Skip to content

King of Gods 1241

King Of Gods

บทที่ 1241 เข้าสู่เผ่าพันธุ์วิญญาณ

“เจ้ารู้จักนางหรือ?”

ผู้อาวุโสอวี๋พลันเปลี่ยนสีหน้า มองจ้าวเฟิงด้วยความประหลาดใจ ดูสงสัยยิ่งนัก

เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นถึงหนึ่งในสี่ขั้วอำนาจห้าดาวของเขตเทพสวรรค์ เขาพอรู้จักผู้ถูกเลือกในระดับสำคัญส่วนหนึ่ง

จ้าวหยูเฟยเผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน นางเป็นคนมากความสามารถ อยู่ใต้คนเพียงคนเดียวแต่เหนือคนเรือนหมื่น เป็นความหวังของเผ่าพันธุ์วิญญาณในอนาคต

‘เป็นไปไม่ได้ เจ้าเด็กนี่ไม่มีทางรู้จักจ้าวหยูเฟยแน่!’

ผู้อาวุโสอวี๋ไม่ยอมเชื่อเรื่องนี้

จ้าวเฟิงเดินทางมาจากเขตผาเก่า สายเลือดธรรมดา จะเกี่ยวข้องกับจ้าวหยูเฟยแห่งเขตเทพสวรรค์ได้อย่างไร

ผู้อาวุโสอวี๋เชื่อว่าจ้าวเฟิงเป็นคนที่ชื่นชมจ้าวหยูเฟย เห็นนางเป็นเทพธิดาในฝันของตน และหวังจะเจอได้นางในฝันสักครั้ง

“จ้าวหยูเฟย เผ่าพันธุ์วิญญาณ”

สีหน้าหานหนิงเอ๋อร์นิ่งอึ้ง พึมพำเสียงเบา

นางรู้ว่านี่คือคนที่จ้าวเฟิงต้องการตามหา แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะอยู่ในเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เป็นขั้วอำนาจห้าดาวด้วย มิน่าอีกฝ่ายจึงทำให้จ้าวเฟิงอาลัยอาวรณ์ เดินทางดั้นด้นมาพบได้เช่นนี้

“มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ข้าได้เจอนาง หรือไม่ก็ติดต่อนาง?”

จ้าวเฟิงถามทันที

เขาเดาว่าผู้อาวุโสอวี๋ไม่มีวิธีจะช่วยเขาได้

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงถามอย่างรีบร้อน หากผู้อาวุโสอวี๋ไม่มีวิธี เขาก็จะแยกตัวไปหาวิธีอื่นแทน

“นี่…” ผู้อาวุโสอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเงียบไป

เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นถึงขั้วอำนาจห้าดาว ส่วนสำนักแก่นแท้ก็อยู่ในอาณาเขตปกครองของเผ่าพันธุ์วิญญาณ เขาเป็นแค่ผู้อาวุโสทั่วไปในสำนักแก่นแท้ ไม่อาจทำให้จ้าวเฟิงได้เจอกับจ้าวหยูเฟยที่เป็นผู้ถูกเลือกของเผ่าพันธุ์วิญญาณจริงๆ

‘หากข้าไม่จัดการเรื่องของเจ้าคนนี้ เขาจะต้องอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนแน่นอน!’

ผู้อาวุโสอวี๋คิดเช่นนี้ในใจ

หานหนิงเอ๋อร์ชอบพอในตัวจ้าวเฟิงอย่างเห็นได้ชัด หากเขาเลือกอยู่ที่นี่ต่อ คนทั้งสองอาจจะตกหลุมรักกันได้อย่างง่ายดาย อย่างไรเสีย ทั้งสองก็เดินทางมาที่เขตเทพสวรรค์ด้วยกัน ระหว่างทางก็เผชิญเรื่องต่างๆ มาร่วมกัน และหานหนิงเอ๋อร์ก็เป็นถึงทายาทเนตรชีวิต รูปโฉมและบุคลิกลักษณะไม่มีที่ติ

“ผู้อาวุโสอวี๋ ท่านช่วยเขาเถอะ!” หานหนิงเอ๋อร์เอ่ยเสียงเบาอยู่ข้างๆ

“ข้าพอจะใช้เส้นสายที่มีพาเจ้าเข้าไปในเผ่าพันธุ์วิญญาณ แต่เพียงในฐานะศิษย์รับใช้เท่านั้น…”

ผ่านไปนาน ผู้อาวุโสอวี๋ถึงค่อยเปิดปากเอ่ย

ศิษย์รับใช้จะเป็นผู้ทำงานเบ็ดเตล็ดในขั้วอำนาจเท่านั้น โดยปกติจะไม่ได้เจอคนสำคัญของเผ่าพันธุ์วิญญาณ สูงกว่าศิษย์รับใช้ก็คือศิษย์นอกเผ่า ต้องกลายเป็นศิษย์นอกเผ่าถึงจะนับว่าเป็นคนของขั้วอำนาจเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างแท้จริง และได้รับการคุ้มครองจากทางเผ่า แต่เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นถึงขั้วอำนาจห้าดาว ต่อให้ผู้อาวุโสอวี๋จะมีสัมพันธ์ที่แนบแน่นกว่านี้ ก็ไม่อาจทำให้คนซึ่งไม่มีที่มาที่ไปกลายเป็นศิษย์นอกเผ่าของเผ่าพันธุ์วิญญาณได้

“สหายน้อย ข้าดูแล้วพรสวรรค์ของเจ้าโดดเด่น พลังแข็งแกร่ง ถึงจะเป็นศิษย์รับใช้ หากทำดีแล้วไม่นานนักก็น่าจะได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์นอกเผ่า!”

ผู้อาวุโสอวี๋รู้ดีว่าสถานะศิษย์รับใช้ต่ำต้อยเกินไป จึงรีบเอ่ยโน้มน้าวอีกฝ่าย

“ศิษย์รับใช้” จ้าวเฟิงขมวดคิ้วครุ่นคิด

อย่างแรก ถ้าเป็นศิษย์รับใช้ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจอจ้าวหยูเฟย แต่ผู้อาวุโสอวี๋พูดมาก็ไม่ผิดนัก หากศิษย์รับใช้ทำดีก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นศิษย์นอกเผ่า

“หากเจ้าไม่ยินยอมละก็ สามารถรอไปอีกแปดสิบปีได้ อีกแปดสิบปีเผ่าพันธุ์วิญญาณจะรับศิษย์อีกครั้ง ด้วยความสามารถของเจ้าน่าจะสอบผ่านได้สบายๆ!”

ผู้อาวุโสอวี๋เอ่ยต่อ

ถึงเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้ จ้าวเฟิงก็ถามเอาได้

สำหรับผู้ฝึกตน แปดสิบปีไม่ได้ถือว่านานเท่าไหร่นัก เทพแท้จริงบางส่วนปิดด่านฝึกตนสักครั้งอาจยาวนานเป็นหลายร้อยปีทีเดียว

“คุณชายจ้าว หรือว่าท่านจะอยู่ที่นี่ รอไปก่อนแปดสิบปี แล้วค่อยไปที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ…”

หานหนิงเอ๋อร์เริ่มโน้มน้าวจ้าวเฟิงให้อยู่ต่อ

สถานะศิษย์รับใช้ต่ำต้อยจนเกินไป ไม่ว่าขั้วอำนาจใดก็ไม่สนใจความเป็นตายของศิษย์รับใช้ อีกอย่าง จ้าวเฟิงมากความสามารถขนาดนี้ หากจะให้เขาไปทำงานจับฉ่าย หานหนิงเอ๋อร์ทนไม่ค่อยได้

“ข้าจะไปเผ่าพันธุ์วิญญาณ ต้องลำบากท่านผู้อาวุโสแล้ว!”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวเฟิงก็ตอบตกลง

ระยะเวลาแปดสิบปี จ้าวเฟิงรอไม่ไหว เขายากจะหาวิธีอื่นเข้าไปในเผ่าพันธุ์วิญญาณ

แววตาหานหนิงเอ๋อร์พลันหม่นแสงลง คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะยอมใช้แรงงาน เพื่อจะได้เข้าไปในเผ่าพันธุ์วิญญาณและไปพบจ้าวหยูเฟยคนนั้น

“ได้ เจ้ารอสักระยะหนึ่ง ข้าจะจัดการส่งเจ้าเข้าไปในเผ่าพันธุ์วิญญาณ!”

ผู้อาวุโสอวี๋มีสีหน้ายินดี

ในสายตาเขา จ้าวเฟิงคือคนที่ชื่นชมจ้าวหยูเฟย สรรหาวิธีการต่างๆ นานาเพื่อจะได้พบนาง

ผู้อาวุโสอวี๋ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ในตอนนี้เขาแค่อยากจะให้จ้าวเฟิงจากไปเร็วหน่อย ให้หานหนิงเอ๋อร์ลืมชายคนนี้ไปเสีย หลังจากผู้อาวุโสอวี๋จัดแจงที่อยู่ของจ้าวเฟิงและหานหนิงเอ๋อร์เรียบร้อยแล้วก็จากไป

เมื่อกลับที่พักแล้ว จ้าวเฟิงก็เข้าไปในชุดคลุมมิติตามความเคยชิน เพื่อฝึกฝนช่วงเวลาหนึ่ง

ด้านหน้าจ้าวเฟิงปรากฏผลึกแวววับห้าสีเป็นจำนวนมาก

พลังเสวียนอ้าวที่บริสุทธิ์ห้าธาตุปกคลุมทั่วร่างจ้าวเฟิง เพิ่มการรับรู้ให้กับเขา

เสวียนอ้าวธาตุทั้งห้าของจ้าวเฟิงในตอนนี้ มีสองธาตุที่ขอบเขตถึงขั้นสี่ ยามที่อีกสามธาตุแตะขั้นสี่ทั้งหมดแล้ว พลังเทพธาตุทั้งห้าของเขาจะเพิ่มขึ้นหลายส่วน

หลังผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง ผลึกห้าสีด้านหน้าอ่อนแสงลงอย่างช้าๆ จนกลายเป็นผลึกทั่วไป

ฟิ้ว! จ้าวเฟิงหยิบผลไม้เถาวัลย์สามลูกมา ในผลไม้แฝงด้วยพลังสำนึกรู้ ช่วยเพิ่มพลังให้จ้าวเฟิงหลอมรวมวิญญาณ เพราะว่าวิชาฝึกตนแต่ละด้านของจ้าวเฟิงค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงกลับอยู่ที่เทพแท้จริงขั้นสามโดยประมาณ ยากจะก้าวหน้าได้ จนส่งผลให้พลังของวิชาดวงตาบางส่วนด้อยจนตามไม่ทันระดับของเขา

แต่ขอแค่จ้าวเฟิงทะลวงขั้นเทพแท้จริง จนได้ขั้นเทพสักหลายขั้นก่อน พลังวิญญาณจะเปลี่ยนสภาพไปถึงขั้นเทพหลายขั้น

วันหนึ่ง จ้าวเฟิงและหานหนิงเอ๋อร์รวมตัวอยู่ด้วยกัน

ไม่นานเท่าไหร่นัก จ้าวเฟิงก็เดินทางออกจากสำนักแก่นแท้ไปยังเผ่าพันธุ์วิญญาณ

ในระหว่างทางที่ไปเขตเทพสวรรค์ คนทั้งสองร่วมทุกข์ร่วมสุข จนกลายเป็นเพื่อนที่เข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไร การจากลาในครั้งนี้จ้าวเฟิงจึงรู้สึกอาวรณ์ไม่น้อย

“นางเป็นอะไรกับท่าน? ควรค่าให้ท่านต้องทำเพื่อนางขนาดนี้เลยหรือ?”

หานหนิงเอ๋อร์ถามอย่างประหลาดใจ

“ข้าเคยรับปากไว้ว่าจะตามหานาง!” จ้าวเฟิงตอบเมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง

เขาไม่รู้จะตอบคำถามแรกของหานหนิงเอ๋อร์อย่างไร

“ขอให้ท่านได้พบนางโดยไว!” หานหนิงเอ๋อร์ยิ้มพลางอวยพร

จ้าวเฟิงพยักหน้า เดินเล่นภายในสำนักแก่นแท้กับหานหนิงเอ๋อร์

สำนักแก่นแท้เป็นถึงขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอดของเขตเทพสวรรค์ มีแพทย์เป็นหลัก จะมีสถานะค่อนข้างพิเศษ หากไม่ใช่เพราะจ้าวหยูเฟย จ้าวเฟิงเองก็ไม่รังเกียจที่จะอยู่ที่ขั้วอำนาจนี้ต่อ ตั้งใจฝึกตนค่อยๆ พัฒนาไป

หลายวันต่อมา ผู้อาวุโสอวี๋มาหาจ้าวเฟิง

“ออกเดินทางได้!” ผู้อาวุโสอวี๋ระบายยิ้มอ่อนโยน

หลังจากบอกลาหานหนิงเอ๋อร์แล้ว จ้าวเฟิงจึงเดินทางไปที่เผ่าพันธุ์วิญญาณจากการนำทางของผู้อาวุโสสำนักแก่นแท้

ตอนที่จ้าวเฟิงเดินทางออกจากสำนักแก่นแท้

ในละแวกใกล้เคียงของสำนักมีชายชุดเขียวยืนอยู่ ใบหน้าขาวราวหยก อ่อนโยนสง่างาม

คนผู้นี้คือจ้าวหุยผู้เป็นร่างแยกของจ้าวเฟิง จ้าวเฟิงบอกให้จ้าวหุยอยู่ฝึกฝนศาสตร์แพทย์ที่สำนักแก่นแท้ อีกด้านหนึ่ง จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าผู้อาวุโสอวี๋ไม่ชอบมาพากลเท่าไหร่นัก

หานหนิงเอ๋อร์มีเนตรชีวิต แต่หลังจากที่นางเดินทางมาที่สำนักแก่นแท้แล้ว สำนักนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีใดๆ เห็นได้ชัดเจนว่าผู้อาวุโสอวี๋ไม่ได้รายงานเรื่องนี้แก่เบื้องบน

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงให้จ้าวหุยอยู่ที่นี่ต่อ รอสำนักแก่นแท้เปิดรับศิษย์แล้วค่อยสมัครเข้าไป

ในฐานะที่เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจห้าดาวสี่แห่ง ปกครองพื้นที่หนึ่งในสี่ส่วนของเขตเทพสวรรค์ ขั้วอำนาจดังนี้ย่อมไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ด้านนอกของเขตเทพสวรรค์

ดีที่ได้การนำทางของผู้อาวุโสสำนักแก่นแท้ ตลอดทางที่ผ่านมา จ้าวเฟิงจึงสามารถหยิบยืมค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอดและสี่ดาวครึ่งได้

ใช้เวลาครึ่งปีกว่า จ้าวเฟิงก็เดินทางมาถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณ

สิ่งที่ลอดเข้ามาในสายตาก็คือยอดเขายักษ์ห้าหกสีแห่งหนึ่ง ที่พิเศษก็คือบนยอดเขาผลึกเหล่านี้มีสายน้ำต้นไม้ใบหญ้า สรรพสัตว์มากมาย ประหนึ่งทิวทัศน์ที่สวยงาม

“ไอสวรรค์ในฟ้าดินหนาแน่นเหลือเกิน!”

ยังไม่ทันเข้าไปในเผ่าพันธุ์วิญญาณ ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็รู้สึกถึงใจกลางเผ่าพันธุ์วิญญาณ ตลบอบอวลไปด้วยไอสวรรค์ฟ้าดินที่หนาแน่น

จ้าวเฟิงเดาว่าด้านล่างของเผ่าพันธุ์วิญญาณ อย่างน้อยน่าจะมีธารผลึกเทพระดับสูงอย่างน้อยสายหนึ่ง!

แน่นอนว่าพื้นที่ที่ธารผลึกเทพระดับสูงปกคลุมอยู่ย่อมเป็นสถานที่ใจกลางของเผ่าพันธุ์วิญญาณ มีแค่ศิษย์หลักและคนในระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณถึงจะใช้ได้

หลังจากโดนตรวจสอบยาวเป็นหางว่าวแล้ว จ้าวเฟิงก็มาถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างราบรื่น

หลังจากได้รับของใช้ของศิษย์รับใช้แล้ว จ้าวเฟิงกลายเป็นศิษย์รับใช้ของเผ่าพันธุ์วิญญาณขั้วอำนาจห้าดาวอย่างสมบูรณ์

“ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ ขอแค่เจ้าไม่ยั่วโทสะศิษย์หลักก็พอแล้ว…”

หลังจากผู้อาวุโสสำนักแก่นแท้กำชับจ้าวเฟิงแล้วก็เดินจากไป

ถ้าหากจ้าวเฟิงยั่วโทสะศิษย์หลักโดยไม่ได้ตั้งใจ คนที่แนะนำเขามาล้วนแต่ต้องซวยกันหมด

พื้นที่หุบเขาทะเลสาบเหมันต์ บริเวณด้านนอกของเผ่าพันธุ์วิญญาณ

จ้าวเฟิงสวมเสื้อของศิษย์รับใช้ มาถึงละแวกใกล้เคียงของตำหนักผลึกหลังหนึ่ง

“ข้าชื่อจ้าวเฟิงเป็นศิษย์รับใช้ที่เพิ่งเดินทางมาถึงที่นี่ ขอให้ผู้คุมกฎแซ่หลิวแบ่งงานให้ด้วย!”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงราบเรียบ

กลายมาเป็นศิษย์รับใช้ นอกจากทำงานก็ยังต้องทำงาน

“เจ้าไปแปลงโอสถวิญญาณที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ไปบำรุงดูแลโอสถวิญญาณในพื้นที่ที่สี่!”

ผ่านไปครู่ใหญ่จึงมีเสียงดังออกมาจากภายใน

จ้าวเฟิงรับของจากภายในมา มีแผนที่คร่าวๆ ของพื้นที่ภายนอกเผ่าพันธุ์วิญญาณ

จ้าวเฟิงมาถึงพื้นที่ที่สี่อย่างรวดเร็ว โอสถที่ปลูกที่นี่ล้วนแต่ส่งให้ขอบเขตเทวาเร้นลับใช้สอย

“หืม เจ้าเด็กนั่นมาใหม่กระมัง!”

การมาถึงของจ้าวเฟิงเรียกความสนใจจากศิษย์รับใช้คนอื่นๆ ของพื้นที่โอสถวิญญาณ ศิษย์ไม่น้อยส่ายศีรษะและทอดถอนใจ จ้องจ้าวเฟิงอย่างสงสาร

ในเวลานี้เอง เขตโอสถวิญญาณผืนหนึ่งมีชายคิ้วหนาก้าวเท้ายาวๆ มา

“เหอะๆ เผิงจัวออกมาแล้ว”

“ใครให้เขาเพิ่งมาใหม่กันล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการของเผิงจัวยังนับว่าหยาบกระด้างไม่น้อย”

ศิษย์รับใช้ส่วนหนึ่งแถวนั้นมองพลางถกกัน

“เจ้าหนุ่ม เจ้าคงมาใหม่กระมัง งานของข้าต่อไปก็มอบให้เจ้าแล้ว!”

เผิงจัวเดินทางมาถึงด้านหน้าของจ้าวเฟิง ร่างเขากำยำ สูงกว่าจ้าวเฟิงอยู่หลายช่วงศีรษะ

“ข้าทำแทนเจ้า ผู้คุมกฎแซ่หลิวจะไม่ว่าอะไรหรือ?”

จ้าวเฟิงถามอย่างประหลาดใจ

“ฮ่าๆ ขอแค่ทำภารกิจเสร็จก็พอแล้ว ตาเฒ่าไหนเลยจะสนใจว่าใครเป็นคนทำมันกันแน่!”

เผิงจัวหัวเราะเสียดังขณะปรายตามองจ้าวเฟิง เหมือนจะกินเขาอย่างนั้น

“อ้อ ที่แท้หาคนทำภารกิจให้ก็ไม่มีปัญหาอะไร!” จ้าวเฟิงผงกศีรษะ

“พื้นที่นี้ของข้ายกให้เจ้า ดูแลให้ข้าดีๆแล้วกัน!” จ้าวเฟิงเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องที่อยู่ไม่ไกลนัก ห้องดังกล่าวเป็นที่พักของศิษย์รับใช้

“เจ้าหนุ่ม เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ?” เผิงจัวสีหน้าโกรธเกรี้ยว ตะโกนเสียงกร้าว กลิ่นอายโหดเหี้ยมไร้รูปร่างแผ่ออกมา

คนที่มาใหม่ช่างไม่รู้อะไร ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดำต่ำ คงต้องหาวิธีทำให้อีกฝ่ายยอมแพ้เสียแล้ว

“แย่แล้ว เจ้าคนมาใหม่ไม่รู้จักความน่ากลัวของเผิงจัว ถึงกล้าปะทะคารมกับเขา!”

“ฮ่าๆ เดี๋ยวพอโดนสั่งสอนเข้าไปก็รู้เอง!”

ศิษย์รับใช้จำนวนมากรอบบริเวณมีท่าทีคึกคักระหว่างรอดูอะไรสนุกๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!