บทที่ 1049 ทะลวงขั้นเซียน (1)
นานหลังจากนั้น หมอเทวดาอวี้หลิงลืมตาขึ้น แววตาตื่นตกใจอย่างยิ่ง
สรรพคุณของน้ำลึกลับนี่เกินความคาดหมายยิ่งนัก ดื่มเข้าไปเพียงอึกเล็กๆ ระดับขั้นวิญญาณของนางก็ได้รับการพัฒนาขึ้น เพิ่มอายุขัยได้ในระดับหนึ่ง สำนึกรู้วิญญาณก็ควบแน่น วิญญาณสงบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หากหลอมยาในยามนี้ทันที หมอเทวดาอวี้หลิงมั่นใจว่าจะสามารถหลอมยาที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น
“ ‘น้ำ’ ชนิดนี้ รวมกับเลือดของเสืออัคคีปีกทอง ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถหลอมยาที่สหายน้อยจ้าวกล่าวถึงได้!”
หมอเทวดาอวี้หลิงเอ่ยขึ้นหลังจากสงบจิตสงบใจได้แล้ว
นางในยามนี้เพิ่งจะรู้ว่าตนเองดูถูกผู้เยาว์คนนี้ไปแล้วจริงๆ ของที่จ้าวเฟิงนำออกมาทุกครั้งล้วนเป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่เคยปรากฏในดินแดนทวีปมาก่อน แม้กระทั่งนางยังต้องใจเต้น
“ผู้อาวุโสหลอมยาเพื่อตำหนักราชัน จะมอบรางวัลให้ตามผลงานที่ผู้อาวุโสทำเหมือนกับสมาชิกคนอื่น!”
จ้าวเฟิงรู้ว่าหมอเทวดาอวี้หลิงสนใจ ‘น้ำสระ’ ลึกลับที่ตนนำออกมาเป็นอย่างมาก จึงเอ่ยยิ้มๆ
ถึงแม้ในห้วงฝันบรรพกาลมีสระน้ำสระหนึ่งอยู่ แต่เขาก็ไม่อาจนำมันออกมาง่ายๆ มิฉะนั้นแล้วก็รังแต่จะเพิ่มความปรารถนาของหมอเทวดาอวี้หลิงให้มากขึ้น
จากนั้น จ้าวเฟิงก็จากหอปรุงยากลับไปยังตำหนักของตน
“ปี้ชิงเยวี่ย ให้คนส่งข่าวที่เกี่ยวกับสถานการณ์สงครามแนวหน้ากับข้อมูลของการทะลวงขั้นเซียนมา!”
จ้าวเฟิงออกคำสั่งผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ
วันที่สอง ก็มีคนส่งข่าวที่จ้าวเฟิงต้องการมา
จ้าวเฟิงโคจรหมื่นห้วงคิดเซียน หนังสือรายงานข่าวสารทั้งหมดล่องลอยไปทั่ว เปิดให้อ่านเองทีละหน้า
“เซียนหมื่นปรากฏการณ์กลับสู่สนามรบ เซียนจากฐานที่มั่นรอบเมืองเหมิงมารวมตัวกันทั้งหมด ต้านทานเขาเอาไว้ชั่วคราว จากนั้นเซียนต้าเฉิงจากตำหนักรบมณฑลหลานมาถึงและโจมตีเขาจนล่าถอยไป…”
จ้าวเฟิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ไม่ผิดจริงๆ หลังจากที่ฟื้นตัวแล้ว เซียนหมื่นปรากฏการณ์ก็กลับลงสู่สนามรบ เป้าหมายก็เพื่อจะแก้แค้นจ้าวเฟิง
ครั้งนี้ตำหนักรบมณฑลหลานเหมือนจะรู้สึกได้ก่อนแล้ว จึงออกคำสั่งเอาไว้ล่วงหน้า กำลังรบขั้นเซียนของเมืองใหญ่รอบๆ เลยมุ่งมายังเมืองเหมิงอย่างรวดเร็ว และต้านทานเซียนหมื่นปรากฏการณ์เอาไว้ได้ชั่วขณะ หากองค์ชายสิบสามคิดจะก่อกวนก็ไม่มีทางทำได้เลย!
สุดท้าย เซียนเทวาเร้นลับชั้นสูงก็มาถึง โจมตีเซียนหมื่นปรากฏการณ์จนล่าถอย เมืองเหมิงจึงไม่ถูกยึดไป
แต่ทว่า การต่อสู้ระหว่างเซียนหมื่นปรากฏการณ์และเทวาเร้นลับชั้นสูง ทำให้สงครามเริ่มยกระดับขึ้น เซียนเทวาเร้นลับชั้นต้นเริ่มปรากฏขึ้นบนสนามรบ ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำค่อยๆ ถอนตัวจากสนามรบมาเป็นทัพแนวหลัง
“หยูเฟยก็มายังสนามรบแล้ว?”
จ้าวเฟิงตื่นตกใจ
จากการสืบค้นอย่างละเอียด จ้าวเฟิงพบว่าเวลาที่หยูเฟยมาถึงสนามรบ ก็คือยามที่เขาจากมาพอดี
หยูเฟยในยามนี้ ระดับพลังรุดหน้ารวดเร็วมากเพราะสายเลือดของนาง ทะลวงถึงขอบเขตเทวาเร้นลับแล้ว
ทว่าหยูเฟยอยู่ในเมืองขององค์ชายสิบสาม ถึงแม้จะคิดฝึกฝนพลัง แต่ก็กลายเป็นการช่วยองค์ชายสิบสามสร้างผลงานการรบมากมายโดยไม่ตั้งใจ…
สงครามดำเนินมาจนถึงช่วงนี้ กำลังรบระดับล่างของสองราชวงศ์ล้มตายอย่างหนักหนามากเกินปกติ จำนวนคนในสนามรบเริ่มลดลง สงครามยกระดับขึ้นอีกครั้ง สมาชิกผู้นำระดับสูงของขั้วอำนาจสำนักราชวงศ์ต้าเฉียนก็เริ่มเข้าร่วมสงคราม
อย่างเช่นเซวียนหยวนเหวิน ลั่วจุน สืออวี่เหลย จีไป๋ และเจียงฮ่าว อัจฉริยะชั้นยอดที่เคยเข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท ก็เริ่มปรากฏตัวในสนามรบ
หลังจากนั้น จ้าวเฟิงเปิดสถานการณ์ศึกของอีกสองมณฑลออกอ่าน สถานการณ์ทั่วไปส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับมณฑลหลาน
หลังจากที่อ่านข้อมูลเกี่ยวกับสนามรบแนวหน้าจบเเล้ว จ้าวเฟิงก็เริ่มอ่านข้อมูลเรื่องการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ
ข้อมูลเหล่านี้ โดยพื้นฐานเป็นความรู้ที่ผู้แข็งแกร่งซึ่งทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับสำเร็จแล้วบันทึกทิ้งไว้ การบอกเล่าทุกฉบับแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากอ่านข้อมูลพวกนี้เสร็จแล้ว จ้าวเฟิงได้อะไรใหม่ไม่น้อย ต่อไปก็เตรียมตัวเพื่อทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ อันดับแรก จ้าวเฟิงนำของล้ำค่าธาตุไฟชุดสุดท้ายออกมาหลายชนิด โคจร ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ทำวายุอัสนีธาตุไฟขั้นที่แปดให้เสถียรขึ้นอีกครั้ง
แก่นผลึกในจุดตันเถียนเเวววับเปล่งปลั่ง เสถียรและแข็งแกร่ง ในมิติแก่นผลึก ปราณแท้จริงวายุอัสนีสามสีล้นทะลักเป็นสายเดียว เปรียบดั่งคลื่นทะเลคลั่งที่ซัดโถมไม่หยุดหย่อน
วันที่สอง จ้าวเฟิงลืมตาทั้งสองข้างขึ้น กลิ่นอายพลังบนร่างเพิ่มขึ้นหลายส่วน
“วายุอัสนีธาตุไฟถึงขีดจำกัดแล้ว!”
สีหน้าจ้าวเฟิงแฝงไว้ด้วยความยินดี
พรึ่บ! เสี้ยววินาทีถัดมา ความคิดของจ้าวเฟิงก็มายังห้วงฝันบรรพกาล
การปรากฏตัวหรือหายไปอย่างกะทันหันของจ้าวเฟิง เสืออัคคีปีกทองชินชาเสียแล้ว
จ้าวเฟิงมายังข้างสระน้ำ เมื่อดื่มน้ำในสระหลายอึกก็เริ่มเบิกเนตรเทพเจ้า เข้าสู่สภาวะการฝึกฝน
จ้าวเฟิงสามารถควบคุมแก่นแท้ชีวิต ปลดปล่อยวิญญาณ พยายามให้น้ำมีประโยชน์ต่อวิญญาณของตนมากที่สุด เขาเบิกเนตรเทพเจ้าก็เพื่อจะยกระดับผลลัพธ์ของการบรรลุสำนึกรู้ชนิดนี้
“ผลลัพธ์ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่!”
อีกนานหลังจากนั้น จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น
น้ำยังคงส่งผลกับแก่นแท้ชีวิตของจ้าวเฟิงก่อน จากนั้นพลังส่วนน้อยจึงจะส่งผลไปยังสำนึกรู้วิญญาณ
“ไม่อย่างนั้นก็ลองแบบนี้….” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็พูดขึ้น
จากนั้น ภายในกายของจ้าวเฟิง กายวิญญาณลึกล้ำสีม่วงหม่นที่เต็มไปด้วยลายอัสนีสีขาวก็พุ่งลงไปในสระน้ำ
วิญญาณและร่างของจ้าวเฟิงแยกออกจากกัน วิญญาณเข้าไปในสระน้ำเพียงลำพัง เช่นนี้น้ำในสระก็จะไม่ส่งผลกับแก่นแท้ชีวิต
“ได้ผล!”
ชั่วเสี้ยววินาทีที่กายวิญญาณเข้าไปในสระน้ำ จ้าวเฟิงก็สามารถตัดสินได้ว่า สระน้ำมหัศจรรย์นี้มีผลต่อกายวิญญาณอย่างเดียวได้เช่นกัน
ทันใดนั้น ความหนาวเหน็บลึกซึ้งจู่โจมไปทั่ววิญญาณของจ้าวเฟิง
ในเสี้ยววินาทีนั้น การรับรู้ประสาทสัมผัสวิญญาณและปฏิกิริยาตอบสนองเพิ่มขึ้นหลายเท่า ราวกับเข้าไปในโลกแห่งกระแสน้ำที่กระแสเวลาไหลไปอย่างเชื่องช้า ขยายใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าความคิดจิตวิญญาณของตนค่อยๆ แผ่กระจายออก ผสานเข้ากับฟ้าดินที่กว้างใหญ่ ความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแแปลงแค่เพียงเล็กน้อยทั้งหมดล้วนถูกจ้าวเฟิงจับได้หมด
กฎเกณฑ์ฟ้าดินกับพลังเสวียนอ้าวผสานเข้าไปในจิตสำนึก
จ้าวเฟิงเคลิบเคลิ้มอยู่ในการทำความเข้าใจสำนึกรู้ชนิดนี้ รู้สึกเหมือนว่ากายใจยิ่งหนักอึ้งเย็นเยือก ดั่งตกตะกอนอยู่ใต้ก้นทะเลลึก จิตใจสงบนิ่ง แต่กลับสามารถรับรู้ถึงสำนึกรู้และกฎเกณฑ์!
ในห้วงฝันบรรพกาล เสืออัคคีปีกทองบางตัวมองมายังกายวิญญาณของจ้าวเฟิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่กลางสระน้ำ
กลิ่นอายที่วิญญาณจ้าวเฟิงกระจายออกมาอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ความเร็วของการเคลื่อนไหวตราอัสนีเทวะบนนั้นก็ช้าลงเช่นกัน คล้ายกับว่าใกล้จะหยุดลงแล้ว
กระทั่งว่าในยามนี้ ‘ตราผนึกดวงใจทมิฬ’ ในวิญญาณของเสืออัคคีปีกทองที่ตัวค่อนข้างโตสองตัวอ่อนกำลังลง
ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ!
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง จู่ๆ ก็เต้นตุบขึ้นมา กลิ่นอายพลังดั้งเดิมโบราณรั่วไหลออกมาจากในนั้น กายวิญญาณของจ้าวเฟิงพลันแผ่กระจายกลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่งออกมา
เสืออัคคีปีกทองสิบกว่าตัวที่อยู่รอบๆ พลันฉายแววตื่นกลัว หมอบคลานอยู่กับพื้น สั่นสะท้านไปทั้งตัว
แต่กลิ่นอายบรรพกาลสายนี้ปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยวขณะก็เลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“นายท่านมีสายเลือดบรรพกาลขั้นสุดยอดจริงๆ ด้วย!”
จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองพึมพำเสียงต่ำอย่างตกใจ
“เกือบไปแล้ว!”
จ้าวเฟิงลืมตาทั้งสองข้างทันใด วิญญาณรีบบินออกจากสระน้ำกลับเข้ามาในร่าง
หลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว เขาถึงจะเข้าใจว่าเมื่อครู่ตนเองมีอันตรายมากเพียงใด วิญญาณเกือบจะหลับลึกไปอย่างนั้นแล้ว
ช่วงเวลาสำคัญ ดวงตาเทพเจ้าช่วยเข้าไว้อีกแล้ว
“ดูท่าทำแบบนี้จะอันตรายเกินไป!” จ้าวเฟิงหวาดหวั่นในใจ
วิญญาณหลุดออกจากร่างเมื่อใด ก็จะอ่อนแอลงอย่างช้าๆ นอกเสียจากกายวิญญาณของจ้าวเฟิง จะไปถึงขอบเขตพลังที่สูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
อีกทั้งพลังประหลาดของน้ำในสระยิ่งใหญ่เกินไป พลังแห่งสำนึกรู้ที่เยือกเย็นนิ่งสงบกลุ่มนั้น แทรกเข้ามาในความคิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงอย่างไม่หยุดหย่อน จนเกือบจะทำให้วิญญาณของเขาหยุดนิ่ง ความคิดจะหลับลึกไป
“แต่ว่าพลังสำนึกรู้ของข้าใกล้จะแตะถึงเทวาเร้นลับแล้ว!”
โชคดีโชคร้ายมาเป็นคู่ สภาพที่นิ่งสงบจนอาจจะตายไป ทำให้พลังสำนึกรู้ของจ้าวเฟิงได้รับการยกระดับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“เช่นนี้ก็เริ่มทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับได้แล้ว!”
แววตาของจ้าวเฟิงนิ่งสงบ แล้วหายไปจากห้วงฝันบรรพกาล
การทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับเป็นขั้นตอนที่ยาวนาน อย่างน้อยก็หนึ่งถึงสองเดือน อย่างมากก็นานถึงครึ่งปี
ดังนั้นก่อนที่จะปิดด่าน จ้าวเฟิงจะต้องสั่งการเรื่องราวทั้งหมดให้ชัดเจน
ก่อนอื่น จ้าวเฟิงบอกเรื่องที่หมอเทวดาอวี้หลิงหลอมยาชนิดใหม่กับปี้ชิงเยวี่ยและเซียนราตรีทมิฬ หลังจากที่ยาตัวใหม่หลอมสำเร็จออกมาแล้ว ก็สามารถประกาศภารกิจลอบสังหารที่มีระดับความยากยิ่งขึ้นได้
เรื่องปิดด่านทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ จ้าวเฟิงบอกแค่ปี้ชิงเยวี่ยผู้กุมอำนาจของตำหนักราชัน สั่งเอาไว้ว่าไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ห้ามรบกวน
ในตำหนัก จ้าวเฟิงปิดตาลงเล็กน้อย จิตสำนึกปลดปล่อยการควบคุมร่างกาย ก่อนก้าวข้ามมายังอีกฝั่งที่ห่างไกล
ด้านในสำนักวิญญาณทมิฬ คฤหาสน์ที่มืดมิดชวนขนลุก
จ้าวหวางที่มีใบหน้าเย็นชา กลิ่นอายชั่วร้ายน่าหวาดหวั่น ดวงตาทั้งสองพลันส่องประกายสีม่วงทอง
เมื่อความคิดของจ้าวเฟิงมาถึงในกายของจ้าวหวาง ก็รับรู้สถานการณ์ของที่นี่ทั้งหมด
ยามนี้จ้าวหวางเป็นศิษย์คนสำคัญอันดับหนึ่งของสำนักวิญญาณทมิฬ เพิ่งจะทะลวงขอบเขตราชันได้ แต่แท้จริง พลังวิญญาณของจ้าวหวางถึงจักรพรรดิขอบเขตปราณเทวะแล้ว จักรพรรดิขอบเขตปราณเทวะทั่วไปล้วนไม่อาจตรวจพบสิ่งผิดปกติบนร่างของจ้าวหวาง
นอกจากนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวิญญาณทมิฬก็คือผู้เฒ่าผมขาวที่ลอบสังหารจ้าวเฟิงคนนั้น ครั้งนั้นหลังจากที่กลับมาแล้ว เขาค้างอยู่ไม่กี่วันก็จากไปอีกครั้ง ดังนั้นจ้าวหวางในตอนนี้ หากไม่เปิดเผยออกไปมาก สำนักวิญญาณทมิฬก็ไม่มีทางจับสังเกตอะไรได้เลย
กลับกัน คนสำนักวิญญาณทมิฬทั้งบนและล่างล้วนแต่ชมชอบจ้าวหวาง ระดับล่าง ศิษย์น้องชายหญิงเอาใจจ้าวหวางไม่ขาดสาย ระดับบน ผู้คุมกฎและผู้อาวุโสก็ดูแลเอาใจใส่จ้าวหวาง ในใจของพวกเขา วันหน้าจ้าวหวางจะต้องเป็นคนระดับผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณทมิฬเป็นแน่ กระทั่งเป็นไปได้ว่าอาจจะทะลวงขั้นเทวาเร้นลับ นำพาสำนักวิญญาณทมิฬไปสู่ขั้นสุดยอด
หลังจากที่ยืนยันสถานการณ์ของจ้าวหวางแล้ว จ้าวเฟิงก็เปิดค่ายกลป้องกันทั่วตำหนักราชัน สกัดกั้นทุกสิ่ง
จ้าวเฟิงนำน้ำเต้าปราณมรกตออกมา แล้วดื่มน้ำจากสระไปหลายอึก
พลังที่สงบเยือกเย็นสายหนึ่งแผ่กระจายไปทั่วกายของจ้าวเฟิง อีกทั้งความคิดจิตวิญญาณ
“เหมือนว่าจะไม่พอ!” จ้าวเฟิงอึ้งไป
อาจเป็นเพราะกายวิญญาณของเขาเคยแช่อยู่ในน้ำของสระ ดังนั้นฤทธิ์ของน้ำในสระจึงเกิดขึ้นกับเขาไม่เด่นชัดเท่าใดนัก
อึก! อึก!
จ้าวเฟิงยกดื่มอีกหลายอึก จิตสำนึกของเขาจึงจะค่อยๆ เข้าสู่สภาวะอันน่าอัศจรรย์
……
หลังจากนั้นห้าวัน หมอเทวดาอวี้หลิงก็ใช้สายเลือดบรรพกาลและน้ำจากสระหลอมยาชนิดใหม่เสร็จสิ้น เซียนราตรีทมิฬจึงมานำยาไปด้วยตัวเอง
“ฮ่าๆ อยู่ที่นี่ ความลึกซึ้งในศาสตร์หลอมยาของข้าดูจะพัฒนาขึ้นอีก!”
หมอเทวดาอวี้หลิงพอใจกับการหลอม ‘ยาชำระเลือดศักดิ์สิทธิ์’ ครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ผ่านไปอีกหลายวัน ภารกิจลอบสังหารชุดใหม่ถูกประกาศขึ้นที่หอสังหารเดียวดาย ปริมาณนักฆ่าที่มายังหอสังหารเดียวดายในวันนี้เป็นรองเพียงมุมมืดทมิฬแล้ว กลายเป็นหน่วยลอบสังหารอันดับสองแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน
ในยามที่ภารกิจลอบสังหารชุดนี้ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งวงการนักฆ่าก็ฮือฮา แม้กระทั่งนักฆ่าในตำนานที่เก็บตัวเงียบร้อยปีพันปีหรือกระทั่งเกือบหมื่นปีก็ตื่นตกใจ ปรากฏตัวขึ้นในยุทธภพเช่นเดียวกัน
รางวัลของภารกิจลอบสังหารในครั้งนี้เป็นยาล้ำค่าที่ชื่อว่า ‘ยาชำระเลือดศักดิ์สิทธิ์’ มีสรรพคุณในการเพิ่มขั้นชีวิต กระตุ้นการย้อนคืนสายเลือด ในด้านสำนึกรู้วิญญาณก็มีประโยชน์ในการกระตุ้นระดับหนึ่ง กระทั่งว่าตอนจะทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ยังเพิ่มอัตราความสำเร็จได้อีกเล็กน้อยด้วย
เพราะคุณประโยชน์จาก ‘โอสถโลหิตจิตวิญญาณ’ และ ‘โอสถเลือดบริสุทธิ์’ จึงไม่มีใครสงสัยในสรรพคุณของ ‘ยาชำระเลือดศักดิ์สิทธิ์’ เลย
แต่ว่าภารกิจลอบสังหารที่รางวัลคือยาชนิดนี้มีเพียงสามเท่านั้น นั่นก็คือการลอบสังหารวังเก้านิรยที่มีพลังลึกล้ำสามคน หรือผู้แข็งแกร่งขั้นปฐมเซียนที่มีแววว่าจะทะลวงขั้นเซียนได้
นี่คือการตัดสินใจจากการหารือกันระหว่างเซียนราตรีทมิฬและปี้ชิงเยวี่ย ภารกิจลอบสังหารระดับนี้ ทั้งสามภารกิจเต็มแล้ว!