Skip to content

King of Gods 1081

King Of Gods

บทที่ 1081 ผลึกเทพโลหิต

เพดานถ้ำกำแพงผลึกถล่มลงมา

โครม! เงาร่างใหญ่ยักษ์หนักอึ้งปรากฏขึ้นด้านหน้ากลุ่มคน ใจกลางร่างดังกล่าวส่องสว่างด้วยแสงเทพสีขาวเจิดจ้า สาดกลิ่นอายน่ากลัวชวนเขย่าขวัญออกมา

ฝุ่นละอองกระจายออก สัตว์ประหลาดกายผลึกขนาดใหญ่ตนหนึ่งปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าครึ่งเทพพั่วเมี่ยและราชาเซียนเฮยตู๋จื่อตู๋ทั้งสอง

สัตว์ประหลาดกายผลึกตัวนี้มีอวัยวะบนใบหน้าครบถ้วน ภายในกายที่เปลี่ยนเป็นผลึกมีลายสีขาวแวววับเล็กละเอียดนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวอยู่ เหมือนเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงทั่วร่าง

ส่วนใจกลางของริ้วลายเหล่านี้เป็นแสงเทพสีทองอ่อนจาง

“พวกเจ้าบุกรุกเข้ามาในร่างของเจ้านายข้า คิดจะแย่งชิงเอาพลังของนายท่านงั้นรึ?”

ยักษ์กายผลึกที่แฝงด้วยกลุ่มแสงพลังเทพมองเผ่าพันธุ์ครึ่งมนุษย์หลายคนด้านหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา มองผ่านทั้งหมดไปอย่างไม่ใส่ใจนักประหนึ่งเป็นราชัน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลานุภาพที่น่ากลัวของยักษ์กายผลึก ราชาเซียนจื่อตู๋เฮยตู๋ และยังมีเซียนคนอื่นๆ ในกลุ่มของครึ่งเทพพั่วเมี่ย ทั้งร่างสั่นสะท้าน เหงื่อเย็นไหลอาบ

แรงกดดันพลังตามสัญชาตญาณ ทำให้พวกเขาคิดต่อต้านไม่ได้ด้วยซ้ำ

“กลุ่มแสงพลังเทพกลายร่างเป็นปีศาจ หรือว่าปีศาจกายผลึกตนนี้จะครอบครองพลังของเทพแท้จริง!”

ราชาเซียนเฮยตู๋มีสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง

ในตอนเริ่มต้น พวกเขาและพวกจ้าวเฟิงยังพยายามจะช่วงชิงกลุ่มแสงพลังเทพ คิดไม่ถึงว่ากลุ่มแสงพลังเทพนี้จะเกิดสติปัญญาและกลายเป็นปีศาจ

“หึ นายของเจ้าตายไปนานแล้ว ของที่เขาทิ้งไว้ที่นี่ ใครช่วงชิงได้ก่อนก็จะกลายเป็นของคนนั้น!”

ครึ่งเทพพั่วเมี่ยหรี่ตาเล็กน้อย มองประเมินยักษ์กายผลึกจากพลังเทพเบื้องหน้า

แหล่งกำเนิดพลังของยักษ์กายผลึกนี้คือแสงพลังเทพสีขาวพร่างพรายกลุ่มนั้น แต่ไม่ได้แปลว่ายักษ์กายผลึกจะปลดปล่อยพลังในนั้นออกมาได้

ถ้าสามารถใช้พลังกลุ่มนั้นได้ ก็แสดงว่าขอบเขตพลังถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ เช่นนั้นแล้วในยามที่มันสำแดงพลังนี้ออกมา จะต้องเผชิญกับการต่อต้านของมิติแห่งนี้ หนำซ้ำจะยังถูกเรียกตัว ย้อนกลับอดีตไปรวมกับเทพ และเข้าไปสู่ดินแดนเทพรกร้าง

ดังนั้นครึ่งเทพพั่วเมี่ยจึงเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าปีศาจด้านหน้านี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้

ราชาเซียนเฮยตู๋มองไปที่ครึ่งเทพพั่วเมี่ย จิตใจสั่นกลัว

เดิมวังเวหามารเป็นเพียงสำนักสามดาวธรรมดา

เป็นเพราะไม่นานก่อนนี้ราชาเซียนพั่วเมี่ยบรรลุขั้นครึ่งเทพ วังเวหามารจึงกลายเป็นสำนักสามดาวระดับสุดยอดของราชวงศ์จันทราทมิฬ

ถึงแม้ว่าครึ่งเทพพั่วเมี่ยจะทะลวงขั้นครึ่งเทพไปไม่นานนัก แต่เขาครอบครองเนตรดับสูญ ทำให้ครึ่งเทพบางส่วนของราชวงศ์จันทราทมิฬที่มีอายุยืนยาวหลายหมื่นปียังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ด้วยเหตุนี้ครึ่งเทพพั่วเมี่ยจึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะนำพาวังเวหามารขึ้นเป็นสำนักสี่ดาวอีกแห่งในราชวงศ์จันทราทมิฬ

“พวกเจ้านี่น่ะหรือ ยังคิดจะครอบครองพลังของนายท่าน!”

ยักษ์กายผลึกหัวเราะเยาะเย้ย

พรึ่บ!

กลุ่มแสงพลังเทพในส่วนหัวใจของยักษ์กายผลึกเป็นประกายเล็กน้อย กลิ่นอายแห่งเทพที่น่ากลัวถึงขีดสุดพวยพุ่งออกจากในร่าง เส้นใยขาวแวววาวในร่างยักษ์กายผลึกพลันส่องประกายอ่อนๆ

“อยู่ในนี้ถึงจะมีโอกาสได้ส่วนแบ่งด้วย!”

ดวงตาสองข้างของครึ่งเทพพั่วเมี่ยเป็นประหนึ่งดวงอาทิตย์เจิดจ้า เสวียนอ้าวทำลายล้างลอยอบอวล

ครึ่งเทพพั่วเมี่ยไม่อาจบังคับให้เซียนคนอื่นอยู่ต่อ แต่ถ้าหากมีความช่วยเหลือของพวกเขา ความกดดันย่อมลดลงไปมากอย่างไม่ต้องสงสัย ครึ่งเทพพั่วเมี่ยถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนี้

“ผู้อาวุโสพั่วเมี่ย พวกเราจะช่วยท่าน!” เฮยตู๋และจื่อตู๋ ราชาเซียนสองคนเลือกอยู่ต่อ

ส่วนเซียนชั้นต้นสองคนในกลุ่มของครึ่งเทพพั่วเมี่ยจากไปทันที

การต่อสู้ที่แตะระดับขั้นเทพ เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นจะกล้าเข้าร่วมได้อย่างไร

“ตราประทับเทพยักษ์!”

ยักษ์กายผลึกก้าวเท้าออกมา กวัดแกว่งกำปั้น เกิดเป็นตราประทับโบราณสีทองชิ้นหนึ่ง หอบพลังกดดันเก้าชั้นฟ้าตรงดิ่งไปหาครึ่งเทพพั่วเมี่ยและพวก

“แสงดับสูญ!”

ดวงตาของครึ่งเทพพั่วเมี่ยเปลี่ยนแปลงไปทันที ทอประกายแสงสีทองพร่างพราว ก่อนปล่อยเส้นแสงสีทองสว่างที่เจิดจ้าไปทั่ว

……

บริเวณขอบนอกของร่างเทพ เงาร่างของจ้าวเฟิงและพวกค่อยๆ ปรากฏขึ้นในเงาสีเงินอ่อนจาง

ที่นี่เป็นจุดที่พวกจ้าวเฟิงเข้าไปในร่างเทพ

ในช่วงต้นของการเดินทาง จ้าวเฟิงเคยใช้มนตราอากาศทิ้งสัญลักษณ์มิติเอาไว้

“อันตรายเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นครึ่งเทพพั่วเมี่ย!”

หนานกงเซิ่งกัดฟันพูด

“ถึงครึ่งเทพพั่วเมี่ยไม่มา พวกเราก็จำต้องออกไป กลุ่มแสงพลังเทพนั่นมีสติปัญญาแล้ว!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

“อะไรนะ? มีสติปัญญา?”

หนานกงเซิ่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“ฟื้นฟูและสร้างความแข็งแกร่งให้กับพลังอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ!”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสนอ

การต่อสู้เมื่อครู่ ทุกคนสิ้นเปลืองพลังไปเป็นจำนวนมาก หนำซ้ำยังมีอาการบาดเจ็บต่างกันด้วย

อีกอย่าง จ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง และจ้าวหยูเฟยฝืนยกระดับพลังถึงขั้นใหม่เพราะรีบร้อนจะสำรวจสถานที่แห่งนี้ จึงทำให้รากฐานของทุกคนไม่มั่นคงอย่างยิ่ง โดยรากฐานของหนานกงเซิ่งอ่อนแอที่สุด

“ก็ดี!” จ้าวหยูเฟยเอ่ยพลางยิ้มหวาน

ร่างเทพนี้เป็นสถานที่ฝึกตนชั้นยอดของสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างนาง

พรึ่บ!

ในมือจ้าวหยูเฟยปรากฏผลึกเซียนระดับล่างชิ้นหนึ่ง นี่เป็นผลึกเซียนระดับล่างที่นางได้มาจากการสังหารยักษ์กายผลึกเมื่อครู่ คุณสมบัติสูงยิ่ง

“จ้าวเฟิง เหตุใดเจ้าถึงต้องการจับเซียนหมื่นปรากฏการณ์?”

หนานกงเซิ่งถามขึ้นในเวลานี้

ตอนอยู่ในถ้ำกำแพงผลึกเมื่อครู่ ทุกคนต่างเผชิญหน้ากับภัยอันตรายสองฝั่งพร้อมกัน แต่ในสถานการณ์นั้น จ้าวเฟิงกลับจับเซียนหมื่นปรากฏการณ์มาด้วย จึงพอจะมองเห็นความแน่วแน่ที่จ้าวเฟิงมีต่อเซียนหมื่นปรากฏการณ์

“ข้าสนใจเนตรหมื่นปรากฏการณ์นิดหน่อย!”

จ้าวเฟิงยิ้มแย้มน้อยๆ

การต่อสู้ในถ้ำกำแพงผลึกเมื่อครู่ หนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยได้ผลึกเซียนระดับล่างมาไม่กี่ชิ้นเท่านั้น เมื่อเทียบไปแล้วเก็บเกี่ยวมาได้ค่อนข้างน้อย แต่จ้าวเฟิงที่เป็นคนจับเซียนหมื่นปรากฏการณ์ เรียกได้ว่าเป็นคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุด

หลังจากเอ่ยจบเขาก็เข้าไปในมนตราอากาศทันที

“จ้าวเฟิง เจ้าคิดจะทำอะไร?”

เสียงอู้อี้ของเซียนหมื่นปรากฏการณ์ดังขึ้นไม่หยุด

เซียนหมื่นปรากฏการณ์ในตอนนี้ถูกเจ้าแมวขโมยตัวน้อยมัดไว้แน่น

เหนือเซียนหมื่นปรากฏการณ์มีไหมเมฆาผีเสื้อเซียนลอยอยู่กลางอากาศ คอยแผ่แรงกดดันสายเลือดที่แข็งแกร่งออกมา ขยับปีกอยู่บ่อยๆ เพื่อสาดละอองเกสรไฉ่เมิ่ง ทำให้เซียนหมื่นปรากฏการณ์หมดแรงตลอดเวลา

ส่วนเจ้าแมวขโมยก็มักจะกวัดแกว่งพลั่วโลหะ ตีไปบนศีรษะของเซียนหมื่นปรากฏการณ์

“เนตรเพ่งเทพเจ้า!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักพลังดวงตาชวนให้หวาดผวาออกมา

ทันใดนั้นเอง

ในดวงตาซ้ายปรากฏระลอกน้ำวนสีม่วงที่ลึกล้ำเกินจะเห็นก้นบึ้ง เหมือนหุบเหวลึกมายาสีม่วงไร้จุดจบซึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกควัน

พลังต้องห้ามที่ส่งผลต่อวิญญาณโดยเฉพาะปกคลุมบนร่างเซียนหมื่นปรากฏการณ์

“เป็นกระบวนท่านี้อีกแล้ว…”

ในวิญญาณของเซียนหมื่นปรากฏการณ์หนาวเหน็บ หลุดลอยออกจากร่างโดยควบคุมไม่ได้

พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงสูงส่งไปแตะขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง

ในเวลานี้จ้าวเฟิงใช้เนตรเพ่งเทพเจ้ากับเซียนหมื่นปรากฏการณ์ วิญญาณของฝ่ายตรงข้ามจึงถูกกักเอาไว้อย่างแน่นหนา และบวกกับตัวเซียนหมื่นปรากฏการณ์โดนละอองเกสรไฉ่เมิ่งแทรกซึมจำนวนมาก จึงทำให้วิญญาณอ่อนแออย่างยิ่ง สามารถพูดได้ว่าไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน

พรึ่บ! วิญญาณเซียนหมื่นปรากฏการณ์ถูกจ้าวเฟิงดูดเข้าไปในมิติดวงตาซ้าย

“จับเขามาเป็นทาสรับใช้ก่อน หลังออกจากร่างเทพค่อยชิงเนตรหมื่นปรากฏการณ์มา!”

จ้าวเฟิงครุ่นคิดไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนเอ่ยพึมพำ

ในตอนนี้จ้าวเฟิงไม่สามารถแยกวิญญาณได้ มิฉะนั้นพลังวิญญาณจะถดถอยจนไม่อาจสำรวจสถานที่แห่งนี้ต่อ หนำซ้ำหลังจากเซียนหมื่นปรากฏการณ์กลายเป็นทาสแล้ว ยังเป็นลูกมือของจ้าวเฟิงได้ ความแข็งแกร่งของเนตรหมื่นปรากฏการณ์ จ้าวเฟิงชัดเจนแจ่มแจ้งอย่างยิ่ง

เมื่อตัดสินใจแล้ว จ้าวเฟิงจึงเข้าไปในมิติดวงตาซ้าย ค่อยๆ ตีตราผนึกดวงใจทมิฬเข้าไปในวิญญาณเซียนหมื่นปรากฏการณ์

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงเอาวิญญาณเซียนหมื่นปรากฏการณ์ใส่กลับเข้าไปในร่างของเขา

“นายท่าน มีอะไรให้รับใช้หรือไม่?”

เซียนหมื่นปรากฏการณ์นั่งคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้น เอ่ยอย่างนบนอบ

“เจ้าฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเสียก่อน ตอนหน้าสิ่วหน้าขวานค่อยออกมาช่วยเหลือข้า!”

หลังจัดการเซียนหมื่นปรากฏการณ์แล้ว จ้าวเฟิงเองก็เริ่มเข้าฌานและเพิ่มความเสถียรให้พลัง

“ลองทดสอบผลลัพธ์ของผลึกเซียนระดับล่างในร่างยักษ์กายผลึกนั่นดีกว่า!”

ในมือจ้าวเฟิงปรากฏมุกผลึกส่องแสงสีทองขาวสุกสกาวชิ้นหนึ่ง

เมื่อโคจร ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ จ้าวเฟิงเริ่มดูดซึมพลังภายในผลึกเซียนระดับล่างชิ้นนี้

ในเวลาเดียวกัน มุกผลึกสีโลหิตเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นในมือจ้าวเฟิง จ้าวเฟิงใช้หนึ่งจิตใจทำหลายอย่าง ประเมินมุกผลึกที่แผ่กลิ่นอายสายเลือดน่ากลัวนี้

มุกผลึกสีเลือดเม็ดนี้จ้าวเฟิงได้มาจากใต้บ่อน้ำ ในตอนนั้นจ้าวเฟิงยังไม่มีเวลาสำรวจอย่าละเอียดถี่ถ้วน

“เหมือนจะเป็นผลึกเทพ!”

หลังจากจ้าวเฟิงสำรวจอยู่นานจึงได้ข้อสรุป อย่างไรเสียจ้าวเฟิงเองก็เคยเห็นผลึกปีศาจ ในโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาของตัวเขาเองก็ฝังผลึกไว้เม็ดหนึ่ง

แต่ผลึกเม็ดนี้ต่างออกไปเล็กน้อย ภายในนอกจากมีพลังเทพและปราณฟ้าดิน ยังมีปราณสายเลือดบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง

“ผลึกเทพโลหิต?”

จ้าวเฟิงตื่นตะลึง นี่คือผลึกที่แฝงไปด้วยสายเลือดร่างเทพเม็ดหนึ่ง

อีกทั้งจากการคาดเดาของผู้แข็งแกร่งในดินแดนทวีป ร่างเทพนี้มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็น เผ่าพันธุ์เทพยักษ์ที่จัดอยู่ในลำดับที่สิบห้าในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

เผ่าพันธุ์เทพยักษ์เป็นสายเลือดโบราณที่น่ากลัวและอยู่เหนือเผ่าพันธุ์วิญญาณไปอีก!

แต่ตอนนี้ ผลึกเทพโลหิตในมือจ้าวเฟิงอาจจะมีสายเลือดเผ่าพันธุ์เทพยักษ์อยู่เล็กน้อย

หลังจากจ้าวเฟิงสงบจิตใจแล้วจึงเก็บผลึกเทพโลหิตไป

มูลค่าของผลึกเทพโลหิตเม็ดนี้อยู่เหนือผลึกปีศาจของหนานกงเซิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ถ้าหากจ้าวเฟิงใช้ผลึกเทพโลหิตเม็ดนี้ จะเป็นการสิ้นเปลืองมูลค่าของมันอย่างแน่นอน

อย่างแรก ร่างนี้ของจ้าวเฟิงมีสายเลือดมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีจุดเหมือนกับสายเลือดเผ่าพันธุ์เทพยักษ์แม้แต่น้อย หากผลีผลามใช้ไป ไม่รู้ว่าจะเกิดผลร้ายอะไรตามมาหรือไม่

อย่างที่สอง คุณสมบัติของมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบของจ้าวเฟิงก็สูงส่งอย่างมาก คุณสมบัติของสายเลือดเผ่าพันธุ์เทพยักษ์นี้อาจยังเทียบกับมารโลหิตที่สมบูรณ์ของจ้าวเฟิงไม่ได้

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยน้อยเก็บน้ำเต้ารั้งวิญญาณไป

จ้าวเฟิงหยิบของเหลวสีเลือดภายในบ่อมาถูลงบนร่างกาย จากนั้นจึงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์

“สามารถเพิ่มพลังสายเลือดให้แข็งแกร่ง เพิ่มระดับขั้นชีวิต ทั้งยังแฝงไปด้วยเสวียนอ้าวธาตุดินด้วย!”

จ้าวเฟิงมีสีหน้ายินดี

ประโยชน์ของเหลวสีเลือดเหนือกว่าสายเลือดของวานรสายฟ้านภาเพลิงเสียอีก ที่สำคัญก็คือภายในนั้นยังแฝงไปด้วยเสวียนอ้าวธาตุดินที่เอื้อต่อการฝึกพลังศักดิ์สิทธิ์วายุอัสนีธาตุดินของจ้าวเฟิง

หนึ่งวันต่อมา

กลิ่นอายพลังกายบนร่างจ้าวเฟิงนับวันยิ่งแข็งแกร่ง กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หกพัฒนาเพิ่มขึ้น มั่นคงอยู่ที่ขอบเขตพลังระดับต่ำ ส่วนวายุอัสนีธาตุดินซึ่งเป็นขั้นที่เก้าของ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ก็เสถียรมากขึ้น

เมื่อใช้ของเหลวสีเลือดจำนวนมากและผลึกเซียนระดับล่างส่วนหนึ่ง จ้าวเฟิงจึงพอจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องรากฐานไม่มั่นคงของการฝืนทะลวงขอบเขตพลังในช่วงก่อน

พรึ่บ! จ้าวเฟิงออกจากมนตราอากาศ

เวลาหนึ่งวัน หนานกงเซิ่งก็ใช้ทรัพยากรที่ได้มาสร้างความเสถียรให้ขอบเขตพลังของตนเอง และควบคุมพลังที่แก่กล้า

แต่เพราะระดับสำนึกรู้ของเขายังไม่เพียงพอ จึงยังยากที่จะควบคุมพลังกลุ่มนี้ได้อย่างหมดจด เพียงสภาวะในตอนนี้ดีกว่าเมื่อตอนเริ่มแรกเล็กน้อยเท่านั้น

อีกฟากหนึ่ง จ้าวหยูเฟยเองก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับเป็นรูปเป็นร่างขึ้น เกือบเทียบเท่าพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับของราชาเซียนแล้ว

แต่จ้าวหยูเฟยก็เหมือนกับหนานกงเซิ่ง ระดับสำนึกรู้ต่ำยิ่งนัก

มิฉะนั้นแล้ว พลังของคนทั้งสองคงเพิ่มได้อีกขั้น

“ไปกันเถอะ ในร่างเทพคงจะมีทรัพยากรหล่อหลอมวิญญาณและเพิ่มการบรรลุสำนึกรู้อยู่!”

จ้าวเฟิงเอ่ยง่ายๆ

เขาเองก็ยังขาดแคลนทรัพยากรในด้านนี้

ต่อจากนั้น คนทั้งสามเคลื่อนไหวอีกครั้ง พื้นที่ที่พวกเขาเคยสำรวจในร่างเทพ คาดคะเนได้ว่าไม่น่าจะถึงหนึ่งในหมื่นส่วนของทั้งหมด หนำซ้ำยังเป็นแค่พื้นที่ภายนอกของร่างเทพเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!