บทที่ 1155 พื้นที่ลับรกร้างโบราณ
“คนผู้นี้เป็นใครกันแน่? คิดไม่ถึงเลยว่าจะจ่ายผลึกเซียนระดับล่างจำนวนมากขนาดนี้เพื่อสู้ราคาเหมืองแร่ทอง!”
“ผลึกเซียนระดับล่างสองพันชิ้น ครึ่งเทพทั่วไปไม่มีทางใช้ผลึกเซียนระดับล่างมากขนาดนี้!”
ทุกคนเดากันว่าคนภายในห้องจะต้องเป็นผู้อาวุโสในขั้วอำนาจสี่ดาวแห่งหนึ่งของเกาะเทียนอวี่แน่ๆ
กระทั่งซีเฟิงยังออกจะประหลาดใจ คนในห้องข้างตนเป็นใครกันแน่
ผลึกเซียนระดับล่างสองพันชิ้นมีมูลค่าสูงกว่าเหมืองแร่ทองไปมาก ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสู้ราคา เหมืองแร่ทองจึงตกเป็นของจ้าวเฟิงอย่างราบรื่น
จ้าวเฟิงประมูลเหมืองแร่ทองมา ย่อมเพื่อใช้ฝึกฝนวายุอัสนีธาตุทองในวันหน้า
“ในห้วงฝันบรรพกาล ข้ามีสายแร่ผลึกเซียนระดับล่างสายหนึ่ง ผลึกเซียนระดับล่างแค่สองพันชิ้นไม่มีความหมายใดๆ!”
จ้าวเฟิงหัวเราะขึ้นอย่างอดไม่ได้
สายแร่ผลึกเซียนระดับล่างสายหนึ่งก็แทบเทียบได้กับสมบัติครึ่งหนึ่งของขั้วอำนาจสี่ดาวระดับต่ำจากจุดนี้ทำให้เห็นว่าจ้าวเฟิงร่ำรวยขนาดไหน
ยิ่งไปกว่านั้น เผ่าพันธุ์ผลึกธุลีที่มากความสามารถพวกนั้นก็สามารถผลิตผลึกเซียนระดับล่างให้จ้าวเฟิงได้
จากนั้นยังมีสิ่งของล้ำค่าหลายชิ้นที่ถูกจ้าวเฟิงซื้อมาด้วยราคาสูงลิบ
ตอนนี้ในงานประมูล จ้าวเฟิงดึงดูดความสนใจไม่ด้อยไปกว่าซีเฟิงผู้เป็นศิษย์ของเจ้าเกาะเทียนอวี่
ต้องรู้ว่า ผลึกเซียนระดับล่างที่ใช้ไปในวันนี้เป็นจำนวนหมื่นกว่าชิ้น
ผลึกเซียนระดับล่างมากมายขนาดนี้ ก็มีเพียงผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงที่จะจ่ายได้
“ท่านช่างหาญกล้านัก หลังจากงานประมูลจบลงแล้ว ซีเฟิงอยากจะประมือกับนายท่านสักครั้ง!”
ยามนี้ เสียงของซีเฟิงดังมาจากห้องข้างจ้าวเฟิง
ทันใดนั้น งานประมูลเงียบสงัดลง ตอนนี้ซีเฟิงเปิดปากก่อนว่าอยากจะประมือกับผู้แข็งแกร่งที่ลึกลับผู้นี้ ฝ่ายตรงข้ามจะต้องแจ้งชื่อตนเอง
พวกเขาอยากรู้อย่างยิ่งว่าผู้แข็งแกร่งที่ร่ำรวยเช่นนี้เป็นใครกันแน่
แต่รอคอยอยู่นาน ห้องด้านข้างซีเฟิงก็ไม่มีเสียงใดแว่วออกมา
ถึงแม้ว่าความประทับใจที่มีต่อซีเฟิงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่จ้าวเฟิงไม่รังเกียจถ้าจะประมือกับฝ่ายตรงข้าม อย่างไรเสียซีเฟิงก็เป็นศิษย์ของเจ้าเกาะเทียนอวี่
จ้าวเฟิงอยากจะเดินทางออกจากเกาะเทียนอวี่ยังต้องอาศัยค่ายกลขนส่งที่ควบคุมโดยเจ้าเกาะ แต่ทว่าเมื่อครูจ้าวเฟิงประเจิดประเจ้อมากจนเกินไป ถ้าหากเปิดเผยตัวตน จะตกเป็นเป้าสายตาจากผู้แข็งแกร่งแทบทุกคนที่นี่
หากสามารถเลี่ยงความยุ่งยากได้ จ้าวเฟิงย่อมไม่ไปยั่วยุโทสะ ดังนั้นจึงเลือกที่จะเงียบ
“คนผู้นี้…” ซีเฟิงมีสีหน้าโมโหอยู่บ้าง
ฝ่ายตรงข้ามไม่พูดอะไร ย่อมแปลว่าไม่อยากจะต่อสู้กับเขา
เขาเป็นถึงลูกศิษย์ของเจ้าเกาะเทียนอวี่ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงก็ต้องไว้หน้าตนเองด้วย
แต่ในตอนนี้ ฝ่ายตรงข้ามไม่รีบตกปากรับคำและยังมองข้ามเขา นี่เป็นการไม่ไว้หน้าเขาต่อหน้าทุกคนในที่นั้น
“สิ่งของที่เข้าร่วมประมูลชิ้นต่อไปคืออาวุธเทพชั้นรอง…”
ตอนนี้ พิธีกรงานประมูลทำลายความกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้น
งานประมูลดำเนินต่อไป การปรากฏขึ้นของอาวุธเทพชั้นรองปลุกความคึกคักในงาน
แต่สิ่งของเหล่านี้ยากจะดึงดูดให้จ้าวเฟิงสนใจ
ของที่ประมูลชิ้นสุดท้ายในงานก็คือสมบัติที่สามารถเพิ่มสัดส่วนในการทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้ แต่จ้าวเฟิงมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งในการทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ ปัญหาหลักก็คือจะทะลวงไปยังเทพแท้จริงขั้นที่เท่าไหร่เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าร่วมประมูลสมบัติชิ้นนี้
หลังจากที่งานประมูลจบลง จ้าวเฟิงมาที่ส่วนในของหอประมูลรุ่งโรจน์เพื่อรับสิ่งของที่ประมูลมาได้และผลึกเซียนระดับล่างส่วนหนึ่ง
ถึงแม้ว่าสิ่งของที่จ้าวเฟิงประมูลมาจะมีมูลค่าสูงยิ่ง แต่ของที่จ้าวเฟิงเอาออกประมูลที่นี่ ทำให้ได้ผลึกเริ่มต้นจำนวนมากกว่า
หลังออกจากหอประมูลรุ่งโรจน์ จ้าวเฟิงเดินเตร็ดเตร่อยู่ในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายต่อ
จ้าวเฟิงเดินเข้าไปในสถานที่แลกเปลี่ยนอาวุธเทพหลายแห่ง แต่กลับหาอาวุธที่เหมาะสมกับตนเองไม่พบ เพราะว่าธนูเดิมถือว่าเป็นอาวุธตั้งรับ ถึงจะเอาออกประมูลขายในงานประมูล ราคาก็ต่ำกว่าอาวุธอื่นๆ มาก
ทันใดนั้น จ้าวเฟิงพลันได้กลิ่นอาหารโอชะอันหอมฉุนโชยเข้าจมูก
นอกเหนือจากนี้ก็มีเสียงเจรจาจอแจ
“หอไข่มุกเซียน!”
แววตาจ้าวเฟิงทอดมองไปที่หอสวยงามตระการตา
ขนาดของหอแห่งนี้ไม่ด้อยไปกว่าหอประมูลรุ่งโรจน์เมื่อครู่เลย จากจุดนี้ทำให้มองออกว่าเหลาสุราแห่งนี้น่าจะโด่งดังไม่น้อย
ผู้ฝึกตนดูดซึมไอสวรรค์ในฟ้าดิน จึงไม่จำเป็นต้องกินอาหาร แต่เหลาสุราแห่งนี้ยังครึกครื้น มีคนเยอะแยะจอแจขนาดนี้ ต้องมีจุดที่ไม่ธรรมดาแน่
“เข้าไปดูสักหน่อย!” จ้าวเฟิงเกิดสนใจขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเข้าไปภายใน จ้าวเฟิงหาตำแหน่งที่ไม่มีคนแล้วนั่งลงทันที
“ท่านลูกค้าต้องการรับอะไร?”
เสี่ยวเอ้อร์ร่างเตี้ย บนศีรษะมีหูแมว ดูค่อนข้างน่ารักน่าชัง เอ่ยถามอย่างเป็นมิตร
จ้าวเฟิงโบกมือในอากาศ ปรากฏม่านแสงขึ้น ด้านบนปรากฏรายชื่อเหล้าและอาหารจำนวนมาก รวมถึงราคาด้วย
จ้าวเฟิงมาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่เข้าใจของในรายการแม้แต่น้อย จึงสั่งอาหารไปสองสามจานแบบส่งๆ
“ได้เลย คุณชาย รอสักครู่!”
เสี่ยวเอ้อร์ของที่ร้านเอ่ยด้วยสีหน้ายินดี
ของที่แขกผู้นี้สั่งล้วนเป็นอาหารเลิศรสในหอไข่มุกเซียนทั้งสิ้น ราคาแพงลิ่ว คนปกติไม่มีทางจะซื้อกินได้
‘วัตถุดิบที่นี่เหมือนจะปรุงจากทรัพยากรล้ำค่าและเลือดเนื้อสัตว์อสูรทั้งนั้น!’
แววตาของจ้าวเฟิงมองประเมินเหล้าและอาหารบนโต๊ะของแขกคนอื่นๆ
“น่าสนใจ!” จ้าวเฟิงยิ้มแย้มน้อยๆ
หนทางการฝึกตนอันตรายอย่างยิ่ง ผ่อนคลายจิตใจ พักผ่อนเสียบ้างเป็นครั้งคราว ยังจะมีประโยชน์อยู่บ้าง
อนึ่ง อาหารที่นี่ยังเป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ในขณะที่เพลิดเพลินกับอาหารเลิศรส ยังสามารถเพิ่มขอบเขตพลังในการฝึกตน แล้วจะไม่ดีตรงไหนกัน
ไม่นาน สุราและอาหารของจ้าวเฟิงก็ถูกวางลงบนโต๊ะ
จ้าวเฟิงไม่พูดไม่จา ลิ้มลองอาหารเลิศรสที่นี่
เมี้ยว เมี้ยว! แสงสีเงินสว่างวาบ เจ้าแมวขโมยตัวน้อยปรากฏขึ้นบนโต๊ะ
“เป็นเจ้าแมวตะกละจริงๆ!”
จ้าวเฟิงพูดไม่ออกเล็กน้อย
ตั้งแต่ที่เข้ามาในดินแดนเทพรกร้าง เจ้าแมวขโมยตัวน้อยก็เอาแต่ปิดด่านฝึกตน ไม่ค่อยสื่อสารกับจ้าวเฟิง แต่ในตอนนี้ เจ้าแมวขโมยกลับกระโจนออกมา ทำท่าทีหิวโหยตะกละตะกลาม
สีหน้าจ้าวเฟิงแปลกใจอย่างยิ่งเมื่อมองประเมินเจ้าแมวขโมยน้อยอย่างละเอียด
เจ้าแมวขโมยน้อยในตอนนี้ทะลวงผ่านขั้นครึ่งเทพแล้ว หนำซ้ำรากฐานยังมั่นคงอย่างยิ่ง
“เจ้าแมวขโมยตัวนี้ เพียงครู่เดียวก็เก่งกว่าข้าแล้ว!”
จ้าวเฟิงพึมพำกับตนเอง
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยน้อยยื่นกรงเล็บมา ทำท่าทางบอกจ้าวเฟิง
“เจ้าต้องการทรัพยากรจำนวนมากเพื่อเตรียมทะลวงขอบเขตขอบเขตเซียนสวรรค์งั้นหรือ?”
สีหน้าจ้าวเฟิงตื่นตะลึง
เพิ่งสัมผัสขั้นครึ่งเทพ ก็เตรียมจะทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์แล้ว เจ้าแมวตัวนี้เป็นตัวประหลาดอะไรกันแน่
ทว่าทรัพยากรในการฝึกตนของจ้าวเฟิงมีไม่มากพอ ย่อมต้องไม่สามารถเติมเต็มเจ้าแมวขโมย อีกทั้งทรัพยากรที่เจ้าแมวขโมยน้อยต้องการก็มีจำนวนมหาศาล ในตอนนี้จ้าวเฟิงไม่อาจมอบให้ได้
เมี้ยว เมี้ยว!
แมวขโมยน้อยถอนหายใจ เผยสีหน้าเยาะเย้ย
จ้าวเฟิงเงียบกริบไม่พูดจา ความหมายของเจ้าแมวขโมยก็คือ เมื่อไม่มีทรัพยากร เช่นนั้นแล้วมันก็ได้แต่รอไปก่อน ถือโอกาสรอให้ขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นตามมันด้วย
“รีบกิน อุดปากเจ้าเอาไว้!”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างไม่พอใจและชังน้ำหน้าเล็กน้อย
“เจ้าได้ยินหรือไม่ ‘พื้นที่ลับรกร้างโบราณ’ ที่เปิดออกทุกพันปีเหมือนจะเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น เป็นได้อย่างมากว่าจะเปิดออกก่อน?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? ทิ้งห่างจากตอนที่ ‘พื้นที่ลับโบราณ’ เปิดเมื่อคราวก่อนพันปีเอง?”
ในหอไข่มุกเซียน นอกจากจะเป็นที่ชิมอาหารอันโอชะแล้ว ยังเป็นสถานที่พูดคุยสนทนาของผู้แข็งแกร่งของแต่ละขั้วอำนาจด้วย
พื้นที่ลับรกร้างโบราณ เป็นถึงพื้นที่ลึกลับที่มีชื่อเสียงโด่งดังในดินแดนเทพรกร้าง หมื่นปีจะเปิดออกครั้งหนึ่ง ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ตอนที่ดินแดนเทพรกร้างถือกำเนิดขึ้น
ส่วนความเป็นมาของพื้นที่ลับรกร้างโบราณก็ยิ่งซับซ้อนไปทุกที
ว่ากันว่า ตอนแรกของช่วงก่อกำเนิด ในฟ้าดินมีเพียง ‘ทวีปรกร้าง’ กว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุด จนถึงวันหนึ่ง ในทวีปรกร้างเกิดการรบระหว่างเทพกับมารที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ ทำให้ทวีปรกร้างที่ไร้จุดสิ้นสุดพังทลาย ส่วนความว่างเปล่าวุ่นวายถูกบุกเบิกจนกลายมาเป็นจักรวาลอย่างเช่นทุกวันนี้
ทวีปรกร้างแตกละเอียดกลายเป็นเศษชิ้นส่วนและเถ้าธุลี กระจายออกไปยังจุดต่างๆ ในจักรวาล
ส่วนดินแดนเทพรกร้างก็คือพื้นดินขนาดใหญ่ที่สุดที่หลงเหลือจากการแตกออกของทวีปรกร้าง
ว่ากันว่า ‘พื้นที่ลับรกร้างโบราณ’ เป็นพื้นดินขนาดใหญ่ซึ่งหลงเหลือจากการแตกออกของทวีปรกร้างในตอนนั้น เพียงแต่ว่าพื้นดินผืนนั้นไม่เคยถูกขุดค้นมาก่อน สิ่งมีชีวิตภายในจึงยังรักษาสภาพในช่วงเวลาเก่าแก่เอาไว้ ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์อย่างมาก ไม่แน่ว่าอาจจะยังมีมรดกของเทพและมารที่แกร่งกล้าในช่วงบรรพกาลอยู่
“เฮ้อ พูดเยอะแยะไปก็ไร้ประโยชน์ พื้นที่ลับรกร้างโบราณไม่ใช่เรื่องของพวกเราเสียหน่อย!”
“คนที่จะเข้าไปได้ อย่างน้อยต้องอยู่ในขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่ง!”
ในหอไข่มุกเซียนมีเสียงทอดถอนใจ
คนที่อยู่ภายในนั้นเคยแต่ได้ยินชื่อเสียงของพื้นที่ลับรกร้างโบราณ แต่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน
ขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งจะต้องมีเทพโบราณคอยดูแลอยู่ เทพแท้จริงก็ถึงขั้นที่เจ็ด ซึ่งทั้งเกาะเทียนอวี่ยังไม่มีเทพโบราณแม้แต่คนเดียว
“ต้องเป็นขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งเท่านั้นหรือถึงจะมีรายชื่อเข้าไปในพื้นที่ลับรกร้างโบราณได้?”
จ้าวเฟิงตื่นตะลึง คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข้อมูลเช่นนี้จากที่นี่
“สี่ดาวครึ่งถึงจะมีรายชื่อ แปลว่าพื้นที่ลึกลับแห่งนี้น่าจะถูกควบคุมอยู่ในเงื้อมมือของขั้วอำนาจห้าดาวที่ดินแดนเทพรกร้าง!”
จ้าวเฟิงตื่นตระหนก
ขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งต้องมีเทพโบราณควบคุมดูแล แล้วขั้วอำนาจห้าดาวเล่า? จะมีผู้แข็งแกร่งที่ฝืนชะตาฟ้าดินแบบไหนกัน?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จ้าวเฟิงถึงรู้สึกได้ว่าในดินแดนเทพรกร้างที่กว้างใหญ่ ตนเองเล็กจ้อยเกินจะเอ่ยถึง เป็นเพียงแค่มดปลวกเท่านั้น
“ข้าคงไร้วาสนากับพื้นที่ลึกลับแห่งแรกในดินแดนเทพรกร้างเสียแล้ว!”
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะ เอ่ยติดจะเสียดาย
มีเพียงเผ่าพันธุ์หยกทองที่เป็นผู้ปกครองสูงสุดของอ่าวทะเลคราม ถึงจะนับได้ว่าเป็นขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่ง ด้วยความสามารถในตอนนี้ของจ้าวเฟิง ไม่สามารถจะยุ่งเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์หยกทองได้ นับประสาอะไรกับการได้รับรายชื่อที่ล้ำค่าอย่างยิ่งนี้
ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงล้มเลิกความคิดนี้ สงบจิตใจฝึกตน ในภายหน้าเขาจะกลับมาดูพื้นที่ที่กว้างขวางยิ่งกว่าในดินแดนเทพรกร้าง
“ฮ่าๆ ทุกท่านอย่าหมดอาลัยเช่นนี้!”
ชายวัยกลางคนผิวสีแดงและชายชุดขาวเดินขึ้นมาบนหอไข่มุกเซียน
“คุณชายซีเฟิงก็มาแล้ว!”
“คุณชายซีเฟิง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันนี้ข้าจ่ายเอง!”
ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนทั้งหอไข่มุกเซียนต่างลุกขึ้นประจบประแจง
ชายผิวแดงข้างกายซีเฟิงก็คือเฉินอวี๋ไห่ที่งานประมูล
“ครั้งนี้อาจารย์ข้าเจ้าเกาะเทียนอวี่จะให้ข้าเดินทางไปที่เผ่าพันธุ์หยกทอง ไม่แน่ว่าข้าอาจจะโชคดีได้เข้าไปในพื้นที่ลับรกร้างโบราณก็ได้!”
บนวงหน้าหล่อเหลาของซีเฟิงระบายยิ้มบางอย่างลำพองใจ
ความจริงเป็นเช่นนี้ เจ้าเกาะเทียนอวี่เตรียมส่งซีเฟิงไปยังเผ่าพันธุ์หยกทอง แต่จะสามารถช่วงชิงลำดับรายชื่อที่ล้ำค่าอย่างยิ่งได้หรือไม่นั้น ซีเฟิงไม่มีหวังแม้แต่น้อย
ในวันนี้ เขาหวังเพียงแต่ว่าพื้นที่ลับรกร้างโบราณจะเปิดออกช้าลงไปสักหน่อย เช่นนี้เขาจะได้มีเวลาไปช่วงชิงรายชื่อกับผู้ถูกเลือกของเผ่าหยกทอง
“คุณชายซีเฟิงช่างโชคดีเหลือเกิน!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายซีเฟิงจะได้เป็นตัวแทนเกาะเทียนอวี่เข้าไปในพื้นที่ลับลำดับแรกของดินแดนเทพรกร้าง!”
เมื่อทุกคนได้ยิน จึงเริ่มพูดคุยกับคุณชายซีเฟิงอย่างเป็นมิตรมากขึ้น
แววตาซีเฟิงและเฉินอวี๋ไห่กวาดผ่านทั้งหอไข่มุกเซียน พบว่าทุกโต๊ะมีคนทั้งสิ้น
ทันใดนั้นเอง ซีเฟิงเดินมาทางจ้าวเฟิง
“พี่ชายท่านนี้ คงไม่รังเกียจที่ข้าและเพื่อนของข้าจะนั่งที่นี่กระมัง!”
บนใบหน้าอบอุ่นของซีเฟิงแฝงแววเย็นชา
ความจริงแล้วความหมายของเขาชัดเจนอย่างยิ่ง คือจะให้จ้าวเฟิงออกไปเอง
แน่นอนว่าที่เขาเดินมาหาจ้าวเฟิง หนึ่งเป็นเพราะว่าโต๊ะนั้นมีจ้าวเฟิงแค่เพียงคนเดียว ส่วนโต๊ะอื่นมีคนมากกว่าสามคน สองคือก่อนจะเข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ซีเฟิงเคยได้ยิน ‘คำโอ้อวด’ ที่จ้าวเฟิงเคยประกาศกร้าวออกมา จึงพอจะจำจ้าวเฟิงได้
“คุณชายซีเฟิง จะเสียเวลาพูดกับเขาทำไม!”
สีหน้าเฉินอวี๋ไห่เคร่งขรึม มองจ้าวเฟิงด้วยดวงตาไม่สบอารมณ์
ก็แค่ขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงคนหนึ่ง ไม่สำหลักสำคัญในสายตาของเขา
แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ลุกขึ้น
“ไม่จำเป็น ข้ากินเสร็จแล้ว ที่ตรงนี้ข้ายกให้คุณชายซีเฟิงก็แล้วกัน!”
จ้าวเฟิงหิ้วเจ้าแมวขโมยตัวน้อยขึ้นมา และจากไปทันที
“หึ นับว่าเจ้ายังพอรู้เรื่องบ้าง!”
เฉินอวี๋ไห่ตะโกนเสียงเกรี้ยวกราด จากนั้นยิ้มพลางเอ่ย “คุณชายซีเฟิงเชิญนั่งก่อน มื้อนี้ข้าแซ่เฉินขอเลี้ยงเป็นการชดใช้แล้วกัน!”
แต่ซีเฟิงกลับนิ่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววครุ่นคิด “เสียงคนผู้นี้คุ้นหูไม่น้อย เหมือนว่าเคยได้ยินที่ไหน…”
ฉับพลันนั้น ซีเฟิงก็นึกถึงเสียงเย็นชาที่ตะโกนสู้ราคาไม่หยุดในห้องข้างเขา ณ งานประมูล