บทที่ 1215 สังหารอย่างรวดเร็ว
“สังหารข้า?”
สีหน้าเทพแท้จริงขั้นสามของหอมังกรเหลืองอึ้งไป ก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ย
ถึงแม้ว่าเขาจะเคยประมือกับจ้าวเฟิง และตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ไม่ได้แปลว่าจ้าวเฟิงมีความสามารถมากพอที่จะสังหารเขา
“ให้ข้าดูหน่อย เจ้าจะสังหารข้าได้อย่างไร!”
เทพแท้จริงขั้นสามยิ้มสัพยอก
จ้าวเฟิงมีพลังแกร่งกล้า กลอุบายมากมาย และอาจจะมีอาวุธเทพที่แข็งแกร่งอย่างมาก ต่อให้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฟิง แต่ถ้าหากเขาตั้งหน้าตั้งตาหนี จ้าวเฟิงจะไล่ล่าจนสังหารเขาได้หรือ?
ต้องรู้เอาไว้ว่า สถานการณ์ตอนนี้คือจ้าวเฟิงกำลังเผชิญหน้ากับการไล่สังหารของหอมังกรเหลือง
ความไม่รู้และมุทะลุของจ้าวเฟิงในตอนนี้เป็นไปอย่างที่เขาหวังพอดี ขอแค่เขายื้อจ้าวเฟิงเอาไว้ได้ครู่หนึ่ง เพื่อรอให้กำลังเสริมหอมังกรเหลืองมาถึง พอถึงเวลานั้น ต่อให้จ้าวเฟิงติดปีกก็ยากจะบินหนีไปได้
โครม! ร่างเทพแท้จริงขั้นสามพลันขยายใหญ่ขึ้น ทั่วร่างปกคลุมด้วยเกราะเกล็ดมังกรสีเหลืองเข้มชั้นหนึ่ง เหมือนเป็นขุนเขาใหญ่ เหนี่ยวนำพลังธาตุดินในธรรมชาติ
“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”
จ้าวเฟิงเก็บสะสมพลังไว้ ปลดปล่อยฝ่ามือแสงอัสนีห้าสีสายหนึ่งออกมาทันใด เงาฝ่ามือราวภูผาที่มีหมื่นอัสนีปั่นป่วน
ครั้งนี้จ้าวเฟิงใส่พลังเสวียนอ้าวห้าธาตุลงไปด้วย
เสวียนอ้าวทั้งห้าอย่างดิน ไฟ น้ำ ไม้ และทอง ถึงแม้แต่ละประเภทจะแตะขั้นที่หนึ่ง แต่พลังที่เกิดขึ้นจากเสวียนอ้าวทั้งห้าประเภทนี้ไม่อาจมองข้ามไปได้
ตูม แซ่ด แซ่ด!
ในขณะที่ผลักเงาฝ่ามือห้าสีออกไป ก็ดึงพลังเสวียนอ้าวทั้งห้าธาตุในฟ้าดินให้หลอมรวมเข้าไปในร่างกาย พลังจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นพลังเสวียนอ้าวที่แข็งแกร่งยิ่ง!”
เทพแท้จริงขั้นสามตื่นตะลึงอย่างมาก
ฝ่ามือที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมาในตอนนี้ เหมือนกับฝ่ามือที่ใช้ตอนประมือกับเขาไม่มีผิดเพี้ยน แต่พลังกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พูดได้ว่า ตอนที่จ้าวเฟิงประมือกับเขายังเก็บงำพลังเอาไว้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เทพแท้จริงขั้นสามจึงไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
“หึ!”
เขาแค่นเสียงกราดเกรี้ยว ก่อนจะกระตุ้นสายเลือดในร่างอย่างไม่ลังเล
บึ้ม! พลานุภาพมหาศาลกลุ่มหนึ่งปลดปล่อยออกจากในร่างเขา
ร่างกายเทพแท้จริงขั้นสามขยายใหญ่ไม่หยุด จนสุดท้ายแล้วแปรเลี่ยนรูปร่างเป็นกึ่งคนกึ่งมังกร
หลังจากกระตุ้นสายเลือด แขนกำยำทั้งสองข้างของเขาโอบล้อมด้วยเกราะเกล็ดมังกรสีเหลืองเข้มหนาหนัก จากนั้นทะยานออกไปทันใด
“เผ่ามังกรพสุธา!” หานหนิงเอ๋อร์เอ่ยเตือนอยู่ไกลๆ
เผ่ามังกรพสุธาเป็นเผ่าพันธุ์ในลำดับที่สองพันหกร้อยสิบเก้าในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ โด่งดังในการใช้พลังเพื่อป้องกัน ลึกซึ้งในเสวียนอ้าวธาตุดินอย่างมาก
ครืน ตูม!
ฝ่ามือแสงอัสนีห้าสีปะทะเข้ากับเทพแท้จริงขั้นสามที่กระตุ้นสายเลือดแล้ว เสวียนอ้าวพลังที่น่ากลัวพลันแตกกระจายไปทั่วบริเวณ
มีเพียงหานหนิงเอ๋อร์ที่อยู่ในขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์รู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง กระทั่งจะหายใจยังยากลำบาก ต้องถอยออกไปหลายหมื่นลี้ทันที
“แข็งแกร่งเหลือเกิน ไม่นึกเลยว่าคนผู้นี้จะครอบครองพลังเช่นนี้!”
นัยน์ตางามของหานหนิงเอ๋อร์จ้องจ้าวเฟิง
แต่ทันใดนั้นเอง ภายในเงาฝ่ามือแสงอัสนีห้าสีที่ถูกเทพแท้จริงขั้นสามต้านทานเอาไว้กลับปลดปล่อยเพลิงโลหิตมหาศาล ลุกลามปกคลุมทั่วร่างเขาในพริบตา
หนำซ้ำเพลิงกลุ่มนี้ยังมีพลังกัดกร่อนและการเผาไหม้ที่แข็งแกร่ง ยากจะดับมอดลงไป
“อ๊าก พลังสายเลือดกลุ่มนี้…”
เทพแท้จริงขั้นสามร้องโหยหวน เหมือนว่าสายเลือดกลุ่มนี้จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าสายเลือด ‘เผ่ามังกรพสุธา’ ของเขาเสียอีก
ในตอนที่ถูกเพลิงกลุ่มนี้เผาผลาญ เขารู้สึกได้ว่าสายเลือดของตนเองกำลังเผาไหม้เช่นเดียวกัน ทุกข์ทรมานยิ่งนัก ปราณและเลือดลมในร่างกายกำลังหลุดลอยออก
จะต้องรู้ว่า เสวียนอ้าวธาตุไฟของจ้าวเฟิงถึงขั้นที่หนึ่งแล้ว
ตอนที่ฝึกฝน ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ จนธาตุทั้งห้ารวมเป็นหนึ่ง เสวียนอ้าวธาตุไฟจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จนเกือบไปแตะขั้นที่สอง ดังนั้น เสวียนอ้าวธาตุไฟของจ้าวเฟิงรวมกับเพลิงมารโลหิตโบราณจะยิ่งทรงพลังกว่าปกติ
“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!”
ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปรากฏเพลิงสายฟ้ากลุ่มหนึ่ง
เขาเริ่มรวบรวมพลังตอนที่เทพแท้จริงขั้นสามถูกทำร้ายโดยเพลิงมารโลหิตโบราณ
บึ้ม! ตราอัสนีเทวะที่บิดเบี้ยวกลุ่มหนึ่ง ประหนึ่งเพลิงลุกโหม หอบเอากลิ่นอายวิญญาณที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ระเบิดออกบนศีรษะเทพแท้จริงขั้นสาม
“อ๊าก…” เทพแท้จริงขั้นสามแห่งหอมังกรเหลืองกรีดร้องโหยหวน
เมื่อครู่เขาเพียงถูกเผาไหม้โดยเพลิงบ้าคลั่ง แต่ยามนี้เขากลับรู้สึกว่าวิญญาณเหมือนถูกฉีกทึ้ง ความเจ็บปวดราวถูกมีดแหลมนับพันนับหมื่นทิ่มแทง พุ่งโจมตีจิตวิญญาณของเขาไม่หยุด
“ฝ่ามือครองสวรรค์!”
จ้าวเฟิงเปลี่ยนกระบวนท่าสำนึกรู้ โคจรเสวียนอ้าวมิติ ปลดปล่อยเคล็ดวิชาที่แกร่งกล้าอีกวิชาหนึ่งออกมา เสวียนอ้าวมิติของจ้าวเฟิงแตะขั้นที่สอง เสวียนอ้าวเวลาถึงขั้นที่หนึ่ง ส่วน ‘ฝ่ามือครองสวรรค์’ ก็เป็นเคล็ดวิชาขั้นเทพระดับกลางอยู่แล้ว พลังท่าฝ่ามือนี้ย่อมแข็งแกร่งกว่า ‘ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา’ หลายเท่าตัว
เงาฝ่ามือครองสวรรค์หลายสายพร้อมพลังมหาศาลเร้นกายหนีไปในอากาศ เมื่อเผยตัวอีกครั้ง ก็มาถึงเบื้องหน้าเทพแท้จริงขั้นสามแห่งหอมังกรเหลือง
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
เทพแท้จริงที่วิญญาณเจ็บปวดไม่มีแรงจะต้านทานเมื่อถูกโจมตีจากฝ่ามือครองสวรรค์
ระลอกมิติที่น่าพรั่นพรึงส่งผลกระทบรอบบริเวณ ทำให้อากาศทั้งหมดสั่นสะเทือน
“อ๊าก…” เทพแท้จริงขั้นสามแห่งหอมังกรเหลืองกระเด็นออกไปหลายหมื่นลี้ ทิ้งคราบเลือดสีสดเอาไว้เป็นทาง
ในตอนนี้ วิญญาณ สายเลือด และร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังรบไม่ถึงสี่ส่วนของช่วงสมบูรณ์ด้วยซ้ำ
‘หนี!’ สีหน้าเทพแท้จริงฉายแววหวาดกลัว หมุนกายหนีไป
วิ้ง! ระลอกเสวียนอ้าวมิติแผ่พวยพุ่ง เขากำลังจะใช้วิชาข้ามมิติหลบหนีไป
“เทพแท้จริงขั้นสามกลับมาพ่ายแพ้อย่างง่ายดายแบบนี้!”
หานหนิงเอ๋อร์ตกตะลึงจนนิ่งอยู่กับที่
ด้วยสภาพเทพแท้จริงขั้นสามในตอนนี้ ต่อให้เขาคิดจะหนี ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจ้าวเฟิงจะไล่สังหารอยู่ดี
แต่ทว่า จ้าวเฟิงคงไม่ไล่สังหารเขา เพราะผู้แข็งแกร่งของหอมังกรเหลืองกำลังไล่ตามมาแล้ว
“เจ้าคิดว่าจะหนีพ้น?” ใบหน้าจ้าวเฟิงเย็นชา โคจรดวงตาเทพเจ้า ปลดปล่อยเสวียนอ้าวมิติ เล็งไปที่ฟ้าดินอีกฟาก
“เนตรกั้นเวหา!”
ทันใดนั้นเอง พลังมิติที่ไร้รูปร่างกระจายตัวปกคลุมรอบบริเวณ
หลายหมื่นลี้รอบตัวเทพแท้จริงขั้นสามถูกจ้าวเฟิงผนึกเอาไว้ จึงไม่สามารถสำแดงวิชาข้ามมิติได้ กระทั่งเสวียนอ้าวมิติยังโดนจำกัดเอาไว้
“อะไรกัน? เจ้ารู้เคล็ดวิชาเช่นนี้ด้วย!”
เทพแท้จริงขั้นสามตะลึงไปทันที
เสวียนอ้าวมิติเข้าใจยากยิ่ง ส่วนกลยุทธ์ต่อสู้ประเภทมิติยิ่งน้อยนิด เขามีเพียงอาวุธเทพระดับต่ำที่ใช้สะกดมิติชิ้นหนึ่ง แต่จ้าวเฟิงกลับใช้วิชาดวงตาที่ผนึกฟ้าได้
“เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า!”
จ้าวเฟิงไม่มีเวลาพูดไร้สาระกับเขา ปลดปล่อยวิชาดวงตาวิญญาณในทันที
โครม! กลุ่มเพลิงแสงอัสนีสีม่วงสุกสกาวระเบิดออกตรงศีรษะของเทพแท้จริงขั้นสาม
ทั้งร่างกายและวิญญาณโดนเพลิงดวงตาอันไร้ที่สิ้นสุดปะทุแผดเผา
“อ๊าก ไว้ชีวิตด้วย…”
เทพแท้จริงขั้นสามผู้นี้ร่างกายและวิญญาณได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว จึงย่อมแบกรับไม่ไหว
“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”
จ้าวเฟิงปลดปล่อยวิชาดวงตาเสร็จแล้ว ก็ใช้วิชาแก่นแท้พลังอีก
บึ้ม ตูม! พลังเสวียนอ้าวสะเทือนฟ้าตรงไปปะทะเทพแท้จริงขั้นสามแห่งหอมังกรเหลือง
หานหนิงเอ๋อร์ชะงักอยู่ไกลๆ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนมองเห็น
ปฐมเทพผู้หนึ่งเอาชนะเทพแท้จริงขั้นสามได้รวดเร็วปานสายฟ้า ทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงกระทั่งจะเอาชีวิต
คนหนุ่มผมทองผู้นี้ไม่ใช่ปฐมเทพผู้ถูกเลือกของขั้วอำนาจห้าดาวจริงหรือ?
“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!”
จ้าวเฟิงปลดปล่อยวิชาดวงตาอัสนีเทวะท่าสุดท้าย ปลิดชีพเทพแท้จริงขั้นสามผู้นี้
“รีบหนีเร็ว!” สังหารเทพแท้จริงขั้นสามเสร็จสิ้น จ้าวเฟิงก็พาหานหนิงเอ๋อร์ข้ามมิติหนีไป
สังหารเทพแท้จริงขั้นสามได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ นอกจากจ้าวเฟิงจะไม่ได้ใช้ไม้ตายบางอย่าง ก็ทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มี อีกทั้งการใช้เคล็ดวิชาและวิชาดวงตาติดต่อกัน ทำให้จ้าวเฟิงสิ้นเปลืองพลังไปมากเช่นกัน หากเจอเทพแท้จริงขั้นสามอีกสักคน เกรงว่าจ้าวเฟิงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายแล้ว
ไม่นานนัก แรงกดดันมหาศาลประหนึ่งจะกดทับสรรพสิ่งก็มาเยือน
ผู้อาวุโสที่มีกลิ่นอายทรงพลังทั้งสองมาถึงสถานที่ตายของเทพแท้จริงแห่งหอมังกรเหลือง เทพแท้จริงจ้งถู่เป็นหนึ่งในนั้น
“ที่นี่เคยเกิดการสู้รบกันขนานใหญ่ขึ้น หนำซ้ำยังมีกลิ่นอายความตายอยู่!”
เทพแท้จริงจ้งถู่สีหน้าเคร่งขรึม
ตอนนี้เขาใช้ป้ายส่งข่าวติดต่อเทพแท้จริงขั้นสามผู้นั้นไม่ได้ ผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็รู้กัน
“เจ้าคนนั้นมีความสามารถพอจะสังหารเทพแท้จริงขั้นสามหรือ?”
เทพแท้จริงจ้งถู่ไม่กล้าเชื่อ
“ทั้งเจ้าและข้ารวดเร็วขนาดนี้ ต่อให้พลังเจ้านั่นเทียบเท่าได้กับเทพแท้จริงขั้นสามชั้นยอด ก็ไม่มีทางสังหารเทพแท้จริงขั้นสามได้รวดเร็วปานนี้!”
ผู้อาวุโสอีกคนเอ่ยออกมา
“ดูไปแล้ว หากว่าไม่ได้ความช่วยเหลือจากคนอื่น เจ้าเด็กนั่นก็ต้องมีสมบัติอะไรแน่!”
เทพแท้จริงจ้งถู่คาดคะเน
“จะปล่อยมันกับหานหนิงเอ๋อร์ไปไม่ได้!”
เงาทั้งสองร่างแค่นเสียงอย่างเกรี้ยวกราด สะบัดแขนเสื้อจากไป
จ้าวเฟิงพาหานหนิงเอ๋อร์ใช้เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาติดต่อกันหลายๆ ครั้ง หนีไปหลายล้านลี้แล้วถึงหยุดลง แต่เดิมการสิ้นเปลืองพลังจากเคลื่อนย้ายมิติก็มากอยู่แล้ว จ้าวเฟิงยังต้องพาคนอื่นไปพร้อมกัน หนำซ้ำยังเคลื่อนย้ายมิติไปอีกเกือบสิบครั้ง ตอนนี้จึงถึงขีดจำกัดแล้ว
แน่นอนว่าหากไม่ใช่เพราะจ้าวเฟิงเพิ่งจะรู้จักหานหนิงเอ๋อร์ ยังเชื่อถือนางไม่ได้ คงจะเก็บนางเข้าไปในชุดคลุมมิติหรือไม่ก็มิติเก็บของแล้ว
แต่ความลับเรื่องชุดคลุมมิติจะให้แพร่งพรายออกไปไม่ได้ ส่วนมิติเก็บของก็มีสมบัตินับไม่ถ้วน ผู้ที่ต่ำกว่าขั้นเทพโบราณลงไปย่อมต้องละโมบอยากได้
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ ข้าน้อยไม่มีอะไรจะตอบแทน”
หานหนิงเอ๋อร์รีบขอบคุณจ้าวเฟิง
ชั่วขณะนั้น นางค่อยๆ โคจรเจตจำนงดวงตา เสวียนอ้าวชีวิตที่พิเศษเฉพาะส่วนหนึ่งเข้าสู่ร่างจ้าวเฟิงอย่างอ่อนโยนยิ่ง
ทันใดนั้น จ้าวเฟิงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ความอ่อนล้าเมื่อครู่สลายหายไป
พลังชีวิตกลุ่มนี้ค่อยๆ รักษาอาการบาดเจ็บของเขา ถึงขั้นสามารถหล่อเลี้ยงร่างกาย ฟื้นฟูไอสวรรค์ที่ใช้หมดไป
“ช่างเป็นพลังที่ขัดลิขิตสวรรค์เหลือเกิน!” จ้าวเฟิงมีท่าทีตื่นตะลึง
ถ้าหากขอบเขตพลังของหานหนิงเอ๋อร์สูงอีกสักหน่อย ผลในการรักษาอาจจะดีมากกว่านี้ กระทั่งสามารถพัฒนาขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงได้ด้วย
จากการรักษาของเนตรชีวิต จ้าวเฟิง ‘ฟื้นกลับมาแข็งแรง’ อย่างรวดเร็ว แต่ละด้านกลับคืนสู่สภาวะที่สมบูรณ์ที่สุด
“เรียกข้าว่าจ้าวเฟิงก็ได้” จ้าวเฟิงตอบสั้นๆ
ระยะทางกว่าจะถึงเขตเทพสวรรค์ยาวไกลอย่างยิ่ง หากเอาแต่เรียกคุณชาย จ้าวเฟิงก็ไม่ค่อยรื่นหูนัก
“ต้องเดินทางอ้อมไปมาอีกแล้ว ลองหาตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย แลกซื้อแผนที่มาชิ้นหนึ่งก่อนแล้วกัน!”
อาณาเขตของแผนที่ในมือจ้าวเฟิงมีจำกัดมาก หากต้องเดินทางอ้อม ย่อมต้องแลกเอาแผนที่ใหม่มา
ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายหาได้ง่ายดายอย่างยิ่ง แต่ตำหนักนี้ก็มีระดับแตกต่างกันออกไป ขั้วอำนาจที่ควบคุมยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ ระดับขั้นของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายก็ยิ่งสูงขึ้น การแลกเปลี่ยนที่ทำภายในก็ยิ่งมาก
สามเดือนต่อมา จ้าวเฟิงและหานหนิงเอ๋อร์เดินทางออกจากอาณาเขตของขั้วอำนาจสำนักรากฐานเทพและหอมังกรเหลือง ไปยังตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งหนึ่ง
พื้นที่พิเศษแห่งหนึ่งในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ขอแค่จ่ายให้ถึงระดับ ก็จะได้แผงสำหรับวางขายแห่งหนึ่ง เจ้าของแผงตั้งร้านเพื่อค้าขายแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้
จ้าวเฟิงจ่ายผลึกเทพเพื่อแลกเอาแผงขายของที่หนึ่งมา
หลังจากครุ่นคิดไปชั่วขณะหนึ่ง จ้าวเฟิงหยิบสมบัติสำหรับฝึกฝนสองชิ้นที่ได้จากรังหงส์ออกมา จากนั้นจึงหยิบป้ายไม้มาเขียนตัวอักษรเอาไว้ว่า แลกแผนที่แถบนี้!
“นี่คือหญ้าบัวสวรรค์รั้งวิญญาณและผลกระดูกทอง!”
เจ้าของแผงข้างจ้าวเฟิงเห็นของสองชิ้นที่เขาหยิบออกมา หน้าก็เปลี่ยนสีทันที แววตาตื่นเต้น