Skip to content

King of Gods 1019

King Of Gods

บทที่ 1019 พัฒนาการร่างกาย

“ข้าวางแผนจะให้หงหลิงฝึกฝีมือในสนามรบ วันนี้คงต้องมอบนางให้แก่สหายน้อยจ้าวแล้ว!”

ผู้เฒ่าชุดขาวเอ่ยพลางยิ้มตาหยี

“สนามรบกับต่างเผ่าพันธุ์อันตรายอย่างยิ่ง ข้าน้อยไร้ความสามารถ เกรงว่าจะคุ้มกันความปลอดภัยให้แม่นางหงหลิงไม่ได้!”

จ้าวเฟิงตื่นตะลึง ในที่สุดก็เข้าใจความหมายของผู้เฒ่าชุดขาว

หากให้เถี่ยหงหลิงอยู่ติดตามข้างกาย ไม่ใช่เป็นการผูกความสัมพันธ์กับตระกูลเถี่ยให้ยุ่งเหยิงยิ่งขึ้นไปอีกหรือ ถ้าหากเถี่ยหงหลิงเป็นอะไรขึ้นมา เกรงว่าจ้าวเฟิงจะสลัดตระกูลเถี่ยไม่พ้นไปตลอดกาล

“คุณชายจ้าว เร็วเพียงนี้ท่านก็รังเกียจหงหลิงแล้วหรือ?”

เถี่ยหงหลิงยิ้มหยอกล้อ มองมาทางจ้าวเฟิง

“สหายน้อยจ้าว อย่าถ่อมตัวอีกเลย ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน!”

ผู้เฒ่าชุดขาวหัวเราะอย่างเริงใจ

แต่จ้าวเฟิงกลับมีสีหน้าเศร้า ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเถี่ยในตอนนี้ทำให้จ้าวเฟิงหวนระลึกถึงเจ้าเมืองหงหู่ในทวีปบุปผาคราม

ขัดแย้งกับผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเถี่ยไป ก็ไม่ได้เรื่องอะไร

‘ตระกูลเถี่ยคงคิดจะจับคู่ข้ากับเถี่ยหงหลิง ขอแค่ข้าทอดทิ้งหรือไม่แยแสนาง เชื่อว่าเถี่ยหงหลิงจะค่อยๆ เกลียดข้าไปเอง…’

จ้าวเฟิงวางแผนในใจ ขอแค่เถี่ยหงหลิงเกลียดจ้าวเฟิง เช่นนั้นแล้วเรื่องนี้ก็ไม่สำเร็จแน่

สุดท้ายแล้ว จ้าวเฟิงไม่ได้พูดอะไรอีก เรื่องนี้ก็คงต้องเอาตามนี้

หลังจากที่จ้าวเฟิงจากไป ภายในตำหนักค่อยๆ ปรากฏเงาร่างส่วนหนึ่งขึ้น

“หงหลิง รู้สึกว่าจ้าวเฟิงคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

ผู้เฒ่าชุดขาวถามพลางยิ้ม

“ท่านปู่ ท่านมองความในใจหงหลิงไม่ออกหรือ?”

วงหน้าของเถี่ยหงหลิงแดงระเรื่อ มีท่าทีมุ่งมาดปรารถนา

“ฮ่าๆ ข้าบอกแล้ว ศักยภาพของจ้าวเฟิงอยู่เหนืออัจฉริยะทุกคนในรายชื่อวิถีราชา ไม่จำเป็นต้องหยั่งเชิง!”

เสียงของเถี่ยหงหนานดังขึ้น

……

หลังจากกลับมาถึงที่พักองค์ชายเก้าและพวก จ้าวเฟิงเล่าเรื่องทั้งหมด

“สหายจ้าว นี่เป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก ได้ยินมาว่าพรสวรรค์ของเถี่ยหงหลิงไม่ด้อยไปกว่าเถี่ยหลิงอวิ๋นแม้แต่น้อย เพียงแต่ผู้อาวุโสของเถี่ยหลิงอวิ๋นมีอำนาจอย่างมากในตระกูลเถี่ย เถี่ยหงหลิงจึงไม่ได้ไปช่วงชิงลำดับรายชื่อในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท!”

ตาเฒ่าอิงรีบเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ฮ่าๆ อีกอย่าง เถี่ยหงหลิงก็เป็นกำลังรบที่ไม่เลวนัก จะช่วยเหลือการเดินทางครั้งนี้ของพวกเจ้าได้มากนัก!”

เซียนฉยงคงหัวเราะเสียงดัง

อัจฉริยะในแปดตระกูลใหญ่และขั้วอำนาจมากมายติดพันเถี่ยหงหลิง แต่ไม่ได้นางมาครอบครอง วันนี้ตระกูลเถี่ยกลับมอบเถี่ยหงหลิงให้กับจ้าวเฟิง จะให้อัจฉริยะรุ่นเยาว์ในต้าเฉียนทนแบกรับเรื่องนี้ได้อย่างไร

“ถูกต้อง เถี่ยหงหลิงเป็นกำลังรบที่ไม่เลวเลย!”

ตาเฒ่าอิงเห็นด้วยมาก

จากนั้น จ้าวเฟิงจึงรู้จากปากตาเฒ่าอิงว่าเซียนฉยงคงเป็นเพียงคนที่ราชวงศ์ส่งมาดูแลความปลอดภัยขององค์ชายเก้าเท่านั้น แต่จะไม่ร่วมรบเพื่อองค์ชายเก้า

หากเป็นเช่นนี้ กำลังรบในฝั่งองค์ชายเก้านับว่าต่ำลงไปเล็กน้อยจริงๆ

ดีที่หลังจากไปถึงมณฑลหลานแล้ว องค์ชายเก้าสามารถโยกย้ายสมาชิกในขั้วอำนาจเบื้องหลังเขาได้

อย่างเช่นสมาชิกในหอควันสมุทรที่เป็นสังกัดของจ้าวเฟิง หากอยู่ที่มณฑลหลานเช่นกัน เช่นนั้นก็จะโยกย้ายไปยังที่มั่นขององค์ชายเก้าได้ทันที

อีกอย่างจ้าวเฟิงเองก็รู้ว่าภารกิจหลักขององค์ชายเก้าก็คือ…ชิงเมือง

พื้นที่สามมณฑลของต้าเฉียนถูกยึดครองไปแล้วครึ่งหนึ่ง ย่อมต้องช่วงชิงกลับมา

ป้องกันง่ายดาย โจมตียากกว่า ในทุกจุดยุทธศาสตร์หรือเมืองแทบจะมีกำลังรบขั้นเซียนป้องกันอยู่เสมอ คิดจะช่วงชิงเมืองย่อมต้องการกำลังรบที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เถี่ยหงหลิงก็มีประโยชน์มากจริงๆ ถึงแม้นางจะมีขอบเขตพลังขั้นปฐมเซียน แต่พลังต่อกรกับเซียนทั่วไปได้แล้ว ทว่าไม่อาจจะเอาชนะเซียนต่างเผ่าพันธุ์ได้ อย่างน้อยพอจะยื้อและถ่วงเวลาเอาไว้ได้

ในวันที่สอง เถี่ยหงหลิงจึงออกเดินทางไปที่มณฑลหลานพร้อมกับทุกคน

“นี่ไม่ใช่องค์รัชทายาทหรอกหรือ?”

ทุกคนยังไม่ได้ออกไปจากตำหนัก ด้านล่างมีเสียงดังขึ้น

“ที่แท้ก็เป็นน้องสิบสามนี่เอง!”

องค์ชายเก้ายิ้มรับ

คนที่ติดตามองค์ชายสิบสามมามีทั้งหมดนับร้อย ข้างกายองค์ชายสิบสามยังมีกลิ่นอายของต่างเผ่าพันธุ์ที่แกร่งกล้าผิดปกติห้าสาย

“ได้ยินมาว่าท่านจะเดินทางไปที่มณฑลหลาน บางทีข้าและท่านพี่น่าจะได้เจอกันที่สนามรบ ถึงตอนนั้นแล้วต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วย!”

องค์ชายสิบสามเผยยิ้มที่ดูไม่ใช่ยิ้ม

ใจของทุกคนหวาดกลัว องค์ชายสิบสามเพิ่งมาถึงที่นี่ แต่กลับล่วงรู้จุดหมายปลายทางขององค์ชายเก้าและพวก หนำซ้ำองค์ชายสิบสามจะไปที่มณฑลหลานพอดี การชิงดีชิงเด่นนี้เป็นที่รู้โดยทั่วกัน

“นี่เป็นเรื่องธรรมดา ในฐานะที่เป็นราชวงศ์เหมือนกัน พวกเราต้องพยายามช่วงชิงพื้นที่ที่ถูกยึดครองไปของต้าเฉียนกลับคืนมา!”

องค์ชายเก้าเอ่ยทันที

หลังจากขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแล้ว องค์ชายเก้าก็เรียนรู้อะไรไปมาก เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นจำเป็นต้องสวมหน้ากากเอาไว้

“ขอให้องค์รัชทายาทเดินทางอย่างราบรื่น!”

องค์ชายสิบสามเอ่ยจบจึงเดินทางจากไป

จากนั้น ทุกคนจึงนั่งพาหนะเพลิงวายุเดินทางไปที่มณฑลหลาน

มีคนมากขึ้นอีกหนึ่งคน ทำให้บนพาหนะแน่นขนัดมาก เถี่ยหงหลิงย่อมเกาะติดอยู่กับจ้าวเฟิง แต่จ้าวเฟิงกลับปิดด่านฝึกตนตลอด ไม่ใส่ใจนางสักนิด

“สหายจ้าวช่างแน่วแน่เสียจริง!”

จักรพรรดิเกล็ดปีศาจทอดถอนใจ

สิบวันต่อมา

ทุกคนเดินทางมาถึงเมืองเจียเป่า เมืองแห่งหนึ่งของมณฑลหลาน

“ฝ่าบาท คงต้องมอบที่นี่ให้ท่านดูแลแล้ว!”

เซียนที่เดิมทีเฝ้าดูแลเมืองเจียเป่า จากที่แห่งนี้กลับไปยัง ‘ตำหนักรบ’ ณ มณฑลหลานด้วยความเชื่อมั่น

‘ตำหนักรบ’ เหมือนกับที่พักของทุกคนตอนอยู่ในมณฑลหลิง เป็นศูนย์รวมเรื่องการสงครามทั้งหมดของแต่ละมณฑล

แน่นอนว่าตำหนักรบของมณฑลหลิงมีอำนาจสูงที่สุด

การจากไปของเซียนที่ปกป้องเมืองเจียเป่า ทหารและนายทัพจำนวนมากต่างรู้สึกอาวรณ์ อย่างไรเสียเซียนผู้นี้ก็รบด้วยกันมาร่วมปี

ระดับสมาชิกของเมืองไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แบ่งเป็นขุนพล ผู้บังคับบัญชา และกำลังทหาร และขุนพลย่อมเป็นองค์ชายเก้า

ส่วนแม่ทัพใหญ่คือปฐมเซียนหรือจักรพรรดิ จากผลงานการสู้รบแบ่งออกเป็นสามดาว ยิ่งระดับดาวสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถนำกำลังพลได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น

ส่วนมาตรฐานต่ำที่สุดของกำลังทหารก็คือขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริง

“เฮ้อ ถึงเรื่องนี้จะจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่องค์รัชทายาทจะสู้อย่างไรกัน?”

“ชู่ เจ้าพูดเสียงเบาหน่อย จุดสำคัญคือไม่มียอดฝีมือขั้นเซียนคอยอยู่ข้างกาย

รัชทายาท แต่คนที่วางแผนทั้งหมดน่าจะมี!”

“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก เมืองมังกรจันทรามีเซียนต่างเผ่าพันธุ์สองคน ดูท่าแล้วไม่น่าจะโจมตียึดครองได้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะเสียเมืองก็เป็นได้!”

จำนวนไม่น้อยและกำลังพลในมือมิได้ชื่นชมองค์รัชทายาทองค์ใหม่เท่าไหร่นัก ถึงกระทั่งมีท่าทีต่อต้านอีกด้วย

ในวันที่สอง

องค์ชายเก้าเรียกรวมพลแม่ทัพจำนวนมาก หนึ่งเพื่อทำความคุ้นเคยซึ่งกันและกัน สองเพื่อเข้าใจสถานการณ์ศึก สามก็เพื่อหารือแผนการรับมือ

ถึงแม้ว่าพวกแม่ทัพจะไม่ได้ชื่นชมในตัวองค์รัชทายาทมากนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงทีท่าใดๆ ชัดเจน

ทันทีที่แม่ทัพทั้งหลายเพิ่งเข้ามาในตำหนัก ก็ถูกดึงดูดจากเถี่ยหงหลิง

แม่ทัพจำนวนไม่มากย่อมมองฐานะของเถี่ยหงหลิงออก จึงลบความคิดในใจออกไปเสีย ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็สงสัย เหตุใดเถี่ยหงหลิงแห่งตระกูลเถี่ยจึงมาติดตามองค์ชายเก้าได้

“เป้าหมายหลักในการโจมตีของเมืองเจียเป่าก็คือเมืองมังกรจันทรา ในเมืองมังกรจันทรามีแม่ทัพสี่สิบสามคน เซียนสองคน…”

เมื่อเริ่มประชุม แม่ทัพสามดาวผู้หนึ่งจึงเริ่มอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้พวกองค์ชายเก้าที่เพิ่งจะมาถึงฟัง

สำหรับกำลังรบของเมืองมังกรจันทรา เมื่อปฐมเซียนหลายคนและเซียนที่เคยเฝ้าเมืองเจียเป่าจากไป กำลังรบทั้งหมดจะขาดไปเล็กน้อย มีแม่ทัพเพียงสามสิบสองคน ในกลุ่มนั้นมีแม่ทัพสามดาวเหลืออยู่เพียงสี่คนเท่านั้น

หลังจากรับทราบสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว องค์ชายเก้าจึงถ่ายทอดคำสั่งให้แม่ทัพสี่คน แบ่งออกเป็นตาเฒ่าอิง จ้าวเฟิง จักรพรรดิเกล็ดปีศาจ และเถี่ยหงหลิง

ตามธรรมเนียม คนทั้งสี่ต้องเริ่มจากการเป็นแม่ทัพในระดับหนึ่งดาวก่อน และเมื่อความสามารถด้านการนำรบของพวกเขาสำเร็จไม่เลวแล้ว ถึงจะเพิ่มระดับดาวได้

“ผู้อาวุโสอิง จากนี้ต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วย!”

“แม่นางหงหลิง คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความสูงส่งของท่านอีกครั้ง!”

แม่ทัพที่เหลือต่างพากันสื่อสารกับแม่ทัพคนใหม่

แม่ทัพคนใหม่แทบจะเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งซึ่งองค์ชายเก้านำมาทั้งสิ้น การเลื่อนขึ้นถึงสามดาวเป็นเรื่องที่ช้าหรือเร็วก็ต้องเกิด ซึ่งบุคคลที่น่าสนใจที่สุดย่อมต้องเป็นเถี่ยหงหลิงอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เถี่ยหงหลิงไม่แยแสแม่ทัพเหล่านี้แม้แต่น้อย ดวงตาของนางยังคงจับจ้องจ้าวเฟิงตลอดเวลา จนทำให้แม่ทัพบางส่วนมีสีหน้าบูดบึ้ง

เมื่อการประชุมจบลง จ้าวเฟิง ลูกหลานตระกูลจี และจักรพรรดิเกล็ดปีศาจจึงแยกตัวจากไป

อันที่จริงพวกจีหลานและจีอู๋เหยี่ยก็สามารถขึ้นเป็นแม่ทัพได้ แต่ด้วยทั้งสามคนยังเยาว์วัยนัก จะให้รับตำแหน่งแม่ทัพก็ไม่ค่อยปลอดภัย

อีกทั้งจ้าวเฟิงยังต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของคนทั้งสาม คนของตระกูลจีจึงถูกจัดให้อยู่ในกองกำลังของจ้าวเฟิง

“จักรพรรดิเกล็ดปีศาจ ไม่นานนักหรอก เจ้าก็จะสามารถเลื่อนขึ้นเป็นแม่ทัพสามดาวได้!”

จ้าวเฟิงเอ่ยปลอบ

ในที่ประชุม แม่ทัพคนอื่นมีท่าทีเย็นชาต่อจักรพรรดิเกล็ดปีศาจที่ไม่มีชื่อเสียง

หลังจากกลับมาถึงที่พัก จ้าวเฟิงจึงรีบปิดด่านทันที

ภายในมนตราอากาศ ปรากฏน้ำหวานสีรุ้งขวดหนึ่งในมือจ้าวเฟิง

“สามารถเพิ่มกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ให้ไปถึงขั้นที่หกได้แล้ว!”

หลังจากการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทจบลง จ้าวเฟิงวุ่นกับการฝึกสายเลือดดวงตาและวิญญาณอยู่ตลอด ต่อมาก็ได้สร้างโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา ช่างยากลำบากและกินเวลายาวนาน

ในวันนี้นับได้ว่ามั่นคงแล้ว

อีกอย่างก่อนการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท จ้าวเฟิงเคยใช้วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนมาก่อนส่วนหนึ่ง หากระยะห่างในการดื่มขวดที่สองสั้นมากเกินไป จะลดฤทธิ์ยาของวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนไป

เพื่อจะเพิ่มประสิทธิภาพของวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนให้ได้มากที่สุด จ้าวเฟิงจึงเอาแต่ยืดเวลาไปให้นานที่สุด

“หลังจากกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทะลวงขั้นที่หก พึ่งเพียงพลังกายข้าก็สามารถต้านทานเซียนทั่วไปได้แล้ว!”

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หกก็เทียบเท่าได้กับขั้นเซียน

ส่วนปฐมเซียนจะมีระดับพลัง สำนึกรู้ และด้านอื่นๆ เทียบเท่าได้กับเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ แต่ระดับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายยังไม่มากพอ จึงไม่ได้เป็นเซียนโดยสมบูรณ์

พลังของจ้าวเฟิงอยู่เหนือปฐมเซียนไปนานแล้ว ในทันทีที่ร่างกายไปแตะขอบเขตเทวาเร้นลับ ก็จะเรียกจ้าวเฟิงว่าปฐมเซียนได้แล้ว

จ้าวเฟิงรีบกิน ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ ลงไปหนึ่งส่วน พลันรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์แทรกซึมสู่อวัยวะภายใน เอ็นและกระดูกทั้งหมด จนถึงแก่นผลึกและภายในกายวิญญาณอัสนี

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าทั่วร่างของตนได้รับการหล่อเลี้ยงจากวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ว่าสรรพคุณยาของวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนนี้รวมไปถึงอัตราส่วนในการดูดซึมด้อยไปกว่าครั้งแรก

จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว

วูบ วู้ม!

ร่างกายของเขาขยายใหญ่ทันที ทั่วร่างมีแสงฟ้าทองโอบล้อม ลวดลายอัสนีประหลาดวูบวาบทั่วร่าง บางคราวก็เปล่งแสงออกมา

หลังจากโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ การดูดซึมวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนเพิ่มขึ้นเท่าตัวหนึ่ง หนำซ้ำผลของยาก็ยังใช้ไปกับหล่อหลอมแก่นแท้ร่างกายอย่างสูงที่สุด

ในครั้งนี้ จ้าวเฟิงเตรียมใช้ผลของวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนทั้งหมดกับการเพิ่มระดับขั้นชีวิต

จ้าวเฟิงหลับตาสองข้างลง ทั่วร่างอยู่ภายในวายุอัสนีธาตุไฟ เสียงแซ่ดๆ ดังขึ้นไม่หยุด

แซ่ด โครม!

ในวินาทีหนึ่ง กระดูกทั่วร่างจ้าวเฟิงดังลั่นกรอบแกรบ ริ้วลายสีทองแดงบนผิวหนังวูบไหวและแผ่ขยาย เปล่งแสงสีทองออกมา

วูบ!

ในชั่ววินาทีนั้นเอง ร่างกายและกระดูกทั่วร่างจ้าวเฟิงขยายใหญ่ขึ้นกึ่งหนึ่งจนเป็นประหนึ่งยักษ์ อยู่เหนือกว่าคนธรรมดาไปแล้ว

วิ้ง!

แสงแก่นแท้พลังของสายฟ้าสีแดงและทองอ่อนที่เห็นได้เลือนรางปรากฏขึ้นรอบกายจ้าวเฟิง แก่นแท้พลังสายฟ้าไร้รูปร่างสาดกระจายออกไป

โครม! รัศมีหลายจั้งรอบตัวจ้าวเฟิงพลันตกลงสู่ความมืดมิด

ยังดีที่จ้าวเฟิงอยู่ภายในมนตราอากาศ มิเช่นนั้นสถานที่ที่เขาอยู่ก็คงจะพังทลายไป

วิ้ง!

สายฟ้าแก่นแท้พลังสีแดงและทองอ่อนรอบกายจ้าวเฟิงยิ่งเปล่งแสงสว่างขึ้น จนเกือบจะเป็นรูปธรรม สุดท้ายลายสายฟ้าสีทองแดงของใหม่ทั้งหมด ก็หดกลับเข้าไปรวมอยู่ภายในร่างของจ้าวเฟิง

“กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หก!” ใบหน้าจ้าวเฟิงปรากฏแววตื่นเต้นยินดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!