บทที่ 1086 รวมพลังโจมตี
“ในนี้มีอะไรกันแน่?”
บนดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงอบอวลด้วยระลอกสีทองชั้นหนึ่ง แววตามองทะลุผ่านกำแพงผลึกร่างนั้นเข้าไปด้านใน
ในวินาทีนั้นเอง จ้าวเฟิงเหมือนมองเห็นฟ้าดินอีกแห่งหนึ่ง ภายในนั้นมีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางของมันอาจจะมีขนาดใหญ่กว่าวังหลวงต้าเฉียนเสียอีก
เถาวัลย์มีสีแดงสุกสว่าง หมุนวนพุ่งขึ้นจากพื้นดิน จนละม้ายเป็นน้ำวนขนาดยักษ์ตรงขึ้นไปยังด้านบนของกำแพงผลึก
บนเถาวัลย์ประดับประดาไปด้วยผลไม้หลากสีจำนวนมาก ดุจดวงดาวพร่างพราวกระจายอยู่เต็มมิติดังกล่าว
เพียงแต่ว่าเถาวัลย์นี้ยังมีผลไม้ บนพื้นผิวปกคลุมไปด้วยผลึก กระทั่งสีสันหลากหลายบนเปลือกผลไม้ยังไม่สามารถเผยสีสันออกมาได้
นอกเหนือจากเถาวัลย์ขนาดใหญ่นี้ รอบบริเวณยังมีผลึกขนาดใหญ่โต เหมือนภายในจะมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จ้าวเฟิงมองเห็นและสัมผัสได้จากกลิ่นอายและแรงกดดันที่มี
“เป็นโลกมิติส่วนตัวดีๆ แห่งหนึ่งเลยนี่เอง!”
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจเย็น
เรียกได้ว่าเถาวัลย์นั่นเป็นพฤกษาขนาดใหญ่ที่สุดที่จ้าวเฟิงเคยเห็นมา ภายในนั้นเป็นประดุจอาณาจักรลี้ลับย่อมๆ แห่งหนึ่งเลยทีเดียว
“พลังสำนึกรู้วิญญาณสีแดงฉานกลุ่มนั้น น่าจะสาดซัดออกมาจากเถาวัลย์นั่นกระมัง!”
จ้าวเฟิงได้ข้อสรุป
แต่ผลึกสีขาวเกาะกลุ่มกันบนพื้นผิวของเถาวัลย์สีแดงฉาน พลังกลุ่มนี้น่าจะเล็ดลอดออกมาผ่านรอยร้าว แต่เพียงแค่กลิ่นอายที่เล็ดลอดออกมา ยังส่งผลที่น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทวาเร้นลับสงบจิตใจอยู่ภายใน รับรู้ขอบเขตพลัง ลึกซึ้งในพลังสำนึกรู้ของตนเอง ยากจะคิดภาพว่าหากฝึกตนอยู่ภายในจะได้ผลอย่างไร หรือผลไม้บนเถาวัลย์จะมีสรรพคุณประหลาดอะไรบ้าง
ทว่าบนเปลือกของผลไม้หลากสีเหล่านั้นปกคลุมไปด้วยผลึกทอง ต่อให้เป็นครึ่งเทพก็ยังยากจะฉีกทึ้งออกได้
ในเวลานี้ ครึ่งเทพกูซีแห่งวังลอยฟ้าแหงนศีรษะขึ้นน้อยๆ ในดวงตามีแววสงสัยเมื่อมองจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงปลดปล่อย ‘แสงส่องทะลุ’ ของดวงตาซ้าย ไม่ได้สำรวจภายในผลึกขนาดใหญ่นั้นอีก
“เป็นอะไรไป? ผู้อาวุโสกูซี?”
ราชาเซียนแห่งวังลอยฟ้าผู้หนึ่งข้างกายครึ่งเทพกูซีเอ่ยถาม
แน่นอนว่าเขาเองก็สังเกตเห็นครึ่งเทพกูซีกำลังจ้องมองจ้าวเฟิง เพียงแต่ว่าเขาไม่ค่อยเข้าใจนัก เหตุใดเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นจึงทำให้ครึ่งเทพสนใจได้
แววตาจ้าวเฟิงมองไปทางอื่นทันที
“นั่นคือ?” จ้าวเฟิงชะงักไป เพ่งสายตามองไปที่ไกลๆ
เขาพบว่าในอาณาเขตไกลๆ ก็มีผลึกขนาดใหญ่แบบนี้เหมือนกัน
“ดูไปแล้วผลึกขนาดใหญ่แบบนี้น่าจะมีเป็นจำนวนมากที่นี่ เพียงแต่บนพื้นผิวของผลึกอันนี้มีรอยร้าวพอดี!”
จ้าวเฟิงได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้ง
โอกาสดีในร่างเทพนี้มีมากมายมหาศาล เพียงแต่ทุกคนที่นี่ไม่มีความสามารถจะขุดค้นมันขึ้นมาก็เท่านั้น
ในครั้งนี้ จ้าวเฟิงตัดสินใจอยู่ที่นี่กับคนอื่นๆ เพื่อรอคอยโอกาส
โอกาสในเขตภายของร่างเทพย่อมอยู่เหนือทรัพยากรและสมบัติในพื้นที่รอบนอกหลายเท่าตัว
ต่อให้ไม่ได้ครอบครองผลไม้บนเถาวัลย์พวกนั้น แต่หากเข้าไปภายในและได้สัมผัสกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเถาวัลย์ใหญ่ในระยะประชิด น่าจะเป็นโอกาสอันดีในการฝึกที่หาได้ยากยิ่งสำหรับจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงค่อยๆ ปิดเปลือกตา ดำดิ่งลงสู่สภาวะฝึกตน
กว่าจะหาเวลาฝึกตนอย่างสบายใจได้นั้นลำบากยากเย็นอย่างยิ่ง
จ้าวเฟิงย่อมไม่ปล่อยให้เปล่าประโยชน์ ในขณะที่รับรู้พลังสำนึกรู้กลุ่มนี้ จ้าวเฟิงโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ไปพร้อมกัน ใช้หนึ่งจิตใจทำหลายอย่างเพื่อฝึกฝนสิ่งอื่นๆ ไปด้วย
จ้าวเฟิงหยิบเอาทรัพยากรล้ำค่าและผลึกเซียนระดับล่างที่ได้มาจากร่างเทพมาเพื่อการฝึกฝน
“เป็นเพียงแค่ขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นเท่านั้น ถึงกับใช้ผลึกเซียนระดับล่างมาฝึกตน!”
“เจ้าเด็กนี่สิ้นเปลืองแบบนี้ ไม่กลัวจะพุงแตกตายหรืออย่างไร!”
เมื่อเซียนส่วนหนึ่งเห็นจ้าวเฟิงใช้ของสิ้นเปลืองเช่นนี้ ก็อดอุทานออกมาไม่ได้
ทรัพยากรส่วนหนึ่งที่ได้มาจากภายในร่างเทพ พวกเขายังตัดใจเอามาใช้ไม่ลง เก็บเอาไว้ใช้ยามติดขัดเมื่อทะลวงผ่านขอบเขตในภายหน้า เพื่อเพิ่มสัดส่วนความสำเร็จขึ้น
กระทั่งว่าเซียนและราชาเซียนส่วนหนึ่งที่นี่ก็มองจ้าวเฟิงเช่นกัน
จ้าวเฟิงตั้งใจฝึกฝนราวทั้งรอบข้างไม่มีใคร
ในความเป็นจริงแล้ว จ้าวเฟิงยังมีทรัพยากรพิเศษหายากอย่างเช่นพวกสมบัติโบราณ สายเลือดเก่าแก่ เพียงแต่ทรัพยากรเหล่านั้นไม่ได้เกิดในร่างเทพ จะเอาออกมาก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก
เวลาค่อยๆ หมุนผ่าน ผลึกเซียนระดับล่างและทรัพยากรล้ำค่าส่วนหนึ่งในมือจ้าวเฟิงก็หมดสิ้นไป
ลำแสงพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นหลายส่วนจนเปล่งประกายเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น
ในขณะนั้นเอง มีกลุ่มเล็กอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏกายขึ้นในอุโมงค์กำแพงผลึกอยู่ลิบๆ
“มีราชาเซียนเก่าแก่ต่างเผ่าพันธุ์ผู้หนึ่ง!”
พื้นที่ที่จ้าวเฟิงอยู่ คนจำนวนไม่น้อยเอ่ยอย่างตื่นเต้น
ราชาเซียนคนหนึ่งไม่มากพอจะพลิกสถานการณ์เลวร้ายของพวกต่างเผ่าพันธุ์ แต่ถ้าหากมีตามมาอีกหลายคน สถานการณ์ก็จะต่างออกไป
อย่างไรเสีย ครึ่งเทพก็เป็นราชาเซียนที่เพิ่งจะแตะพลังขั้นเทพ พวกเขาไม่ใช่เทพแท้จริงจึงต่างจากราชาเซียนไม่มากมายเหมือนที่คิด ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงกวาดผ่าน สีหน้ากระด้างแข็ง
ราชาเซียนต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้ก็คือ
ราชาเซียนเสี้ยวเทียนผู้เคยไล่ล่าสังหารพวกจ้าวเฟิงมาก่อน
จำได้ว่าในตอนนั้น จ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง จ้าวหยูเฟย และเซียนเกาหวงสี่คนร่วมมือกัน ยังไม่สามารถสลัดการไล่ล่าของราชาเซียนผู้นี้
จนสุดท้ายแล้ว เป็นราชาเซียนอวี่หลิงแห่งตำหนักไท่หวงที่มาช่วยพวกจ้าวเฟิง
แน่นอนว่าราชาเซียนเสี้ยวเทียนก็มองเห็นพวกจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว เผยรอยยิ้มเยาะออกมา “ในวันนั้นไม่ได้สังหารพวกเจ้า ครั้งนี้มีโอกาสย่อมต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”
ในกลุ่มทั้งสองฝั่ง มีคนจำนวนไม่น้อยที่รับรู้ว่าประโยคนี้ของราชาเซียนเสี้ยวเทียนกำลังพูดถึงพวกจ้าวเฟิง
อย่างไรเสีย ณ สนามรบในตอนนั้น กำลังรบขั้นราชาเซียนที่มาเยือนไม่ได้มากนัก การปรากฏกายของราชาเซียนทุกคนจึงได้รับความสนใจ
ไม่นานเท่าไหร่นัก ทางฝั่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็มีราชาเซียนผู้หนึ่งเร่งรุดเดินทางมา เป็นลัทธิมารพิภพราชาเซียนตี้กุ่ย
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอเจ้าเด็กนี่!”
ราชาเซียนตี้กุ่ยขมวดคิ้วเมื่อเห็นจ้าวเฟิง
ราชาเซียนตี้กุ่ยหวาดกลัวจ้าวเฟิงอยู่ไม่น้อย เพราะเขามั่นใจแล้วว่าของในครอบครองของจ้าวเฟิงจะต้องมีศรสังหารเทพเลียนแบบหรือบางทีอาจจะมีศรสังหารเทพที่แท้จริงอยู่อีกไม่น้อย
ไม่เช่นนั้นแล้ว เพียงแค่เซียนธรรมดาสามคนกล้ารวมกลุ่มเข้ามาในร่างเทพ ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ
“ผู้อาวุโสตี้กุ่ย เชิญทางนี้!”
“ราชาเซียนตี้กุ่ย ให้ข้ารายงานสถานการณ์ทางฟากนี้ให้ท่านฟังก่อนเถิด!”
การมาถึงของราชาเซียนตี้กุ่ย ทำให้พวกเซียนและราชาเซียนในเผ่าพันธุ์มนุษย์ถามอย่างใคร่รู้
ราชาเซียนตี้กุ่ยหลบหลีกจ้าวเฟิง เดินตรงดิ่งมายังด้านหน้าสุด พลางสอบถามสถานการณ์จากคนระดับสูงส่วนหนึ่งของวังลอยฟ้า
ในวินาทีใดหนึ่ง ผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งข้างกายครึ่งเทพกูซีทะลวงออกมาจากมิติส่วนตัวของตน
“ผู้อาวุโสกูซี เตรียมพร้อมหมดแล้ว!”
ผู้เฒ่าคนนี้หยิบธงค่ายกลสีขาวส่วนหนึ่งออกมา ธงค่ายกลพวกนั้นมีทั้งใหญ่และเล็ก โครงสร้างด้านบนก็ต่างกันออกไป
“ครึ่งเทพเมี่ยฝ่า เริ่มได้แล้ว!”
จู่ๆ ครึ่งเทพกูซีก็เอ่ยขึ้น
“ได้!” ชายวัยกลางคนปากแหลมที่บริเวณหลังมีปีกสีดำคนหนึ่งในฝั่งต่างเผ่าพันธุ์ลุกยืนขึ้นทันที
ทุกคนในที่นี้ ตั้งแต่ออกจากปิดด่านฝึกตนรับรู้ก็เลือดร้อนพลุ่งพล่าน อยากจะลองของเต็มแก่
“ในที่สุดก็จะเริ่มรุกโจมตีแล้ว!”
“ครึ่งเทพสองคนร่วมมือกัน บวกกับมีค่ายกลของอาจารย์จี้ พวกเราจะต้องยึดโอกาสที่นี่มาได้แน่นอน!”
ที่จริงแล้ว ในขณะที่ครึ่งเทพทั้งสองมาถึงที่นี่ใหม่ๆ เคยลองมาแล้วครั้งหนึ่ง เพียงแต่ว่าไม่ได้ผลอะไรมากมายนัก
แต่ในตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งที่รวมตัวอยู่ที่นี่ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ บวกความช่วยเหลือจากค่ายกลที่อาจารย์จี้สร้างขึ้น ทุกคนจึงเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ในครั้งนี้จะต้องสามารถยึดผลึกขนาดใหญ่ และเขาไปสำรวจโอกาสภายในได้
ฟู่ ฟู่ ฟู่!
จู่ๆ อาจารย์จี้ก็โยนธงค่ายกลทั้งหมดในมือขึ้นบนฟ้า
ส่วนตัวของอาจารย์จี้เอง โคจรวิชาสร้างตราประทับจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้น
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!
ธงค่ายกลในอากาศเปล่งลำแสงพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาใน ขยับเขยื้อนไปมา จนสุดท้ายเกาะกลุ่มรวมกันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่
“จัดการ!” อาจารย์จี้เอ่ยเสียงเบา
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ~
หลังจากที่ธงค่ายกลทั้งหมดลอยขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ก็พลันเกาะกลุ่มขึ้นเป็นค่ายกลกลางอากาศ
“ต้องลำบากทุกท่านที่นี่แล้ว แบ่งกันควบคุมธงค่ายกลในทุกตำแหน่งด้วยแรงทั้งหมดที่มี มีเพียงเช่นนี้ถึงจะมีโอกาสพิชิตที่นี่ได้เพิ่มขึ้น!”
อาจารย์จี้เอ่ยพลางยิ้ม
พรึ่บ!
กลุ่มทั้งหมดชันกายลุกขึ้นในทันใด แต่ละคนเดินทางมาถึงด้านข้างค่ายกล
จนที่สุดแล้ว กลุ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์และต่างเผ่าพันธุ์จึงยึดครองทุกตำแหน่งของธงค่ายกลจนเต็ม
“บุก!” ครึ่งเทพสองคนประกาศกร้าว
มีครึ่งเทพสองคนเป็นผู้นำ และโคจรค่ายกลโจมตีทั้งหมด
โครม!
มองเห็นแค่ระลอกพลังที่น่ากลัวนับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกมาจากค่ายกล คนทั้งหมดพร้อมใจโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ ปลดปล่อยกลยุทธ์และเคล็ดวิชาโจมตี
คลื่นโจมตีของกลุ่มพลังหลากสีวิจิตรตระการ ปะทะไปยังตำแหน่งรอยร้าวของผลึกขนาดยักษ์
“ค่ายกลนี้นับว่าแปลกประหลาดอย่างยิ่ง!”
จ้าวเฟิงกำธงค่ายกลในมือ สัมผัสได้ว่าเขาและทุกคนที่นี่ต่างเชื่อมโยงกันเล็กน้อย
อีกทั้งการโจมตีของทุกคนเมื่อครู่ มีการโจมตีของครึ่งเทพเป็นผู้นำ เมื่อหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว พลานุภาพเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง น่ากลัวเกินจะเปรียบ อยู่จินตนาการของจ้าวเฟิงไปมาก
ถึงจะเป็นเช่นนี้ รอยร้าวบนผิวของผลึกร่างดังกล่าว ก็เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน พลังสำนึกรู้ที่ยิ่งใหญ่เกินจะเปรียบ ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในนั้นอดรนทนไม่ได้ที่จะไปสัมผัสพลังสำนึกรู้
“เอาอีก!” ครึ่งเทพกูซีเอ่ยตรงๆ
ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในที่นั้นเลือดลมปั่นป่วน โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับเพื่อโจมตีอีกครั้ง!
โครม!
ครั้งนี้ บนพื้นผิวของยักษ์กายผลึก ปรากฏรอยร้าวขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รอยร้าวเล็กๆ รอบบริเวณขยายออก
พลังสำนึกรู้ที่หนักอึ้งและเก่าแก่ทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งครึ่งเทพสองคนที่อยู่ด้านหน้าของค่ายกลยังตื่นตกใจ
ดวงตาของทุกคนเปล่งประกาย อยากเห็นทิวทัศน์ภายในผ่านรอยปริร้าว
“โจมตีเป็นครั้งสุดท้าย!”
ครึ่งเทพกูซีเอ่ยอย่างแน่วแน่
เผ่าพันธุ์มนุษย์และต่างเผ่าพันธุ์ ณ ตรงนั้นตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขาเชื่อมั่นในคำพูดของครึ่งเทพ ขอแค่โจมตีครั้งสุดท้ายก็จะสามารถทะลวงผ่านที่นี่ได้
ตูม!
ทุกคนต่างอดรนทนไม่ไหว ลงมือโจมตีครั้งเป็นสุดท้าย โยนธงค่ายกลในมือลงแล้วเตรียมจะบุกโจมตี
แกรก!
รอยปริร้าวบนพื้นผิวผลึกยักษ์ด้านหน้า ขยายใหญ่ออกหลายเท่าตัว จนปรากฏทางเดินขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง พลังสำนึกรู้ระลอกแสงสีแดงสุกสว่าง ทะลักออกประหนึ่งสายน้ำหลาก กลิ่นอายบ้าคลั่งทรงอำนาจที่น่ากลัวแผ่พวยพุ่ง
“ระวัง!”
จ้าวเฟิงโคจรพลังวิญญาณ ปลดปล่อยเงาโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาออกมา ปกคลุมจ้าวหยูเฟยและหนานกงเซิ่งไว้ภายใน
วู้ม!
ระลอกแสงสำนึกรู้ที่น่ากลัวกลุ่มนั้น พุ่งออกมาจากภายในทางเดินตลบอบอวล ประหนึ่งสัตว์ป่าบ้าคลั่งพุ่งชนไปมา
เซียนที่ไม่ได้เตรียมระวังตัวถึงขั้นสูญเสียสตินึคิดจากการปะทะของสำนึกรู้ที่น่ากลัวนี้
พวกเซียนคนอื่นที่พลังวิญญาณแข็งแกร่งหรือวิญญาณมีสมบัติคุ้มกันรู้สึกถึงสิ่งไม่ชอบมาพากล จึงรีบใช้วิชาต่างๆ ลงมือต้านทาน
หนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองจากเงาโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาของจ้าวเฟิง ยังรู้สึกว่าวิญญาณคล้ายโดนโจมตีอย่างรุนแรงจากสัตว์ร้ายไม่หยุดจนจิตใจสับสน