บทที่ 1085 โอกาสในพื้นที่ใจกลาง
“ไม่สิ นั่นไม่ใช่ศรสังหารเทพ!”
ราชาเซียนอวี่หลิงสัมผัสถึงพลานุภาพในธนูดอกนี้เล็กน้อย ก่อนสั่นศีรษะพลางเอ่ย
ในตอนนั้นที่ครึ่งเทพหลงหวงสู้รบกับมังกรวารีทมิฬ พวกเขาต่างก็เคยเห็นศรสังหารเทพที่แท้จริง พลานุภาพนั้นสามารถถล่มฟ้าดิน คนที่อยู่ใต้ขั้นครึ่งเทพไม่อาจมีชีวิตรอดได้
แต่ในตอนนี้ จ้าวเฟิงหยิบเอาลูกธนูที่คล้ายคลึงกับศรสังหารเทพออกมา แต่มันไม่เป็นอันตรายต่อราชาเซียนอวี่หลิงมากนัก
“เจ้าเด็กชั่ว ถึงขั้นคิดจะข่มขวัญพวกเรา!”
ราชาเซียนปี้กวงสบถคำด่า
เบื้องหลังราชาเซียนทั้งสามคน เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับพวกนั้นได้ยินคำพูดนี้ก็ถอนใจโล่งอก
“เจ้าเด็กนี่เอาศรสังหารเทพเลียนแบบมาจากไหนกัน?”
ราชาเซียนซีไห่ถามอย่างสงสัย
ดูจากท่าทางแล้ว ศรสังหารเทพลอกเลียนแบบในมือของจ้าวเฟิงไม่ได้อ่อนด้อย ในราชวงศ์ต้าเฉียนมีปรมาจารย์การหลอมอาวุธคนใดสามารถสร้างอาวุธในระดับนี้ได้?
และในเวลานี้เอง จ้าวเฟิงผ่อนสายธนูลง
แกรก!
เห็นเพียงเงาธนูสีทองขนาดยักษ์สายหนึ่งทะลวงผ่านทุกอย่าง พุ่งออกไปพร้อมลากลมพายุสีทองเข้มน่าหวาดกลัวเป็นทางยาว
“ป้องกัน!”
สีหน้าราชาเซียนอวี่หลิงเคร่งเครียด เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น
ราชาเซียนอีกสองคนโคจรปราณที่แท้จริง ปลดปล่อยพลังแห่งเงาโลกมิติส่วนตัวออกมา
ภายในอุโมงค์กำแพงผลึกที่เล็กแคบ ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทวาเร้นลับหลายคนไร้หนทางหลบหนี นอกเสียจากว่าจะถอยไป
แต่ว่ากำแพงผลึกสามารถปิดกั้นประสาทสัมผัสจิตวิญญาณ อีกทั้งอุโมงค์ซับซ้อนอย่างยิ่ง ทันทีที่พวกเขาถอยร่นไป จ้าวเฟิงอาจจะอาศัยโอกาสหลบหนี พวกเขาคิดจะหาจ้าวเฟิงให้เจออีก ความยากก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ระยะห่างระหว่างจ้าวเฟิงและพวกเขาสั้นอย่างยิ่ง ช่วยเสริมพลังให้กับศรสังหารเทพลอกเลียนแบบดอกนั้นอย่างไม่รู้ตัว
แต่ราชาเซียนสามคนเชื่อมั่นว่า หากพวกเขาป้องกันสุดแรง การต้านทานพลานุภาพของศรสังหารเทพก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
พรึ่บ!
สามราชาเซียนผสานพลังเงาโลกมิติส่วนตัว เกาะกลุ่มกันเป็นมิติป้องกันสีฟ้าเข้ม
ในมิติแห่งนั้น ราชาเซียนสามคนพากันสำแดงเคล็ดวิชาป้องกัน ทำการสกัดกั้นเป็นชั้นๆ
ตูม! เงาธนูสีทองเข้มขนาดใหญ่ทะลวงผ่านกลุ่มคน มวลพายุพลังอัสนีและทองระเบิดออกมา
กำแพงผลึกแก้วรอบบริเวณเกิดรอยแตกร้าว
“แย่ล่ะ ศรสังหารเทพลอกเลียนแบบดอกนี้โจมตีวิญญาณเป็นหลัก!”
ตอนนี้ ราชาเซียนอวี่หลิงถึงรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ถึงแม้ว่าการโจมตีจากพลังเทพจะทะลวงผ่านชั้นวิญญาณและกายเนื้อ แต่ถ้าหากเน้นที่ชั้นวิญญาณ ผลการโจมตีก็จะต่างออกไป
“พลังอัสนีเทวะน่ากลัวนัก ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงมีพลังอัสนีเทวะได้?”
เดิมทีราชาเซียนปี้กวงก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว
ในสามคน คนแรกที่จะต้านทานไม่ไหวก็คือเขา
ถึงแม้ว่าราชาเซียนทั้งสามจะต้านทานพลังส่วนมากของศรสังหารเทพลอกเลียนแบบได้ แต่การโจมตีวิญญาณมีคุณสมบัติทะลวงผ่าน เซียนด้านหลังก็ได้รับผลกระทบระดับหนึ่ง ชั้นวิญญาณเผชิญกับการระเบิดของพลังอัสนีเทวะและการทะลวงผ่านของธาตุทองที่แหลมคม
ฟู่!
คลื่นพลังระเบิดที่เหลือกระจายออก ราชาเซียนทั้งสามมีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง
คนที่บาดเจ็บหนักที่สุดก็คือราชาเซียนปี้กวง เดิมร่างกายก็เจ็บสาหัส บาดแผลในตอนนั้นรวมกับบาดแผลใหม่ เขาจึงอ่อนแออย่างยิ่ง
ส่วนคนที่บาดเจ็บเบาที่สุดคือราชาเซียนซีไห่ เขาค่อนข้างชำนาญในขอบเขตดวงวิญญาณ พลังต้านทานค่อนข้างแกร่ง แต่ก็แบกรับพลังอัสนีเทวะและระเบิดพลังธาตุทองไม่ไหว
“บ้าเอ๊ย ตกหลุมพรางเจ้าเด็กนั่นแล้ว!”
ราชาเซียนอวี่หลิงก่นด่า
ตั้งแต่เริ่มต้น จ้าวเฟิงนำศรสังหารเทพเลียนแบบออกมา ทำให้พวกเขาตื่นตกใจไม่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้คาดเดาธาตุการโจมตีของศรสังหารเทพลอกเลียนดอกนั้น
แต่พลานุภาพของศรสังหารเทพเลียนแบบอยู่เหนือการคาดเดาของทุกคนไปมาก
ราชาเซียนสามคนรู้ว่าไล่ตามจ้าวเฟิงไม่ทันแล้ว ดังนั้นจึงนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
“ไม่ต้องไล่ตามเจ้าเด็กนั่นแล้ว โอกาสในร่างเทพมีมากมายนัก ไม่อาจเสียเวลาไปกับเขาได้!”
ราชาเซียนอวี่หลิงเอ่ยแนะนำ
อย่างไรเสีย คนที่เสนอให้ไล่ฆ่าสังหารจ้าวเฟิงในตอนเริ่มต้นก็คือเขา
คนทั้งหมดผงกศีรษะ เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“แต่ถ้าหากเจอเขาอีก ข้าจะสับเขาเป็นชิ้นๆ ให้ได้!”
สีหน้าราชาเซียนอวี่หลิงดำคล้ำ กัดฟันเอ่ย
……
อีกด้านหนึ่งของร่างเทพ ในตอนที่จ้าวเฟิงยิงศรสังหารเทพชั้นรองออกไป ก็รีบหนีไปพร้อมกับหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย
อีกทั้งเขายังสั่งให้เนตรหมื่นปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงธาตุไอสวรรค์ระหว่างทาง เพื่อช่วยอำพรางกลิ่นอายและเสวียนอ้าวที่พวกจ้าวเฟิงทิ้งเอาไว้ตอนหนีไป
จ้าวเฟิงรู้ดี หากคิดจะใช้ศรสังหารเทพชั้นรองขัดขวางผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนสามคนย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากให้จ้าวเฟิงใช้ศรสังหารเทพที่แท้จริงเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ต้องรู้ว่าจ้าวเฟิงอาจจะมีศัตรูคู่แค้นเป็นครึ่งเทพคนอื่นอีก
ด้วยเหตุนี้ เมื่อครู่จ้าวเฟิงจึงเอาตราอัสนีเทวะทั้งหมดหลอมรวมเข้าไปในศรสังหารเทพชั้นรองดอกนั้น อีกอย่าง หากให้ความสำคัญกับศรสังหารเทพชั้นรองที่โจมตีวิญญาณ จ้าวเฟิงจะสามารถควบคุมได้ดั่งใจปรารถนามากขึ้น และยังสำแดงพลังที่มากกว่าปกติของมันได้
“พักผ่อนก่อนเถอะ!”
หลังหลุดพ้นจากการไล่ล่าสังหารของราชาเซียนสามคน จ้าวเฟิงจึงเอ่ย
เมื่อใช้ตราอัสนีเทวะไปจนหมดสิ้น จ้าวเฟิงจำเป็นต้องรีบฟื้นฟูมัน ไม่เช่นนั้นการโจมตีวิญญาณของเขาจะไม่มีข้อได้เปรียบ และพลังของกลุ่มก็จะลดลงไปเป็นจำนวนมาก
“ดี!” หนานกงเซิ่งกับจ้าวหยูเฟยเห็นด้วยทันที
อย่างไรเสีย ครั้งนี้ก็เป็นจ้าวเฟิงที่ช่วยพวกเขาเอาไว้
อีกทั้งหากจ้าวเฟิงไม่ได้อยู่ในสภาวะสมบูรณ์ พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่สามารถรับมือกับอันตรายใดในร่างเทพได้
จ้าวเฟิงเอาทรัพยากรล้ำค่าในชั้นวิญญาณออกมาจากมนตราอากาศ ของหลายสิ่งในนั้นได้มาจากราชาเซียนปี้กวงเมื่อครู่อยู่ จ้าวเฟิงเก็บทรัพยากรล้ำค่าในชั้นวิญญาณไปทั้งหมด ก่อนเอาส่วนที่เหลือให้หนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย
จ้าวเฟิงเลือกเอาทรัพยากรล้ำค่าที่มีประโยชน์ต่อตนเองที่สุดเอาเก็บไว้ในมิติดวงตาซ้าย ก่อนเริ่มทำการคัดลอก
จากนั้นจ้าวเฟิงกินโอสถหลายเม็ด แล้วค่อยโคจร ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’
‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ของจ้าวเฟิงในวันนี้ฝึกฝนจนถึงขอบเขตที่สมบูรณ์ ทำให้การป้องกันในวิญญาณและความสามารถในการรักษาตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างยิ่ง
ส่วนวิญญาณและกายวิญญาณอัสนีของจ้าวเฟิง ตราอัสนีเทวะในนั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณ จึงนับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในวิญญาณของจ้าวเฟิง
ด้วยเหตุนี้การโคจร ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ จึงส่งผลดีอย่างมากต่อการฟื้นฟูของตราอัสนีเทวะ
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงจึงยิ่งสัมผัสได้ถึงประโยชน์ที่ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ มีให้ต่อตนเอง
แน่นอนว่าในขณะที่ฝึกฝนให้วิญญาณฟื้นฟูตราอัสนีเทวะ จ้าวเฟิงก็ยังโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ เพื่อใช้หนึ่งจิตใจทำหลายอย่าง
ในมือของจ้าวเฟิงปรากฏผลึกเซียนระดับล่างชิ้นหนึ่ง และยังมีทรัพยากรอย่างอื่นพวกธาตุดินและอัสนี
‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ขั้นที่เก้าของจ้าวเฟิงเสถียรและมั่นคงมากแล้ว เมื่อบวกกับของที่จ้าวเฟิงใช้ในการฝึกตนก็คือผลึกเซียนระดับล่างและทรัพยากรล้ำค่าผลึกโลหิตในร่างเทพ สรรพคุณของมันไม่ปกติธรรมดา ส่งผลให้วายุอัสนีธาตุดินขั้นที่เก้าของจ้าวเฟิงใกล้จะทะลวงผ่านระดับสูง
ขณะเดียวกันทรัพยากรล้ำค่าผลึกโลหิตในร่างเทพ ก็ยังส่งผลกระตุ้นและมีประโยชน์ต่อชีวิตและร่างกายอย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกันกับที่จ้าวเฟิงฝึกตน เขายังคอยตรวจตราดูหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย
ในพลังมิติส่วนตัวของหนานกงเซิ่งสร้างเงาแสงโลหิตม่วงกลุ่มหนึ่ง สาดซัดกลิ่นอายชั่วร้ายประหลาดออกมา
“เหมือนว่าหนานกงเซิ่งสร้างร่างแยก!”
จ้าวเฟิงมองสิ่งที่ปกปิดอยู่ภายในมิติส่วนตัวของหนานกงเซิ่ง จนเห็นสถานการณ์ภายใน
ด้วยขอบเขตพลังของหนานกงเซิ่งน่าจะสามารถสร้างร่างแยกได้นานแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาวุ่นอยู่กับการเพิ่มพลังและรักษาขอบเขตพลังให้เสถียร
อีกทางหนึ่ง จ้าวหยูเฟยยังคอยสร้างและฝึกฝนพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับของตนเอง อีกทั้งยังมักจะกินโอสถเพื่อให้ลึกซึ้งในขอบเขตพลังฟ้าดิน
ข้อได้เปรียบที่สุดของเผ่าพันธุ์วิญญาณอยู่ที่แหล่งกำเนิดพลังเหนือกว่าคนระดับเดียวกันไปมาก ถึงแม้จ้าวหยูเฟยจะอยู่ในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้น แต่พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับของนางกลับเทียบเท่าผู้แข็งแกร่งในขั้นราชาเซียน
แต่พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับแข็งกล้ามากเพียงพอแล้ว การป้องกันทางสายเลือดของนางจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
หนึ่งวันถัดมา จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น
“ออกเดินทางแล้วหรือ?”
ถึงแม้คนทั้งสามจะได้ผลประโยชน์มามากมาย รีบร้อนจะปิดด่านเพื่อฝึกฝนและบรรลุ
แต่เวลาในร่างเทพล้ำค่าอย่างยิ่ง ไม่มีเหลือให้พวกเขาฝึกฝนที่นี่แน่
เวลาวันหนึ่ง ถึงตราอัสนีเทวะของจ้าวเฟิงไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาจนสมบูรณ์ แต่ก็พอได้ในประมาณหนึ่ง
จ้าวหยูเฟยและหนานกงเซิ่งเองก็ไม่ยินยอมจะหยุดการปิดด่านฝึกตน
เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยบินมาบนบ่าจ้าวเฟิง หลังจากล้วงเอาเหรียญหลายชิ้นออกมาโยน ก็โบกกรงเล็บชี้ไปอีกทิศหนึ่ง
“พี่เฟิง ข้าเองก็รู้สึกว่าทิศนั้นมีระลอกการเปลี่ยนแปลงของไอสวรรค์ที่สูงส่ง!”
จ้าวหยูเฟยเอ่ยพลางยิ้ม
สวบ!
คนทั้งสามลงมืออีกครั้งและโบยบินเข้าไปในอุโมงค์กำแพงผลึกอย่างรวดเร็ว
ในวันนี้ พวกเขามาถึงพื้นที่ใจกลางของร่างเทพพื้นที่บางส่วน กำแพงผลึกในนี้แข็งแกร่งอย่างมาก ยากที่จะทำลายลงไปได้ ดังนั้นจึงเจอโอกาสได้หลายครั้ง
แต่ในทันทีที่เจอ จะต้องเป็นโอกาสที่เย้ายวนใจมากกว่าโอกาสที่พื้นที่บริเวณรอบนอก หรือบางทีอาจะมีราชาเซียน ครึ่งเทพเมิ่งเม้ยซ่อนตัวอยู่ เพื่อรอคอยโอกาสทำลายขั้นเทพ
“ระลอกไอสวรรค์กลุ่มนี้ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นทุกที!”
จ้าวหยูเฟยเชื่อว่าพวกเขาเลือกเป้าหมายไม่ผิด
หลังจากที่ทุกคนพุ่งผ่านอุโมงค์แก้วที่เล็กแคบจำนวนนับไม่ถ้วน สภาพแวดล้อมเบื้องหน้าก็กว้างขึ้นทันใด เหมือนว่าทุกคนจะมาถึงโลกอีกแห่งหนึ่งแล้ว ทั่วร่างกายและจิตใจสัมผัสได้ถึงพลังประหลาดกลุ่มหนึ่งปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน
แต่ในใจกลางของฟ้าดินแห่งนี้มีผลึกขนาดใหญ่ ส่องแสงสีแดงฉาน มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ด้านล่างของผลึกขนาดใหญ่นี้ มีพวกต่างเผ่าพันธุ์และเผ่าพันธุ์มนุษย์จำนวนมากล้อมรอบอยู่ โดยในนั้นมีผู้แข็งแกร่งในขั้นครึ่งเทพด้วย
“ที่นี่น่าจะเป็นอวัยวะภายในส่วนหนึ่งของร่างเทพ!”
จ้าวเฟิงยืดครรลองสายตาออกไปจนถึงขีดสุด อีกทั้งใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่านจนได้ข้อสรุปออกมา
“ไป!” คนทั้งสามพุ่งทะยานไปหากลุ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์
ด้านล่างของกายผลึกที่มีขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยพวกเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุต่างเผ่าพันธุ์อยู่
ในกลุ่มของทั้งสองฝั่ง ผู้นำของต่างเผ่าพันธุ์ผู้นำเป็นครึ่งเทพคือ
‘ครึ่งเทพเมี่ยฝ่า’ ของลัทธิเมืองมืด ส่วนของเผ่าพันธุ์มนุษย์คือครึ่งเทพผู้อาวุโสสูงสุดของวังลอยฟ้าอย่าง ‘ครึ่งเทพกูซี’
สรุปโดยรวมคือขั้วอำนาจของทางฝั่งเผ่าพันธุ์มนุษย์แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ฝั่งเผ่าพันธุ์มนุษย์คิดจะทำลายพวกต่างเผ่าพันธุ์ที่นี่ก็ต้องจ่ายผลตอบแทนที่หนักหน่วงเอาการ
หนำซ้ำสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ ขุดค้นเอาโอกาสในร่างเทพ
“มีกลุ่มอื่นมาแล้ว!”
“เป็นกลุ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์!”
เซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ในบริเวณช่วงล่างของยักษ์กายผลึก มองเห็นพวกของจ้าวเฟิงเดินทางมา จึงเอ่ยอย่างยินดี แต่ทว่าเมื่อเขามองเห็นพวกจ้าวเฟิงอย่างชัดเจน และสัมผัสได้ถึงพลังของพวกจ้าวเฟิงแล้วกลับส่ายศีรษะน้อยๆ
ด้านหน้าผลึก ครึ่งเทพกูซีที่เป็นประหนึ่งไม้แห้งเก่าแก่หรี่ตามองพวกจ้าวเฟิง
พวกจ้าวเฟิงเข้าใกล้ที่แห่งนั้นอย่างเงียบๆ ไม่ได้สนใจสิ่งอื่น
ยิ่งเข้าไปใกล้ จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงสำนึกรู้วิญญาณที่รุนแรงเก่าแก่กลุ่มหนึ่ง ยิ่งหนักหน่วงขึ้นไปทุกที ทะลวงผ่านวิญญาณเขาไม่หยุด
“ในนี้มีกลิ่นอายสำนึกรู้วิญญาณที่รุนแรงกลุ่มหนึ่งอยู่!”
แววตาของจ้าวเฟิงจ้องไปที่กายผลึกขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลๆ ใบหน้ายินดี
พวกจ้าวเฟิงรุกคืบเข้าไปใกล้เรื่อยๆ พลันนั่งขัดสมาธิอยู่บริเวณช่วงล่างของผลึกสีแดงอ่อน สัมผัสถึงพลังสำนึกรู้ที่ประหลาดกลุ่มนั้น
แต่ต่างเผ่าพันธุ์และพวกเผ่านพันธุ์มนุษย์อื่นๆ ในที่แห่งนี้ล้วนแต่ใช้พลังกลุ่มนี้ขัดเกลาเพิ่มพลังวิญญาณของตนเอง
“ในนี้มีอะไรกันแน่?” แววตาของจ้าวเฟิงมองประเมินยักษ์กายผลึกเบื้องหน้า
เห็นเพียงบนผิวกายผลึกที่อยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองฝั่งปรากฏรอยแผลขนาดใหญ่จำนวนมาก แล้วยังค่อยๆ ปริร้าวเพิ่มขึ้น
ในบริเวณรอยปริร้าวแผ่กลิ่นอายวิญญาณแดงฉานออกมา ยิ่งเข้าใกล้กายผลึกขนาดใหญ่นั้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังสำนึกรู้ได้ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
ในวินาทีหนึ่งนั้นเอง บนดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็ปรากฏระลอกสีทอง