Skip to content

King of Gods 1004

King Of Gods

บทที่ 1004 ชั้นเก้า

“เกินสิบชั่วยามแล้ว!” เซียนซิงหมัวมีสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย

เดิมเขามีหวังอยู่เพียงแค่ห้าส่วนเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะอยู่ที่ชั้นแปดได้นานขนาดนี้จริง ด้วยเหตุนี้ เดิมพันที่เขาวางเอาไว้กับผู้อาวุโสสวมครอบมวยผมม่วง เซียนซิงหมัวเป็นฝ่ายชนะเดิมพันไป

‘ระดับความลึกซึ้งในวิญญาณของเจ้าเด็กนี่สูงขนาดนี้เชียวหรือ?’

ผู้อาวุโสครอบมวยผมม่วงตื่นตะลึง

ตำราวิชาดวงตาเล่มนั้นจะมอบให้เซียนซิงหมัวก็ไม่เป็นอะไร แต่ที่สำคัญก็คือ พวกเขาตระหนักได้ถึงศักยภาพอันน่าทึ่งของจ้าวเฟิงแล้ว

มีสัมพันธ์อันดีกับบุคลอัจฉริยะเช่นนี้ ย่อมส่งผลดีต่อตระกูลจีอย่างแน่นอน

โชคดีที่ในตอนนั้นเขาไม่ได้ลงมือทำร้ายผู้เยาว์คนนี้เพราะจีเหลียน อีกทั้งให้จีเซิ่งหมิงผู้เป็นลูกศิษย์ลำดับที่สองของเขาติดตามจีเหลียน เมื่อเป็นเช่นนี้คงจะไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรเกิดขึ้น

“อย่าลืมคำพูดที่เจ้าพูดไว้แล้วกัน! ”

เซียนซิงหมัวเอ่ยเตือนอีกครั้ง แววตาจ้องมองยังที่ไกล

“เจ้ายังหวังว่าเขาจะขึ้นไปชั้นที่เก้าได้งั้นหรือ? ”

ผู้อาวุโสครอบมวยผมม่วงอดจะหัวเราะไม่ได้ ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่าจ้าวเฟิงจะขึ้นไปชั้นที่เก้าได้

เขาและเซียนซิงหมัวต่างเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลจี แต่สิทธิ์ในการควบคุมที่แท้จริงกลับอยู่ในมือของเขา

ด้านนอกหอคอยดาราม่วง

“สิบชั่วยามแล้ว! ”

“ต่อให้มีคนที่พลังวิญญาณทะลวงผ่านขั้นเซียนจริงๆ ก็ไม่น่าจะอยู่ในนั้นได้นานขนาดนี้!”

“ข้าจะไปดู!” ในที่สุดจีเติงเทียนก็ข่มความประหลาดใจเอาไว้ไม่ไหว

เขาไม่รู้เลยว่าตระกูลจีมีอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อไหร่

เมื่อพูดจบ จีเติงเทียนก็สิ้นเปลืองบรรณาการไปจำนวนมากอีกครั้ง และเข้าไปในหอคอยดาราม่วง

“พวกเรารอจ้าวเฟิงอยู่ที่นี่ก็ได้!” จีเซิ่งหมิงเอ่ยเสียงต่ำ

ในตอนที่จีเติงเทียนไปเข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท เขาใช้บรรณาการของตระกูลไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เขาอยากจะเข้าไปในหอคอยดาราม่วงแต่ก็เข้าไปไม่ได้

“ได้ ห้ามให้จ้าวเฟิงหนีไปได้!”

จีเหลียนเห็นด้วยอย่างมาก

ลูกศิษย์ที่เหลือด้านนอกหอคอยดาราม่วงก็เลือกรออยู่ด้านนอก

อย่างไรเสีย หากใช้บรรณาการตระกูลที่ล้ำค่ามากมายเพื่อเข้าไปดูคนเพียงคนเดียว ก็นับว่าไม่ค่อยคุ้มค่าจริงๆ

ภายในหอคอยดาราม่วง จ้าวเฟิงมาถึงทางเชื่อมไปยังชั้นที่เก้า เดินไปไม่กี่ก้าว

“เหนือศีรษะขึ้นไปก็เป็นอาณาเขตชั้นที่เก้าแล้ว!” จ้าวเฟิงมองขึ้นไปด้านบน

หมอกหนาสีม่วงเป็นดั่งโคลน กระจุกรวมกันกลางอากาศ บนกำแพงสองข้างทางสลักอักษรไว้แถวหนึ่ง

“ขอบเขตพลังไม่เพียงพอห้ามเข้า มิฉะนั้นอาจสูญเสียจิตสำนึกไปในทันที จนไม่สามารถลงไปได้!”

ดูไปแล้ว คนที่สงสัยเหมือนจ้าวเฟิงคงจะมีไม่น้อย

วูบ! พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงทะลักออกมาทันที หมอกควันหนาสีม่วงรอบบริเวณพลันถูกขจัดออกไปส่วนหนึ่ง

ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงจึงโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ใช้พลังของเจตจำนงควบคุมให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ขัดขวางไม่ให้หมอกควันหนาเข้ามาใกล้

แต่ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ สามารถเพิ่มการป้องกันด้านวิญญาณของจ้าวเฟิง จนมีแรงต้านทานหมอกควันม่วงได้ในระดับหนึ่ง

ตึก! จ้าวเฟิงเดินตรงดิ่งเข้าไปในชั้นที่เก้า

ทันใดนั้นเอง หมอกควันหนาสีม่วงที่มากมายไม่สิ้นสุดดิ่งมากดดันจ้าวเฟิง ประหนึ่งจะกลบฝังเขาให้มิด ไม่ถึงครึ่งช่วงลมหายใจ พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงก็ถูกบีบคั้นจนเปลี่ยนรูป

“เบาะรองนั่ง!” จ้าวเฟิงก้าวไปหาเบาะรองนั่งที่อยู่ใกล้เขาที่สุด

โครม! พลังวิญญาณถูกกดดันไปจนถึงในดวงวิญญาณของจ้าวเฟิง หมอกควันหนาสีม่วงลอยไปจู่โจมวิญญาณของจ้าวเฟิงทันที

โครม แซ่ด! จ้าวเฟิงโคจรรีบตราอัสนีเทวะในกายวิญญาณอัสนี

ตราอัสนีเทวะที่ยังเหลือพันกว่าเส้นสายส่องประกายสายฟ้าแวววับอย่างฉับพลัน พลังอัสนีเทวะแตกกระจายออกไป

โครม ฟุ่บ ฟุ่บ! หมอกควันหนาสีม่วงจำนวนไม่น้อยที่อัดแน่นอยู่บนวิญญาณของจ้าวเฟิงถูกพลังอัสนีเทวะทำลายไป แรงกดดันของจ้าวเฟิงพลันลดน้อยลง สามารถก้าวเท้าออกไปได้อีกก้าวหนึ่ง

วิ้ง! ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปกคลุมไปด้วยแสงสีทองอ่อนชั้นหนึ่ง

เมื่อใช้ ‘แสงส่องทะลุ’ ทัศนวิสัยของจ้าวเฟิงแทบจะไม่ได้รับผลกระทบ มองทะลวงทุกสรรพสิ่ง ด้วยเหตุนี้สติของจ้าวเฟิงจึงยังอยู่ในสภาวะแจ่มชัดได้

ระยะห่างระหว่างจ้าวเฟิงกับเบาะรองนั่งใกล้กันเข้าไปทุกที

“หืม? บางทีข้าอาจจะแยกส่วนหมอกหนาสีม่วงพวกนี้ได้!”

จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เกิดความคิดแผลงๆ ขึ้น

แต่หมอกม่วงในชั้นที่เก้ามีจำนวนมากกว่าที่จ้าวเฟิงคิดเอาไว้ เหมือนวัตถุของจริง กระจายอยู่ทั่วในอากาศ อีกทั้งโครงสร้างจุดของหมอกม่วงซับซ้อนอย่างมาก หากจะแยกส่วนคงสำเร็จจริงยาก

“แต่หากข้าเปลี่ยนวิธีการ ‘แยกส่วน’!”

จ้าวเฟิงเกิดความคิดใหม่ๆ

แต่ไหนแต่ไรมา ลำแสงแยกส่วนของจ้าวเฟิงส่งออกไปเป็นเส้นตรงทั้งสิ้น

แต่ความจริงแล้ว การ ‘แยกส่วน’ ไม่ได้จำกัดไว้เพียงเท่านี้ ก็เหมือนกับใช้กระบวนต่างๆ ที่ยึดตามผู้ใช้เป็นสำคัญว่าจะสามารถทำอะไรออกมาได้บ้าง

ทันใดนั้นเอง!

ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงแผ่คลื่นแสงสีทองอ่อนออกมา บิดโค้งในอากาศ จากนั้นจึงโอบล้อมจ้าวเฟิงไว้ภายในจนกลายเป็นเกราะคุ้มกันสีทองอ่อน

ฟู่! หมอกหนาสีม่วงที่เข้าจู่โจมไม่หยุดพวกนั้น เมื่อทะลุเข้ามาในเกราะป้องกันสีทองอ่อนจะถูกแยกออกไปส่วนหนึ่ง พลานุภาพจะลดลงไปมาก

ตึก ตึก! จ้าวเฟิงพลันสาวเท้าออกไปสองก้าว ยืนบนเบาะรองนั่งทันใด

ฉับพลันนั้น ชั้นที่เก้าเปล่งแสงประกายสีม่วงออกมา!

แต่นั่นเป็นเพราะจ้าวเฟิงยืนอยู่บนเบาะรองนั่ง จึงเท่ากับว่าได้ฝึกตนอยู่บนเบาะแล้ว

ด้วยเหตุนี้พลานุภาพของหมอกม่วงจึงยิ่งแกร่งขึ้น

“ทนไว้ก่อน!” ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเปล่งประกายสีทองสุกสกาวไม่หยุด คลื่นสีทองอ่อนทะลักออกมาอย่างต่อเนื่องล้อมรอบจ้าวเฟิงเอาไว้

ส่วนในวิญญาณของจ้าวเฟิง ตราอัสนีเทวะจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็เปล่งแสงสว่าง กระตุ้นพลังอัสนีเทวะทั้งหมดขึ้น

……

ในวินาทีนี้ จ้าวเฟิงใช้ไพ่ตายทั้งหมด กระตุ้นทุกอย่างไปจนถึงขีดสุด

โครม! เกราะแสงระลอกสีทองรอบกายจ้าวเฟิงจึงสลายไป ตราอัสนีเทวะในกายวิญญาณอัสนีก็ค่อยๆ อับแสงลงไป

‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ และ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ไร้ประโยชน์ลงไปทีละน้อย

เขาเพียงแค่ยืนอยู่บนเบาะรองนั่งเป็นเวลาสามช่วงลมหายใจ

“ถอย!” จิตของจ้าวเฟิงยังรักษาสติไว้ได้ส่วนหนึ่ง

ถึงแม้ว่าเขาจะทนต่อได้ถึงหนึ่งช่วงลมหายใจ แต่หลังจากนี้เขาจะสูญเสียแรงต้านทาน จนอาจจะลงไปด้านล่างไม่ไหว

จ้าวเฟิงทะลักปราณที่แท้จริงวายุอัสนี พลันเข้าไปในทางเดินจนมาถึงชั้นที่แปด

แต่เพราะในแต่ละด้านของจ้าวเฟิงแตะถึงขีดสูงสุด ตอนนี้จ้าวเฟิงจึงไม่อาจต้านทานหมอกหนาสีม่วงได้อีกต่อไปแล้ว และด้วยเหตุนี้ หมอกหนาสีม่วงในชั้นที่แปดของหอคอยดาราม่วง จ้าวเฟิงจึงต้านทานไม่ไหว จิตใจค่อยๆ สับสนวุ่นวาย

โครม แซ่ด! จ้าวเฟิงโบยบินในชั้นที่แปดของหอคอยดาราม่วงอย่างรวดเร็ว ตรงดิ่งลงไปยังทางเดินจนถึงชั้นที่เจ็ด

ชั้นที่เจ็ดของหอคอยดาราม่วงเป็นสถานที่ที่เหมาะให้ขอบเขตพลังจักรพรรดิฝึกฝน

เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว จ้าวเฟิงจึงถอนหายใจโล่งอก ขอแค่เขายังมีพลังวิญญาณเหลือเพียงเล็กน้อย ก็มากพอจะอยู่ต่อได้อย่างปลอดภัย

“จ้าวเฟิง? ” ด้านข้าง จีเติงเทียนมองเห็นจ้าวเฟิงพุ่งออกมาจากทางเดินสู่ชั้นแปด ก็ชะงักค้างอยู่กับที่ทันใด ไม่ใช่ลูกหลานตระกูลจี แต่คนที่อยู่ในชั้นที่แปดกลับเป็นจ้าวเฟิง!

จ้าวเฟิงไม่ใส่ใจจีเติงเทียน เขาแค่ฝึกตนอยู่ในชั้นแปดหนึ่งวันเท่านั้น น่าจะไม่มีผลกระทบอะไรกระมัง

เขากินทรัพยากรล้ำค่าส่วนหนึ่งเข้าไปหล่อเลี้ยงวิญญาณ และเวลาเดียวกันก็ยังโคจร ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ เพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บในวิญญาณ

“วิชาเทพคืนวิญญาณขั้นที่หกสมบูรณ์แบบแล้ว!”

จ้าวเฟิงอดหัวเราะน้อยๆ ไม่ได้ ดูท่าการเสี่ยงอันตรายขึ้นไปชั้นเก้าของหอคอยดาราม่วงนับว่าคุ้มค่าแล้ว

“จ้าวเฟิง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะอยู่ในชั้นแปดของหอคอยดาราม่วงนานขนาดนี้!”

จีเติงเทียนเอ่ยออกมาในที่สุด

เป็นจ้าวเฟิงนั่นเองที่ฝึกตนอยู่ชั้นที่แปด เช่นนั้นทุกอย่างก็สมเหตุสมผลขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ถึงอย่างไรจีเติงเทียนก็เคยเห็นความสามารถของจ้าวเฟิง มาก่อน เขายอมรับว่าไม่อาจเทียบได้ หนำซ้ำความสามารถต่างๆ ของจ้าวเฟิงตอนทดสอบคัดเลือกรัชทายาทก็น่าตื่นตะลึงนัก

ด้วยเหตุนี้ เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับจ้าวเฟิง จีเติงเทียนจึงไม่ได้ตื่นตะลึงง่ายดายอย่างนั้นอีก

“อืม หอคอยดาราม่วงของตระกูลจีสมคำร่ำลือ!”

จ้าวเฟิงเอ่ยชม

เสียดายก็แต่คำสั่งอนุญาตผ่านเข้าออกหอคอยดาราม่วงมีโอกาสใช้ได้เพียงครั้งเดียว

“สหายจ้าวกลับไปพักฟื้นก่อนเถอะ เข้ามาในหอคอยดาราม่วงชั้นแปดเป็นครั้งแรกแต่อยู่ได้นานขนาดนี้ ก็เหนือกว่าเซียนธรรมดามากแล้ว!”

จีเติงเทียนมองความอ่อนล้าของจ้าวเฟิงออก หากจ้าวเฟิงลงมาจากชั้นแปดแล้วไม่มีอาการอะไร ถึงจะเป็นเรื่องผิดปกติ

“อืม!” จ้าวเฟิงค่อยๆ ดูดซึมตัวยาล้ำค่าที่กินลงไปเมื่อครู่ พลางโคจร ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ จากนั้นจึงออกจากหอคอยดาราม่วงไปช้าๆ

แต่จีเติงเทียนกลับรั้งอยู่ในชั้นที่เจ็ด อย่างไรเสียเขาก็สิ้นเปลืองบรรณาการของตระกูลไปมากมาย จะให้จากไปเช่นนี้ก็สิ้นเปลืองอยู่บ้าง

บริเวณด้านนอกหอคอยดาราม่วง

“ข้าไม่ได้มองผิดไปกระมัง เมื่อครู่หอคอยดาราม่วงชั้นเก้าเปล่งแสงสว่าง!”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? หรือว่าจะมีคนของตระกูลจีฝึกตนที่ชั้นเก้าได้? ”

“นี่ ไม่ใช่ว่าหอคอยดาราม่วงมีปัญหาจริงหรอกนะ!”

คนที่มุงดูในที่นั้นยืนนิ่งกับที่อยู่พักใหญ่ๆ ถึงจะพูดคุยกัน

จะต้องรู้ว่า ชั้นที่เก้าของหอคอยดาราม่วงเป็นสถานที่ฝึกตนของราชาแห่งเซียน

ชั้นที่เก้าในหอคอยดาราม่วงของตระกูลจี ไม่เปล่งแสงเป็นระยะเวลานานนับหมื่นปีแล้ว แต่เมื่อครู่นี้ ชั้นที่เก้าของหอคอยดาราม่วงเปล่งแสงสว่างในชั่วพริบตา!

ถึงแม้เป็นเวลาเพียงชั่วครู่เดียว แต่อิทธิพลของมันโดดเด่นมากกว่าเวลาสิบชั่วยามของชั้นที่แปดเสียอีก

“นี่ ต้องไปรายงานท่านปู่ทวดหรือไม่?”

จีเหลียนฉุกคิดขึ้น เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ธรรมดาแล้ว

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงปรากฏกายขึ้นที่หน้าประตูหอคอยดาราม่วง

“จีเซิ่งหมิง เขาก็คือจ้าวเฟิง!”

จีเหลียนลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปทันที

“เหอะๆ เป็นแค่จักรพรรดิเท่านั้น เข้าไปในหอคอยดาราม่วงเป็นครั้งแรกก็ออกมาด้วยท่าทีอ่อนแอแบบนี้เลย!”

จีเซิ่งหมิงมองจ้าวเฟิงที่เดินออกมา พลันหัวเราะเยาะอย่างอดไม่ได้

“จ้าวเฟิง เสียทีที่เจ้าหลบอยู่ในหอคอยดาราม่วงได้นานขนาดนั้น!”

จีเหลียนรีบก้าวเท้าออกมา เผยท่าทางโหดเหี้ยม ในตอนนี้จีเซิ่งหมิงก็เข้าข้างเขา เขาจึงไม่เชื่อว่าตนเองจะจัดการจ้าวเฟิงไม่ได้

จีหลานเห็นจ้าวเฟิงจากที่ไกลๆ ถึงตื่นขึ้นจากภวังค์

ถึงแม้ว่าจะไม่เชื่อ แต่นางก็รู้ดี คนที่จะเข้าไปในชั้นที่เก้าของหอคอยดาราม่วงได้ มีแต่จ้าวเฟิงเท่านั้น!

แต่ในตอนนี้ ดูท่าทางจ้าวเฟิงอ่อนแออย่างมาก คงเพราะเข้าไปในชั้นที่เก้า หากเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของจีเซิ่งหมิงกระนั้นหรือ?

รอบบริเวณ ลูกหลานคนอื่นของตระกูลจีพลันเข้ามามุงดู พวกเขารอมานานเพียงนี้ แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าคนที่ไปฝึกตนในชั้นที่เก้าเป็นใคร หากตอนนี้มีเรื่องเพลินใจก็ไม่เลวนัก

“จ้าวเฟิง หากเจ้าสามารถรับมือข้าได้สามกระบวนท่า วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปแล้วกัน”

จีเซิ่งหมิงลอยลงมาจากกลางอากาศ เอ่ยด้วยน้ำเสียงดูหมิ่น

เขาไม่อยากกลายเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก ดังนั้นถึงพูดเช่นนี้

ถึงแม้จะบอกว่าสามกระบวนท่า แต่ถ้าจีเซิ่งหมิงพุ่งโจมตีไปจนสุดแรง ย่อมต้องทรมานจ้าวเฟิงจนเหมือนตายทั้งเป็นได้แน่

“ไสหัวไป ตอนนี้ข้ากำลังยุ่ง!”

จ้าวเฟิงปรายตามองคนทั้งสองอย่างหงุดหงิด

จ้าวเฟิงผ่านประสบการณ์ในหอคอยดาราม่วง เก็บเกี่ยวได้เป็นจำนวนมาก ยังต้องรีบกลับไปฝึกตนรักษาอาการบาดเจ็บ ไหนเลยจะมีเวลามาทะเลาะวิวาทที่นี่กันเล่า

“เหอะ พูดด้วยดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ลงไม้ลงมือ!”

จีเซิ่งหมิงสีหน้าโหดเหี้ยม

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้เยาว์คนนี้จะเย่อหยิ่งเย็นชา และไม่เคารพเขาแบบนี้

วิ้ง! ดวงตาสองข้างของจีเซิ่งหมิงเปล่งแสงดาราม่วงในฉับพลัน

แต่ในวินาทีต่อมา ดวงตาสีทองของจ้าวเฟิงกวาดผ่านมองคนทั้งสองปราดหนึ่ง เจตจำนงดวงตาที่เขย่าขวัญสั่นวิญญาณสาดซัดออกมา ก่อนเก็บงำกลับไปอย่างรวดเร็ว

เฮือก! รอบหอคอยดาราม่วงตกอยู่ในความเงียบสงัด ไร้ซึ่งสรรพเสียงใด

ในวินาทีนั้น จ้าวเฟิงระเบิดจิตสำนึกและพลังดวงตาออกมา ทำให้สายเลือดดวงตาของพวกเขาสั่นสะท้านหวาดกลัว ชั้นวิญญาณก็เหมือนโดนกดดันจากภูเขาขนาดมหึมา

แต่จีเหลียนและจีเซิ่งหมิงกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาสองข้างอ่อนแสงลงไป ตกอยู่ในห้วงมายา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!