Skip to content

King of Gods 1139

King Of Gods

บทที่ 1139 ปราบมังกรวารีล้างโลกา

“จ้าวเฟิง ข้าอยากคุยกับเจ้า!”

มุมหนึ่งในมิติดวงตาซ้าย เสียงต่ำทุ้มของมังกรวารีล้างโลกาดังขึ้น

ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงตะลึงไปเล็กน้อยมองไปยังมังกรวารีล้างโลกา

เวลาหนึ่งปีนี้ โดยพื้นฐานแล้วจ้าวเฟิงไม่ได้ลองใช้ตราผนึกดวงใจทมิฬจับมังกรวารีล้างโลกาเป็นทาส เพียงแต่ในยามที่เข้ามาในมิติตาซ้ายทุกครั้งก็ทรมานอีกฝ่ายตามความเคยชินบ้างเล็กน้อย

“ยอมเป็นพาหนะให้ข้าแล้ว?”

จ้าวเฟิงถามออกไปทันที

ได้ยินคำว่า ‘พาหนะ’ สองคำ สีหน้ามังกรวารีล้างโลกาพลันเปลี่ยนเป็นอำมหิต

“ข้ามีเงื่อนไข!”

มังกรวารีล้างโลกาดิ้นรนชั่วขณะ ถอนหายใจ เอ่ยขึ้นราวกับอัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่ง

“ว่ามา!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงเรียบนิ่ง นึกเอาไว้อยู่แล้ว

หากไม่มีเงื่อนไข มังกรวารีล้างโลกาก็ไม่มีทางมาคุยกับตน

“ข้ายอมศิโรราบต่อเจ้า แต่เจ้าจะต้องมอบทรัพยากรจำนวนมหาศาล ช่วยให้ข้าฟื้นฟูพลังขั้นสุดยอด อีกทั้งห้ามทำอันตรายต่อชีวิตของข้า!”

มังกรวารีล้างโลกาพูดเงื่อนไขของตนออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กลัวว่าจ้าวเฟิงจะไม่รับปาก

มังกรวารีล้างโลกาถูกขังอยู่ในมิติแห่งนี้ การฟื้นฟูพลังถูกจำกัด แต่หลังจากที่พลังของจ้าวเฟิงยกระดับจนถึงในระดับหนึ่ง จะสังหารเขาก็เป็นเรื่องง่ายดาย

ในเมื่อความคิดของจ้าวเฟิงในตอนแรกคือสังหารมังกรวารีล้างโลกา เพียงแต่เพราะฆ่าไม่ได้จึงเกิดความคิดจะจับเป็นทาสรับใช้

และในยามนี้ มังกรวารีล้างโลกายิ่งเห็นความลับมากมายของจ้าวเฟิง สุดท้ายแล้วเพื่อความปลอดภัย อัตราการที่จะสังหารเขาจึงสูงเป็นอย่างมาก

ดังนั้นในช่วงระยะนี้ จ้าวเฟิงถึงไม่ได้ลองจับมังกรวารีล้างโลกาเป็นทาสรับใช้ กลับทำให้มังกรวารีล้างโลกากังวล คิดว่าจ้าวเฟิงตัดสินใจจะสังหารตน

นอกจากนั้น เงื่อนไขที่มังกรวารีล้างโลกาเสนอมาก็ไม่ธรรมดาเลย

ตัวมีสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรวารีล้างโลกาอยู่อย่างบางเบา ทุกๆ ด้านของมังกรวารีล้างโลกาล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก คิดจะฟื้นฟูพลัง ทรัพยากรที่ต้องใช้มากมายมหาศาลนัก

ไม่เช่นนั้น มังกรวารีล้างโลกาก็คงฟื้นฟูถึงขั้นเทพแท้จริงนานแล้ว ในแผ่นดินใหญ่จะมีใครเป็นคู่มือเขาได้!

“ช่วยเจ้าฟื้นฟูพลังขั้นสุดยอด ต่อให้เป็นทรัพย์สะสมของเทพบรรพกาลก็ไม่ค่อยจะพอกระมัง!”

จ้าวเฟิงมองมังกรวารีล้างโลกาอย่างหยามเหยียดแวบหนึ่ง เจ้านี่คิดไว้เสียสวยหรูจริง

ถึงแม้ว่าพลังของมังกรวารีล้างโลกายิ่งแข็งแกร่ง ก็ยิ่งช่วยจ้าวเฟิงได้มาก แต่อย่าลืมว่ามังกรวารีล้างโลกาในยามสมบูรณ์พร้อมสามารถเทียบเคียงได้กับเทพแท้จริงผู้แข็งแกร่งของเทพบรรพกาลได้เลยทีเดียว

หากพลังของมังกรวารีล้างโลกาล้ำหน้าจ้าวเฟิงไปหลายขั้น เขาจะต้องมีวิธีหนีไปจากเงื้อมมือจ้าวเฟิงได้แน่

“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ขอบเขตพลังฝึกตนของข้าจะต่ำกว่าเจ้าไม่ได้!”

มังกรวารีล้างโลกาถอยลงมา

แน่นอน สำหรับมังกรวารีล้างโลกาแล้ว จ้าวเฟิงมีดวงตาเทพเจ้าที่อาจจะกลายเป็นเนตรเทพเจ้าชนิดที่เก้า ปัญหาที่เจอไม่น้อยแน่

ภายใต้การบีบบังคับจากอันตราย จ้าวเฟิงต้องช่วยเขาฟื้นฟูพลังเป็นแน่

และยังมีอีกด้านหนึ่ง หากจ้าวเฟิงมีหวังว่าจะกลายเป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าจริงๆ เช่นนั้นมังกรวารีล้างโลกาก็จะไม่บ่นอะไร ยอมเป็นทาสรับใช้ของจ้าวเฟิงไปตลอดชีวิต

“นี่ค่อยยังชั่วหน่อย!”

จ้าวเฟิงตอบตกลงทันที

หากขอบเขตพลังของมังกรวารีล้างโลกายังต่ำกว่าตน เช่นนั้นจะใช้เขาไปทำไม

สุดท้าย ทั้งสองฝ่ายตกลงกันเรียบร้อยแล้วก็ลงนามพันธะสัญญาเลือด

หลังจากที่ลงนามม้วนสัญญาแล้ว ยังบังคับให้มังกรวารีล้างโลกาประทับตราผนึกดวงใจทมิฬด้วยตัวเองอีกด้วย

พรึ่บ! จ้าวเฟิงปล่อยมังกรวารีล้างโลกาออกมาทันที

มังกรวารีล้างโลกาในยามนี้มีเพียงกลิ่นอายเซียนทั่วไปเท่านั้น อีกทั้งบาดแผลวิญญาณยังสาหัส

“พัฒนาขอบเขตพลังให้ถึงขั้นราชาเซียนก่อน!”

จ้าวเฟิงนำทรัพยากรบางส่วนในมนตราอากาศออกมามอบให้กับมังกรวารีทมิฬ

“ขอบคุณ….นายท่าน!”

มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยขึ้นอย่างไม่คุ้นชินเท่าไหร่

“นายท่าน พวกเราจะไปดินแดนเทพรกร้างกันเมื่อใด?”

มังกรวารีล้างโลกาที่กำลังเตรียมตัวจากไปพลันถามขึ้น

“แน่นอนว่าต้องรอข้าทะลวงตำแหน่งเทพ!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไร้คำพูด

ด้วยพลังของจ้าวเฟิง อย่างน้อยภายในยี่สิบปีนี้ก็สามารถลองทะลวงตำแหน่งเทพ จากนั้นก็เข้าไปในดินแดนเทพรกร้าง

แต่ว่าเพื่อความปลอดภัย เขาต้องทำพลังให้มั่นคง เช่นนั้นก็อาจจะต้องใช้เวลาสามสิบปี

“เหตุใดนายท่านจึงไม่ไปดินแดนเทพรกร้างแล้วทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์?”

มังกรวารีล้างโลกาถามอย่างประหลาดใจ

ในใจกลางผืนพสุธา สถานที่ดั้งเดิมของภาพมายาและวัตถุทุกสรรพสิ่ง อัตราการทะลวงตำแหน่งเทพก็จะยิ่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย ความสำเร็จก็ยิ่งมีมากตามไปด้วย

“ยังไม่ได้ทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ ไม่อาศัยพลังจากภายนอก ก็สามารถไปดินแดนเทพรกร้างได้?”

ครั้งนี้จ้าวเฟิงตกตะลึงไปเล็กน้อย

ถึงแม้จะเหลือเชื่อ แต่ไม่แน่ว่ามังกรวารีล้างโลกาอาจจะมีวิธีอื่น

“คนอื่นทำไม่ได้ แต่นายท่านทำได้แน่นอน!”

มังกรวารีล้างโลกาเผยรอยยิ้มลึกซึ้ง เอ่ยอย่างมั่นใจ

“หรือนายท่านสัมผัสถึงการมีอยู่ของดินแดนเทพรกร้างไม่ได้?”

มังกรวารทมิฬหยั่งเชิงถาม

สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเครียดเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาสามารถสัมผัสได้อย่างรางเลือน ในผืนพสุธาที่กว้างใหญ่ไพศาล มีสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งขานรับกับวิญญาณของตนอย่างคลุมเครือ

แต่ว่ามังกรวารีล้างโลการู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

“นายท่านน่าจะรู้ว่า สิ่งสำคัญในการไปยังดินแดนเทพรกร้างก็คือกลิ่นอายรกร้างดั้งเดิมและการทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ ในยามที่ผ่านพิธีชะล้างจากทัณฑ์อัสนีเทพแท้จริง ก็จะได้รับกลิ่นอายกลุ่มหนึ่งมา ค่อยสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของดินแดนเทพรกร้าง จากนี่จึงจะสามารถย้อนคืนสู่บรรพกาลไปผสานกับเทพ แล้วเข้าไปในดินแดนเทพรกร้างได้!”

มังกรวารีล้างโลกาอธิบายให้กับจ้าวเฟิงอย่างได้ใจ

“หรือก็คือ จริงๆ แล้วไม่ต้องทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ แค่เพียงในกายแฝงด้วยกลิ่นอายรกร้างดั้งเดิมมากพอ ก็สามารถเข้าไปในดินแดนเทพรกร้างได้แล้ว เพียงแต่ว่ามิติแห่งนี้มีระดับต่ำเป็นอย่างมาก สิ่งมีชีวิตที่นี่จึงทำได้เพียงแค่ผ่านพิธีชำระล้าง จึงจะได้รับกลิ่นอายรกร้างดั้งเดิมก็เท่านั้น!”

มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหยิ่งทะนง

หากเป็นมิติดินแดนด้านนอกอยู่ค่อนข้างใกล้กับดินแดนเทพรกร้าง จะสามารถดูดซับกลิ่นอายรกร้างดั้งเดิมที่แผ่กระจายออกมาจากดินแดนเทพรกร้างได้ ดังนั้นจึงสามารถเข้าไปในดินแดนเทพรกร้างได้ก่อนครองตำแหน่งเทพ หากเข้าไปก็จะเพิ่มอัตราการทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ กระทั่งสามารถพิสูจน์ตำแหน่งเทพได้มากกว่าขั้นที่หนึ่งขึ้นไป

“แบบนี้ก็ได้?”

สีหน้าของจ้าวเฟิงตื่นตะลึง

แต่จริงๆ แล้ว นี่เป็นตรรกะที่ง่ายที่สุด

เพียงแต่ว่าทุกคนในดินแดนทวีปล้วนมีระบบความคิด คิดว่ามีเพียงแค่ทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์เท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปในดินแดนเทพรกร้างได้

แท้จริงแล้ว ท้ายที่สุดก็เพียงเพราะมิติแห่งนี้ระดับต่ำเกินไป สิ่งมีชีวิตข้างในก็อ่อนแอเกินไป

“ในกายของนายท่าน กลิ่นอายบรรพกาลดั้งเดิมที่แฝงอยู่น่าจะมีมากเพียงพอกระมัง!”

ในยามที่อยู่ในมิติตาซ้าย มังกรวารีล้างโลกาเคยเห็นจ้าวเฟิงนำของวิเศษล้ำค่ายุคบรรพกาลมากมายมาลอกเลียนแบบ

วัตถุดิบล้ำค่าส่วนมากในนั้นล้วนแฝงด้วยกลิ่นอายรกร้างดั้งเดิม

ดังนั้น มังกรวารีชี้ขาดว่าในกายของจ้าวเฟิงแฝงด้วยกลิ่นอายรกร้างดั้งเดิมมากมายแน่นอน

หลังจากอธิบายจบแล้ว

มังกรวารีล้างโลกาก็บินมาอีกด้าน ใช้ทรัพยากรที่จ้าวเฟิงมอบให้ฟื้นฟูพลัง

ที่จริงแล้ว เหตุที่มังกรวารีล้างโลกาอยู่ในมิติระดับต่ำแห่งนี้ก็เพื่อทำลายมัน และใช้มันฟื้นฟูพลังให้เร็วยิ่งขึ้น

แต่ในยามนี้เขาไม่มีทางทำลายมิติแห่งนี้ได้เลย จึงติดตามจ้าวเฟิงเสีย รีบไปยังดินแดนเทพรกร้าง เขาจึงบอกเรื่องเหล่านี้กับจ้าวเฟิง

อีกด้านหนึ่ง จ้าวเฟิงยังอยู่ในความตะลึง

“เช่นนี้แล้ว แค่เพียงข้าจัดการทุกอย่างให้ดีก็สามารถไปยังดินแดนเทพรกร้างได้แล้ว!”

จ้าวเฟิงตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

ความใฝ่ฝันต่อดินแดนเทพรกร้างของจ้าวเฟิง ก็เหมือนกับครึ่งเทพทุกคนในดินแดนเทวีป

เพียงแต่เพราะเขาแบกทุกสิ่งเอาไว้มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธคำเชื้อเชิญจากผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์วิญญาณ

“นายท่าน ขอเตือนท่านไว้ก่อน หากจะเข้าไปในดินแดนเทพรกร้างล่วงหน้า ระดับขั้นชีวิตทางที่ดีควรถึงระดับครึ่งเทพ!”

มังกรวารีทมิฬจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงส่งกระแสจิตมา

ที่นี่ห่างไกลดินแดนเทพรกร้างมากนัก ระดับขั้นชีวิตต่ำเกินไปไม่มีทางรับแรงกดดันมหาศาลจากการข้ามมิติได้เลย ก่อนหน้านี้มังกรวารีล้างโลกาละเลยจุดนี้ไป

หากระดับขั้นชีวิตของจ้าวเฟิงไม่อาจรับแรงกดดันที่การข้ามมิตินำมา ทะเล่อทะล่าเข้าไปในดินแดนเทพรกร้าง เกรงว่าระหว่างทางคงไหม้เป็นจุณ วิญญาณดับสลาย มังกรวารีทมิฬที่ติดตามจ้าวเฟิงน่ากลัวว่าจะซวยไปด้วย

“ระดับขั้นชีวิต?”

แววตาของจ้าวเฟิงส่องประกายเล็กน้อย

ในยามนี้ ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ เขาฝึกจนถึงขั้นที่หกระดับสุดยอดแล้ว อีกทั้งยังมั่นคงอย่างสมบูรณ์ สามารถทะลวงถึงขั้นบริบูรณ์ได้ทุกเวลา

ส่วน ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ขั้นที่เจ็ด ก็น่าจะเทียบได้กับขั้นครึ่งเทพขึ้นไป

“ยังห่างจากกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดอีกช่วงระยะหนึ่ง ข้าจัดการทุกอย่างได้พอดี!”

มุมปากของจ้าวเฟิงยกขึ้น ในใจแทบจะอดใจไม่ไหว

ดีที่ก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงล้วนเอาเป้าหมายสำคัญวางไว้ที่การฝึกกาย

“ปี้ชิงเยวี่ย ตอนนี้พลังทั้งหมดของตำหนักราชันเป็นเช่นไรบ้าง!”

จ้าวเฟิงถามออกไปทันที

“หากไม่นับคุนอวิ๋น หนานกงเซิ่งและนายท่านแล้วละก็ พลังของตำหนักราชันเท่ากับขั้วอำนาจสามดาวครึ่ง แต่หากรวมขั้วอำนาจทั้งหลายที่ร่วมมือกับตำหนักราชัน เช่นนั้นพลังทั้งหมดก็จะเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง……”

ปี้ชิงเยวี่ยรายงานไปตามจริง

จ้าวเฟิงตกอยู่ในภวังค์

จริงๆ แล้ว หลังจากที่ตำหนักราชันกลืนวังเก้านิรย และจับมือกับตระกูลเถี่ย มุมมืดทมิฬ ตระกูลจี ขั้วอำนาจบางแห่ง ขนาดของตำหนักราชันก็ไปถึงระดับสี่ดาว กระทั่งล้ำหน้าไปอีก

เพียงแต่ขั้วอำนาจที่ร่วมมือกับตำหนักราชันเหล่านี้ สุดท้ายแล้วก็เป็นขั้วอำนาจที่มาจากด้านนอก ไม่มีทางทำเพื่อตำหนักราชันอย่างสุดใจ

“ขยายขั้วอำนาจต่อไป ฝึกฝนผู้แข็งแกร่งขั้นเซียน!”

จ้าวเฟิงกำชับจบแล้วก็เริ่มปิดด่านฝึกฝน

อันที่จริงแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านไป การพัฒนาของตำหนักราชันก็ชวนให้คนตกตะลึงยิ่งนัก

วันนี้ในราชวงศ์ต้าเฉียน ไม่มีขั้วอำนาจใดกล้าขัดขวางตำหนักราชัน แม้กระทั่งตำหนักไท่หวงก็ยังต้องนิ่งเงียบ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แผ่ขยายอำนาจอย่างโจ่งแจ้ง

เหตุการณ์ที่ดีที่สุดที่จ้าวเฟิงเคยคิดเอาไว้ก็คือ ตำหนักราชันครอบครองทั้งดินแดนทวีปโดยสมบูรณ์

ในมนตราอากาศ จ้าวเฟิง จ้าววั่น แมวขโมยน้อย และมังกรวารีล้างโลกา ต่างอยู่คนละมุม ใช้ทรัพยากรมหาศาล ฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง พัฒนาพลัง

ไม่ถึงครึ่งปี จ้าวเฟิงรู้สึกว่าทรัพยากรล้ำค่ามหาศาลของเขาเหมือนว่าจะไม่พอ

และหลังจากนี้หนึ่งปี ต่อให้จ้าวเฟิงใช้พลังลอกเลียนแบบของตาซ้ายบ่อยๆ ด้านทรัพยากรก็ยังคงไม่เพียงพอ

จ้าวเฟิงปรายตามองมังกรวารีล้างโลกาแวบหนึ่งอย่างไร้คำพูด

เขาคิดไม่ถึงเลยว่ามังกรวารีล้างโลกาฟื้นฟูพลังจะใช้ทรัพยากรมากมายมหาศาลเช่นนี้

“นายท่าน นี่ก็ช่วยไม่ได้ ถึงแม้จะใช้ทรัพยากรไปมากเพียงนี้ แต่พลังของข้าก็พัฒนาได้ถึงเซียนชั้นสูงแล้ว!”

ท่าทางของมังกรวารีล้างโลกาเหมือนว่าเรื่องไม่ได้หนักหนาอะไร

ทรัพยากรไม่เพียงพอ ไม่มีวิธี จ้าวเฟิงทำได้เพียงแค่เสียเวลาฝึกฝนของตนเองไปห้วงฝันบรรพกาลบุกเบิกทรัพยากร

ฝูงสัตว์ปีศาจในห้วงฝันบรรพกาล จ้าวเฟิงก็ใช้ทรัพยากรมหาศาลฝึกฝน มีเพียงแค่พลังของพวกมันแข็งแกร่งเท่านั้น จ้าวเฟิงจึงจะสามารถชิงทรัพยากรล้ำค่ามาได้มากยิ่งขึ้น

วันหนึ่ง ในมนตราอากาศ

กายที่ล้อมรอบด้วยแสงอัสนีสีเหลืองหม่นของจ้าวเฟิงพลันขยายขึ้นหลายส่วน แรงดึงดูดเขตแดนอัสนีที่น่าหวาดหวั่นปกคลุมไปทั่วบริเวณหลายลี้

“กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หกสมบูรณ์แล้ว!”

จ้าวเฟิงลืมตาทั้งสองขึ้น พ่นกลิ่นอายขุ่นข้นออกมา

อีกด้านหนึ่ง จ้าววั่นที่ฝึกฝน ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ได้รับประสบการณ์ฝึกฝนที่ลึกซึ้ง ก้าวหน้าไปได้เร็วจนน่าทึ่ง

“นายท่าน ข้าถึงขั้นราชาเซียนแล้ว!”

มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าปีติยินดี

เขาคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ได้รับบาดแผลสาหัสเช่นนี้ จะสามาถฟื้นฟูได้ถึงขั้นราชาเซียนในระยะเวลาสั้นๆเพียงสองปี

ในขณะเดียวกัน มังกรวารีล้างโลกาก็สัมผัสได้ถึงความล้ำลึกยากเกินหยั่งของจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงก็เหมือนกับเขา ฝึกฝนในมนตราอากาศเช่นเดียวกัน แต่เดี๋ยวๆ ก็นำเอาของล้ำค่าที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งครึ่งเทพในราชวงศ์มองตาเป็นมันบางอย่างออกมา

ในยามนี้ ปี้ชิงเยวี่ยส่งข่าวมาให้จ้าวเฟิง

“นายท่าน ตำหนักไท่หวงครึ่งเทพหลงหวงเหมือนจะเริ่มทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์แล้ว!”

น้ำเสียงของปี้ชิงเยวี่ยจริงจัง

ความจริงในช่วงปิดด่าน จ้าวเฟิงมักจะติดต่อกับปี้ชิงเยวี่ยเพื่อรับรู้สถานการณ์ภายนอก

แต่ครั้งนี้ ข้อมูลที่ปี้ชิงเยวี่ยส่งมาทำให้จ้าวเฟิงสนใจเล็กน้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!