Skip to content

King of Gods 1243

King Of Gods

บทที่ 1243 ชื่อเสียงลือกระฉ่อน

ด้วยเคยอยู่กับจ้าวหยูเฟยช่วงหนึ่ง จ้าวเฟิงจึงจำกลิ่นอายสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณได้ ยามนั้น เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายกลุ่มนั้น ความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวจ้าวเฟิงก็คืออีกฝ่ายจะใช่จ้าวหยูเฟยหรือไม่?

หากเป็นที่ดินแดนทวีป จ้าวเฟิงจะแน่ใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือจ้าวหยูเฟย แต่ที่นี่คือเผ่าพันธุ์วิญญาณ มีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

จ้าวเฟิงออกไปไกลจากพื้นที่หุบเขาแม่น้ำเหมันต์อย่างรวดเร็วโดยการติดตามกลิ่นอายสายเลือดที่เขาสัมผัสได้

หญิงร่างโปร่งแสงเปล่งประกายวาววับผู้หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ในครรลองสายตาของจ้าวเฟิง

หญิงนางนี้ผุดผ่องงดงาม เมื่อบวกกับความพิเศษของสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ ทำให้นางยิ่งสูงค่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้นางเม้มปาก คิ้วงามขมวดมุ่น มีท่าทีไม่พอใจอย่างยิ่ง รอบกายหญิงนางนี้รายล้อมไปด้วยบุรุษหนุ่มหลายเผ่า

“ชิงอิ๋งอยากไปไหน ข้าจะพาเจ้าไปเอง”

บุรุษต่างเผ่าผู้มีใบหน้าอ่อนโยนและถือพัดสีหยกขาวเอ่ยพลางอมยิ้ม

จ้าวเฟิงมองคนกลุ่มนี้อยู่ไกลๆ

หญิงผู้นี้มีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างเห็นได้ชัด ส่วนพลังฝึกตนของบุรุษที่รายล้อมนางก็ไม่ธรรมดา น่าจะเป็นอัจฉริยะปฐมเทพของขั้วอำนาจในสังกัดเผ่าพันธุ์วิญญาณ หากเป็นคนเหล่านี้ พวกเขาย่อมต้องติดต่อจ้าวหยูเฟยได้แน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณนางนั้น ทว่าสถานะของเขาในตอนนี้ต่ำต้อยเกินไป ไม่แน่ว่าคนเหล่านี้จะแยแสเขา

แต่หากคนพวกนี้ยินดีช่วยจ้าวเฟิงส่งข่าว เขาอาจจะเจอจ้าวหยูเฟยได้โดยตรง

ตอนที่จ้าวเฟิงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น สตรีเผ่าพันธุ์วิญญาณนางนั้นก็หันมามองเขา และอดยิ้มอย่างได้ใจไม่ได้

ในสายตานาง จ้าวเฟิงคงจะถูกความงามของนางสะกดเป็นแน่ ถึงได้ยืนเหม่อมองเช่นนั้น อีกอย่าง ถึงแม้จ้าวเฟิงจะแต่งตัวเป็นศิษย์รับใช้ แต่บุคลิกท่าทางและใบหน้าโดดเด่นเกินคนอื่น ถึงขั้นที่ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษหนุ่มรอบตัวนางพวกนี้

“เจ้ามานี่!” จู่ๆ เว่ยชิงอิ๋งก็หยุดฝีเท้าแล้วชี้จ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงชะงักไปเล็กน้อย เขากำลังครุ่นคิดว่าควรจะเข้าหาคนเหล่านั้นแล้วให้พวกเขาส่งจดหมายให้จ้าวหยูเฟยดีหรือไม่ แต่กลายเป็นสตรีผู้มีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณเรียกเขาก่อนเอง

“ชิงอิ๋ง เจ้าเรียกหาคนชั้นต่ำนั่นทำไม?”

บุรุษเผ่าปีศาจปรายตามองจ้าวเฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะถามออกมา

จ้าวเฟิงรีบโบยบินไปเบื้องหน้าเว่ยชิงอิ๋ง

“เจ้าคิดว่าในเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมด ใครงดงามที่สุด?”

สีหน้าเว่ยชิงอิ๋งออดอ้อน ถามจ้าวเฟิงเสียงเบาด้วยท่าทางอ่อนโยนน่ารักเหมือนเด็กสาว

คนหนุ่มอัจฉริยะของแต่ละเผ่ารอบด้านต่างเข้าใจว่าเว่ยชิงอิ๋งต้องการจะทำอะไร

ก่อนที่จ้าวหยูเฟยจะมาถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณ ‘ปฐมเทพลั่วอวี่’ (พิรุณพรำ) เป็นหญิงงามลำดับหนึ่งของเผ่า ส่วนเว่ยชิงอิ๋งเป็นคนติดตามข้างกายนาง

แต่หลังจากที่จ้าวหยูเฟยมาถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณ ความเข้มข้มนองสายเลือดก็ถูกปลุกขึ้นเรื่อยๆ พลังฝึกตนและพรสวรรค์ก็สำแดงออกมาจนหมดสิ้น เมื่อบวกกับใบหน้าที่งามราวนางสวรรค์ นางจึงค่อยๆ เข้ามาแทนที่ปฐมเทพลั่วอวี่ กลายเป็นเทพธิดาในใจชายเผ่าพันธุ์วิญญาณจำนวนมาก แต่จ้าวหยูเฟยเป็นคนนอกดินแดน คนของเผ่าพันธุ์วิญญาณในดินแดนเทพรกร้างจึงยังมีความคิดต่อต้านนางอยู่

ยิ่งไปกว่านั้นพรสวรรค์ของจ้าวหยูเฟยดีเยี่ยมยิ่ง ศิษย์หญิงของเผ่าพันธุ์วิญญาณหลายคนต่างริษยานาง

เมื่อเช้าตอนที่เว่ยชิงอิ๋งกำลังนินทาจ้าวหยูเฟยลับหลังก็บังเอิญไปเจอเจ้าตัวเข้า จากนั้นจึงโดนสั่งสอนไปชุดหนึ่ง

“นี่คือ…” จ้าวเฟิงอึ้งไปครู่หนึ่ง

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าสตรีเผ่าพันธุ์วิญญาณคนนี้จะเรียกตนเองมาเพื่อถามคำถามเช่นนี้

“บอกมาเร็ว!” ชายเผ่าปีศาจข้างเว่ยชิงอิ๋งตะคอกเสียงเย็น

ทุกคนต่างรับรู้กันดีกว่าเว่ยชิงอิ๋งเป็นคนสนิทของปฐมเทพลั่วอวี่ ขอแค่ไม่ชมว่าจ้าวหยูเฟยสวยที่สุด จะพูดอะไรอื่นก็ได้ทั้งนั้น

แต่เพื่อจะประจบประแจงเว่ยชิงอิ๋ง เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ ชมปฐมเทพลั่วอวี่จะเป็นการดีที่สุด

“ต้องเป็นท่านอยู่แล้ว!” จ้าวเฟิงอมยิ้มตอบ

เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์วิญญาณ สตรีทั้งเผ่าก็รู้จักแต่จ้าวหยูเฟยเท่านั้น

แต่จ้าวเฟิงมองออก สตรีเผ่าพันธุ์วิญญาณนางนี้เหมือนกำลังโกรธอะไรอยู่

ดังนั้นตนตอบแบบนี้ก็น่าจะสมใจอีกฝ่าย

“ฮิๆ!” เมื่อเอ่ยจบ เว่ยชิงอิ๋งหัวเราะเบาๆ ทันที

เดิมทีนางคิดว่าคนผู้นี้จะบอกว่าคนที่งามที่สุดคือปฐมเทพลั่วอวี่ แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าเป็นนาง ถึงแม้จ้าวเฟิงจะไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เว่ยชิงอิ๋งได้ยินก็มีความสุขมากแล้ว

ด้านข้าง บุรุษหนุ่มอัจฉริยะพวกนี้มองจ้าวเฟิงอย่างเหยียดหยาม

ถึงนางในฝันของจ้าวเฟิงจะเป็นจ้าวหยูเฟย แต่เพื่อไม่ยั่วโทสะเว่ยชิงอิ๋ง ขอแค่ตอบว่าปฐมเทพลั่วอวี่ก็ได้แล้ว แต่จ้าวเฟิงกลับบอกว่าคนที่งามที่สุดคือเว่ยชิงอิ๋ง ทำให้พวกเขารู้สึกว่าจ้าวเฟิงออกจะหน้าไม่อาย

“อืม พลังฝึกตนก็พอได้ ท่าทางก็ไม่เลว อีกสักพักข้าจะเลื่อนให้เจ้าเป็นศิษย์นอกเผ่าแล้วกัน!”

เว่ยชิงอิ๋งอารมณ์ดี มองอะไรก็สบายตาขึ้นมาทันใด

ตอนที่ประเมินจ้าวเฟิง นางรู้สึกว่าเขาหล่อเหลากว่าบุรุษคนอื่นๆ ตรงนี้ ใบหน้าที่เย็นชาและเย่อหยิ่ง เรือนผมสีทองสวยงาม…ล้วนแต่ทำให้ดวงตานางทอประกาย

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเว่ยชิงอิ๋ง เหล่าบุรุษที่อยู่ด้วยจึงมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาเย็นชา

พวกเขาต่างเป็นอัจฉริยะในขั้วอำนาจที่ขึ้นต่อเผ่าพันธุ์วิญญาณ หรือไม่ก็ขั้วอำนาจในปกครอง พวกเขารู้ตัวดีว่าไม่อาจเอื้อมถึงผู้ถูกเลือกของเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างจ้าวหยูเฟยหรือปฐมเทพลั่วอวี่ จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่สตรีในเผ่าผู้ไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่นมากนัก

อย่างไรเสีย เผ่าพันธุ์วิญญาณก็เป็นเผ่าพันธุ์สายเลือดลำดับที่สิบเก้า เมื่อได้หลอมรวมกับสายเลือดนี้แล้ว ไม่เพียงจะช่วยพัฒนาพลังฝึกตนของพวกเขา แต่ยังสามารถให้กำเนิดลูกหลานที่มากความสามารถด้วย

“ขอบคุณท่านมา!”

จ้าวเฟิงยินดีอยู่เล็กน้อย แต่เดิมถึงเขาจะทำดีขนาดไหน ก็ต้องรอเวลาช่วงหนึ่งถึงจะเป็นศิษย์นอกเผ่าได้

ทว่าตอนนี้เว่ยชิงอิ๋งดีใจอย่างมาก ถึงกับรับปากจะผลักดันจ้าวเฟิงให้เป็นศิษย์นอกเผ่า

“ชิงอิ๋ง เจ้าจะไปไหน เดี๋ยวข้าไปเป็นเพื่อน!”

บุรุษหนุ่มอัจฉริยะรอบตัวเว่ยชิงอิ๋งเห็นนางอารมณ์ดีแล้วจึงรีบเข้าไปเอาอกเอาใจ

“ได้!” ตอนนี้เว่ยชิงอิ๋งอารมณ์ดี จึงอยากจะออกไปเดินเล่น

“ช้าก่อน!” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เอ่ยปาก

ตอนนี้เว่ยชิงอิ๋งอารมณ์ดียิ่งนัก หนำซ้ำยังประทับใจจ้าวเฟิงไม่น้อย บางทีหากให้นางช่วยส่งจดหมาย อีกฝ่ายคงจะตกลง

จ้าวเฟิงจึงได้เรียกเว่ยชิงอิ๋งไว้

“เจ้าคนใช้ เจ้าพูดอะไรออกมา!”

ชายเผ่าปีศาจข้างกายเว่ยชิงอิ๋งมีสีหน้าตะลึง เอ่ยด้วยน้ำเสียงตำหนิ

เขาไม่พอใจจ้าวเฟิงนานแล้ว ก็แค่ศิษย์รับใช้คนหนึ่ง แต่กลับมาพูดจาเช่นนี้กับคนที่เขากำลังเกี้ยวพาราสี

“มีเรื่องอะไรรึ?”

เว่ยชิงอิ๋งประทับใจจ้าวเฟิงไม่น้อย จึงไม่ใส่ใจสถานะที่ต่ำต้อยของเขา

“ข้าอยากจะขอท่านช่วยข้าสักเรื่อง พอจะส่งจดหมายข้าให้จ้าวหยูเฟยได้หรือไม่!”

จ้าวเฟิงไม่สนใจบุรุษหนุ่มพวกนั้น พูดอย่างตรงไปตรงมา

แต่เมื่อเอ่ยจบ บุรุษหนุ่มอัจฉริยะที่อยู่ข้างกายเว่ยชิงอิ๋งพลันตื่นตะลึง ทั้งหมดต่างตกอยู่ในความเงียบทันที

ครู่ใหญ่จากนั้น เสียงหัวเราะเย็นชาของบุรุษผู้หนึ่งก็ทำลายความเงียบนั้นลง จากนั้นบุรุษหนุ่มอัจฉริยะเหล่านั้นต่างหัวเราะเยาะเย้ย มองจ้าวเฟิงด้วยท่าทีสมเพช

‘แย่แล้ว!’

จ้าวเฟิงรู้สึกไม่ชอบมาพากล ท่าทางของคนพวกนี้และเว่ยชิงอิ๋งไม่ปกติ

“เจ้าอยากจะติดต่อกับจ้าวหยูเฟย?”

เว่ยชิงอิ๋งที่ไม่ยิ้มอีกต่อไปถามพลางแสยะยิ้มชั่วร้ายน่าสะพรึง

จ้าวเฟิงยังไม่ทันได้พูดอะไร นางก็พูดต่อทันทีว่า “ดูแล้วเจ้าคงจะเป็นคนที่ไล่ตามจีบจ้าวหยูเฟยกระมัง แต่เจ้าก็แค่ศิษย์รับใช้ ยังอยากจะเข้าใกล้นางอีกหรือ?”

“แต่เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะบอกจ้าวหยูเฟยให้ว่ามีศิษย์รับใช้คนหนึ่งของเผ่าพันธุ์วิญญาณอยากเกี้ยวพานาง!”

สีหน้าเว่ยชิงอิ๋งเย็นชา เผยยิ้มชั่วร้ายเจ้าเล่ห์

ขวับ! เว่ยชิงอิ๋งหมุนตัวกลับไปทันที

“เหอะๆ เจ้าหนุ่ม เจ้านี่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย!” บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยิ้มเอ่ยอย่างยินดีในเคราะห์ของผู้อื่น

“ถึงแม้พลังฝึกตนของเจ้าจะไม่เลวนัก แต่ชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิดจะเป็นศิษย์นอกเผ่าเลย และอย่าหวังว่าจะได้เจอจ้าวหยูเฟยด้วย!”

บุรุษเผ่าปีศาจที่ถือพัดเอ่ยทิ้งท้ายด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง ก่อนจะตามเว่ยชิงอิ๋งไป

จ้าวเฟิงรู้ได้ว่าเว่ยชิงอิ๋งมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนักกับจ้าวหยูเฟย

นางคงจะใช้เรื่องนี้เหน็บแนมจ้าวหยูเฟย แต่ทว่า หากเรื่องนี้ทำให้จ้าวหยูเฟยรู้ว่ามีจ้าวเฟิงอยู่ก็ไม่เลวนัก

แต่ที่จ้าวเฟิงไม่รู้ก็คือ ในเขตเทพสวรรค์แห่งนี้ คนที่ไล่ขอความรักจ้าวหยูเฟยมีมากมายจนเกินไป ส่วนตัวของจ้าวหยูเฟยเองเหมือนจะมีคนในใจอยู่แล้ว จึงไม่เคยสนใจคนที่มาเกี้ยวพานาง

เมื่อกลับถึงหุบเขาแม่น้ำเหมันต์ จ้าวเฟิงแบ่งงานที่เพิ่งได้จากผู้คุมกฎหลิวให้กับคนอื่นๆ

ในตอนนี้จ้าวเฟิงคือพี่ใหญ่ของศิษย์รับใช้ในหุบเขาแม่น้ำเหมันต์ ขอแค่เขาไปรับภารกิจอะไรมาย่อมมีคนมาช่วยเขาทำ

จ้าวเฟิงจึงกลับไปปิดด่านฝึกตนในเรือน

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในวันรุ่งขึ้น เรื่องที่ตนเองตามเกี้ยวพาจ้าวหยูเฟยได้แพร่สะพัดไปทั่วเผ่าพันธุ์วิญญาณ

ผู้ถูกเลือกที่แท้จริงซึ่งหมายตาจ้าวหยูเฟยต่างหัวเราะเยาะเย้ย เห็นเป็นเพียงเรื่องตลก

แต่ศิษย์นอกเผ่าและศิษย์รับใช้ในพื้นที่อื่นๆ ของเผ่าพันธุ์วิญญาณกลับอยากจะเจอจ้าวเฟิงตามชื่อเสียงนั้น

วันหนึ่ง จ้าวเฟิงกำลังฝึกตนในชุดคลุมมิติ ก็รู้สึกได้ว่าประสาทสัมผัสจิตวิญญาณหรือกระทั่งประสาทสัมผัสเทพที่แกร่งกล้าหลายสายกวาดผ่านที่พักของเขาอย่างอุกอาจ

พรึ่บ! จ้าวเฟิงออกจากชุดคลุมมิติ

คนที่มีประสาทสัมผัสเทพจะเป็นปฐมเทพหรือไม่ก็เทพแท้จริง ย่อมต้องไม่ใช่ศิษย์รับใช้แน่

“ทำไมถึงมีคนมาที่นี่เยอะขนาดนี้?” จ้าวเฟิงแปลกใจเล็กน้อย

ศิษย์รับใช้ไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆ จากเผ่าพันธุ์วิญญาณ ถึงจะกำลังฝึกตนแล้วถูกคนอื่นหาเรื่องก็ไม่มีใครสนใจ นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนที่รบกวนจ้าวเฟิงคราวนี้คือปฐมเทพเลย

จ้าวเฟิงเดินออกมาจากเรือน

“จ้าวเฟิงออกมาแล้ว!” ในวินาทีที่จ้าวเฟิงออกมา ก็มีคนผู้หนึ่งร้องตกใจ

ทันใดนั้น สายตาของศิษย์รับใช้จำนวนมากก็พร้อมใจกันมองจ้าวเฟิง

ในเวลาเดียวกัน ปรากฏร่างบุรุษหนุ่มท่าทางเย่อหยิ่งหลายคนบนฟ้า กลิ่นอายสายเลือดของแต่ละคนสูงส่งโดดเด่น พลังฝึกตนแข็งแกร่ง

“คนนี้ใช่หรือไม่ที่ให้เว่ยชิงอิ๋งช่วย อยากจะทำความรู้จักจ้าวหยูเฟย?”

ชายร่างกำยำน่าเกรงขามผู้หนึ่งยิ้มพูดกับคนข้างกายเขาอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“อืม รูปลักษณ์พอดูได้ พลังฝึกตนก็ไม่เลวนัก แต่สมองมีปัญหาเล็กน้อย มีสถานะแค่ศิษย์รับใช้แต่กลับกล้าหมายตาจ้าวหยูเฟย!”

คนหนุ่มผิวเขียวข้างกายเขาใช้น้ำเสียงเย็นชาถากถางจ้าวเฟิงอย่างไม่เกรงใจ

ส่วนข้างตัวชือเว่ยหนานมีบุรุษหนุ่มหน้ายาวผู้หนึ่งยืนอยู่ บนร่างสวมชุดของศิษย์นอกสำนัก

“เขานั่นแหละ…” ชือเว่ยหนานกระซิบข้างหู

“เหอะ เจ้าคนต่ำต้อยคิดจะเด็ดดอกฟ้าหรือ วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้สำนึก!”

บุรุษหนุ่มหน้ายาวสาวเท้ายาวไปหาจ้าวเฟิง

แต่เดิมชือเว่ยหนานขอร้องเขาให้สั่งสอนศิษย์รับใช้ผู้หนึ่ง แต่บังเอิญคนผู้นั้นคือศิษย์รับใช้ที่ตามเกี้ยวพาจ้าวหยูเฟยและมีชื่อเสียงโด่งดังในหลายวันก่อน

นี่จึงทำให้บุรุษหนุ่มหน้ายาวสนใจในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!