บทที่ 989 การปะทะของโลกมิติส่วนตัว
ภูเขาลูกใหญ่มืดทะมึน ด้านหน้าถ้ำมืดมิด กลิ่นอายทรงพลังร้ายกาจกระเพื่อมไหวไปทั่วทิศ
เขาและซินอู๋เหินยืนอยู่สองข้างของฝั่งถ้ำ
ไม่นานนัก ทหารพลดาบทั้งสองกลุ่มก็ตามขึ้นมา
“ซินอู๋เหิน มิติส่วนตัวของเจ้า….”
จ้าวเฟิงมีใจคิดที่จะหยั่งเชิงเส้นสนกลในของซินอู๋เหิน
ขอบเขตพลังจักรพรรดิ ก็สามารถควบคุมเสวียนอ้าวห้าธาตุได้ถึงขั้นนี้ อีกทั้งสามารถหลอมรวมไว้ในโลกมิติส่วนตัวได้
“หลังจากที่เจ้าเปลี่ยนร่างถือกำเนิดใหม่ พลังแฝงก็ไม่ธรรมดาเลย!”
ซินอู๋เหินเอ่ยพอเป็นพิธี ไม่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโลกมิติส่วนตัวของเขา
จ้าวเฟิงก็ไม่ฝืนใจ ก็เหมือนกับความลับของดวงตาเทพเจ้า แน่นอนว่าเขาไม่อยากบอกใคร
สวบ! ทั้งสองแทบจะกระโดดเข้าไปในถ้ำพร้อมกัน
“ใครกัน? กล้าบุกเข้ามาในพื้นที่ของข้า!”
ส่วนลึกในถ้ำ เสียงคำรามอย่างเคืองแค้นดังสะเทือนเลื่อนลั่น
ครืน ตึก ตึก!
เงามังกรดำยักษ์ใหญ่พร้อมด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย เยื้องกรายมาทันที
“มดปลวกสองตัว เจ้าจักรพรรดิโง่งมนั่นส่งมาล่ะสิ!”
มังกรโลหะตัวดำมะเมื่อมบินวนไปมาเหนือซินอู๋เหินและจ้าวเฟิง กลิ่นอายชั่วร้ายมหาศาลบีบอัดลงมาที่ทั้งสองพร้อมด้วยแรงกดดันจากแก่นแท้ร่างกาย
ในขณะเดียวกัน กลางผนังในถ้ำมีองครักษ์โครงกระดูกคลานออกมาไม่ขาดสาย
องครักษ์โครงกระดูกพวกนี้ พลังทั้งหมดแข็งแกร่งกว่าพวกที่อยู่บนเส้นทางภูเขาเล็กน้อย
บนตาซ้ายของจ้าวเฟิง ลายคลื่นสีทองอ่อนชั้นหนึ่งตลบอวลขึ้นทันใด ทะลวงผ่านไปยังเงาคนชั้นแล้วชั้นเล่า จนมองเห็น ‘องค์หญิง’ ที่อยู่ในถ้ำลึก
“ทำลายพวกมันซะ!” มังกรยักษ์โลหะดำคำรามขึ้น
องครักษ์โครงกระดูกนับไม่ถ้วนจากทั่วทุกด้านพลันบุกโจมตีมา
“บุก!” ทหารองครักษ์ที่จ้าวเฟิงและซินอู๋เหินนำมาก็บุกเข้าไปพร้อมกัน
พรึ่บ! จ้าวเฟิงสำแดงปีกแสงอัสนีสีชาด พุ่งทะยานไปยังมังกรยักษ์เหล็กดำ
เปรี้ยง! จ้าวเฟิงปะทะเข้ากับกรงเล็บของมังกรยักษ์เหล็กดำ
“ร่างกายแข็งแกร่ง อีกทั้งยังแฝงด้วยกลิ่นอายพลังชั่วร้าย!” จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ
พลังของมังกรยักษ์เหล็กดำตัวนี้ด้อยกว่าเซียนมารทมิฬอยู่หนึ่งขั้น
ในยามนี้ ซินอู๋เหินก็ทะยานขึ้น แล้วซัดเงาฝ่ามือเย็นเยือกสองสายไปโจมตีปีกทั้งสองของมังกรยักษ์เหล็กดำ
“จักรพรรดิส่งพวกเจ้ามาตาย!”
มังกรยักษ์เหล็กดำคำรามอย่างแค้นเคือง ปีกทั้งสองกระพืออย่างรวดเร็ว ปราณทรงพลังอันชั่วร้ายทลายฝ่ามือวายุของซินอู๋เหินลง
เวลาเดียวกัน กลิ่นอายพลังเหี้ยมโหดมากมายภายในถ้ำวิ่งไปรวมตัวยังมังกรเหล็กดำ
“ซินอู่เหิน ลงมือจริงๆ เถอะ ไม่จัดการมัน พวกเราจะช่วยคนอย่างไร!”
จ้าวเฟิงยิ้มบางๆ
มังกรยักษ์เหล็กดำตัวนี้ไม่ได้จัดการกันได้ง่ายๆ
คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขาคือซินอู๋เหิน จ้าวเฟิงจะประมาทไม่ได้
“ได้!” ซินอู๋เหินพยักหน้า ย่อตัวเล็กน้อยกลางอากาศ ทำท่าทางแปลกประหลาด พลังสำนึกรู้ที่ไร้รูปร่างแผ่กระจายออกมาโดยพลัน
ครืน ฟู่!
จ้าวเฟิงก็กระตุ้นสายเลือดเพลิงมารโลหิตเช่นเดียวกัน พลังอัสนีเพลิงระเบิดออก แทบจะทำลายกลิ่นอายพลังเหี้ยมโหดภายในถ้ำจนสิ้น
ตูม! ทั้งสองพุ่งไปยังมังกรยักษ์เหล็กดำพร้อมกัน เสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้องไปทั่วถ้ำ
การโจมตีของซินอู๋เหินแฝงไว้ด้วยพลังสำนึกรู้มากล้น ราวกับว่ามีกฎของมิติคอยช่วยเหลือ และสำแดงฤทธิ์อานุภาพการโจมตีเสวียนอ้าวจนถึงขีดสูงสุด หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนีของจ้าวเฟิงก็แฝงไว้ด้วยสำนึกรู้ทรงพลังที่ลึกซึ้งหาใดเปรียบ แต่จ้าวเฟิงยังไม่บรรลุมากเพียงพอ ในยามนี้ จ้าวเฟิงแอบกระตุ้นดวงตาซ้าย เก็บภาพกระบวนท่าสำนึกรู้ของซินอู๋เหินไว้ในมิติเพื่อทำความเข้าใจในวันหน้า
“เพลิงเหมันต์แผดเผา!”
แขนทั้งสองของซินอู๋เหินสะบัดออก เกลียววนไฟและน้ำแข็งอันแปลกประหลาดโจมตีไปยังที่ส่วนหัวของมังกรยักษ์เหล็กดำ
“หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนี!”
จ้าวเฟิงผสานเพลิงมารโลหิตและพลังวายุอัสนี สำแดงไม้ตายของ ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ซัดแสงอัสนีเพลิงอาทิตย์อันร้อนแรงออกไปหลายสาย
ครืน บึ้ม! ภายใต้การร่วมมือกันของจ้าวเฟิงและซินอู๋เหิน มังกรยักษ์เหล็กดำถูกโจมตีจนไร้เรี่ยวแรงจะตอบโต้
ฉัวะ ตึง! ร่างของมังกรยักษ์เหล็กดำร่วงหล่นลงมา
“องค์หญิง?”
เมื่อโจมตีจนมังกรยักษ์เหล็กดำพ่ายแพ้แล้ว ซินอู๋เหินมองปราดไป ก็ค้นพบว่าองค์หญิงที่อยู่ในถ้ำไม่อยู่แล้ว!
“อยู่ที่นั่น!” เสียงของซินอู๋เหินดังขึ้นอีกครั้ง
องค์หญิงในยามนี้อยู่กับแมวสีเทาตัวหนึ่ง
ใต้เท้าขององค์หญิงมีกระบี่บินสีทองเล่มหนึ่งแบกนางเอาไว้ กำลังออกจากถ้ำไปอย่างรวดเร็ว!
“จ้าวเฟิง!” สีหน้าของซินอู๋เหินตกใจเล็กน้อย
จ้าวเฟิงส่งสัตว์วิเศษไปช่วยองค์หญิงตั้งแต่ทีแรกแล้ว อีกทั้งยามที่พวกเขาทั้งสองประมือกับมังกรยักษ์เหล็กดำ จ้าวเฟิงจงใจส่งเสียงดังก้อง สร้างกระแสปราณแท้จริงที่แข็งแกร่ง ใช้มันกลบเกลื่อนการกระทำของเจ้าแมวน้อย
ฟู่ แซ่ด แซ่ด!
ปีกวายุอัสนีด้านหลังจ้าวเฟิงเปล่งแสงระยิบระยับ ความเร็วไต่ไปถึงระดับสุดยอด ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นอัสนีเส้นโค้งพุ่งทะลวงท้องฟ้า กะพริบแล้วหายวับไป!
“คิดหนีรึ!” ซินอู๋เหินรีบออกไล่ตามทันที ที่ใต้เท้าของเขา สายน้ำสีเขียวมรกตไหลทะลักออกมา
วูบ ฟิ้ว! ซินอู๋เหินไถลไปตามสายน้ำเขียวมรกต ร่างกายไหลไปตามกระแสน้ำ บินไปอย่างเร็วรี่ แต่นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาความเร็ว เป็นเพียงการใช้เสวียนอ้าวธาตุน้ำอีกวิธีของซินอู๋เหิน ในด้านความเร็วยังสู้จ้าวเฟิงไม่ได้
ฟิ้ว ฟึ่บ ฟึ่บ! จ้าวเฟิงทะยานไปด้านหลังถ้ำ ไม่นานเท่าไหร่ก็ตามเจ้าแมวขโมยน้อยและองค์หญิงได้ทัน
จ้าวเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง อุ้มองค์หญิงมาแล้วบินด้วยความเร็วทั้งหมด กระบี่สีทองหม่นเล่มนั้นก็บิดม้วนอยู่ชั่วขณะแล้วแปรเปลี่ยนเป็นสร้อย สวมไว้ที่คอของเจ้าแมวขโมยน้อย แต่ว่าเรื่องที่ทำให้จ้าวเฟิงกังวลได้เกิดขึ้นแล้ว
“เจ้าเป็นใคร เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ!”
องค์หญิงผู้นี้พลันตวาด ดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของจ้าวเฟิง
การถูกเหยียดหยามจากตัวละครที่ไม่ใช่ผู้แข่งขันเกิดขึ้นอีกแล้ว
“โจมตี!” ซินอู๋เหินที่ไล่ตามมาข้างหลังตะโกนก้องทันใด
ครืน ครึ่ก ครึ่ก!
พื้นดินด้านหน้าจ้าวเฟิง เถาวัลย์ต้นอวบหนาแถวหนึ่งพลันพุ่งขึ้นมา บิดม้วนเข้ามารัดจ้าวเฟิงไว้
“แมวขโมยน้อย ส่งให้เจ้าแล้ว!”
จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทำลายเถาวัลย์บางส่วน แล้วโยนองค์หญิงออกไป
เงาของเจ้าแมวขโมยน้อยพลันปรากฏอยู่ใต้องค์หญิง รับเอาไว้เบาๆ สร้อยที่คอแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ยาวสีทองหม่นแบกองค์หญิงเอาไว้ ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
“จ้าวเฟิง ให้ข้าสัมผัสมิติส่วนตัวของสักเจ้าหน่อยเถิด!” ทางด้านหลัง เสียงของซินอู๋เหินดังขึ้น
จ้าวเฟิงพลันรู้สึกว่าพลังของเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์กดดันมา
จ้าวเฟิงรู้ว่าซินอู๋เหินปลดปล่อยโลกมิติส่วนตัวห้าธาตุของเขาออกมาแล้ว
ครืน! เบื้องหลังของจ้าวเฟิง พลังอัสนีพายุคลั่งยุคดึกดำบรรพ์ทะลักออกอย่างบ้าคลั่ง ผสานเข้าไปในอากาศทีละน้อย
พื้นที่เกือบร้อยจั้งพลันเปลี่ยนเป็นมิติมืดครึ้มที่มีพายุคลั่งกระหน่ำ เสวียนอ้าวกฎเกณฑ์หลายส่วนในมิติบรรพกาลถูกจ้าวเฟิงควบคุมไว้
ครืน เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ! ซินอู๋เหินที่ทะยานโจมตีมา ความเร็วลดลงทันที
แต่ซินอู๋เหินที่อยู่ในโลกมิติส่วนตัวห้าธาตุไม่ได้รับผลกระทบอะไรทั้งสิ้น
หนำซ้ำจ้าวเฟิงรู้สึกว่ามิติห้าธาตุของซินอู๋เหินมีแรงต้านการจำกัดจากโลกมิติส่วนตัวของเขาอย่างมาก
ฟู่ เปรี๊ยะ! ปีกเพลิงอัสนีของจ้าวเฟิงเปล่งประกายแสงอัสนีเพลิงอยู่ชั่วขณะ กระตุ้นความเร็วของเขาให้ไปถึงจุดสูงสุด
จ้าวเฟิงพุ่งไปยังซินอู๋เหินทันที เงื้อหมัดตั้งท่า โจมตีไปทันใด แสงอัสนีเพลิงโลหิตมหาศาลระเบิดสว่างไสวไปทั่ว พลังวายุอัสนีในโลกมิติส่วนตัวหลั่งไหลเข้ามาในหมัดของจ้าวเฟิง
ในโลกมิติส่วนตัวของตนเอง ความเร็วและการปะทุของจ้าวเฟิงล้วนเพิ่มมากขึ้น
“เยือกแข็ง!” ซินอู๋เหินเอ่ยออกมาเบาๆ
โลกมิติส่วนตัวห้าธาตุของเขาพลันเก็บเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ที่ลึกซึ้งกลุ่มนั้น อีกทั้งโคจรสัมผัสที่น่าประหลาดบางอย่างขึ้นมา
ตูม! ทั้งสองปะทะกันทันใด หลังจากที่โลกมิติส่วนตัวห้าธาตุของซินอู๋เหินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงก็หมุนคว้างเร็วรี่ แสงห้าสีกลุ่มหนึ่งปรากฏอยู่บนพื้นผิวโลกมิติส่วนตัวของเขา สลายพลังหมัดของจ้าวเฟิงทีละนิด
ฟู่ พรึ่บ พรึ่บ! โลกมิติส่วนตัวห้าธาตุของซินอู๋เหินโคจรจนถึงจุดสูงสุด พลังหมัดของจ้าวเฟิงก็ค่อยๆ ถูกสลายไป
แกรก! โลกมิติส่วนตัวห้าธาตุของซินอู๋เหินเกิดรอยร้าวขึ้น
ในขณะเดียวกัน พลังสะท้อนกลับอันแข็งแกร่งพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง
พรึ่บ แซ่ด แซ่ด!
ถึงแม้จ้าวเฟิงจะจับสังเกตได้ แต่ก็ถอยช้าไปครึ่งก้าว ปีกแสงอัสนีสีชาดข้างหนึ่งถูกทำลาย
จ้าวเฟิงตะลึงไปเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่าซินอู๋เหินที่อยู่ในโลกมิติส่วนตัวของเขาจะต้านทานการโจมตีสุดพลังของตนได้
“มิติส่วนตัวของสหายจ้าวก็ไม่ธรรมดาเลย!”
พลังโลกมิติส่วนตัวรอบกายซินอู๋เหินหายไป
ซินอู๋เหินเชื่อมั่นในโลกมิติส่วนตัวของตนเองอย่างมากมาโดยตลอด แต่โลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงก็ไม่ธรรมดายิ่งนัก สามารถหลอมรวมกับมิติบรรพกาล และควบคุมกฎเกณฑ์ในมิติบรรพกาลได้ นี่คือสิ่งที่เขาไม่อาจทำได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
ในการปะทะกันของโลกมิติส่วนตัว เขาไม่เคยเสียเปรียบเช่นนี้มาก่อน
“มาจนถึงตอนนี้ ข้าก็ไม่เคยทำร้ายสหายซินอย่างซึ่งหน้าได้เลยเช่นกัน!”
จ้าวเฟิงเผยยิ้มสบายอารมณ์“ผู้ชนะ จ้าวเฟิง!”
ในยามนี้เอง เสียงกลไกดังขึ้นในหัวของคนทั้งสอง
“แต่ว่าครั้งนี้ข้าแพ้แล้ว!” ซินอู๋เหินยิ้มเรียบๆ กายค่อยๆ เลือนหายไปจากมิติผืนนี้
พรึ่บ! จ้าวเฟิงกลับไปยังขุนนางใหญ่ทันทีเพื่อรับรางวัลจำนวนหนึ่ง
การดวลของจ้าวเฟิงและซินอู๋เหิน แน่นอนว่าดึงดูดความสนใจจากจากขั้วอำนาจด้านนอกและองค์ชายทั้งหลาย
พูดกันจริงๆ แล้ว ทั้งสองฝ่ายไม่แพ้กันเลย
เพียงแต่จ้าวเฟิงมีลูกไม้มากมาย มีสัตว์วิเศษช่วยเสริม จึงได้รับชัยชนะมา
ชื่อของจ้าวเฟิงและซินอู๋เหินเป็นที่ฮือฮาขึ้นอีกครั้งในบรรดากลุ่มอำนาจของราชวงศ์
วู้ม ฟู่! จ้าวเฟิงกลับมายังเขาวงกตอีกครั้ง
“ต่อไปจะเอาแต่เล่นไม่ได้แล้ว!” สีหน้าของจ้าวเฟิงกลับเป็นปกติ
ประมือกับซินอูเหินเสียเวลาเขาไปมาก ดีที่ตอนหลังได้รับชนะ
วู้ม! ในตาซ้ายของจ้าวเฟิง ลวดลายสีทองอ่อนลึกล้ำไร้สิ้นสุดแผ่กระจาย
เพียงแค่กวาดตา เขาก็พุ่งเป้าหมายไปยังสมาชิกคนหนึ่งขององค์ชายสิบสาม
และสมาชิกคนนี้ก็ราวกับได้รับคำเตือนจากองค์ชายสิบสาม จึงออกห่างจากจ้าวเฟิง
แต่เขาจะหนีได้รึ?
ปีกแสงอัสนีสีชาดของจ้าวเฟิงกระพืออย่างรวดเร็ว เริ่มบินผ่านไปในเขาวงกต
……
จากการที่เขาวงกตเคลื่อนที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง องค์ชายไม่น้อยกายใจเหนื่อยล้าเหลือทน ผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง
ขณะนี้มีสองคนที่แพ้สิบรอบ ออกจากเขาวงกตเคลื่อนที่ไปเอง
ส่วนคนที่ชนะมากที่สุดก็ยังเป็นจ้าวเฟิง ชนะติดต่อกันถึงสิบหกครั้ง ไม่แพ้แม้แต่ครั้งเดียว
ผู้ชนะอันดับสองคือเซียนวั่นเหลย ชนะติดต่อกันสิบครั้ง
องค์ชายสิบสามในตอนนี้ปรับเปลี่ยนแผน ไม่ตอแยจ้าวเฟิงอีกต่อไป
การตัดสินแพ้ชนะในรอบที่สามคือจำนวนครั้งที่ชนะ ยามนี้จำนวนชัยชนะการแข่งขันขององค์ชายเก้าเป็นรองเขาและองค์ชายสี่ ต้องรู้ว่า สมาชิกขององค์ชายเก้ามีเพียงแค่สี่คนที่เข้าแข่งขัน ในนั้นซูชิงหลิงชนะเพียงแค่ครั้งเดียว
สามารถมีคะแนนได้เช่นนี้ ทำให้ผู้คนคาดไม่ถึง
และในขณะที่ผู้คนกำลังตกตะลึง จ้าวเฟิงชนะติดต่อกันถึงสิบเจ็ดครั้งแล้ว
“เซียนมารทมิฬ ไปซ้ายแล้วไปขวา….”
ตอนนี้องค์ชายสิบสามทุ่มเทพลังใจทั้งหมดบัญชาการเซียนทั้งสองในเขาวงกต แทบจะละทิ้งสมาชิกคนอื่น
พลังชะตามังกรขององค์ชายสิบสามมีมากนัก ไม่กลัวว่าต้องสูญเสียกี่มากน้อย
ในตอนนี้เขาต้องทำเพียงแค่รักษาจำนวนชัยชนะเอาไว้ไม่ให้องค์ชายเก้านำไป เช่นนี้จึงจะสามารถชนะในรอบที่สาม
อีกด้านหนึ่ง องค์ชายเเปดเข้าใจแล้วว่ารอบนี้เขาไม่มีทางชนะ แต่ก็ยังทุ่มเทสั่งการสมาชิกที่อยู่ในเขาวงกต เพียงแต่มักมองจ้าวเฟิงอยู่เป็นระยะ
ส่วนองค์ชายเก้าเป็นผู้ที่ตื่นเต้นที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งสี่ในที่นั้น
ตรารัชทายาทจำลองของเขากลับมาประกายแวววาวเช่นในตอนแรกแล้ว ภายใต้การบัญชาของเขา ผลการแข่งขันของตาเฒ่าอิงก็ดีเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าขอยอมแพ้!” ในกลุ่มขององค์ชายสี่ นักฝึกสัตว์คนหนึ่งในที่สุดก็เปิดปากออกมา เขาแพ้แล้วสิบรอบ แต่ก็ชนะห้ารอบ นับว่าทำได้ไม่เลว
“รอบที่สามจะสิ้นสุดลงในอีกหนึ่งชั่วยาม!”
ยามนี้ที่กลางท้องฟ้า เสียงของผู้อาวุโสมายาดังขึ้น