บทที่ 958 ต่างคนต่างได้
ใช้มารโลหิตโจมตีผสานกับเคล็ดวิชาสายเลือดเพลิงมารโลหิต
เขาสามารถปลดปล่อยพลังปะทุสูงส่งเกินจะเปรียบในขณะที่ลงมือ และโจมตีได้ทรงพลัง การระเบิดพลังในเสี้ยววินาทีของเขาเท่ากับการกระตุ้น ‘กายหยกสีชาด’
แต่ข้อด้อยก็คือเวลาที่ระเบิดออกมาสั้นเกินไป หากไม่ได้ผลลัพธ์ที่โดดเด่นก็จะไม่มีประโยชน์มากนัก แต่จะสิ้นเปลืองพลังสายเลือด
เถี่ยหลิงอวิ๋นสำแดง ‘มารโลหิตโจมตี’ สองครั้ง จ้าวเฟิงรับมือไว้ได้ทุกครั้ง
นอกจากจะต่อสู้แล้ว ดวงตาซ้ายยังวิเคราะห์และลอกเลียนแบบเคล็ดวิชานี้อย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆ ดี ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ที่ทำให้ข้าใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้ได้ นอกเหนือจากเซวียนหยวนเหวินแล้ว เจ้าเป็นคนที่สอง!”
หลังจากความตื่นตระหนก ยิ่งไปกว่านั้นคือเถี่ยหลิงอวิ๋นรู้สึกฮึกเหิม ได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่แกร่งกล้าน่ากลัวเช่นนี้ และยังมีสายเลือดที่สมบูรณ์แบบมากกว่าตนเอง
ไม่ได้สู้อย่างเพลิดเพลินใจเช่นนี้มานานมากแล้ว
วูบ ฟึ่บ! ภายใต้สภาวะมารโลหิตโจมตี จ้าวเฟิงพุ่งทะยานทะลุชั้นเมฆ ปีกสีแดงฉานสะบัดลวดลายโลหิตเจิดจ้าออกมาสายหนึ่ง เงาอาทิตย์เลือดด้านหลังพลันส่องแสงสีทองปนแดง ประหนึ่งวิหคทองบรรพกาลที่บินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
พรึ่บ!
จ้าวเฟิงลอยอยู่บนฟ้าสูง ทิ้งกลุ่มตะวันโลหิตจ้าตาลงมา เงาร่างของเขาลากเสียงไฟปะทุโครมครามเข้าไปโจมตีอย่างรวดเร็ว
การโจมตีนี้ ความเร็ว การโจมตี และแรงระเบิดของจ้าวเฟิงถูกผลักดันไปจนถึงขีดสุด
จ้าวเฟิงพอจะรู้สึกได้ว่า มารโลหิตโจมตีนี้เหมือนไปถึงระดับขั้นใหม่อีกครั้งภายใต้การกระตุ้นของสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ
ครั้งนี้ พลานุภาพน่าสะพรึงที่จ้าวเฟิงนำมา ขนาดหลิงเทียนอวิ๋นยังต้องรับมืออย่างระมัดระวัง
พรึ่บ! มังกรปีกเพลิงยาวหลายสิบจั้งปรากฏกายขึ้นใต้เท้าเถี่ยหลิงอวิ๋น
ทั่วตัวมังกรปีกเพลิงเป็นเกล็ดแข็งสีแดงพร่างพราว ปีกมังกรใหญ่ยักษ์มีเปลวไฟเผาผลาญ เมื่อปีกสองข้างโบกสะบัด คลื่นเพลิงมหึมานับไม่ถ้วนหมุนตลบฟ้าดินด้านล่าง หนำซ้ำเถี่ยหลิงอวิ๋นยืนที่อยู่บนมังกรปีกไฟ พลานุภาพคล้ายจะเพิ่มมากขึ้น เหมือนหยิบยืมพลังมังกรเพลิงในร่างมังกรมาใช้ได้
พรึ่บ วูบ! เถี่ยหลิงอวิ๋นนั่งมังกรปีกเพลิงทะยานขึ้นฟ้า
เปรี้ยง… แสงเลือดสองกลุ่มเกี่ยวกระหวัดหากันอีกครั้ง
ฟุ่บ! แสงสีแดงฉานหลายต่อหลายเส้นทะลวงไปทั่วทิศทาง จากนั้นพายุเพลิงอัสนีกลุ่มหนึ่งม้วนตัวเข้ามา เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทั่วฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล
“ในเมื่อเจ้าอยากต่อสู้กลางอากาศ เช่นนั้นข้าก็จะสู้เป็นเพื่อนเจ้า!”
หลังจากสู้โรมรันครั้งหนึ่งแล้ว กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงก็อับแสงลงอีกครั้ง จ้าวเฟิงใช้วิชาปีกอัสนีโบยบินลอยตัวขึ้นกลางอากาศ
เขาค้นพบว่า ในสภาวะของมารโลหิตโจมตี ไม่เพียงแรงระเบิดพลังสายเลือดเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น ลักษณะพิเศษของสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบก็เพิ่มด้วยเช่นกัน
ในวินาทีนั้น เขาดูดปราณและเลือดลมจากร่างเถี่ยหลิงอวิ๋นได้ถึงสามเท่าของสถานการณ์ปกติ ลดการสิ้นเปลืองพลังใน ‘มารโลหิตโจมตี’ ไปอีกครั้งหนึ่ง
เวลาเดียวกัน ผลลัพธ์ในการเผาไหม้ก็เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แต่การเพิ่มพลังขึ้นแบบนี้ มีแค่ในวินาทีที่ประมือด้วยมารโลหิตโจมตีเท่านั้น!
“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!” ยามที่ผลจากมารโลหิตโจมตีหายไป จ้าวเฟิงจึงกระตุ้นเคล็ดวิชาโบยบินโจมตีลงมา
ตึง ตึง เปรี้ยง! คนทั้งสองเปลี่ยนจากการต่อสู้ด้านล่างเป็นกลางอากาศสูง ดั่งการต่อสู้ระหว่างวิหคทองและมังกรเพลิง จนเกิดเป็นแสงแดงฉานเจิดจ้าปกคลุมผืนฟ้าทั่วบริเวณ
โครม! จ้าวเฟิงสำแดงมารโลหิตโจมตีอีกครั้ง ก่อนปะทะเข้ากับเถี่ยหลิงอวิ๋น
ถึงแม้ว่าเถี่ยหลิงอวิ๋นยืนอยู่บนมังกรปีกเพลิง สามารถหยิบยืมพลังและอำนาจเพลิงมังกรของมันออกมา เมื่อปะทะเข้าหากัน ก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งของมังกรลดทอนแรงโจมตี แต่ในทางกลับกัน เขาก็สูญเสียข้อได้เปรียบด้านความเร็วไป และทำได้แค่เพียงเฝ้าระวังที่ของเขาเท่านั้น
ทว่าปีกแสงอัสนีสีชาดของจ้าวเฟิง เมื่อใช้กับวิชาปีกอัสนีโบยบินและปีกอัสนีผ่านฟ้า จะทำให้รวดเร็วปราดเปรียวอย่างยิ่ง บวกกับการระเบิดของเพลิงมารโลหิต ความเร็วยิ่งถูกกระตุ้นไปจนถึงขีดสุด
ความเร็วสามารถเพิ่มการปะทุ การปะทุก็สามารถเพิ่มความเร็วได้!
ทุกการโจมตีของจ้าวเฟิงต่างเริ่มจากด้านบน โดยเปลี่ยนใช้ไปมาระหว่างการโจมตีจากปีกอัสนีผ่านฟ้าและมารโลหิตโจมตี หลังจากประจันหน้ากันครั้งหนึ่งแล้วก็รีบถอยไปทันที เตรียมจะปลดปล่อยพลังปะทุอีกครั้งเพื่อควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้
‘แข็งแกร่งนัก จ้าวเฟิงพลิกสถานการณ์เสียเปรียบกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ!’
สืออวี่เหลยใจสั่นไหว รู้สึกนับถือจ้าวเฟิงเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
หากเขาเผชิญหน้ากับเถี่ยหลิงอวิ๋นคงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่เหตุการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเถี่ยหลิงอวิ๋นถูกโจมตีกลับ
ในบรรดาผู้เยาว์วัย คนที่สามารถทำได้เช่นนี้ เขานึกออกแค่เพียงซินอู๋เหินเท่านั้น
“จ้าวเฟิงกำลังขัดเกลาพลังสายเลือดของตนเองอยู่!”
ตาเฒ่าอิงผงกศีรษะน้อยๆ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดจ้าวเฟิงจึงไม่ใช้วิชาสายเลือดดวงตา
เขาสังเกตได้ว่าจ้าวเฟิงชำนาญการใช้และควบคุมสายเลือดเพลิงมารโลหิตมากกว่าเดิม การสิ้นเปลืองพลังลดลงไปจนน้อยที่สุด
ในเมื่อจ้าวเฟิงเรียนรู้เคล็ดวิชาสายเลือดของตระกูลเถี่ยแล้ว จะเรียนรู้เคล็ดลับการควบคุมสายเลือดของเถี่ยหลิงอวิ๋นก็ย่อมไม่ยากนัก
หนำซ้ำจ้าวเฟิงยังควบคุมสถานการณ์การต่อสู้ได้อย่างดีเยี่ยม
“เป็นเช่นนี้ต่อไปท่าจะไม่ดีแน่!”
แววตาสองข้างของเถี่ยอวิ๋นหั่วอ่านทุกอยางได้ชัดเจน เคล็ดวิชาปีกอัสนีของจ้าวเฟิง เมื่อใช้กับเคล็ดวิชาอื่นๆ จะปราดเปรียวอย่างมาก ส่วนในด้านความเร็วก็อยู่ในจุดสูงสุดด้วยเช่นกัน
เถี่ยหลิงอวิ๋นหยิบยืมพลังมังกรเพลิง แต่กลับไม่ทำให้ได้เปรียบขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ
ยามนี้ถึงแม้ไม่มีแนวโน้มว่าจะพ่ายแพ้ แต่ ‘กายหยกสีชาด’ ของเถี่ยหลิงอวิ๋นก็ใกล้จะถึงขีดกำจัดแล้ว
อีกฟากหนึ่ง ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะสามารถดูดเลือดคืนปราณได้ แต่ก็ยังไม่มากพอจะทดแทนไอสวรรค์ที่เขาสูญเสียไป
ถ้าใช้พลังเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จุดที่จะตัดสินแพ้ชนะคือไอสวรรค์ของจ้าวเฟิงและกายหยกสีชาดของหลิงอวิ๋น ใครจะเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวก่อนกัน!
ทุกคนด้านล่างมองการต่อสู้ระหว่างสายเลือดที่ดุเดือดยิ่งนัก จิตที่มุ่งมั่นอยากสู้ในกายถูกปลุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ตึง เปรี้ยง! เถี่ยหลิงอวิ๋นปะทะเข้ากับจ้าวเฟิงอีกครั้ง รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่ปะทุออกมา แต่ไม่มีใครล่วงรู้ได้ถึงความอัดอั้นตันใจของเขา
การโจมตีของจ้าวเฟิงพิเศษและประหลาดอย่างยิ่ง
ทุกครั้งที่ประจันหน้ากัน เขามักจะรู้สึกว่าไม่สามารถทำร้ายอีกฝ่ายได้อย่างเต็มที่
เหมือนการโจมตีของจ้าวเฟิงพยายามมุ่งไปยังจุดด้อยของเขา
‘เป็นปราณแท้จริงที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!’ นี่เป็นความรู้สึกที่สองของเถี่ยหลิงอวิ๋น
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ จ้าวเฟิงประคับประคองสภาวะการโบยบินและแก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอด ถึงจะเป็นเพลิงมารโลหิตสมบูรณ์แบบที่ดูดซึมปราณและเลือดจากเขา ปราณแท้จริงที่เพิ่มมาก็น่าจะหมดไปนานแล้ว แต่เขาไม่รู้เลยว่าตั้งแต่จ้าวเฟิงฝึกตนมาจนถึงตอนนี้ ได้วางรากฐานของตนเองไว้อย่างมั่นคง ถึงกระทั่งกดขอบเขตพลังเพื่อรักษาคุณภาพปราณที่แท้จริงเอาไว้
เมื่อบวกกับความพิเศษของ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ จึงทำให้คุณภาพและจำนวนปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงเหนือกว่าจักรพรรดิส่วนหนึ่งมาก
ตุบ! เพลิงแวววาวทั่วร่างเถี่ยหลิงอวิ๋นระเบิดออกอีกครั้ง มังกรเพลิงใต้ร่างของเขาก็เหมือนจะอ่อนแรงลงไป
กายหยกสีชาดของเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อแหล่งกำเนิดสายเลือดได้ แววตาของเถี่ยหลิงอวิ๋นสงบลง เตรียมหาโอกาสระเบิดการโจมตี!
ตูม!
ขณะที่โจมตีติดๆ กันนั้นเอง
ในวินาทีหนึ่ง! ทะเลทรายไกลสุดลูกหูลูกตาสั่นสะเทือนขึ้น
โครม! จุดหนึ่งด้านบนโลกมิติส่วนตัวพลันแตกร้าว
พลังของมิติส่วนตัวปั่นป่วนวุ่นวาย ลมพายุทำลายล้างที่ไร้รูปร่างก็ปรากฏขึ้น
“ไม่ได้การ โลกมิติส่วนตัวแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากกำลังรบของสองคนนี้ กำลังจะพังทลายแล้ว!”
เซียนคนหนึ่งในทางฟากของเถี่ยอวิ๋นหั่วร้องขึ้นอย่างตกใจ
“การประมือกันระหว่างจ้าวเฟิงและเถี่ยหลิงอวิ๋นรุนแรงเกินไป หนำซ้ำยังชุลมุนอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด จึงส่งผลต่อโครงสร้างมิติของมิติส่วนตัวอย่างมาก!”
ว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว โลกมิติส่วนตัวแห่งนี้ยังถือว่ามั่นคงและสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้ตาเฒ่าอิงวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ในทันที
“ยังจะต่อสู้กันต่อไปอีกหรือ?”
สืออวี่เหลยตกใจอยู่ไม่น้อย
โลกมิติส่วนตัวก็แหลกไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คนทั้งสองก็จะเกิดภัยรุนแรงจนอาจจะถึงแก่ชีวิตได้!
ตู้ม! ทันใดนั้นเอง กลิ่นอายศาสตร์อัคคีที่ทะลักจนมืดฟ้ามัวดินก็ปะทะเข้าไปยังจุดที่จ้าวเฟิงและเถี่ยหลิงอวิ๋นโรมรันกัน เพลิงที่เจิดจ้ามัดตรึงร่างคนทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน อย่างไรเสียเพลิงมารโลหิตก็ไม่เหมาะใช้สู้เป็นเวลานาน ทั้งสองก็ต่อสู้กันจนถึงที่สุดของพลังแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังเพลิงมารโลหิตในขั้นเซียน แรงจะต้านทานจึงอ่อนกำลังลงไป
วูบ! กายหยกสีชาดของเถี่ยหลิงอวิ๋นถูกข่มลงไป
“จบลงตรงนี้เถอะ หยกมังกรคุ้มกันของข้า มอบให้พวกเจ้าแล้วกัน!”
เถี่ยอวิ๋นหั่วโยนหยกมังกรคุ้มกันของตนเองลงและจ้องไปที่จ้าวเฟิงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนำเถี่ยหลิงอวิ๋นและสมาชิกอีกสองคนที่เหลือพุ่งไปยังรอยร้าวของโลกมิติส่วนตัว
“ผู้อาวุโสอวิ๋นหั่ว ท่านมองปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงออกหรือว่ายังเหลืออีกเท่าไหร่?” เถี่ยหลิงอวิ๋นไม่ยอมแพ้ การสู้ครั้งนี้ยากกว่าที่เขาคิดเอาไว้นัก!
ความสามารถในแต่ละด้านของจ้าวเฟิงล้วนแต่อยู่เหนือที่เขาคิดไว้อย่างมาก
เขาก็พอจะมองชนวนที่ตัดสินแพ้ชนะออกว่าอยู่ที่ ‘กายหยกสีชาด’ ของเขาและจำนวนปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิง!
“ข้ามองไม่ออกหรอก ทว่าเจ้าลงมือจนสุดแรงแล้ว แต่เขายังคงออมแรงเอาไว้อีกมาก!”
เถี่ยอวิ๋นหั่วสั่นศีรษะเล็กน้อย
ในขณะที่เขาต่อสู้เมื่อครู่ ก็สังเกตได้ว่าจ้าวเฟิงได้ระแวงเขาอย่างมาก แต่ก็ยังคงรักษาความสงบเอาไว้ดังเดิม เหมือนว่าถึงเขาจะลงมือในตอนนั้น จ้าวเฟิงเองก็ยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้
เมื่อเถี่ยหลิงอวิ๋นได้ยินคำพูดของท่านผู้อาวุโส จึงอดรนทนไม่ไหวเล็กน้อย ในขณะที่คิดจะแย้งก็ถูกเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
‘เขายังมีวิชาสายเลือดดวงตา!’
เสียงของผู้อาวุโสเถี่ยอวิ๋นหั่วดังขึ้นในหัวของเถี่ยหลิงอวิ๋น ถัดจากนั้น แววตาของเถี่ยหลิงอวิ๋นก็สงบลง สู้รบกันรวดเร็วอย่างมาก ทำให้เขาหลงลืมไปว่าจ้าวเฟิงยังมีสายเลือดดวงตาที่ไม่ด้อยไปกว่าเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์เลย
“แต่ทว่าการสู้ครั้งนี้ทำให้สายเลือดของเจ้าถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา…”
เถี่ยอวิ๋นหั่วนำกองกำลังหายเข้าไปในโลกมิติส่วนตัวแห่งนี้!
“ไป!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ พลางรับหยกมังกรคุ้มกันที่ส่องแสงนวลเป็นประกายมาจากรอยปริร้าวอีกด้าน
เวลาเดียวกัน ตาเฒ่าอิงและคนอื่นก็เดินทางจากไปเช่นกัน!
ในขณะที่ทุกคนปรากฏกายขึ้นในป่าไม้ที่สูงเสียดฟ้า ก็ไม่เห็นเงาของเถี่ยอวิ๋นหั่วและพวกอีกต่อไป
“องค์ชายเก้า” จ้าวเฟิงมอบตราหยกให้อีกฝ่ายทันที!
“สหายจ้าว!” มือสองข้างขององค์ชายเก้าสั่นน้อยๆ
ถึงแม้ว่าตั้งแต่เข้าในมิติจนถึงตอนนี้ เขาได้รับ‘หยกมังกรคุ้มกัน’จากมือของสมาชิกในกองกำลังมามากมาย แต่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า‘หยกมังกรคุ้มกัน’จะหนักได้ถึงขนาดนี้!
“พวกเราเดินทางออกไปจากที่แห่งนี้กันก่อน พักผ่อนสักหน่อยแล้วกัน!” ตาเฒ่าอิงมองดูสภาพในตอนนี้ของจ้าวเฟิง พลันเอ่ยขึ้นมา
เพราะถึงอย่างไรในภารกิจต่อไป ก็มีจ้าวเฟิงเป็นหลักที่จะหาสัตว์อสูรเพื่อเพิ่มพลังให้ฝูงสัตว์อสูร หากว่าจ้าวเฟิงบาดเจ็บสาหัส ไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมจะเป็นไปได้อย่างไรกัน
จ้าวเฟิงในตอนนี้ได้กลายมาเป็นบุคคลสำคัญของกองกำลังจะให้บาดเจ็บไม่ได้
“ก็ดี สมาชิกทั้งหมดของพวกเรามารวมตัวกัน ปละปรึกษาหารือกันสักหน่อยว่าต่อไปควรจะทำอย่างไรกันดี!”
สืออวี่เหลยเองก็เห็นด้วยอย่างมาก
ความสามารถของจ้าวเฟิงทำให้เขาอุ่นใจ ถึงขั้นแอบรู้สึกด้วยซ้ำว่าองค์ชายเก้าน่าจะมีคุณสมบัติชิงชัยกับองค์ชายห้าที่อยู่ในลำดับเหนือกว่า!
กลางป่า กองกำลังขององค์ชายเก้าพักผ่อนในระหว่างทาง
จ้าวเฟิงย่อมเข้าใจความหายของคนอื่นๆ จึงนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นอย่างไม่ลังเล กลืนวารีศักดิ์สิทธิ์ป่ายหยวนส่วนหนึ่งไปรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูการสิ้นเปลืองมหาศาล
สายเลือดที่ระเบิดพลังออกอย่างเพลิงมารโลหิต หลังจากใช้เสร็จแล้วมักจะทิ้งร่องรอยบาดเจ็บเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระตุ้นพลังมากจนเกินไป จากการสู้รบกับเถี่ยหลิงอวิ๋น จ้าวเฟิงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างมหาศาล ไม่เพียงแต่รู้เคล็ดลับต่างๆ และวิธีการควบคุมสายเลือดเพลิงมารโลหิตยัง ‘คัดลอก’ มารโลหิตโจมตี ซึ่งเป็นเคล็ดวิชายอดเยี่ยมที่ส่งผลช่วยสายเลือดเพลิงมารโลหิต ขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงก็สังเกตได้ว่าการคุกคามของเขาทำให้สายเลือดของเถี่ยหลิงอวิ๋นตื่นขึ้นไปอีกขั้น พลังของเขาพัฒนาขึ้นราวติดปีกบิน