Skip to content

King of Gods 979

King Of Gods

บทที่ 979 พลิกสถานการณ์

“ป้องกันสุดกำลัง!”

ตาเฒ่าอิงแววตาร้อนรน รีบออกคำสั่ง

สมาชิกที่เหลือยืนอยู่ภายในค่ายกลคุ้มกันของเฉินจีจื่อและทำการป้องกัน

ดีที่ฝูงสัตว์อสูรด้านนอกกำแพงยังปกป้องที่นี่ตามคำสั่งที่จ้าวเฟิงสั่งเอาไว้ก่อนจะจากไป ตอนที่ฝูงสัตว์อสูรของกลุ่มความร่วมมือองค์ชายทั้งสามโจมตีมา แน่นอนว่าพวกมันต้องลุกขึ้นสู้อย่างสุดกำลัง แต่ฝูงสัตว์ที่ไม่มีนักฝึกสัตว์ควบคุม กำลังรบย่อมลดลงเป็นอย่างมาก

ฝูงสัตว์อสูรที่ไม่มีนักฝึกสัตว์ควบคุมเหล่านี้พุ่งออกไปนอกค่ายกลในทันที

“เฒ่าอิง สัตว์อสูรพวกนี้ไม่ฟังคำสั่งข้าเลย!”

สืออวี่เหลยเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็รู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง

ดีที่หลังจากสัตว์อสูรพวกนี้เสียเปรียบหลายครั้งแล้วก็รู้จักเฝ้าอยู่ในค่ายกล

“ป้องกันได้นานเท่าไหร่ก็เท่านั้น!”

สายตาของตาเฒ่าอิงเคร่งเครียด คำพูดเด็ดเดี่ยว

“ดูท่าแล้วจ้าวเฟิงคงกำลังทะลวงขั้นอยู่จริงๆ!”

ไม่ไกลจากนอกกำแพงเมือง องค์ชายสองลูบคาง

สัญญาณของการทะลวงขั้นก็สามารถสร้างขึ้นมาได้เช่นกัน นี่คือแผนการอย่างหนึ่งที่ล่อให้ศัตรูเผยตัวออกมา

“พวกเจ้าก็บุกด้วยเลย!”

เมื่อยืนยันได้ว่าจ้าวเฟิงปิดด่านทะลวงขั้นจริงๆ องค์ชายสองก็ออกคำสั่งโดยทันที

“บุกไปให้หมด!”

สีหน้าขององค์ชายสิบสองแฝงด้วยความฮึกเหิม

ฟิ้ว ฟิ้ว! กลุ่มความร่วมมือขององค์ชายทั้งสาม ยอดฝีมือเกือบสามสิบคนบินทะยานขึ้น บุกไปยังกำแพงเมืองเหล็กกล้าที่องค์ชายเก้าครองอยู่

“พี่สองอย่าได้ลืมพันธะสัญญาโลหิตที่พวกเราได้ลงนามกันเชียว!”

องค์ชายห้าสีหน้าคร่ำเคร่ง

บุกยึดเมืองความลับสวรรค์ มีเพียงองค์ชายหนึ่งคนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

แต่ช่วงที่สองเหลือเพียงแค่หนึ่งวันสุดท้ายเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่องค์ชายทั้งสามจะผลัดกันเข้าเมืองความลับสวรรค์ ดังนั้นองค์ชายทั้งสามจึงลงนามในพันธะสัญญาโลหิต

ม้วนหนังสือพันธะสัญญาโลหิตคิดค้นขึ้นโดยเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์ สืบต่อกันมาในโลกทุกวันนี้ค่อนข้างน้อย

ปกติแล้วมีเพียงแค่สถานการณ์พิเศษเท่านั้นจึงจะใช้ม้วนหนังสือนี่

เนื้อหาที่องค์ชายทั้งสามลงนามก็คือ เมื่อองค์ชายสองเข้าไปในเมืองความลับสวรรค์แล้ว จะต้องช่วยองค์ชายและสมาชิกที่เหลือทำข้อแลกเปลี่ยนที่พวกเขาอยากได้ในเมืองความลับสวรรค์ให้สำเร็จ อีกทั้งห้ามฮุบทรัพยากรเอาไว้คนเดียว

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”

องค์ชายสองใบหน้าเยือกเย็น

นี่เป็นโอกาสสุดท้าย ขอเพียงเข้าเมืองความลับสวรรค์ได้ก็พอ

“นอกจากนั้น พวกเจ้าคอยคุ้มกันข้าจากน้องเจ็ด กลุ่มของน้องเจ็ดบุกโจมตีเมื่อใด พวกเจ้าก็ใช้พลังชะตามังกรทันที ดึงพวกเขาเอาไว้ให้ได้!”

สีหน้าองค์ชายสองไม่เปลี่ยนแปลง ใช้กระแสจิตพูดกับองค์ชายทั้งสอง

ห่างไปร้อยลี้นอกเมืองความลับสวรรค์ กลางป่าผืนเล็ก กลุ่มองค์ชายเจ็ดรวมตัวกัน

“พวกเราไม่อาจโจมตีเมืองโดยลำพังได้แล้ว ทำได้เพียงรอให้องค์ชายทั้งสามกับองค์ชายเก้ารบกันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย จากนั้นจึงลงมือ!”

บัณฑิตหน้าหยกค่อยๆ วิเคราะห์

ร่างศักดิ์สิทธิ์และวิญญาณของเซียนวิญญาณทมิฬถูกจ้าวเฟิงทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก

บาดแผลบนกายศักดิ์สิทธิ์ฟื้นฟูได้ง่าย แต่บาดแผลบนวิญญาณที่เกิดขึ้นจากพลังอัสนีเทวะไม่มีทางฟื้นฟูแล้ว

อีกทั้งสัตว์อสูรของปรมาจารย์จางอี้ก็ล้มตายไปมากมาย

“หากจ้าวเฟิงไม่ออกจากปิดด่าน องค์ชายทั้งสามน่าจะบุกยึดเมืองได้ง่ายดายนัก เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไร?”

เจียงฮ่าวถามข้อสงสัย

สมาชิกกลุ่มพันธมิตรขององค์ชายทั้งสาม ถึงแม้พลังที่แท้จริงจะอ่อนด้อย แต่จำนวนคนมีมากเกินไป หากองค์ชายเจ็ดและองค์ชายสามประลองกำลังกันขึ้นมา สุดท้ายโอกาสชนะขององค์ชายทั้งสามก็ค่อนข้างมาก ในกองกำลัง สมาชิกที่เหลือพลันมองมายังบัณฑิตหน้าหยก พวกเขาก็สงสัยในจุดนี้เช่นเดียวกัน

“เปลี่ยนเป็นพวกเจ้า จะเลือกทะลวงขอบเขตพลังในเวลานี้หรือไม่?”

บัณฑิตหน้าหยกพูดขึ้นด้วยแววตาลุ่มลึก

ทุกคนนิ่งเงียบ ขอเพียงแค่ไม่ขลาดเขลา ไม่ว่าใครก็ไม่ปิดด่านทะลวงขั้นในเวลานี้

“จ้าวเฟิงทะลวงขั้น น่าจะใช้เวลาไม่นาน!”

ในเวลานี้เซียนจิงเฟิงพูดขึ้น

จากพลังแท้จริงที่แข็งแกร่งของจ้าวเฟิง ก็สามารถเห็นพื้นฐานและรายละเอียดเบื้องหลังได้

เซียนจิงเฟิงสงสัยแม้กระทั่งว่าจ้าวเฟิงตั้งใจกดพลังฝึกตน ในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีประสบการณ์มากมาย ใช้เวลาเพียงไม่เท่าไหร่ก็ทะลวงสำเร็จ

“เช่นนั้นพวกเราก็ยังมีความหวัง!”

หลู่เทียนจื่อรีบพูดขึ้นทันใด

มีเพียงแค่องค์ชายเก้ากับองค์ชายทั้งสามต่อสู้กันอย่างสุดกำลัง จึงจะทำให้ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ อีกด้านหนึ่ง เป็นเพราะองค์ชายเก้ายึดครองเมืองความลับสวรรค์ได้ ความกดดันขององค์ชายแปดจึงลดลงโดยพลัน

“ในที่สุดเขาก็จะทะลวงขั้นจักรพรรดิแล้ว!”

หยูเทียนฮ่าวคิดได้ถึงตรงนี้ สายเลือดในกายก็สั่นไหวเบาๆ

ถึงแม้เขาจะรู้ว่าพลังขั้นราชันของจ้าวเฟิงลึกจนยากที่จะหยั่ง แต่หยูเทียนฮ่าวก็ยิ่งหวังว่าจะได้ประลองฝีมือกับจ้าวเฟิงในระดับพลังเดียวกัน

“ฮึๆ ข้าว่าจ้าวเฟิงตั้งใจเลือกทะลวงขั้นเวลานี้ ท่าทางคงอยากจะลองสิ่งที่ได้จากในเมืองความลับสวรรค์”

เซียนไป่เลี่ยนยิ้มน้อยๆ เขาไม่เชื่อหรอกว่าจ้าวเฟิงจะโง่ขนาดเลือกเวลานี้มาทะลวงขั้น

ในห้องเหล็กใต้รอยวนวายุอัสนี

ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะกำลังทะลวงขั้น แต่เขาก็ยังแบ่งความคิดบางส่วนไปสังเกตุสถานการณ์รบที่นอกกำแพงเมือง ส่วนความคิดอีกส่วนก็กำลังเซ่นพลังฝึกธนูเหนือนภา

“ฝึกสำเร็จแล้ว!”

จิตใจของจ้าวเฟิงขยับเล็กน้อย

ยามนี้ธนูเหนือนภาและพลังวิญญาณของจ้าวเฟิงเชื่อมประสานกันอย่างลับๆ

ในชั่วขณะเดียวกัน กลุ่มรอยวนวายุอัสนีเหนือห้องของจ้าวเฟิงก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

พลังแฝงของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เมื่อรวมกับวัตถุดิบยาล้ำค่าต่างๆ ก็ทะลวงขั้นจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย

ฟู่ แซ่ด แซ่ด~

ในมิติปราณที่แท้จริง ปราณที่แท้จริงวายุอัสนีสามสียิ่งเพิ่มความบริสุทธิ์ขึ้นไปอีก ปราณที่แท้จริงสามสีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในมิติดุจดั่งพายุน้ำวน

เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ จ้าวเฟิงก็ทำให้กลิ่นอายพลังเสถียร

แม้ขอบเขตพลังทะลวงถึงขั้นจักรพรรดิ พลังของจ้าวเฟิงก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นจนเห็นได้ชัด

เพียงแต่คุณภาพและจำนวนของปราณที่แท้จริงยกระดับขึ้น แต่เดิม คุณภาพปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงเทียบเคียงกับปฐมเซียน ในยามนี้ ระดับความแข็งแกร่งของปราณแท้จริงที่จ้าวเฟิงผนึกรวมในมิติของมันเกินปฐมเซียนไปมาก หากเรียกว่าปราณที่แท้จริงแข็งแกร่งที่สุด ก็ไม่เป็นการกล่าวเกินไป เพราะเหนือจากชั้นเซียน ปราณที่แท้จริงก็จะเปลี่ยนแปลงเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ

เมี้ยว เมี้ยว!

ขณะนั้น แมวขโมยตัวน้อยปรากฏที่เบื้องหน้าจ้าวเฟิง นำมนตราอากาศมอบให้แก่จ้าวเฟิง

ฟิ้ว! เมื่อสวมมนตราอากาศ จ้าวเฟิงก็แปลงเป็นลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งทะลวงออกไป

บนกำแพงเมืองเหล็กกล้า

สัตว์อสูรนับไม่ถ้วน จักรพรรดิยอดฝีมืออีกเกือบสามสิบคน และปฐมเซียนโจมตีบีบเข้ามา ค่ายกลป้องกันที่เฉินจีจื่อควบคุมก็ไม่อาจทานต่อไปไหว หลังเสียง ‘แกรก’ ดังขึ้นก็แหลกลงทันที ในบรรดาสมาชิกฝั่งองค์ชายเก้า ซูชิงหลิงได้รับบาดเจ็บและรับการรักษาจากโจวซู่เอ๋อร์

ในมือของสืออวี่เหลยถือโล่สีเหลืองหม่นใหญ่ยักษ์ ต้านทานอยู่ข้างหน้า แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากนักเมื่อต้องเผชิญกับคนที่มากเกินและการโจมตีที่มาเป็นหมู่

ภายใต้การโจมตีอันแยบคายจากนักฝึกสัตว์ทั้งสาม ฝูงสัตว์จำนวนมากของจ้าวเฟิงก็ล้มตายไปมหาศาล

องค์ชายเก้าชู ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ ที่ประกายแสงหมองหม่นขึ้น ต้องการใช้พลังมังกร

“ข้ามาช้าไปหน่อย!” เสียงของจ้าวเฟิงดังขึ้นในชั้นวิญญาณของทุกคน

องค์ชายเก้าเก็บ ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ ทันที ทุกคนถอนหายใจโล่งอก

พวกเขาป้องกันจนถึงตอนนี้ก็เพื่อรอจ้าวเฟิงออกจากปิดด่าน!

“จ้าวเฟิง รีบควบคุมฝูงสัตว์อสูรเร็วเข้า!” ตาเฒ่าอิงเผยสีหน้าดีใจเล็กน้อย รีบพูดอย่างรวดเร็ว

จ้าวเฟิงทะลวงขั้นจักรพรรดิได้ไวเพียงนี้ เกินกว่าการคาดการณ์ของเขาไปมาก

แต่ยามนี้เขาไม่อาจสนใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว ขอเพียงแค่จ้าวเฟิงควบคุมสัตว์อสูรอีกครั้ง รวมกับพลังแท้จริงที่แข็งแกร่ง ยังพอมีโอกาสปกป้องเมืองความลับสวรรค์เอาไว้ได้

“จ้าวเฟิง เจ้าทะลวงขั้นได้ก็ไร้ประโยชน์ พวกเราบุกมาทั้งหมดแล้ว!”

เซวียนหย่วนหัวเราะเสียงดัง

สมาชิกขององค์ชายทั้งสาม โดยพื้นฐานแล้วมายังบนกำแพงเมืองเหล็กกล้าทั้งหมด ส่วนสมาชิกขององค์ชายเก้าที่เหลือสูญเสียพลังไปมาก และยิ่งมีหลายคนได้รับบาดเจ็บ

จ้าวเฟิงคนเดียวจะสามารถต่อสู้พวกเขาจักรพรรดิและปฐมเซียนเกือบสามสิบคนได้รึ?

“หึ เช่นนั้นข้าก็จะลากพวกเจ้าลงไป!”

จ้าวเฟิงแค่นหัวเราะเย็น ใบหน้าดุดันเย็นชา

ขวับ! แขนซ้ายของจ้าวเฟิงเพียงโบก ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนก็ปรากฏขึ้นทันที

สายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณอันน่าหวาดหวั่น ทำให้ใจของคนในที่นั้นสั่นสะท้าน สายเลือดในร่างกายถูกควบคุมเอาไว้ หายใจลำบาก ไม่รอให้ทุกคนได้ตั้งตัว ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนอ้าปากพ่น เห็นเพียงเส้นไหมแพรวพราวหลากสีพุ่งผ่านอากาศไปในชั่วพริบตา ก่อนเข้าปกคลุมทั่วบริเวณหลายร้อยจั้ง

“น่าขันนัก เส้นไหมเมฆาของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนจะมัดพวกเราตั้งหลายคนได้อย่างไร!”

จักรพรรดิคนหนึ่งอดหัวเราะเย้ยหยันการกระทำอันโง่เขลาของจ้าวเฟิงไม่ได้

สมาชิกเกือบสามสิบคนบุกเข้าใส่จ้าวเฟิงและสมาชิกกลุ่มองค์ชายเก้าคนอื่นๆ แต่การเข้าจับของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนแยกย่อยออกมากเกินไป ทำให้พันธนาการเอาไว้ไม่ได้แม้แต่คนเดียว ยอดฝีมือบางคนที่ถูกเส้นไหมเมฆาเกาะติด เพียงแค่ปะทุปราณที่แท้จริงอันทรงพลังก็ทำให้มันหลุดออกได้ แต่ต่อมา ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนก็กระพือปีกเล็กที่โปร่งใสขึ้น ละอองเกสรสีรุ้งกึ่งโปร่งใสผืนหนึ่งก่อเป็นพายุหมุนพร่างพราว พัดกวาดไปหลายร้อยจั้งในชั่วพริบตา

จ้าวเฟิงเดิมต้องการเพียงแค่ให้ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนดึงดูดความสนใจของศัตรู เช่นนี้ละอองเกสรไฉ่เมิ่งจึงจะสามารถเกิดผลได้อย่างแน่นอน

ในเมื่อเรื่องที่จ้าวเฟิงมีไหมเมฆาผีเสื้อเซียน ทุกคนต่างรู้กันทั่ว อีกฝ่ายจะต้องมีการป้องกันแน่ อีกทั้งก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงก็ได้ส่งกระแสจิตบอกกับสมาชิกขององค์ชายเก้าคนที่เหลือ ทุกคนต่างออกห่างจากพื้นที่การโจมตีของละอองเกสรไฉ่เมิ่งได้ทันการพอดี

“ไม่ดีแล้ว ถอยเร็ว!”

“ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง!”

ละอองเกสรไฉ่เมิ่งสามารถทะลุชั้นวิญญาณได้ มีผลเกิดขึ้นในระดับหนึ่งกับชั้นเซียน พลังเสริมแข็งแกร่งกว่าเส้นไหมเมฆามาก

ครั้นเผชิญหน้ากับละอองเกสรไฉ่เมิ่ง สมาชิกเกือบสามสิบคนค่อนข้างลนลาน ทำได้เพียงหลบหลีกไปทั่ว ดีที่มีไม่มีใครสูญเสียความสามารถในการรบไปชั่วขณะจากละอองเกสรไฉ่เมิ่ง

ส่วนจ้าวเฟิงก็ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้โคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แบ่งความคิดออกเกือบพัน แล้วหลอมรวมเข้าไปในฝูงสัตว์อสูร

ทันใดนั้น ด้านล่างกำแพงเมือง ฝูงสัตว์อสูรของจ้าวเฟิงเริ่มพลิกสถานการณ์เสียเปรียบ

ภายใต้การควบคุมที่ละเอียดรอบคอบของจ้าวเฟิง จึงโจมตีจนฝูงสัตว์อสูรที่เผชิญหน้าอยู่ล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถแบ่งสัตว์อสูรส่วนหนึ่งมาต้านทานผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิบนกำแพงเมืองได้

สมาชิกฝ่ายองค์ชายเก้าที่เหลือ ความกดดันลดลงไปหลายส่วน

ทุกครั้งที่จ้าวเฟิงลงมือล้วนปูทางเอาไว้เพื่อการลงมือครั้งต่อไป

สองสามชั่วอึดใจก็สามารถควบคุมสถานการณ์รบ พลิกเป็นสถานการณ์ที่แน่นอนได้

“พวกเจ้าก็อยากออกมาทำลายบ้างใช่ไหม?”

จ้าวเฟิงพึมพำ มือซ้ายโบกขึ้นอีกครั้ง

ตูม ตูม ตูม! เงาร่างสีทองใหญ่ยักษ์สามเงา เปรียบดั่งภูเขาไท่ซานธาตุทอง ร่วงลงบนกำแพงเมืองเหล็กกล้า กลิ่นอายเหี้ยมโหดของสัตว์ร้ายน่าสะพรึงที่ไม่มีอะไรเทียบได้ ทำให้สมาชิกที่อยู่ค่อนข้างใกล้จิตใจสั่นสะท้าน รีบถอยร่นไป

ตูม! ต่อจากนั้น วานรทองสะท้านฟ้าสามตัว ขนสีทองทั่วตัวมันตั้งชันเหมือนกับเข็มเหล็กก็ไม่ปาน ส่องประกายสว่างไสว กลิ่นอายสัตว์โบราณที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์พลันแผ่กระจายออก

จักรพรรดิที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ทันได้ตั้งตัว ถูกกลิ่นอายสายเลือดที่น่ากลัวกลุ่มนี้สะเทือนจนกระอักเลือด

จักรพรรดิที่อยู่ห่างไปค่อนข้างไกล ในใจก็ตื่นกลัวลนลานเช่นกัน สายเลือดในร่างกายสั่นเทาไม่เป็นสุข

“สัตว์อสูรบรรพกาลที่มีสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ!”

“เป็นไปได้อย่างไร!”

“จ้าวเฟิงเพิ่มความแข็งแกร่งสายเลือดที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้กับสัตว์วิเศษของเขา!”

จักรพรรดิและปฐมเซียนที่บุกตีเมืองเหล่านั้น ในใจสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่ง

ต้องรู้ว่า ที่แห่งนี้เดิมทีคือมิติบรรพกาลที่หลงเหลืออยู่ ในกายสัตว์อสูรที่นี่ล้วนมีคุณสมบัติสายเลือดบรรพกาลที่แน่นอนแฝงอยู่ เพียงแค่มีสายเลือดบรรพกาล พลังของมันก็ใกล้เคียงกับเผ่าพันธุ์สายเลือดดั้งเดิมในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

จ้าวเฟิงมองไปยังวานรทองสะท้านฟ้าทั้งสามตัว พออกพอใจเป็นอย่างมาก

ในยามที่จ้าวเฟิงทะลวงขั้นก็ให้แมวขโมยน้อยนำมนตราอากาศไปยัง ‘ตำหนักหมื่นโลหิต’ เพื่อเอาวานรทองสะท้านฟ้าที่เพิ่มความแข็งแกร่งสายเลือดเสร็จสมบูรณ์แล้วกลับมา

เวลามีจำกัด มีวานรทองสะท้านฟ้าเพียงสามตัวเท่านั้นที่เพิ่มความแข็งแกร่งเสร็จสมบูรณ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!