทสิ้นสุดลงก็เรียบร้อย

ผู้เฒ่าชุดม่วงของกลุ่มเหลยทงตายไปแล้ว เหลยทงและจักรพรรดิอีกคนหนึ่งมองดูกลุ่มของเจียงฮ่าวแวบหนึ่ง หวาดระแวงอยู่ไม่น้อย คนทั้งสองตามตาเฒ่าอิงและพวกไปติดๆ ลอบสวดภาวนาในใจ ขออย่าให้เจียงฮ่าวมารังควานพวกเขา และในขณะที่ทุกคนเตรียมตัวจะจากไป

ครืน ครืน ครืน! แผ่นดินทั้งหมดก็พลันสั่นไหว

บึ้ม! แสงของสมบัติที่สว่างวิจิตรตระการตาพวยพุ่งขึ้นมาจากด้านล่างของเสาหินสัมฤทธิ์ ก่อนทะยานขึ้นบนฟ้า ห้องโถงทั้งหมดถูกย้อมไปด้วยแสงหลากสีเจิดจ้า ระลอกแสงปะทะเข้าไปที่ร่างของทุกคน พื้นที่มืดมิดถูกย้อมแสงจนกลายเป็นราชวังหรูหราราวภาพมายา

แววตาของทุกคนก็ถูกย้อมกลายเป็นสีดังกล่าว พากันจับจ้องไปที่เสาหินสัมฤทธิ์ที่เรืองรองด้วยแสงสว่างนั่นทันที ไม่อาจจะละสายตาไปได้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!