Skip to content

King of Gods 953

King Of Gods

บทที่ 953 หนี

“แย่แล้ว โลกมิติมรดกของเซียนแห่งนั้นแหลกละเอียดไปแล้ว นี่คือพลังเซียนที่ถูกลมมืดแปดเปื้อน!”

ดวงตาข้างเดียวของตาเฒ่าอิงมองไปที่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว

นี่อาจเป็นเพราะเมื่อนานแสนนานมาแล้ว เซียนคนหนึ่งคนใดนำมรดกโลกมิติมาไว้ในหุบเขาวายุทมิฬ จากการกลืนกินของลมมืด บวกกับการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่รอบนี้ของพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ โลกมิติส่วนตัวจึงถูกทำลายราบคาบ แต่พลังเซียนที่ตีตราประทับในโลกมิติส่วนตัวถูกเปลี่ยนให้ชั่วร้ายนานแล้ว ไม่ได้เป็นเพียงพลังแห่งเจตจำนงอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้มันจึงสามารถหลุดออกจากโลกมิติส่วนตัวได้

พรึ่บ พรึ่บ! มองเห็นเพียงพลังวิญญาณที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นปีศาจลมมืดโดยสมบูรณ์ หอบเอาพลังวิญญาณเพลิงทมิฬมหาศาลกดดันเข้ามา

“เป็นเพียงแค่ราชันเท่านั้น ยังกล้าเข้ามาในที่นี่ มอบร่างของเจ้ามาให้ข้าก่อนแล้วกัน หึๆ!”

ปีศาจลมมืดที่รูปร่างบิดเบี้ยว เสียงที่เปล่งออกมาเหมือนเสียงลั่นกรอบแกรบของกระดูก ทำให้ขนลุกชันขึ้นทั่วร่างเนื่องจากความหวาดกลัว

พลังเซียนที่ชั่วร้ายกำหนดให้จ้าวเฟิงเป็นเป้าหมายที่ต้องช่วงชิงมา

“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”

ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักเพลิงพลังดวงตาที่สะพรึงขวัญออกมา ระลอกแสงม่วงทองหมุนวน ลวดลายอัสนีเทวะสีเข้มเส้นสายเล็กๆ ลอยเอ่อขึ้น

ตู้ม…

เพลิงอัสนีม่วงทองโปร่งแสงพร้อมกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้าง ระเบิดตูมลงบนร่างของพลังเซียนชั่วร้าย

‘เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า’ กระบวนท่านี้ของจ้าวเฟิงเป็นการโจมตีทางวิญญาณเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยใช้พลังอัสนีเทวะเป็นหลัก พลานุภาพเหมือนจะแข็งแกร่งเกินกว่าปกติ แต่ตัวของธาตุอัสนีส่งผลกดข่มอย่างมากต่อของประเภทปีศาจมารชั่วร้าย

โครม เปรี้ยง เปรี้ยง!

พลังเซียนชั่วร้ายนั่นรู้สึกได้ว่ามีหมื่นอัสนีเทวะระเบิดภายในร่างกาย หนำซ้ำเพลิงดวงตาวิญญาณที่มีอัสนีเทวะยังลุกลามเผาผลาญไม่หยุด

“อ๊าก เป็นไปได้อย่างไร พลังวิญญาณของเจ้าเด็กคนนี้!”

พลังเซียนชั่วร้ายกรีดร้องมองจ้าวเฟิง สีหน้าโหดเหี้ยมเผยความหวาดเกรง

พลังเซียนชั่วร้ายดูแคลนศัตรูมากเกินไป จึงถูกโจมตีจนมอดไหม้ ความเจ็บปวดแทบจะขาดใจกระจายไปทั่วร่าง

“แข็งแกร่งนัก นี่น่ะหรือคือพลังแท้จริงของเขา?”

ตาเฒ่าอิงถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาจ้องมองไปที่พลังโจมตีวิญญาณของจ้าวเฟิง

พลังเซียนชั่วร้ายมีแรงกดดันของกลิ่นอายวิญญาณเทียบเท่าไม่ได้เลยกับขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้น ยังคงได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีวิญญาณของจ้าวเฟิง

ด้วยระดับความลึกซึ้งในวิชาวิญญาณสูงส่ง จึงไม่แปลกที่จ้าวเฟิงจะเผชิญหน้ากับผู้เฒ่าชุดม่วง เจียงฮ่าว และผู้เฒ่าเคราแพะแล้วไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย เพราะว่าพลังของจ้าวเฟิงมากพอจะมองข้ามพวกเขาไปแล้ว

“รีบไป!” จ้าวเฟิงเอ่ยเร่ง

ลมมืดในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬกำลังค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น

เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ พลังเซียนที่ชั่วร้ายไปแล้ว บาดแผลที่โดนยิ่งกว้างมากเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกเปลี่ยนมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งขอแค่ไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่ถึงแก่ชีวิต ก็ใช้พลังชั่วร้ายที่อยู่ในสภาพแวดล้อมรอบตัวฟื้นฟูได้ แต่ขอบเขตพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิงคือราชัน เมื่อลมมืดค่อยๆ แข็งแรงขึ้น แรงกดดันและผลกระทบที่ส่งผลถึงเขาก็เพิ่มขึ้นสองเท่า

คนทั้งสองในเวลานี้ยังอยู่ในใจกลางพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ ทัศนวิสัยเบื้องหน้าก็ดำมืด ตาเฒ่าอิงรีบใช้เคล็ดวิชาความเร็ว โบยบินหนีข้ามอากาศ

“ชั่วช้านัก ในการโจมตีวิญญาณของผู้เยาว์คนนี้ยังมีเสวียนอ้าวทำลายล้างด้วย!”

พลังเซียนที่ถูกเปลี่ยนให้ชั่วร้ายฟื้นฟูขึ้นมา รู้สึกว่าจิตสำนึกของตนยิ่งอ่อนแอลงไปทุกที

“ไม่ได้ ต้องรีบหาร่างหนึ่งมาใช้!”

พลังเซียนชั่วร้ายมีใบหน้าบิดเบี้ยวดิ้นรน แรงเจตจำนงของมันค่อยๆ ถูกกลืนกินไปทีละน้อย จำต้องหาร่างมาเปลี่ยนร่างถึงจะพอฟื้นฟูพลังเดิมที่เคยมีมาได้ ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นปีศาจลมมืดที่เหมือนศพเดินได้ในหุบเขาวายุทมิฬ

“พวกเจ้าเองก็ตามข้ามา!”

พลังเซียนชั่วร้ายเรียกให้เพลิงทมิฬพวยพุ่งขึ้นมา ปีศาจลมมืดที่ลอยอยู่ทั่วสี่ทิศส่งเสียงร้องกราดเกรี้ยว

ครืน ครืน ครืน! ทันใดนั้นเอง ปีศาจลมมืดรอบบริเวณร้องเสียงโหยหวนและขยับตัวทันที มันกลายร่างเป็นพายุหมุนสีดำสนิทตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิงและตาเฒ่าอิง

มองดูจากไกลๆ เหมือนพายุมืดมิดทมิฬแน่นขนัด ในนั้นมีเสียงกรีดร้องที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงนับไม่ถ้วนดังออกมา

ขนทั่วร่างของตาเฒ่าอิงลุกชัน เหงื่อเย็นโซมร่าง

ไม่ต้องสัมผัสรับรู้ เสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้นด้านหลังก็กดดันเข้ามาเหมือนนรกของภูติผีวิญญาณนับไม่ถ้วน

ตาเฒ่าอิงเตรียมกระตุ้นค่ายกลใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’

ความเร็วของจ้าวเฟิงว่องไวกว่าตาเฒ่าอิงอยู่ส่วนหนึ่ง เมื่อมองไปด้านหลัง สีหน้าก็ทะมึนลงไป

ปีศาจลมมืดเหล่านี้ ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่แข็งแกร่ง แต่ตัวที่หลั่งไหลเข้ามาในเวลานี้ อย่างน้อยก็มีจำนวนหลายร้อย บวกกับพลังเซียนชั่วร้าย ในทันทีที่ถูกไล่ตามทันก็คงจะแย่เป็นแน่

เขาเคยทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ ณ สถานที่อื่นๆ ในสุสานราชวงศ์ แต่ไม่ได้ทิ้งไว้ในนอกพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถใช้ในมนตราอากาศหนีไปพร้อมตาเฒ่าอิงได้โดยตรง ไม่เช่นนั้นแล้ว องค์ชายเก้าและโจวซู่เอ๋อร์คงยังคอยอยู่ด้านนอกรอให้พวกเขาออกมา

“กายศักดิ์สิทธิ์อัสนี!”

ร่างของจ้าวเฟิงขยายสูงขึ้นในฉับพลัน ประกายสายฟ้าแก่นแท้ร่างกายสีฟ้าทองขยับวูบไหว ในวินาทีนั้นเอง แรงต้านทานที่จ้าวเฟิงมีต่อลมมืดในที่นั้นก็เพิ่มมากขึ้น

หลังจากนั้น จ้าวเฟิงก็ปล่อยหมัดจำนวนมากออกมาตามใจ!

หมัดธาตุทองที่มีอัสนีสีทองเกี่ยวกระหวัดกันไปมา บีบคั้นเข้าไปดั่งภูเขาแสงสายฟ้า

ทุกหมัดที่ปล่อยออกมา ต่างแฝงไปด้วยวิชาลวงตาศาสตร์วิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างมาก ฉับพลันทันใด ความเร็วของปีศาจลมมืดหลายต่อหลายตัวก็ผ่อนลงไป

จ้าวเฟิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า การสังหารปีศาจลมมืดก็ทำเพียงแค่ใช้เขตแดนเมืองมายาทำให้พวกมันหลงทิศไปเท่านั้นเอง

“จิ๊ๆ สหาย ให้ข้ายืมร่างของเจ้าหน่อยแล้วกัน!”

ในขณะที่จ้าวเฟิงกำลังโจมตี พลังเซียนชั่วร้ายออกจากด้านข้างลมพายุทมิฬ พุ่งทะยานไปทางตาเฒ่าอิง

“แย่ล่ะ!” สีหน้าของจ้าวเฟิงดำคล้ำลงไป

คิดไม่ถึงเลยว่าพลังเซียนชั่วร้ายนี้จะถอดใจไม่แย่งร่างราชันอย่างเขา แต่ไปลงมือทำร้ายตาเฒ่าอิงแทน ถึงแม้ระดับความลึกซึ้งในสายวิญญาณของตาเฒ่าอิงจะสูงส่ง แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพลังเซียนชั่วร้ายนั่นเป็นแน่

“อะไรกัน?” ตาเฒ่าอิงที่กำลังหนีไปถูกพลังเซียนชั่วร้ายไล่ตามทัน

แรงกดดันทางวิญญาณที่ทรงพลังและชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งโจมตีจนร่างของตาเฒ่าอิงหยุดชะงัก วิญญาณถูกกดดันจนยากจะหายใจ เหมือนตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง

พลังเซียนชั่วร้ายพยายามเข้าไปในร่างของตาเฒ่าอิง

“เนตร…เพ่ง…เทพ…เจ้า!”

จ้าวเฟิงอยู่ที่ไม่ไกล ในดวงตาซ้ายทะลักพลังดวงตาสีม่วงทองที่น่าสะพรึงขวัญออกมา

ทันใดนั้นเอง

ในดวงตาซ้ายกลายเป็นระลอกน้ำวนสีม่วงทองที่ลึกล้ำไม่เห็นก้นบึ้ง เผยหุบเหวมีหมอกควันลอยวนที่ขยายออกไร้สิ้นสุดออกมา

พลังต้องห้ามที่ส่งผลต่อวิญญาณปกคลุมไปทุกแห่งหนที่ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงผ่าน

“เป็นไปได้อย่างไร?”

พลังเซียนชั่วร้ายสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาลกลุ่มหนึ่ง ฉุดดึงมันไปอีกทางหนึ่ง

แต่ตาเฒ่าอิงซึ่งอยู่ใกล้กับพลังเซียนชั่วร้ายก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดที่น่ากลัว วิญญาณของเขาเหมือนจะออกจากร่าง

“วิชาดวงตาน่ากลัวยิ่ง!”

ในใจของตาเฒ่าอิงหวาดกลัว รีบร้อนหลีกหนีออกจากอาณาเขตดวงตาของจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว

เขารู้ดีว่าจ้าวเฟิงกำลังจำกัดพลังเซียนชั่วร้ายเพื่อให้เขาหนีไปก่อน

“ช่างน่ารังเกียจ เจ้าเด็กคนนี้!”

ก้นบึ้งหัวใจพลังเซียนชั่วร้ายทั้งโกรธเกรี้ยวและอับจนหนทาง กรีดร้องโหยหวน

ทั่วร่างของมันแทบจะเป็นพลังวิญญาณทั้งหมด ขนาดแรงเพียงเล็กน้อยก็ยังไม่มี ทั่วร่างจึงถูกจ้าวเฟิงฉุดรั้งเอาไว้ หากว่าจ้าวเฟิงฉุดดึงดวงวิญญาณของคนปกติทั่วไป วิญญาณของพวกเขายังสามารถพึ่งพากายเนื้อดิ้นรนไปมาได้ แต่กายวิญญาณที่บริสุทธิ์ พลังต่อต้านจะอ่อนแรงลงไปอย่างมากเมื่อจ้าวเฟิงใช้เนตรเพ่งเทพเจ้า แต่หากเป็นเช่นนี้ จากการดิ้นรนอย่างสุดแรงพลังวิญญาณชั่วร้าย จ้าวเฟิงเองก็ยากจะดึงมันเข้าไปในมิติดวงตาซ้าย

พูดได้เพียงว่า ตัวของพลังชั่วร้ายกลุ่มนี้แข็งแกร่งอย่างมาก ในตอนนี้มันยังดิ้นรนและเพียรพยายามจะตอบโต้กลับอย่างรุนแรง

“ปล่อยข้า!” พลังเซียนชั่วร้ายกรีดร้องบ้าคลั่ง แต่ร่างกายกลับถูกควบคุม ไม่อาจจะก้าวเท้าไปได้แม้ครึ่งก้าว ถึงกระทั่งมันพอจะมองเห็นเมืองมายาเก่าแก่แห่งหนึ่งรางๆ ทิวทัศน์เบื้องหน้าเริ่มวุ่นวาย

“วิธีที่ใช้ช่วงชิงวิญญาณของเด็กหนุ่มผู้นี้ คาดคิดไม่ถึงว่าจะแฝงไปด้วยกลยุทธ์ศาสตร์มายา!” พลังเซียนชั่วร้ายหวาดกลัวในใจ

“ปล่อยข้าเถอะ เจ้าหนุ่ม ข้ารับปากเจ้าว่าจะไม่แย่งชิงร่างเพื่อนร่วมทางของเจ้า!” พลังเซียนชั่วร้ายสัมผัสว่าถึงจิตสำนึกของตนเองที่เลือนรางลงช้าๆ เหมือนถูกแทนที่จากห้วงความคิดชั่วร้ายนั้นจนหมด

หากทู่ซี้เช่นนี้ต่อไป สุดท้ายฝ่ายที่เสียเปรียบไปยังคงเป็นมัน

ด้วยเหตุนั้น มันจึงทำได้เพียงถอดใจกับเรื่องตรงหน้าแล้วไปตายเอาดาบหน้า โดยถอดใจไม่จับตาเฒ่าอิงและจ้าวเฟิง ไปตามหาคนมีชีวิตคนอื่นแทน นี่อาจจะนับได้ว่ายังพอมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง

จ้าวเฟิงมองดูตาเฒ่าอิงที่โบยบินไปไกลมากแล้ว จึงหยุดเนตรเพ่งเทพเจ้าไว้

ยิ่งขั้นวิญญาณที่ถูกแทนที่สูงส่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งสิ้นเปลืองพลังมากเท่านั้น แต่พลังเซียนชั่วร้ายในเวลาดังกล่าวดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง คิดจะดึงดูดก็ยากเกินไป

“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”

เปรี๊ยะ! จ้าวเฟิงกลายเป็นสายวายุอัสนีสีชาดเส้นสายหนึ่ง โบยบินไปยังทิศทางด้านนอกพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ

นอกหุบเขาวายุทมิฬ เมื่อตาเฒ่าอิงสามารถหนีออกมาจากพื้นที่ต้องห้ามได้ ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นในทันที

“องค์ชายเก้า รีบไป!” ตาเฒ่าอิงตรงดิ่งมายังที่ซ่อนตัวขององค์ชายเก้า

“เฒ่าอิง จ้าวเฟิงและจิงข่ายล่ะ?” องค์ชายเก้าคอยสำรวจสถานการณ์ภายนอกของหุบเขาวายุทมิฬ เขาเพียงมีความรู้สึกอย่างหนึ่งนั่นก็คือแปลกประหลาด!

เพราะกองกำลังที่เข้าร่วมด้วยตอนนี้ยังไม่มีใครเดินทางออกมา ลมมืด ณ พื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬก็กำลังฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว

ในเวลาดังกล่าว เมื่อเห็นตาเฒ่าอิงออกมา ในใจเขาก็รู้สึกโล่งไปเปราะหนึ่งทันที แต่เมื่อไม่เห็นคนอื่นๆ ตามมา องค์ชายเก้าก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาอีก

“พวกเรารีบเดิน จ้าวเฟิงคงกำลังมาถึงในเร็วๆ แล้ว!” ตาเฒ่าอิงเอ่ยอย่างรีบร้อน หลังจากนั้นจึงพาคนทั้งสองเร่งเดินทาง

ตาเฒ่าอิงเข้าใจอย่างชัดเจน ถึงจะเป็นจ้าวเฟิงก็ไม่สามารถทำลายพลังเซียนชั่วร้ายได้

เขาเสี่ยงอันตรายอย่างมากในการดึงรั้งพลังเซียนชั่วร้าย ก็เพื่อที่จะให้ตาเฒ่าอิงหนีไป และพร้อมกันนั้นก็พาโจวซู่เอ๋อร์และองค์ชายเก้าไปด้วย

ไม่เช่นนั้นแล้ว หากพลังชั่วร้ายนั่นทะลวงออกมา องค์ชายเก้าและโจวซู่เอ๋อร์ก็จะกลายเป็นก้อนเนื้อแน่ ถึงจ้าวเฟิงจะมีความสามารถมากเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถปกป้องพวกเขาสามคนในเวลาเดียวกันได้!

หลังจากคนทั้งสามหนีไปไม่นานเท่าไหร่ จ้าวเฟิงก็บินออกมาจากพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬทันที

ดวงตาซ้ายของเขาสัมผัสได้ถึงตาเฒ่าอิงและพวกที่กำลังหนีอยู่ จึงรีบตามไปอย่างรวดเร็ว และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ระยะหลายพันลี้นอกพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ กองกำลังของคนชุดดำก็รีบเร่งตามมาเช่นกัน

“ผู้อาวุโสชุดดำ ด้านหน้านี้ก็คือพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ!” สมาชิกคนหนึ่งสังเกตเห็นเป้าหมายของคนชุดดำ ในใจหวาดกลัวเกินจะเปรียบจึงรีบเอ่ยเตือน

หรือว่าคนชุดดำจะนำพวกเขาไปหาทรัพยากรมรดก ณ พื้นที่ต้องห้ามกัน?

แต่ต่อให้ในพื้นที่ต้องห้ามมีโอกาสมากมายไม่จำกัด แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความสามารถไปเอามา!

การกระทำและความคิดของคนในชุดคลุมดำไม่สามารถจะหยั่งรู้ได้ หนำซ้ำยังอยู่ตรงข้ามกับคนทั่วไปอีกด้วย!

สมาชิกสองคนที่เหลือสัมผัสได้กับแววตาที่น่าเกรงกลัว

“จ้าวเฟิง!”

ทันใดนั้นเอง ร่างกายคนชุดดำส่งเสียงเย็นเยียบออกมาอย่างยินดี

พรึ่บ! คนชุดดำกลายเป็นเงาดำบินไปยังพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬอย่างรวดเร็ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!