Skip to content

King of Gods 980

King Of Gods

บทที่ 980 ด้วยพลังของตน

สมาชิกคนอื่นในกลุ่มขององค์ชายเก้าตกใจเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

พวกเขาล้วนรู้สึกว่าหลังจากที่เข้ามาในเมืองความลับสวรรค์ ทรัพย์สมบัติในมือไม่เพียงพออย่างที่สุด ของหลายอย่างได้แต่มองไม่อาจได้มา แต่จ้าวเฟิงกลับเพิ่มความแข็งแกร่งสายเลือดที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้กับสัตว์อสูรวิเศษของเขา

“จ้าวเฟิงเพิ่มสายเลือดบรรพกาลให้กับวานรทองสะท้านฟ้า!”

สืออวี่เหลยสีหน้าอึ้งงันลอยไปเล็กน้อย ตอนที่เขาเข้าไปยังตำหนักหมื่นโลหิตก็พบกับจ้าวเฟิง ในตอนนั้นเขาคิดว่าจ้าวเฟิงเพียงแค่เพิ่มความแข็งแกร่งสายเลือดธรรมดาให้กับสัตว์วิเศษของเขา

ยามนี้ได้สัมผัสการเปลี่ยนแปลงของวานรสรทองสะท้านฟ้าโดยละเอียด นี่มันคือสายเลือดวานรยักษ์อันดับที่สี่ร้อยยี่สิบเอ็ดในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

ส่วนสมาชิกฝ่ายศัตรูมีความคิดกระทั่งว่าจะจับเป็นวานรทองสะท้านฟ้าสามตัวนี้

โดยเฉพาะนักฝึกสัตว์สามคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขา สายตาที่จ้องมายังวานรทองสะท้านฟ้าวาววาบผิดปกติ

“บุก!” จ้าวเฟิงแบ่งความคิดออกเป็นสามส่วน หลอมรวมเข้าไปในร่างของวานรทองสะท้านฟ้า ร่างกายของวานรทองสะท้านฟ้าใหญ่โต เชี่ยวชาญพลังป้องกัน เหมาะจะรวมกลุ่มป้องกันเมือง

โฮ่ว! วานรทองสะท้านฟ้าสามตัวคำรามขึ้นทันใด ในชั่วขณะที่สองหมัดสีทองแดงกวัดแกว่ง แก่นแท้พลังวานรยักษ์มหาศาลก่อตัวเป็นเงาหมัดราวลมพายุเข้ากวาดทุกสรรพสิ่ง

จักรพรรดิและปฐมเซียนจำนวนไม่น้อยที่หวังจะบุกเข้ามา ทำได้เพียงแค่หลบหลีกถอยหนีเท่านั้น

วู้ม ฟู่ว ฟู่ว! จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ปีกแสงอัสนีสีชาดด้านหลังโบกสะบัดก็พุ่งทะยานไปยังสนามรบทันที

ในกองกำลังขององค์ชายเก้า สมาชิกที่ยังสามารถสู้รบได้ตามจ้าวเฟิงเข้าไปสู่สนามรบอีกครั้ง

“พายุคลั่งอัสนีสีชาด!”

จ้าวเฟิงบุกไปยังในสนามรบ ปีกแสงอัสนีสีชาดที่หลังกระพืออย่างบ้าคลั่ง ปราณแท้จริงวายุอัสนีนับไม่ถ้วน ล้นทะลักออกมา ก่อตัวเป็นพายุคลั่งวายุอัสนีลูกใหญ่

ใจกลางของพายุคลั่งเปล่งแสงอาทิตย์โลหิตร้อนแรง ดุจดั่งตะวันสีเลือดอันแสนเหี้ยมโหด

เพลิงมารโลหิตและวายุอัสนีธาตุไฟ พลังระเบิดของทั้งสองชนิดนี้รุนแรงมาก พลังที่มีคุณลักษณะคล้ายกันรวมกันเป็นกลุ่มเดียว ก่อเป็นพลังเพลิงโลหิตอัสนีหลอมรวมไปยังใจกลางพายุคลั่ง

ฟู่ ครืน ครืน!

ชั่วพริบตาเดียว กลางวายุอัสนีที่มีสายฟ้าสนั่น ปรากฏรอยแยกอาทิตย์สีเลือดชั้นหนึ่ง พลานุภาพเพิ่มขึ้นหลายเท่า

มันเข้าปกคลุมศัตรูทั้งหมดเอาไว้ในนั้น

คุณภาพและจำนวนของปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงในยามนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว

กระบวนท่าการโจมตีเป็นวงกว้างเช่นนี้ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากนัก แต่กลับสำแดงพลังปราณแท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวเฟิงออกมาได้อย่างเต็มความสามารถ

“ปราณแท้จริงที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้ พลังการระเบิดรุนแรงนัก!”

“ในพายุคลั่งนี้ ยังมีเอกลักษณ์ของเพลิงมารโลหิตอีกด้วย!”

“นี่ไม่ใช่ปราณแท้จริงที่จักรพรรดิหน้าใหม่จะมีได้อย่างแน่นอน!”

จักรพรรดิและเซียนฝั่งศัตรูจำนวนมากอยู่ในพายุคลั่งวายุอัสนีลูกนี้ โคจรปราณที่แท้จริงต่อต้านพลังในนั้น ต้องรู้ว่า กระบวนท่าการโจมตีเป็นวงกว้างจะสิ้นเปลืองปราณที่แท้จริงอย่างมาก และในยามนี้ กระบวนท่านี้ของจ้าวเฟิงเข้าห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้ในชั่วเวลาเดียวกัน

“เร็วเข้า ร่วมกันจัดการจ้าวเฟิงก่อน!”

“เขาเป็นนักฝึกสัตว์ จัดการกับเขาก่อน กำลังรบของวานรทองสะท้านฟ้าทั้งสามตัวนี้ก็จะลดลง!”

“เขากล้าพุ่งจู่โจมเข้ามาเอง พวกเราบุก!”

สำหรับพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิง เซวียนหย่วน ผู้เฒ่าเคราแพะ และคนอื่นๆ ล้วนเข้าใจดี แต่ยามนี้พวกเขากำลังคนมากมาย สมาชิกเกือบสามสิบคน จักรพรรดิและปฐมเซียนอีกเกือบครึ่ง พุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิง

แน่นอน ในสมาชิกเหล่านี้มีจักรพรรดิเป็นส่วนมาก ในกลุ่มสมาชิกองค์ชายที่อยู่อันดับท้ายๆ มีปฐมเซียนน้อยนิดนัก

“แย่แล้ว พวกเขากำลังล้อมโจมตีจ้าวเฟิง!”

สืออวี่เหลยสีหน้าตื่นตกใจเล็กน้อย รู้สึกว่าการกระทำของจ้าวเฟิงบุ่มบ่ามเกินไปนิด

“รีบไปช่วยจ้าวเฟิงเร็ว!”

มือข้างหนึ่งของซูชิงหลิงวาดขึ้น ยันต์วิญญาณปรากฏขึ้นทันใด

จากนั้นยันต์วิญญาณผืนนี้แปรเปลี่ยนเป็นธนูวิญญาณหลายสาย พุ่งไปยังศัตรูที่กำลังโกลาหล

สีหน้าของโจวซู่เอ๋อร์ร้อนรน แต่ก็ไร้หนทางอื่น ทำได้เพียงอยู่เบื้องคอยหลังรักษาฝูงสัตว์อสูรที่ได้รับบาดเจ็บ

พวกเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ จ้าวเฟิงจึงบุกไปกลางสนามรบ

เพียงแค่ควบคุมฝูงสัตว์อสูรให้ดี ทุ่มกำลังทั้งหมดป้องกัน ก็ยังสามารถพลิกชัยชนะกลับมาได้ ถึงแม้พลังของจ้าวเฟิงจะสามารถสู้กับเซียนได้ แต่จำนวนของศัตรูมีมากเกินไป ล้วนเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานในขั้นจักรพรรดิและปฐมเซียน ต่อให้เป็นเซียนก็ทำได้เพียงแค่ถอยหนี

“นี่เป็นแค่แผนการของจ้าวเฟิงเท่านั้น!”

จิงข่ายที่ถูกจ้าวเฟิงจับเป็นทาสรับใช้ไม่คล้อยตาม แววตาเคารพยกย่องมองไปยังจ้าวเฟิง

มุมปากของจ้าวเฟิงยกยิ้มบาง

พลังอัสนีวายุคลั่งยุคดึกดำบรรพ์แผ่ออกจากด้านหลังของเขา ผสานเข้าไปในอากาศ ทั่วบริเวณเกือบร้อยจั้งพลันแปรเปลี่ยนเป็นมิติมืดมิดที่มีพายุคลั่งปั่นป่วน เสวียนอ้าวกฎเกณฑ์หลายเส้นของซากมิติบรรพกาลถูกจ้าวเฟิงควบคุมไว้

หากโลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงคิดจะขังทุกคนเอาไว้ในเวลาเดียวกันคงค่อนข้างลำบาก ดังนั้นเขาจึงพยายามย่อขอบเขตของมิติส่วนตัวให้เล็กลงแล้วเพิ่มพลังเข้าไป

เพราะฉะนั้นเขาจึงจำเป็นต้องพุ่งออกมาเป็นตัวล่อ

จักรพรรดิและปฐมเซียนสิบกว่าคนที่พุ่งมาหาจ้าวเฟิง ตกอยู่ในโลกมิติวายุอัสนีทันที

ในมิติ พลังของกฎเกณฑ์ที่ไร้รูปร่างเข้าพันธนาการ เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง อานุภาพกดดันวายุอัสนีที่น่ากลัวมาเยือนในทันที ศัตรูสิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามาตกเข้าสู่พลังโลกมิติส่วนตัวทันที ยิ่งระยะใกล้กับจ้าวเฟิงเท่าไหร่ แรงกดดันที่ได้รับก็ยิ่งมากเท่านั้น

“นี่คือโลกมิติส่วนตัว? เขาไม่ใช่ว่าเพิ่งทะลวงขั้นจักรพรรดิรึ?”

“เป็นไปได้อย่างไร? โลกมิติส่วนตัวของเขากลับผสานเข้ากับมิติบรรพกาลที่หลงเหลือนี้ได้อย่างสมบูรณ์!”

“จ้าวเฟิงสามารถควบคุมเสวียนอ้าวของมิติบรรพกาลได้!”

ยอดฝีมือฝั่งศัตรูจำนวนมากถูกโลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงขังไว้ ในใจหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง

พวกเขาในยามนี้ราวกับติดอยู่ในบ่อโคลน ได้รับแรงกดดันมิติบรรพกาลมากยิ่งขึ้น

พลังของมิติบรรพกาลที่ส่งผลต่อยอดฝีมือจากด้านนอก เดิมทีก็มีแรงกดดันสูงมากอยู่แล้ว ในยามนี้เสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ของมิติบรรพกาลถูกจ้าวเฟิงควบคุมบางส่วน แรงกดดันมิติจึงยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม

ปฐมเซียนจำนวนไม่น้อยสำแดงโลกมิติส่วนตัวของตนทันที เตรียมจะบุกทะลวงพลังโลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิง แต่โลกมิติส่วนตัวของพวกเขา อย่างมากก็ทำได้แค่เรียกออกมาปกป้องตนเองเท่านั้น หมดหนทางที่จะหลอมรวมมิติ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะส่งผลกระทบต่อโลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงเลย

ขณะเดียวกัน ในโลกมิติวายุอัสนี อัสนีวายุคลั่งนับไม่ถ้วนเข้ามาเยือนไม่ขาดสาย พวกเขายังต้องแบ่งพลังบางส่วนเข้าต้านทาน

“เร็ว พวกเรารวมพลังกันทำลายมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิง!”

ผู้เฒ่าเคราแพะร้องตะโกนขึ้นทันที

โลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงมีอานุภาพไม่ธรรมดาในซากมิติบรรพกาล

ทันใดนั้น จักรพรรดิและปฐมเซียนสิบกว่าคนเตรียมปล่อยพลังแต่ละชนิดเข้าโจมตี แต่ฉับพลันทันใด จ้าวเฟิงส่งหมัดแสงอัสนีสีชาดไปหลายทีอย่างรวดเร็ว

การโจมตีของจ้าวเฟิงเพิ่มพลังขึ้นเป็นเท่าตัวในมิติส่วนตัวของเขา

แต่หมัดแสงอัสนีสีชาดที่จ้าวเฟิงชกมาในยามนี้มีวิชาลวงตาเป็นหลัก หนึ่งในนั้นหลอมรวมขอบเขตวิญญาณของจ้าวเฟิง ก่อนพุ่งไปยังศัตรูที่ถูกล้อมขังไว้ในโลกมิติส่วนตัว

เวลาเดียวกัน ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนกระพือปีกขึ้นอีกครั้ง ละอองเกสรหลากสีกึ่งโปร่งใสแผ่นหนึ่งก่อตัวเป็นลมพายุพราวพร่าง พัดกวาดไปทั่วบริเวณหลายร้อยจั้ง

ละอองเกสรไฉ่เมิ่งกับเขตแดนศาสตร์มายาของจ้าวเฟิงเกิดผลขึ้นพร้อมกันที่ร่างของศัตรู รวมกับแรงกดดันของพลังโลกมิติส่วนตัว

พวกผู้เฒ่าเคราแพะและเซวียนหย่วนที่ถูกล้อมขัง พลันรู้สึกเหมือนกับอยู่ในโลกวายุอัสนีที่เป็นภาพมายา จิตใจเหนื่อยล้า กำลังไม่มากพอทำตามใจคิด

การโจมตีจากทุกคนก็พุ่งมาอย่างสะเปะสะปะด้วยเหตุนี้ ไม่ได้รวมมาที่จุดเดียว ไม่ได้สร้างความเสียหายถึงแก่นแท้ให้มิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงเลย

“ส่งหยกมังกรคุ้มกันมาซะ มิฉะนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว!”

จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังวิญญาณ เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังสะท้อนในโลกมิติวายุอัสนี

ทุกคนรู้สึกเพียงว่าร่างกายและวิญญาณพลันถูกอัสนีนับหมื่นสายฟาดผ่า ทั่วทั้งร่างไร้ความรู้สึก โดยเฉพาะชั้นวิญญาณที่ปวดชาเหลือพรรณนา

“พลังวิญญาณแข็งแกร่งเหลือเกิน!”

“พวกเราออกไปไม่ได้แล้ว!”

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”

เซวียนหย่วน ผู้เฒ่าเคราแพะและคนอื่นเผยสีหน้าตกใจกลัว ท่าทางหวาดหวั่น

จักรพรรดิและปฐมเซียนสิบกว่าคนถูกล้อมขังไว้โดยสิ้นเชิงภายใต้การประสานพลังโลกมิติส่วนตัว วิชาลวงตาศาสตร์วิญญาณ ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง และพลังวิญญาณของจ้าวเฟิง

ส่วนขอบพื้นที่โลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิง สมาชิกฝั่งศัตรูที่สู้รบกับวานรทองสะท้านฟ้าและกลุ่มองค์ชายเก้าพลันนิ่งอึ้งไป

จ้าวเฟิงใช้พลังของตนคนเดียวควบคุมพวกเขาสมาชิกกลุ่มความร่วมมือครึ่งหนึ่งเอาไว้

ต่อให้เป็นเซียนก็ไม่น่าจะทำได้ถึงเพียงนี้

“จ้าวเฟิงไม่ใช่ว่าเพิ่งทะลวงขั้นจักรพรริได้รึ? แต่สามารถรวบรวมโลกมิติส่วนตัวได้แล้ว?”

สืออวี่เหลยตัวแข็งทื่อ มองไปยังจ้าวเฟิงที่ดูราวผู้ครองฟ้าดินในโลกมิติวายุอัสนี

อีกทั้งโลกมิติส่วนตัวที่จ้าวเฟิงสำแดงในยามนี้ไม่ธรรมดาเลย

“ควบคุมจักรพรรดิและปฐมเซียนสิบกว่าคนได้สำเร็จ!”

ซูชิงหลิงยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าไม่อยากจะเชื่อ อีกทั้งจ้าวเฟิงในยามนี้ยังมีพลังเหลือมาทำการขู่กรรโชกศัตรูที่ถูกขัง

“ดี!” ตาเฒ่าอิงอดไม่ได้ที่จะกู่ร้องสนับสนุน

ตั้งแต่ตอนที่จ้าวเฟิงทะลวงขั้น ตาเฒ่าอิงก็คิดตลอดว่าจ้าวเฟิงมีแผนอะไรรึไม่

ในยามนี้ดูแล้วจ้าวเฟิงคงคิดช่วยองค์ชายเก้าแย่งชิง ‘พลังชะตามังกร’ ก่อนช่วงที่สองจะจบลง

ในโลกมิติวายุอัสนี

จักรพรรดิทั้งหลายและปฐมเซียนที่กำลังรบถูกยับยั้งมีสีหน้าแค้นเคือง

พวกเขาเองก็ไม่คิดจะไปเก็บรวบรวมพลังชะตามังกร

ยามนี้การทดสอบคัดเลือกรัชทายาทช่วงที่สองกำลังจะจบลง หยกมังกรสำหรับพวกเขาแทบจะไม่มีประโยชน์อะไร

ต่อให้พวกเขาสามารถเข้าไปในเมืองความลับสวรรค์ได้ องค์ชายที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็ไม่คิดจะชิงตำแหน่งรัชทายาท แต่พวกเขาคนเยอะขนาดนี้ถูกจ้าวเฟิงกักขัง ขู่กรรโชก ขั้วอำนาจผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนด้านนอกกำลังดูอยู่ หากพวกเขาทั้งหมดศิโรราบแก่จ้าวเฟิงและมอบหยกมังกรคุ้มกันไป ต่อไปในภายหลังจะอยู่ในราชวงศ์ต้าเฉียนได้อย่างไร

“หึ จ้าวเฟิง พวกเราไม่มีทางให้หยกมังกรคุ้มกันไปแน่!”

“มีปัญญาก็ฆ่าพวกเราทั้งหมดซะ!”

ยอดฝีมือที่ถูกจ้าวเฟิงกักขังปฏิเสธที่จะส่งหยกมังกรคุ้มกันออกไป

พวกเขาทั้งหมดมาจากกลุ่มอำนาจที่ต่างกัน ประเมินดูแล้ว จ้าวเฟิงไม่น่าจะกล้าล่วงเกินขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งสิบกว่ากลุ่มของราชวงศ์พร้อมกัน

“เอ๋? หยกมังกรคุ้มกันของข้าล่ะ?”

“หยกมังกรคุ้มกันบนร่างข้าก็หายไปแล้วเช่นกัน!”

“หยกมังกรคุ้มกันในมิติเก็บของของข้าก็หายไป อีกทั้งสมบัติล้ำค่าบางส่วนก็หายไปด้วย!”

ในชั่วพริบตา ยอดฝีมือทั้งหลายในโลกมิติวายุอัสนีส่งเสียงโหวกเหวกขึ้นอย่างตกใจ

เหมียว เหมียว~

ข้างกายของจ้าวเฟิงมีประกายสีเงินสว่างวาบ เจ้าแมวขโมยน้อยนำหยกมังกรคุ้มกันกองใหญ่มอบให้กับจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงไร้คำพูด เขาเพียงแค่ให้แมวขโมยน้อยพยายามขโมยหยกมังกรคุ้มกันบางส่วน คิดไม่ถึงว่าตอนที่แมวขโมยน้อยเข้าไปในมิติเก็บของของพวกเขาจะฉวยโอกาสหยิบของล้ำค่ามาบางส่วนด้วย

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยน้อยวาดมือมายังจ้าวเฟิง ราวกับกำลังพูดว่าของพวกนี้เป็นรางวัลของตัวมันเอง

จ้าวเฟิงยิ้มอย่างจนปัญญา

จริงๆ แล้วขณะใช้เขตแดนศาสตร์มายาเมื่อครู่ ในยามที่ใช้ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง จ้าวเฟิงก็ให้แมวขโมยน้อยลงมือแล้ว

เวลานั้นคือตอนที่ข้าศึกหละหลวมที่สุด ไร้เรี่ยวแรงที่สุด เป็นเวลาที่การรับรู้อ่อนแอที่สุด จากนั้น จ้าวเฟิงยังปลดปล่อยพลังวิญญาณโจมตีชั้นวิญญาณของทุกคน เพื่อให้เจ้าแมวขโมยน้อยลงมือได้อย่างราบรื่น ดูท่าจะเป็นการลงมือเกินความจำเป็น

ขณะนี้ องค์ชายทั้งสามที่ดูศึกอยู่ด้านหลังมีสีหน้าคร่ำเครียด

สถานการณ์ดีกลับพลิกผันในชั่วพริบตาเช่นนี้

“พวกเราก็บุกเถอะ!” เสียงต่ำทุ้มขององค์ชายสองดังขึ้น

หากพวกเขาทั้งสามยังไม่ลงมืออีกละก็ ศึกนี้แพ้แน่นอน

“ได้ พวกเราเข้าล้อมสมาชิกองค์ชายเก้า พี่สองรีบเข้ากำแพงเมืองไปประทับตรารัชทายาทจำลอง!”

องค์ชายห้าหยิบตรารัชทายาทจำลองที่ส่องประกายระยิบระยับออกมาในทันที

ฟู่! ในที่สุดองค์ชายทั้งสามก็อดรนทนไม่ไหว มือประคองตรารัชทายาทจำลอง ทั่วทั้งร่างโอบล้อมด้วยแสงพร่างพรายลวดลายมังกร บินมุ่งไปยังกำแพงเมืองเหล็กกล้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!