บทที่ 978 ขจัดออก
เพิ่งจะแค่สองวัน คุณสมบัติวิญญาณของเนตรมรณะกับวิญญาณของจ้าวเฟิงก็สอดคล้องกันครึ่งหนึ่งแล้ว ความเร็วในการหลอมรวมเช่นนี้เกินกว่าจินตนาการของจ้าวเฟิงนัก
ฟู่! ร่างของจ้าวเฟิงหายไปจากห้องเหล็ก มาถึงยังมิติส่วนตัวในมนตราอากาศ
วิ้ง! เบื้องหน้าจ้าวเฟิงมีระลอกคลื่นน้ำวนปรากฏขึ้น เนตรมรณะดำมืดในสภาพวิญญาณข้างหนึ่งพลันเผยออกมา
“เสียดายที่ข้าไม่เชี่ยวชาญเสวียนอ้าวมรณะ…”
จ้าวเฟิงถอนใจ
เนตรมรณะ คือมรดกเนตรเทพเจ้าที่มีพลังการโจมตีเเข็งแกร่งสุดยอดอย่างไม่ต้องสงสัย มีอำนาจควบคุมถึงชีวิตต่อสิ่งมีชีวิตและวิญญาณ วิชาเนตรวิญญาณที่เหมือนกัน หากสำแดงโดยใช้เนตรมรณะ พลังของมันก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แต่อยู่ภายใต้ข้อแม้ที่ว่า เสวียนอ้าวมรณะที่ผู้ใช้วิชาใช้ต้องถึงระดับหนึ่งแล้ว
จ้าวเฟิงหลอมรวมตราอัสนีเทวะ พอจะรู้เกี่ยวกับเสวียนอ้าวแห่งการทำลายล้างอยู่บ้าง ตามทฤษฏีแล้ว เนตรดับสูญหรือเนตรเทพเจ้าอาจจะเหมาะกับจ้าวเฟิงมากกว่า แต่หากไม่เอาเนตรมรณะข้างนี้มาใช้ จ้าวเฟิงรู้สึกค่อนข้างเจ็บใจ
“ควรหลอมรวมเอาไว้ที่ตำแหน่งตาขวา!”
จ้าวเฟิงคิดพิจารณามาแล้ว
ตาซ้ายของเขามีดวงตาเทพเจ้า หากบุ่มบ่ามหลอมรวมไป ไม่รู้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร
จ้าวเฟิงยอมทำลายเนตรมรณะทิ้ง แต่จะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเนตรเทพเจ้า
อย่างไรดวงตาเทพเจ้าก็เปลี่ยนชะตาชีวิตของจ้าวเฟิง เป็นเพื่อนอยู่ข้างเขาตลอดเส้นทางการเติบโต
“เช่นนั้นก็เริ่มเลยแล้วกัน!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงฮึกเหิม
พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งโอบล้อมเนตรมรณะเอาไว้ หลอมรวมไปในร่างกายของจ้าวเฟิง แล้วย้ายมาที่ตำแหน่งตาข้างขวาของจ้าวเฟิง
“หลอมรวม!”
ภายในวิญญาณของจ้าวเฟิง พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งสุดยอดล้นทะลักออก แปรเปลี่ยนมันเป็นเปลวเพลิงเย็นเยือกสีม่วงเทาตามเคล็ดใน ‘วิชาวิญญาณหลอมดวงตา’
ครั้งนี้คือการขัดเกลาเนตรมรณะและวิญญาณของจ้าวเฟิง พร้อมกับทำให้ระหว่างทั้งสองค่อยๆ เกิดคุณสมบัติเดียวกัน
จุดประสงค์คือนำเนตรมรณะในสภาพวิญญาณหลอมเข้าไปในวิญญาณของจ้าวเฟิง
เมื่อทำสำเร็จ ต่อไปก็เพียงแค่ต้องทำตามวิธีใน ‘วิชาวิญญาณหลอมดวงตา’ การปรับสมดุลที่ยาวนานของเนตรมรณะและวิญญาณจ้าวเฟิง ใช้เวลาไม่เท่าไหร่ก็สามารถทำให้ทั้งสองอย่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์
เมื่อถึงตอนนั้น เนตรมรณะก็เป็นของจ้าวเฟิงแล้ว
วู้ม วู้ม! เนตรมรณะแนบติดที่ตำแหน่งตาขวาของวิญญาณจ้าวเฟิง
เปลวไฟวิญญาณสีม่วงเทากลุ่มหนึ่ง ลุกไหม้ที่ตำแหน่งตาขวานั้น
การลุกไหม้ชนิดนี้ของวิญญาณ ราวกับว่าตกลงสู่นรกทะเลเพลิงในชั่วพริบตา ความเจ็บปวดจากการเผาผลาญที่ทิ่มแทงหัวใจ
กระจายไปทั่วร่างจากตำแหน่งดวงตา ทั่วทั้งร่างของจ้าวเฟิงสั่นเล็กน้อย หยาดเหงื่อร้อนไหลริน กัดฟันอดทน ดวงตาขวาในวิญญาณจ้าวเฟิงเริ่มเว้าลึกลงไปทีละน้อย
ในขณะเดียวกันยังค้นพบอีกว่า สีของวิญญาณรอบเนตรมรณะเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ขึ้น แสงสีม่วงทึบหลายเส้นปรากฏขึ้นในนั้น
ตามที่ ‘วิชาวิญญาณหลอมดวงตา’ ว่าไว้ สัญญาณนี้อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาสามวันจึงจะเกิดขึ้น แต่จ้าวเฟิงเพิ่งจะหลอมรวมไปแค่สองชั่วยาม เนตรมรณะก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้นแล้ว
“เหมือนจะง่ายมาก!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงดีอกดีใจ ดูแล้วตนเองและสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งคล้ายจะมีวาสนาต่อกันเป็นอย่างยิ่ง เช่นนี้แล้ว จ้าวเฟิงก็สามารถย่นระยะความเจ็บปวดจากการเผาไหม้วิญญาณได้แล้ว
จ้าวเฟิงดำดิ่งลงสู่โลกวิญญาณ ระหว่างที่อดทนทรมาน ก็แอบหวังว่าจะมีอะไรตอบแทนกลับมา
ในเวลานี้ สีของสภาพวิญญาณรอบด้านเนตรมรณะกับวิญญาณจ้าวเฟิงเกือบจะใกล้เคียงกันแล้ว
“ดี!”
จ้าวเฟิงเริ่มโคจรเคล็ดวิชา ชักนำวิญญาณของตนและเนตรมรณะให้ค่อยๆ หลอมรวมกัน
ตุบ ตุบ! แต่ทันใดนั้น ตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีอาการเต้นตุบๆ ส่งมา
ราวกับว่าได้รับการกระตุ้น กลิ่นอายพลังบางส่วนที่หลับใหลอยู่ในดวงตาเทพเจ้าถูกกระตุ้นให้แผ่ออกมา
ตูม!
ในดวงตาเทพเจ้า กลิ่นอายทรงพลังที่เป็นของบรรพกาลดั้งเดิมแผ่ซ่านออก กวาดมองไปทั่วอย่างหยิ่งยโส กลิ่นอายที่แข็งแกร่งไม่เป็นรองผู้ใดหมุนวนอยู่ในร่างวิญญาณของจ้าวเฟิงรอบหนึ่ง
ยามกลุ่มกลิ่นอายนี้สัมผัสเข้ากับเนตรมรณะที่กำลังหลอมรวม
ทั่วทั้งวิญญาณของจ้าวเฟิงพลันสั่นสะเทือน ระเบิดกลิ่นอายบรรพกาลอันยิ่งใหญ่ออกมา กลิ่นอายบรรพกาลนี้เต็มไปทั่ววิญญาณของจ้าวเฟิง ขับไล่กลิ่นอายของวัตถุอื่นที่มาจากข้างนอกออกไปทั้งหมด
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? ดวงตาเทพเจ้ากำลังขับไล่เนตรมรณะ!”
ใจของจ้าวเฟิงเต้นระรัว เหงื่อบนหน้าผากราวหยาดฝน ในช่วงเวลาที่สำคัญ ดวงตาเทพเจ้ากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้น การกระทำเช่นนี้ของดวงตาเทพเจ้า ทำให้จ้าวเฟิงเกิดความรู้สึกเหมือนมันใช้กำลังยึดครองอาณาเขต ไม่คิดเลยว่าจะเกิดการต่อต้านเนตรวิญญาณที่มาจากภายนอกขึ้น
วู้ม วู้ม!
เนตรมรณะที่กำลังหลอมรวมถูกโจมตีจากกลิ่นอายบรรพกาลดึกดำบรรพ์กลุ่มนี้ จึงพลันสั่นสะเทือนขึ้น คลื่นวิญญาณถูกทำให้ยุ่งเหยิง ถึงกระทั่งดิ้นรนให้หลุดพ้นจากวิญญาณจ้าวเฟิงโดยสัญชาตญาณ
“ไม่ใช่ หรือดวงตาเทพเจ้าจะรู้สึกว่าเนตรมรณะระดับต่ำเกินไป!”
จ้าวเฟิงตระหนักรู้อย่างละเอียด
ในยามที่สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของตาซ้ายของจ้าวเฟิง เนตรมรณะก็สั่นไหว ต้องการจะหลีกหนีจากวิญญาณของจ้าวเฟิง!
ราวกับว่ามันไม่กล้าอยู่ในร่างวิญญาณเดียวกันกับดวงตาเทพเจ้า
อีกด้านหนึ่ง ท่าทีของเนตรมรณะก็พิสูจน์ให้เห็นมากพอว่า ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมีพลังแฝงที่เป็นเนตรเทพดวงที่เก้าจริงๆ
มิฉะนั้น หากเป็นถึงทายาทมรดกของแปดเนตรเทพเจ้า จะยอมศิโรราบให้แก่ดวงตาเทพเจ้าได้อย่างไร จะต้องต่อสู้ขัดขืนสิจึงจะถูก
“ไม่ดีแล้ว เนตรมรณะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น!”
ระหว่างที่จ้าวเฟิงกำลังคิดคำนึง
เขาไม่ได้สังเกตว่าร่างวิญญาณของเนตรมรณะเริ่มปรากฏความไม่เป็นระเบียบขึ้น กลุ่มคลื่นกลิ่นอายวิญญาณที่ปั่นป่วนแผ่ซ่านออกมาจากในนั้น
“รับมา!” ตาซ้ายของจ้าวเฟิงกำหนดเป้าหมายเป็นเนตรมรณะไว้ ก่อนดูดมันเข้าไปในมิติดวงตาซ้าย
ฟู่! หลังจากที่เข้าไปยังมิติตาซ้ายแล้ว เนตรมรณะก็ถูกควบคุมในชั่วพริบตา
ในขณะเดียวกัน ดวงตาเทพเจ้าก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบ กลิ่นอายดึกดำบรรพ์อันน่าหวาดกลัวจากในวิญญาณของจ้าวเฟิงเลือนหายไปทีละนิด
“ฟู่ อันตรายจริง…” จ้าวเฟิงถอนหายใจยาว
สุดท้าย เวลาสองวันเสียเปล่าเสียแล้ว เนตรมรณะก็เกือบจะถูกทำลายในชั่วพริบตา
ต้องรู้ว่าเนตรมรณะถูกทำลายเมื่อใด ก็สามารถกลับไปยังร่างของจักรพรรดิแห่งความตายได้อีกครั้ง
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น!”
คิ้วของจ้าวเฟิงขมวดแน่น นี่คือสิ่งที่เขาไม่คาดคิด
เช่นนี้แล้ว จ้าวเฟิงรู้สึกว่าทรัพย์สมบัติที่เขาจ่ายไปใน ‘วังวิถีเซียน’ ขาดทุนไปบ้างแล้วจริงๆ
‘วิชาแยกวิญญาณ’ มีเพียงแค่ขั้นที่หนึ่ง ฝึกได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ
ส่วนเนตรมรณะก็โดนขจัดออกโดยดวงตาเทพเจ้า ไร้หนทางจะหลอมรวมเข้าไปในวิญญาณของจ้าวเฟิง หรือก็คือประโยชน์ของ ‘วิชาวิญญาณหลอมดวงตา’ ไม่ปรากฏออกมาให้เห็น
“คงได้แต่พักไว้ก่อนชั่วคราว!”
จ้าวเฟิงในตอนนี้คิดวิธีแก้ปัญหาไม่ออกเหมือนกัน
นอกจากนั้นอีกจุดหนึ่ง จ้าวเฟิงไม่เชี่ยวชาญเสวียนอ้าวมรณะ ประโยชน์ของเนตรมรณะสำหรับจ้าวเฟิงมีไม่มากจริงๆ ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดมากนัก
นี่เป็นวันที่สองแล้ว จ้าวเฟิงออกจากห้องเหล็ก เดินมายังโรงหลอมเหล็ก
“ท่านลูกค้า นี่คือของของท่าน!”
ชายกำยำตัวดำเมี่ยมนำธนูเหนือนภาและลูกศรสามดอกที่เสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นให้จ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงรับธนูเหนือนภามา รู้สึกว่าในนั้นมีโครงสร้างที่แปลกไปเพิ่มขึ้นนิดหน่อย
ส่วนพลังวิญญาณของจ้าวเฟิงยิ่งหลอมรวมเข้าไปในธนูเหนือนภาได้ตามใจปรารถนามากขึ้น ในระดับหนึ่ง จ้าวเฟิงสามารถสำแดงพลังที่มากยิ่งขึ้นของธนูเหนือนภาได้
ธนูอีกสามดอกนอกจากนั้น หนึ่งดอกสีทองแวววาว สองดอกสีทองหม่น แต่ละดอกแผ่ซ่านกลิ่นอายประกายทองสะเทือนขวัญออกมา โครงสร้างลวดลายบนนั้นค่อนข้างคล้ายกันกับศรสังหารเทพ
“ท่านลูกค้าต้องใช้เวลาสักหน่อย ใช้พลังวิญญาณเซ่นสังเวยฝึกธนูคันนี้ จึงจะสามารถใช้พลัง ‘ติดตามวิญญาณ’ ได้ดียิ่งขึ้น!”
ช่างเหล็กตัวดำยิ้มพูดขึ้น
ออกจากโรงหลอมเหล็กแล้ว จ้าวเฟิงกลับมายังห้องเหล็กและเข้าสู่การฝึกบำเพ็ญตน
“ดีที่การเพิ่มความแข็งแกร่งให้ธนูเหนือนภาและการทำลูกธนูประสบผลสำเร็จมาก!”
ในใจของจ้าวเฟิงเกิดความสมดุลขึ้นมาบ้าง จากนั้นจ้าวเฟิงโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ด้านหนึ่งก็ใช้พลังวิญญาณเซ่นฝึกธนูเหนือนภา ในขณะเดียวกันก็เตรียมทะลวงขอบเขตพลังจักรพรรดิ ขอบเขตวิญญาณของจ้าวเฟิงเกินระดับพลังฝึกตนไปมาก ทำให้ก้าวหน้าช้า ส่วนแฝงในพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งมากแล้ว
เขาหยิบวัตถุดิบยาธาตุลม สายฟ้า และไฟบางส่วนมา และเริ่มดูดซับแก่นสำคัญจากฟ้าดินจากในนั้น
หนึ่งวันหลังจากนั้น!
ข้างบนห้องที่จ้าวเฟิงอยู่ปรากฏคลื่นวนสายฟ้าวายุส่องประกายแสงสีเขียว ฟ้า และแดงขนาดมโหฬาร
วู้ม ครืน ครืน~ กลิ่นอายที่แผ่ซ่านจากคลื่นวนวายุอัสนียิ่งรุนแรงขึ้น วายุอัสนีธาตุน้ำ ธาตุไม้ และธาตุไฟเปลี่ยนแปลงอย่างบ้าคลั่งไม่สิ้นสุด
ไอสวรรค์ในฟ้าดินที่เข้มข้นรอบทิศพร้อมกลิ่นอายบรรพกาลบางส่วนถูกดูดเข้าไปในนั้น
ในมือของจ้าวเฟิงกำของล้ำค่าหายาก พลังของธาตุไฟและอัสนีวายุบริสุทธิ์มากมายถูกจ้าวเฟิงดึงออกมา ก่อนล้นทะลักเข้าไปในมิติปราณแท้จริงที่เดือดพล่านนั้น
“จ้าวเฟิงกำลังทะลวงขั้น?”
ห้องด้านข้าง สืออวี่เหลยตื่นตกใจเสียงสนั่นหวั่นไหวของจ้าวเฟิง
ในห้องเหล็กนอกจากนั้น สมาชิกกลุ่มองค์ชายเก้าทยอยกันออกมา ถอดทอนใจอยู่ข้างใน
“วิชาวายุอัสนีที่สูงส่งลึกล้ำเช่นนี้ ในนั้นเหมือนว่าจะรวมพลังธาตุอื่นเอาไว้ด้วย!”
จิงข่ายรู้สึกอึดอัดทั้งร่าง
“คุณภาพและจำนวนปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงมากกว่าจักรพรรดิทั่วไปนัก การทะลวงขอบเขตน่าจะเป็นเรื่องง่ายดาย!”
ตาเฒ่าอิงสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแฝงที่มั่นคงของจ้าวเฟิง
“ไม่ดีแล้ว นี่คือวันสุดท้ายของ ‘บุกเมืองชิงอาณาเขต’ ในช่วงที่สอง!”
ตาเฒ่าอิงพลันนึกอะไรขึ้นมาได้
“มีคนมาแล้ว!” แววตาของซูชิงหลิงไหววูบ รีบพูดขึ้น
“รีบไปบนกำแพงเมือง!”
สีหน้าของตาเฒ่าอิงลำบากใจเล็กน้อย ตะโกนขึ้นโดยพลัน
นี่ไม่ใช่เวลาทะลวงขั้นของจ้าวเฟิงจริงๆ
กลุ่มองค์ชายเจ็ดและกลุ่มความร่วมมือขององค์ชายทั้งสามล้วนรู้ว่าจ้าวเฟิงคือเสาหลักที่แข็งแกร่งในกลุ่มขององค์ชายเก้า ตำแหน่งคือนักฝึกสัตว์ ส่วนพลังอำนาจแข็งแกร่งที่ทะลวงขั้นของจ้าวเฟิง พวกเขาย่อมสัมผัสได้ จะทิ้งโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร
ฝูงสัตว์อสูรของจ้าวเฟิง ถึงแม้จะยังเฝ้าอยู่ที่ด้านล่างกำแพง แต่ไม่มีนักฝึกสัตว์คอยควบคุม กำลังรบของฝูงสัตว์อสูรจึงลดลงมาเกือบจะสี่ส่วน อีกทั้งสัตว์อสูรวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวเฟิงอย่างวานรทองสะท้านฟ้าก็กำลังเพิ่มความแข็งแกร่งสายเลือดอยู่ที่ตำหนักหมื่นโลหิต จึงไม่อาจเข้าร่วมได้
“จ้าวเฟิงจะทำอย่างไร!”
แววตาของซูชิงหลิงฉายแววสับสน
“ยังไม่ต้องไปสนใจเขา เฉินจีจื่อ ใช้กำลังทั้งหมดควบคุมค่ายกล!”
สีหน้าของตาเฒ่าอิงเด็ดเดี่ยว แววตามองไปยังนอกกำแพงเมืองเหล็กกล้า
เห็นเพียงแต่ฝูงสัตว์อสูรมืดฟ้ามัวดินค่อยๆ หลั่งไหลมา ด้านหลังฝูงสัตว์ยังมียอดฝีมือชั้นยอดอีกเกือบสามสิบคน
“รีบบุกเร็วเข้า ปรมาจารย์จาง รีบควบคุมสัตว์อสูรของเจ้า!”
องค์ชายห้าพูดขึ้นอย่างร้อนรน
“จ้าวเฟิงกำลังทะลวงขั้น ไม่มีทางสำเร็จภายในเวลาอันสั้น จัดการกับสมาชิกคนอื่นก่อน ยึดครองเมืองความลับสวรรค์แห่งนี้ได้พวกเราก็ชนะแล้ว!”
ในใจขององค์ชายสิบสองดีใจเป็นล้นพ้น
“นี่คือวันสุดท้ายของรอบที่สอง รีบลงมือเข้า!”
องค์ชายสองแผดเสียงกราดเกรี้ยว ในแววตาเป็นประกายเฉียบคม
ผู้โจมตีก็คือสมาชิกกลุ่มความร่วมมือขององค์ชายสามคน
วันสุดท้ายของ ‘บุกเมืองชิงอาณาเขต’ มักจะเป็นวันที่สงครามดุเดือดมากที่สุด
ขอเพียงแค่องค์ชายเข้าไปในห้องเหล็ก ประทับตรารัชทายาทจำลอง เมืองความลับสวรรค์ก็จะปิดตัวลงด้วยตัวเองหนึ่งวัน รอจนถึงวันที่สอง การแข่งขันรอบนี้จะจบลง พวกเขาก็จะชนะโดยทันที และไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้อื่นมาโจมตีเมือง