Skip to content

King of Gods 1239

King Of Gods

บทที่ 1239 ตำหนักอโรคา

ตำหนักอโรคา คือขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งรอบนอกเขตเทพสวรรค์ เพราะผู้ควบคุมดูแลหลักของตำหนักอโรคาเป็นแพทย์ ดังนั้นฐานะของขั้วอำนาจนี้จึงพิเศษ สูงค่าอย่างยิ่ง

ขั้วอำนาจรอบๆ ทั้งหมดล้วนแต่มีคนเคยได้รับการรักษาจากแพทย์ของตำหนักอโรคา ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของสำนักยังเคยรักษาคนในระดับสูงของขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอด ดังนั้นขั้วอำนาจใหญ่น้อยต่างแย่งชิงทรัพยากรของกันและกัน สู้รบกันนับครั้งไม่ถ้วน แต่จะไม่รบกวนตำหนักอโรคา

ในวันนี้ จ้าวเฟิงติดตามคนของเผ่าลายชาดมาถึงขั้วอำนาจศาสตร์แพทย์

ตำหนักอโรคาตั้งอยู่ที่ด้านล่างหุบเขา ป่าไม้สายน้ำรอบบริเวณเป็นธรรมชาติที่งดงาม โชยกลิ่นหอมประหลาดหลากชนิดมา

“ในที่สุดก็ถึงแล้ว!” ลุงเหอมีสีหน้ายินดี

ระหว่าทาง จ้าวเฟิงรู้มาว่าผู้อาวุโสของเผ่าลายชาดเหมือนถูกพิษประหลาดบางชนิด จำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่างระงับไว้ แถมเผ่าลายชาดยังตั้งอยู่บริเวณรอบนอกดินแดนที่ติดต่อกับเขตเทพสวรรค์ ไม่ถือว่าไกลจากเขตเทพสวรรค์มากนัก เผ่าลายชาดจึงส่งกลุ่มคนออกเดินทางมาที่ตำหนักอโรคาเพื่อขอความช่วยเหลือในการรักษา

ด้านนอกตำหนักอโรคามีคนเดินทางมาเรื่อยๆ และถูกองครักษ์สอบถาม

พวกเขามาจากดินแดนแต่ละพื้นที่เพื่อขอรับการรักษา

พวกจ้าวเฟิงต่อแถวอยู่หางแถวด้านหลัง

“คิดไม่ถึงเลยว่าแพทย์กลุ่มหนึ่งจะสามารถรวมตัวกันเป็นขั้วอำนาจได้ด้วย!”

จ้าวเฟิงมองตำหนักอโรคาที่รุ่งเรืองพลางเอ่ยพึมพำ

จากที่จ้าวเฟิงดูไปแล้ว น่าจะเป็นเพราะดินแดนเทพรกร้างไม่สงบมาตลอด การรบระหว่างขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอดลงไปเกิดขึ้นได้เป็นปกติ

สำหรับในดินแดนเทพรกร้าง แพทย์ผู้รักษาที่แข็งแกร่งผู้หนึ่งมีประโยชน์อย่างมาก!

ไม่นานก็มาถึงตาจ้าวเฟิง

“พวกเจ้ามาทำอะไรกัน?” พวกจ้าวเฟิงถูกสามองค์รักษ์ขวางเอาไว้

ขอบเขตพลังองครักษ์สามคนนี้เป็นแค่ขั้นครึ่งเทพ แต่เมื่อมองไปที่ลุงเหอและพวกเทพแท้จริงกลับไม่มีอาการหวาดกลัว

“พวกเราคือเผ่าลายชาด มาขอความช่วยเหลือในการรักษาจากตำหนักอโรคา ผู้อาวุโสเฉินผู้อยู่นอกตำหนักอโรคารู้จักพวกเรา!”

ลุงเหอเอ่ยทันที

จากนั้น องครักษ์ผู้หนึ่งหยิบป้ายส่งข่าวออกมาเพื่อสื่อสารกับผู้ควบคุมดูแลในตำหนัก หลักจากยืนยันว่าไม่มีข้อผิดพลาดแล้วจึงปล่อยให้ผ่านทาง

ไม่นานนัก จ้าวเฟิงและพวกเข้าไปในตำหนักอโรคา และยังได้เจอผู้อาวุโสเฉินที่ลุงเหอเอ่ยถึง

ลุงเหอเล่าอาการของผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าลายชาดให้อีกฝ่ายฟังทันที

“พิษที่ผู้อาวุโสของพวกเจ้าโดนคือ ‘พิษเพลิงทำลายวิญญาณ’ ซึ่งมีเพียงแพทย์ที่สูงส่งในตำหนักอโรคาเท่านั้นจึงจะแก้พิษได้…”

ผู้อาวุโสเฉินมีท่าทีลำบากใจ

สีหน้าคนเผ่าลายชาดไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก จากการบรรยายของผู้อาวุโสเฉิน พวกเขาจำเป็นต้องเชิญแพทย์ของตำหนักอโรคาขั้นห้าขึ้นไปและมีศาสตร์แพทย์สูงส่งเท่านั้น

อนึ่ง ยังจำเป็นต้องเชิญแพทย์คนนั้นมาที่เผ่าเพื่อรักษาผู้อาวุโสสูงสุดด้วยตนเอง

แต่เดิมจะเชิญแพทย์แบบนี้ก็มีราคาแพงเหลือเกิน ค่ายใช้จ่ายของพวกเขาคือทรัพยากรล้ำค่าแต่ละประเภท แถมครั้งนี้ยังต้องเชิญอีกฝ่ายมาที่เผ่าด้วย การเดินทางไปกลับเสียเวลา พวกเขาจึงต้องจ่ายค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากนั้นให้กับแพทย์ผู้รักษาอีก

แต่เพื่อผู้อาวุโสของเผ่าลายชาดแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

จากนั้นผู้อาวุโสเฉินพาทุกคนเข้ามาบริเวณภายใน

ระหว่างนั้นจ้าวเฟิงเคยถามผู้อาวุโสผู้นี้ว่ารู้จักผู้อาวุโสร่วมสำนักของหานหนิงเอ๋อร์หรือไม่ อีกฝ่ายตอบว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน

จากการนำทางของผู้อาวุโสเฉิน พวกจ้าวเฟิงมาถึงภายในตำหนักอโรคา

ตำหนักอโรคาวิจิตรสวยงามอย่างยิ่ง มีกลิ่นหอมประหลาดตลบอบอวลในอากาศ เมื่อสูดลมหายใจเข้าปอดลึกจะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายมาก เหมือนมีผลการรักษาที่ประหลาดอย่างยิ่ง

ในตำหนักที่มีกลิ่นตลบอบอวล คนของเผ่าลายชาดยืนอยู่ข้างๆ อย่างสงบเสงี่ยม

และเบื้องหน้าพวกเขามีแพทย์ชุดขาวผู้หนึ่งนั่งอยู่ ตอนนี้เขากำลังละเลียดชาที่หอมกรุ่น แววตาสงบนิ่งจับจ้องไปที่ร่างทุกคน

“ใช้ผลึกเทพระดับกลางแก้พิษ ทรัพยากรโอสถที่ต้องใช้ระหว่างนั้นทั้งหมดพวกเจ้าต้องรับผิดชอบเอง แล้วระยะทางไปกลับน่าจะสิ้นเปลืองเวลาของข้าไปถึงสองปี พวกเจ้าจึงต้องจ่ายผลึกเทพระดับกลางอีก 400 ชิ้นเพิ่มเติมด้วย…”

แพทย์ชุดขาวคนนั้นเอ่ยเสียงราบเรียบ

สีหน้าจ้าวเฟิงชะงัก

แม้จะไม่นับค่าใช้จ่ายของทรัพยากรยา เผ่าลายชาดจำเป็นต้องจ่ายผลึกเทพระดับกลางหนึ่งพันชิ้น เทียบเท่าได้กับผลึกเทพระดับล่างแสนชิ้น ตอนที่จ้าวเฟิงฝึกอยู่ในหอคอยฝึกตน จำได้ว่ายังจ่ายผลึกเทพระดับล่างไปเพียงร้อยชิ้น

ในตอนนี้แค่จะแก้พิษยังต้องใช้ผลึกเทพระดับล่างถึงแสนชิ้น

สำหรับขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งแห่งหนึ่งแล้ว นี่ไม่ใช่ของจำนวนน้อยๆ เลย

‘มาถึงเขตเทพสวรรค์ น่าจะให้จ้าวหุยเข้าร่วมขั้วอำนาจศาสตร์แพทย์ด้วย!’

จ้าวเฟิงคิดในใจ

มีแต่อยู่ในขั้วอำนาจแบบนี้ ศาสตร์แพทย์ของจ้าวหุยถึงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะได้เป็นประโยชน์ต่อจ้าวเฟิง

ส่วนปฐมเทพสามคนของเผ่าลายชาดได้ยินจำนวนเช่นนี้ก็พลันนิ่งอิ้งไป

มีแต่ลุงเหอและเทพแท้จริงขั้นสามอีกสองคนเท่านั้นที่มองด้วยแววตาล้ำลึก ไม่พูดไม่จา

ก่อนที่จะมา ผู้อาวุโสเฉินได้บอกค่าใช้จ่ายโดยประมาณมาก่อน น่าจะประมาณผลึกเทพระดับล่างหกหมื่นชิ้น ซึ่งจำนวนที่อีกฝ่ายแจ้งก็มีจำนวนพอๆ กันกับที่พวกเขาคิดไว้ในใจ

แต่ราคาที่แพทย์ชุดขาวบอกสูงเกินไป!

“บอกไว้ก่อนเลยว่าแพทย์ของพวกเจ้าคือเทพโบราณ ราคาเช่นนี้นับว่าถูกแล้ว!”

แพทย์ชุดขาวมองเห็นสีหน้าทุกคนจึงเอ่ยอย่างดูแคลน

เขาเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน

“คิดให้ดีค่อยตอบข้า!” แพทย์ชุดขาวเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะหมุนกายจากไป

“ท่าน ช้าก่อน!” จ้าวเฟิงเปิดปากเอ่ย

แพทย์ชุดขาวที่เพิ่งเดินผ่านจ้าวเฟิงชะงักฝีเท้า ปรายตามองเขา แต่ทันใดนั้นเอง สายตาของแพทย์ผู้นี้ย้ายไปที่หานหนิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างจ้าวเฟิง ดวงตาทอแสงประกาย

หานหนิงเอ๋อร์ไม่เพียงแต่งดงามควรเมือง พลังชีวิตบริสุทธิ์ยังสาดซัดออกมาจากทั่วร่าง นี่เป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้ฝึกในศาสตร์แพทย์

แพทย์ชุดขาวไม่เคยเห็นคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการฝึกศาสตร์แพทย์เช่นหานหนิงเอ๋อร์มาก่อน!

“ข้าอยากถามผู้อาวุโสถึงคนผู้หนึ่ง!” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ถาม

“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะใช้หาข่าวคราวของใคร!”

แพทย์ชุดขาวมองจ้าวเฟิงอย่างไม่พอใจนัก จากนั้นจึงมองหานหนิงเอ๋อร์อีก

จ้าวเฟิงขมวดคิ้วมุ่น แพทย์ที่นี่คงจะไม่มีหัวจิตหัวใจกระมัง แค่ตนเองอยากจะถามเรื่องคนผู้หนึ่งก็ยังไม่ได้

“แม่นางน้อย เจ้ายินดีจะอยู่ที่ตำหนักอโรคาต่อหรือไม่ ผู้เฒ่ากำลังขาดลูกศิษย์อยู่พอดี หากเจ้ายินดีอยู่ที่นี่ ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์หลักของตำหนักอโรคา!”

แพทย์ชุดขาวมองหานหนิงเอ๋อร์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

เขาเชื่อว่าหานหนิงเอ๋อร์มองเห็นความสูงส่งของแพทย์ ย่อมต้องไม่ปฏิเสธไมตรีของเขา แต่เกินความคาดหมายอย่างยิ่ง แววตาของหานหนิงเอ๋อร์มองจ้าวเฟิงอย่างขอความเห็น

“ไม่ล่ะ พวกเรายังมีธุระอย่างอื่นต้องทำ!” จ้าวเฟิงปฏิเสธทันทีด้วยสีหน้าเย็นชา

หานหนิงเอ๋อร์มีเนตรชีวิต จะมาอยู่ที่ขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งได้อย่างไรกัน

หนำซ้ำขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งแห่งหนึ่ง ถึงจะเป็นขั้วอำนาจศาสตร์แพทย์ จ้าวเฟิงก็ไม่สามารถติดต่อเผ่าพันธุ์วิญญาณผ่านทางขั้วอำนาจแห่งนี้ได้อยู่ดี

ในระหว่างทาง จ้าวเฟิงได้รู้จากกลุ่มเผ่าลายชาดว่าเผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นขั้วอำนาจห้าดาวของเขตเทพสวรรค์

สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของจ้าวหยูเฟยดึงดูดยอดฝีมือเผ่าพันธุ์นั้นเดินทางมาเพื่อพานางไป เมื่อครุ่นคิดแล้วก็ทำให้เห็นความสำคัญของจ้าวหยูเฟยต่อเผ่าพันธุ์วิญญาณ ไม่ใช่ว่าจ้าวเฟิงอยากจะเจอก็เจอได้

แพทย์ชุดขาวเห็นจ้าวเฟิงปฏิเสธทันควัน สีหน้าก็แย่ลงไปทันที

“แม่นางน้อย เจ้าลองเอาไปพิจารณาก่อน ตำหนักอโรคาเป็นถึงขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในละแวกนี้ กระทั่งขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอดส่วนหนึ่งยังต้องเห็นแก่หน้าเรา…”

แพทย์ชุดขาวไม่ใส่ใจจ้าวเฟิง เอาแต่โน้มน้าวหานหนิงเอ๋อร์

“พวกเราไปกันเถอะ!” จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วจึงบอกลาคนของเผ่าลายชาด

เหตุที่จ้าวเฟิงมาที่ขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งแห่งนี้ เพียงเพราะอยากจะตามหาผู้อาวุโสร่วมสำนักของหานหนิงเอ๋อร์ผ่านทางแพทย์ที่นี่

แน่นอนว่าจะหาใครสักคนยังมีวิธีอีกมากมาย

“ช้าก่อน นางต้องอยู่ก่อน!”

แพทย์ชุดขาวตะโกน พลานุภาพของเทพแท้จริงขั้นห้ากระจายออกมา

พวกเผ่าลายชาดสีหน้าชะงักงัน พวกเขาเป็นคนพาจ้าวเฟิงมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงและแพทย์คนนี้คุยกันได้ไม่เท่าไหร่ก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว หนำซ้ำฝ่ายตรงข้ามเป็นเทพแท้จริงขั้นห้า แถมยังเป็นแพทย์ผู้รักษา และที่นี่เป็นถึงตำหนักอโรคา พวกเขาจึงไม่กล้าขวางแม้แต่น้อย

จ้าวเฟิงขมวดคิ้ว ในแววตาเปล่งแสงประกาย

ความสามารถของเขาในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเทพแท้จริงขั้นห้าแม้แต่น้อย หนำซ้ำฝ่ายตรงข้ามยังเป็นเทพแท้จริงขั้นห้าที่ไม่ชำนาญการรบด้วย

แต่ที่สำคัญคือ ตำหนักอโรคาเป็นถึงขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่ง ภายในนั้นจะต้องมีเทพโบราณดูแล หนำซ้ำตำหนักอโรคาได้รับความเคารพอย่างมาก

ทันทีที่จ้าวเฟิงล่วงเกินตำหนักอโรคา จะเท่ากับล่วงเกินขั้วอำนาจทุกแห่งรอบบริเวณอีกครั้ง เพิ่งมาถึงเขตเทพสวรรค์ จ้าวเฟิงไม่อยากจะก่อเรื่องแบบนี้

“เหอะๆ พวกท่านจะรั้งนางให้ได้เลยหรือ?”

สีหน้าจ้าวเฟิงผ่อนคลายลง หัวเราะเสียงเย็น

“ตำหนักอโรคาจะเก็บนางเอาไว้?”

เมื่อมองดูท่าทีของจ้าวเฟิง สีหน้าแพทย์ชุดขาวบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย

ก็แค่ปฐมเทพเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะกล้าพูดกับเขาเช่นนี้

ในตอนนี้ แพทย์ชุดขาวถึงขั้นอยากจะกักคนทั้งสองไว้ โดยสังหารจ้าวเฟิงก่อน ส่วนหานหนิงเอ๋อร์นั้นค่อยๆ โน้มน้าวไป แต่ด้านข้างยังมีพวกเผ่าลายชาด หากเขาทำเช่นนี้จะต้องจัดการคนพวกนี้ให้เสร็จก่อน

จ้าวเฟิงมองหานหนิงเอ๋อร์ ก่อนจะผงกศีรษะ

ดวงตาสองข้างของนางเปล่งแสงประกาย จ้องแพทย์ชุดขาวอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น ดวงตาสองข้างของเขาทอแสงประกายเจิดจ้า พลังเสวียนอ้าวชีวิตรุนแรงสาดกระจายออกจากภายใน

พลังเสวียนอ้าวชีวิตที่บริสุทธิ์กลุ่มนั้นทำให้ทุกคนที่นั่นใจเต้น เลือดไหลวนรวดเร็ว เครื่องในทั้งห้ารู้สึกสบายขึ้นมาก เหมือนอายุยืนยาวเพิ่มขึ้นหลายสิบปี

เวลาหลายสิบปีไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสำหรับเทพแท้จริง แต่แค่สัมผัสระลอกพลังเสวียนอ้าวกลุ่มนี้ก็สามารถเพิ่มอายุขัยได้หลายสิบปี จึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมาย

เผ่าลายชาดหกคนมองหานหนิงเอ๋อร์อย่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถเช่นนี้

แต่แพทย์ชุดขาวผู้นั้นกลับชะงักไป เบิกตาค้าง จ้องหานหนิงเอ๋อร์เขม็งพร้อมหายใจกระชั้น

ในเวลาเดียวกัน ประสาทสัมผัสเทพที่แกร่งกล้าหลายกลุ่มจากในตำหนักอโรคากวาดผ่านตำหนักนี้ไป

ในตอนที่พวกเขาสังเกตเห็นดวงตาสองข้างของหานหนิงเอ๋อร์ ก็ผุดลุกยืนขึ้นและทะยานออกไปทันที

วินาทีนั้น ในตำหนักหลังดังกล่าวก็ปรากฏเทพแท้จริงขั้นห้าสองคน เทพแท้จริงขั้นหกหนึ่งคน

พวกเผ่าลายชาดใจสั่น สีหน้าหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงมียอดฝีมือขั้นเทพแท้จริงจำนวนมากมาถึงที่นี่

“รบกวนถามท่าน นี่คือผู้สืบทอดมรดกเนตรชีวิตใช่หรือไม่?”

ในตอนนี้ เทพแท้จริงขั้นหกที่มีเคราแพะบนศีรษะมีเขาสองข้างถามเสียงต่ำ

“เนตรชีวิต!” คนเผ่าลายชาดจ้องหานหนิงเอ๋อร์พร้อมกัน มองดวงตาสีเขียวเป็นประกายของนาง และสูดลมหายใจอย่างหวาดกลัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!