บทที่ 956 ปะทะดุเดือด
“ถ้าหากพวกเจ้าไม่ยอมมอบทรัพยากรมรดกและ ‘พลังชะตามังกร’ มา ก็เลือกบอกตำแหน่งของจ้าวเฟิงกับข้าได้!”
เถี่ยหลิงอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย ออกจะอดรนทนไม่ได้
โลกมิติมรดกแห่งนี้คงสภาพไว้อย่างดีเยี่ยมยิ่ง
สืออวี่เหลยใช้มรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์คุ้มกันเชื่อมต่อกับพลังของที่นี่ จนกลายเป็นปราการทรายสีเหลืองป้องกันไว้ ถึงขนาดเขาผู้เป็นผู้อาวุโสของตระกูลเถี่ยยังทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ เอาแต่รั้งอยู่ที่นี่นานๆ ก็เสียเวลาทั้งสองฝ่ายไปเปล่าๆ
ทว่ากองกำลังขององค์ชายเก้าน่าจะไม่ไยดีเวลาเล็กน้อยเท่านี้ องค์ชายเก้าไม่มีหวังในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทครั้งนี้แม้แต่น้อย
องค์ชายสี่นั้นต่างออกไป เขาเป็นองค์ชายที่มีหวังได้ตำแหน่งรัชทายาทมากที่สุด เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเผชิญหน้ากับการร่วมมือกันขององค์ชายคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เวลาของพวกเขาจึงมีค่าอย่างยิ่ง
“ผู้อาวุโสเฉินจีจื่อ เชื่อว่าท่านคงทำนายได้คร่าวๆ กระมัง!”
เถี่ยหลิงอวิ๋นเอ่ยปากอีกครั้ง ตั้งแต่เข้ามาในสุสานราชวงศ์ จ้าวเฟิงและเซวียนหยวนเหวินเป็นสองคนที่เขาอยากเอาชนะมากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีหยูเทียนฮ่าวที่ครอบครองสายเลือดสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เขาเติบใหญ่ขึ้นจนถึงขั้นที่คนจำต้องเห็นความสำคัญ
“ตำแหน่งของเขา ท่านหันไปก็จะรู้เอง!”
เสียงแก่ชราของเฉินจีจื่อดังมาจากอีกด้านของกำแพง
“หันไป?”
เถี่ยหลิงอวิ๋นไม่รู้ว่านี่หมายความว่าอย่างไร
แต่ทันใดนั้นเอง เลือดในร่างของเขาสั่นเทาเหมือนสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ เถี่ยหลิงอวิ๋นรีบหันไป แล้วจึงเห็นเพียงคนผู้หนึ่งโบยบินมาอย่างรวดเร็วที่ด้านนอกปราการเก่า
“จ้าวเฟิง!”
ทั่วร่างเถี่ยหลิงอวิ๋นแผ่ไอเพลิงวาววับประดุจตะวันโลหิต จิตต่อสู้เอ่อท่วมท้น
ภายในกำแพงทราย
“เฒ่าอิง องค์ชายเก้า และจ้าวเฟิงมากันหมดแล้ว!”
ซูชิงหลิงรับรู้ได้ถึงเรื่องราวด้านนอกในทันใด
“ดีเหลือเกิน!”
สืออวี่เหลยถอนหายใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ คนที่จะแบกรับเอาไว้ไม่ไหวจนจบก็คงเป็นเขา
ในเวลาเดียวกัน สืออวี่เหลยมองไปที่เฉินจีจื่อ ไม่เสียทีที่เป็นปรมาจารย์นักทำนาย แม้แต่เรื่องนี้ยังคำนวนได้
จนถึงตอนนี้ นี่คือวิกฤตอันตรายใหญ่หลวงที่สุดที่กองกำลังของเขาเคยเผชิญมา แต่ก็ยังคงรอดพ้นได้โดยไม่ใช้ค่ายกลใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ อยู่ดี
สืออวี่เหลยอดจะนับถือในผู้อาวุโสที่เคยมีชื่อเสียงเกรียงไกรผู้นี้ไม่ได้
เดิมทีพวกเขาถูกกองกำลังขององค์ชายสี่ต้อนจนติดอยู่ที่นี่
แต่เมื่อตอนนี้สมาชิกทั้งหมดของกลุ่มองค์ชายเก้ามาถึงที่นี่ สถานการณ์จึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เหมือนพวกเขาล้อมกองกำลังขององค์ชายสี่เอาไว้
โครม สวบ!
สืออวี่เหลยสลายการป้องกัน
‘เถี่ยหลิงอวิ๋น อย่าเพิ่งรีบร้อน!’ ผู้เฒ่าผมแดงลอบส่งเสียงบอก
ถึงแม้พวกเขาทางนี้จะมีเซียนหนึ่งคนและปฐมเซียนอีกสาม แต่ทางฟากขององค์ชายเก้ากำลังคนพร้อม มีกันทั้งหมดแปดคน หนึ่งในนั้นคือองค์ชายเก้าที่สามารถใช้ ‘พลังชะตามังกร’ เพื่อเพิ่มกำลังรบได้ในทันที
นี่ก็คือความพิเศษขององค์ชายใน ‘การละเล่น’ ครั้งนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับคนหลายกลุ่ม องค์ชายคือเป้าหมายของทุกคน
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับกองกำลังเพียงกลุ่มเดียว องค์ชายแทบจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่งมาก อีกทั้งในกลุ่มที่ครบสมบูรณ์ ต่อให้พลังของคนคนเดียวจะไม่มากนัก แต่หากร่วมมือกันอย่างครบถ้วนก็แทบจะไม่มีจุดด้อยใดๆ
สืออวี่เหลยมีพลังมหาศาลและยังชำนาญการป้องกัน การโจมตีวิญญาณของซูชิงหลิงก็ยากจะต้านทาน ยังมีเฉินจีจื่อที่เป็นปรมาจารย์ค่ายกลผู้ลึกลับ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีฝูงสัตว์อสูรของปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ หนำซ้ำพวกมันได้รับการรักษาจากแพทย์จนสำแดงกำลังรบที่ไม่สิ้นสุดออกมาได้
นี่คือพลังของกองกำลัง ต่อให้ผู้เฒ่าผมแดงเป็นเซียน ก็ไม่อยากจะมีปัญหากับกลุ่มคนแบบนี้
“จ้าวเฟิง เจ้ากล้าต่อสู้กับข้าหรือไม่!”
เถี่ยหลิงอวิ๋นไม่สนใจคำพูดของผู้อาวุโสตระกูลเถี่ย กลายร่างเป็นเพลิงแดงบุกเข้าไป
‘ทุกคนระวัง!’ ตาเฒ่าอิงส่งเสียงบอกทุกคน คนทั้งหกก้าวออกมา
พรึ่บ! เถี่ยหลิงอวิ๋นลอยตัวอยู่กลางอากาศ มองไปที่คนทั้งห้าด้วยสายตาเกลียดชังยิ่ง ยิ้มหยันเอ่ยว่า “ว่าอย่างไร จ้าวเฟิง? ครอบครองสายเลือดเพลิงมารโลหิต แต่กลับไปเป็นปรมาจารย์นักฝึกสัตว์หลบอยู่ด้านหลังผู้อื่นงั้นหรือ?”
ทันทีที่เถี่ยหลิงอวิ๋นเอ่ยออกมา สืออวี่เหลยและซูชิงหลิงที่อยู่ในปราสาทหินก็อึ้งไป เมื่อครู่พวกเขายังประหลาดใจว่าเหตุใดเถี่ยหลิงอวิ๋นจึงสนใจในตัวจ้าวเฟิงขนาดนี้
คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะมีสายเลือดเพลิงมารโลหิตของตระกูลเถี่ย นี่มันเรื่องอะไรกัน?
พวกเขาพลันระลึกถึงว่าคนตระกูลเถี่ยส่งคนมาถึงสองครั้งก่อนจะมีการประลองช่วงชิงตำแหน่งรายชื่อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง แบบนี้ก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้แล้ว!
ทว่าฝั่งองค์ชายเก้า ตาเฒ่าอิงบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับองค์ชายเก้าและโจวซู่เอ๋อร์แล้ว ในเวลานี้พวกเขาเพียงแต่มองจ้าวเฟิงด้วยความสับสน
“เถี่ยหลิงอวิ๋น นี่ไม่ใช่สถานที่สู้ตัวต่อตัว นี่คือการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท!”
เสียงของตาเฒ่าอิงดังมา
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบ ไม่จำเป็นต้องให้จ้าวเฟิงออกมาต่อสู้กับเถี่ยหลิงอวิ๋น
“เช่นนั้นก็ดี ใช้กฎกติกาของการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทก็ได้!”
แววตาของเถี่ยหลิงอวิ๋นเคร่งขรึมลงไป
“ให้จ้าวเฟิงออกมาประลองกับข้า หากชนะ พลังชะตามังกรทั้งหมดใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ก็จะเป็นของพวกเจ้า!”
เถี่ยหลิงอวิ๋นแกว่งหยกมังกรคุ้มกันที่เอว แสงแวววาวในนั้นขยับประกายเล็กน้อย เกิดเป็นลวดลายมังกรสีทองออกมา
“พลังชะตามังกรมากมายนัก!” ดวงตาตาเฒ่าอิงเป็นประกาย รู้สึกสะท้อนในใจ
ความแตกต่างระหว่างคนสองกลุ่มมีมากอย่างยิ่ง คาดว่าเป้าหมายของกองกำลังเถี่ยหลิงอวิ๋นน่าจะเป็นมรดกของเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต่ำและชั้นสูง จึงสะสมพลังชะตามังกรเอาไว้ได้มากมายเช่นนี้
ยามนี้ ในปราสาทหินกรวด ผู้เฒ่าผมแดงนำสมาชิกอีกสองคนเดินออกมา พวกเฉินจีจื่อตามหลังมาโดยทิ้งระยะห่างเอาไว้
ตาเฒ่าอิงและจิงข่ายยืนขึ้นในฉับพลัน บดบังองค์ชายเก้าและโจวซู่เอ๋อร์ไว้ด้านหลัง รักษาท่าทีระแวดระวังเอาไว้
“เฒ่าอิง ถูกพวกเจ้าล้อมเอาไว้ถือเป็นความผิดข้า แต่หากเราคิดจะจากไป ใครก็ห้ามเอาไว้ไม่ได้!”
ผู้เฒ่าผมแดงเอ่ยด้วยสีหน้าเชื่อมั่น
แววตาของตาเฒ่าอิงหนักอึ้งเล็กน้อย มองไปยังเถี่ยอวิ๋นหั่ว จุดนี้เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ
สมาชิกขององค์ชายเก้าทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ เมื่อต่อสู้กันซึ่งหน้า ต่อให้กำลังรบขององค์ชายสี่น่าพรั่นพรึงก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่หากกองกำลังของเถี่ยอวิ๋นหั่วมีเจตนาจะจากไป จะมีพวกเขาสักกี่คนที่ไล่ตามทัน ถึงจะมีสมาชิกตามทัน แต่เมื่อไม่ได้ไปพร้อมกับกลุ่ม ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเถี่ยอวิ๋นหั่วได้
“ไม่สู้เอาตามที่หลิงอวิ๋นว่า ให้จ้าวเฟิงออกมา ใช้พลังชะตามังกรเป็นเดิมพัน!”
เถี่ยอวิ๋นหั่วมองไปที่หยกมังกรคุ้มกันซึ่งไร้แสงประกายใดๆ ของจ้าวเฟิง ในเวลาเดียวกันก็มองที่เขาด้วย
เขาเองก็อยากจะเห็นเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์ยิ่งนัก
กองกำลังขององค์ชายเก้ามองไปยังจ้าวเฟิง
เมื่อเผชิญหน้ากับเถี่ยหลิงอวิ๋น ทั้งจิงข่าย องค์ชายเก้า และตาเฒ่าอิงต่างเชื่อมั่นในตัวจ้าวเฟิง
ตัวของจ้าวเฟิงมีสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่เขาชำนาญที่สุดกลับเป็นวิชาดวงตาวิญญาณดังนั้นจึงได้เปรียบอย่างมากหากรับมือกับเถี่ยหลิงอวิ๋น
อีกทั้งเถี่ยอวิ๋นหั่วเองก็ชัดเจนว่าผลักดันให้เกิดการต่อสู้นี้ เพราะเขาเห็นแล้วว่าหยกมังกรคุ้มกันบนร่างของจ้าวเฟิงไม่มีแสงแม้แต่น้อย
ต่อให้จ้าวเฟิงแพ้ พวกเขาก็ไม่เสียหายอะไร
“แบบนี้ก็ดี!”
จ้าวเฟิงก้าวออกไปในทันที
คนของตระกูลเถี่ยเอาแต่รังควานเขา ถึงแม้เขาจะบอกเถี่ยหงหนานไปอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ คนของตระกูลเถี่ยหยิ่งผยองจองหอง นึกไปเองว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง จุดนี้ทำให้จ้าวเฟิงไม่สบอารมณ์นานแล้ว!
สืออวี่เหลยและซูชิงหลิงชะงักไป
พวกองค์ชายเก้าก็ไม่มีทีท่าคัดค้านเรื่องนี้
หรือว่าพลังของจ้าวเฟิงสามารถรับมือกับเถี่ยหลิงอวิ๋นผู้เป็นอัจฉริยะชั้นยอดของตระกูลเถี่ยได้?
พวกเขาพลาดอะไรไปกันแน่?
“ฮ่าๆ ได้!”
เลือดในร่างเถี่ยหลิงอวิ๋นลุกไหม้ขึ้นในฉับพลัน เพลิงแสบตาปกคลุมทั่วร่าง จนกลายเป็นดั่งเทพนักรบเพลิง จิตต่อสู้ที่เร่าร้อนแผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณ
พลังเพลิงร้อนแรงทำให้คนอื่นที่เหลือรู้สึกไม่สบายตัวนัก ร่างกายและจิตใจกดดัน ปราณที่แท้จริงและสายเลือดในร่างกายเหมือนกำลังเผาไหม้
ในขณะที่ทุกคนรู้สึกว่าต้องถอยออกห่าง
“กายศักดิ์สิทธิ์อัสนี!”
จ้าวเฟิงก้าวเท้าข้างหนึ่งออกไปด้านหน้า ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น ลวดลายสายฟ้าของแก่นแท้ร่างกายที่สว่างเรืองรองแผ่ออกมา จากนั้นบีบเข้าไปพร้อมร่างกายสายฟ้าที่ไร้จุดสิ้นสุด
“ฮึ ขนาดสายเลือดก็ยังไม่ยอมใช้?”
แววตาของเถี่ยหลิงอวิ๋นดุดันเย็นชา การกระทำเช่นนี้ของจ้าวเฟิง สำหรับเขาแล้วเป็นการดูหมิ่นกันอย่างหนึ่ง
ฟิ้ว! เถี่ยหลิงอวิ๋นกระโจนขึ้น เพลิงสีเลือดทั่วร่างเพิ่มสูงในฉับพลัน กลายเป็นกลุ่มเพลิงวาววับตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิงอย่างทรงพลังอหังการ
ฟุ่บ แซ่ด แซ่ด!
บริเวณหลังของจ้าวเฟิงปรากฏปีกแสงอัสนีสีชาดคู่หนึ่งขึ้นมา แสงสายฟ้ากะพริบวูบวาบ ผสานกับกายอัสนีศักดิ์สิทธิ์ สายฟ้าไร้ขอบเขตหมุนวนไปทั่วบริเวณ ทำให้ความเร็วของเถี่ยหลิงอวิ๋นช้าลงไป
ฟิ้ว ฟึ่บ! ปีกอัสนีของจ้าวเฟิงโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว!
พรึ่บ! ร่างกายของจ้าวเฟิงกลายเป็นสายวายุอัสนีเส้นหนึ่ง พุ่งปะทะเข้าไปที่กลุ่มไฟสว่างแวววาวด้วยความเร็วราวสายฟ้า
การกระทำของจ้าวเฟิงทำลายกระบวนท่ารุกโจมตีของเถี่ยหลิงอวิ๋นในพริบตา แล้วจึงจู่โจมต่ออย่างเด็ดขาดมากกว่าเดิม คว้าโอกาสชนะได้ตั้งแต่เริ่มสู้กัน
ตู้ม! แสงสว่างของอัสนีชาดและลูกเพลิงโลหิตปะทะกันเข้าอย่างจัง ระเบิดโครมรุนแรง เหมือนดังก้อนหินใหญ่ร่วงหล่นลงบนพื้น กระเทือนทุกสรรพสิ่ง
ฟุ่บ! เถี่ยหลิงอวิ๋นกระเด็นถอยร่นไปหลายก้าว ในใจตระหนกเล็กน้อย พลังกายของจ้าวเฟิงทำให้เขาเกิดความรู้สึกเหมือนปะทะเข้ากับแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ การเผาผลาญของเพลิงมารโลหิตลดลงอย่างมาก
เปรี๊ยะ แซ่ด!
ในขณะที่จ้าวเฟิงถอยไป ก็ใช้ปีกแสงอัสนีประคองร่างเอาไว้ เขาฝึกฝนกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ พลังป้องกันจึงน่าตื่นตะลึง
แต่สายเลือดเพลิงมารโลหิตของเถี่ยหลิงอวิ๋น พลังที่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ก็ทำให้เขายังคงมีพลังที่แกร่งเหนือกว่าจ้าวเฟิงมากถึงแม้จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ระยะห่างมหาศาลของราชันและปฐมเซียน ในขณะที่ประมือกันครั้งแรก เลือดลมในร่างของจ้าวเฟิงปั่นป่วนร้อนรุ่มทั่วร่าง หนำซ้ำจ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่า พลังที่ปะทุจากสายเลือดของเถี่ยหลิงอวิ๋นไม่แตกต่างอะไรมากนักกับเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบของเขา
นี่ก็เพียงพอจะพิสูจน์ได้แล้ว ถึงแม้สายเลือดของเถี่ยหลิงอวิ๋นจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าสายเลือดทั่วไปของตระกูลเถี่ย หนำซ้ำเถี่ยหลิงอวิ๋นยังสามารถควบคุมสายเลือดนี้ได้ค่อนข้างสมบูรณ์
“เหอะ หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนี!”
จ้าวเฟิงร่อนไปมารอบหนึ่ง และระเบิดพลังยิ่งใหญ่เข้าเสริมอีกครั้ง จากนั้นจึงกระตุ้นแก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดขึ้น หมัดสองข้างเปล่งประกายแวววับ ก่อนจะพุ่งจู่โจมทันที เห็นเพียงหมัดอัสนีธาตุทองหลายต่อหลายสายราวกับภูเขาใหญ่ ตรงดิ่งไปกำราบเถี่ยหลิงอวิ๋น
“มารโลหิตโจมตี!”
แววตาของเถี่ยหลิงอวิ๋นดุดัน แสงสีเลือดเรืองรองทั่วร่างพลันลุกโหมอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายเปล่งแสงแดงฉานดุจอาบอยู่ในเพลิงโลหิต
บึ้ม! เพลิงโลหิตทั่วร่างเถี่ยหลิงอวิ๋นปะทุ ร่างทะยานออกไปในพริบตา พลังและความเร็วเหนือกว่าที่ผ่านมาสามเท่า ดูประดุจมวลหินหลอมละลายที่ร้อนจัด
แม้แต่จ้าวเฟิงยังอึ้งตะลึงเล็กน้อย เขาเข้าใจในฉับพลันว่านี่คือกลยุทธ์สายเลือดเพลิงมารโลหิตของตระกูลเถี่ย
ตุบ เปรี้ยง เปรี้ยง!
หอกยาวในมือเถี่ยหลิงอวิ๋นเหมือนมังกรอัคคีตัวหนึ่งปะทะเข้ากับหมัดสายฟ้าของจ้าวเฟิง
หลังจากที่เถี่ยหลิงอวิ๋นสำแดงวิชามารโลหิตโจมตีแล้ว พลังที่ระเบิดออกของเขาก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ในการเผาไหม้ของเพลิงมารโลหิตเพิ่มขึ้นมาก ภายในร่างของจ้าวเฟิงปั่นป่วน รุ่มร้อนไปทั่วร่าง เพลิงมารโลหิตคล้ายกำลังจะปะทุออก
โครม! พายุทรายในที่นั้นพวยพุ่งขึ้น ภายในมีแสงสายฟ้าและเพลิงผสมปนเป กลืนกินเงาของคนทั้งสองไปจนหมด
เสียงระเบิดรุนแรงที่ดังสนั่น เหมือนสายฟ้าสะท้อนกึกก้องไปมาในฟ้าดิน
“คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะฝึกฝนวิชาฝึกร่างกายที่สูงส่งเช่นนี้ ทั้งยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้ขณะที่
เถี่ยหลิงอวิ๋นใช้วิชาเพลิงมารโลหิต!”
แววตาของเถี่ยอวิ๋นหั่วที่อยู่ไกลๆ เป็นประกาย
“แข็งแกร่งนัก ไม่เสียทีที่เป็นนายทะ…จ้าวเฟิง!”
เลือดในกายจิงข่ายเดือดพล่านปั่นป่วน จ้าวเฟิงในตอนนี้เทียบเท่าได้กับอัจฉริยะของตระกูลเถี่ย
“นี่…คือจ้าวเฟิง?”
สืออวี่เหลยมองตาค้าง
ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ไม่จำเป็นต้องครอบครองกำลังรบที่แกร่งเช่นนี้กระมัง!
“ไม่คิดเลยว่าจ้าวเฟิงจะเก็บงำไว้ไม่ยอมเปิดเผย!”
ใบหน้าเย็นชาของซูชิงหลิงกระตุกขึ้นเป็นครั้งแรก
ตู้ม ตู้ม ตู้ม! เถี่ยหลิงอวิ๋นหลังจากสำแดงการโจมตีมารโลหิตแล้ว พลังปะทุแข็งแกร่งเกินจะเปรียบ ไม่อาจจะต้านทานได้
ท่ามกลางการโจมตี จ้าวเฟิงถอยร่นติดๆ กัน ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ
กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกแผดเผาจนแดงฉาน สูญเสียแก่นเลือดในร่างไปมากมาย กายสายฟ้าของหมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนีมีผลยับยั้งและทำให้ชาเท่านั้น จึงไม่ส่งผลอะไรต่อเพลิงมารโลหิตที่น่าสะพรึงกลัว
ตู้ม! หมัดสองข้างของจ้าวเฟิงต้านทานพลังโจมตีที่ระเบิดออกมาของเถี่ยหลิงอวิ๋น แขนปวดแสบปวดร้อน จากนั้นจึงใช้ปีกแสงอัสนีสีชาดถอยร่นไป
มุมปากจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ในเมื่อเจ้าอยากดู ก็จะให้เจ้าดู!”
พู่ว! แสงเพลิงเจิดจ้าราวเลือดแดงแผดเผาโอบล้อมรอบกายจ้าวเฟิง
ทันใดนั้นเอง
ทั่วร่างของจ้าวเฟิงเหมือนตกลงไปในไฟแดงฉาน ทั่วร่างเปล่งประกาย บวกกับการเพิ่มพลังจากแก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงกลายเป็นดั่งจอมมารเพลิงโลหิต
กลิ่นอายน่ากลัวที่กำลังลุกโชนรุนแรง ก่อขึ้นเป็นเพลิงโจมตีกระจายออกไปทั่วบริเวณ จนอุณหภูมิรอบๆ โลกทะเลทรายร้อนระอุขึ้น