บทที่ 1254 ทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ (3)
ดินแดนเทพรกร้าง เผ่าพันธุ์วิญญาณ
รอบด้านตำหนักที่จ้าวเฟิงอยู่ คลื่นวนห้าสีขนาดมหึมาอีกทั้งเงารากฐานเทพที่ยังก่อร่างไม่สมบูรณ์พลันสลายหายไป!
ปรากฏการณ์นี้ทำให้สมาชิกทั้งหมดที่รวมตัวกันอยู่ละแวกนั้นใจสั่นสะท้าน ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?”
“จู่ๆ เหตุการณ์ประหลาดระหว่างทะลวงตำแหน่งเทพก็หายไปแล้ว!”
สมาชิกทั้งหลายที่เมื่อครู่ตกอยู่ในความตกตะลึงและบ้าคลั่ง นิ่งอึ้งไปทันใด
จ้าวเฟิงใกล้จะสร้างรากฐานเทพขั้นที่ห้าสำเร็จแล้วแท้ๆ แต่ไยภาพเหตุการณ์ประหลาดกลับพลันหายไป!
แต่ว่าไม่นานนัก ทุกคนก็เข้าใจ จ้าวเฟิงจะต้องทะลวงตำแหน่งเทพล้มเหลวเป็นแน่
“ฮ่าๆ ข้าบอกแล้ว เจ้านี่ไม่มีทางทำสำเร็จ!”
“จะทะลวงถึงเทพขั้นห้าได้เลย มีเพียงอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจึงจะทำได้ ช่างไม่ประมาณตนเสียเลย!”
จางอวี่ถงที่เมื่อครู่สีหน้าแข็งเกร็งถอนหายใจโล่งอกทันใด
หากจ้าวเฟิงทะลวงถึงตำแหน่งเทพขั้นห้าได้เลย เขาจะไม่อยู่ระดับขั้นเดียวกับอัจฉริยะปฐมเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์เลยหรอกรึ เช่นนั้นผู้นำระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณก็จะไม่กีดกันเรื่องของเขากับจ้าวหยูเฟยอีกต่อไป
แต่ว่าจ้าวเฟิงล้มเหลวแล้ว!
จางอวี่ถงยิ้มเย็นชา
“ไม่สิ หากสร้างรากฐานเทพล้มเหลว รากฐานเทพน่าจะพังทลายเป็นขั้นๆ ต่อกันไป แต่เงามายาของรากฐานเทพขั้นห้ากลับหายไปอย่างกะทันหัน!”
ด้านข้าง เซียโหวอู่แววตาคร่ำเคร่ง สังเกตตำหนักเบื้องหน้าอย่างละเอียด
“เป็นไปไม่ได้ พี่เฟิงไม่มีทางล้มเหลว!” ไกลออกไป จ้าวหยูเฟยหน้าเสียไปเล็กน้อย
‘สหายจ้าว เจ้าเป็นอะไรไปกันแน่?’
ในใจของพานเจี๋ยก็ร้อนรนเป็นอย่างมากเช่นกัน
บนท้องฟ้า ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณทั้งหลายก็ตะลึงไปเช่นกัน
“เหตุการณ์ประหลาดหายไป หรือว่าจะล้มเหลวแล้ว?”
เทพโบราณคนหนึ่งคิ้วขมวดเล็กน้อย
จากปรากฏการณ์ประหลาดก่อนหน้านี้ พวกเขาเห็นได้ว่าจ้าวเฟิงมีโอกาสที่จะสร้างรากฐานเทพขั้นห้าสำเร็จสูง แต่ทำไมจู่ๆ ภาพเหตุการณ์ประหลาดของการทะลวงตำแหน่งเทพถึงหายไป…
‘สถานการณ์ไม่ชอบกล เหมือนจะยังมีกลิ่นอายที่ผสานกันของรากฐานเทพและฟ้าดินอยู่…’
เทพโบราณฝูหลิงพึมพำในใจ แต่ก็ไม่มั่นใจนัก เพราะกลิ่นอายกลุ่มนั้นอ่อนกำลังยิ่ง
……
ในห้วงฝันบรรพกาล สติของจ้าวเฟิงเลือนรางไปท่ามกลางความเจ็บปวด
แต่ความเจ็บปวดกลุ่มนี้มาเพียงแค่ชั่วครู่ สติของเขาไม่ได้หลับลึกลงไป ไม่นานนักก็ตื่นขึ้น
“นี่มัน?” เสี้ยวขณะที่จ้าวเฟิงฟื้นคืนสติ ใจก็สั่นสะท้าน
เขาพบว่าความคิดจิตวิญญาณของเขาไม่ได้อยู่ในร่างของตนอีกต่อไป แต่ผสานไปกับห้วงฝันบรรพกาล ทั่วบริเวณล้านลี้ ทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา อีกทั้งขอบเขตในการควบคุมยังแผ่ขยายออกไปไม่สิ้นสุด
“แย่แล้ว ร่างเดิมของข้า รากฐานเทพ!”
ความคิดของจ้าวเฟิงจ้องไปยังป่าสีดำผืนนั้นทันที
ความคิดจิตวิญญาณของเขาในตอนนี้ผสานไปในห้วงฝันบรรพกาล ส่วนร่างกายกลายเป็นสิ่งไร้เจ้าของ เมื่อไม่มีความคิดชี้นำ พลังทุกอย่างในร่างกายจะไม่ถูกสิ่งใดควบคุมอีกต่อไป การสร้างรากฐานเทพหยุดชะงัก สุดท้ายก็จะล้มเหลวทั้งสิ้น แต่ว่ายามที่ความคิดของจ้าวเฟิงรวมตัวไปยังป่าสีดำ เส้นผมบนร่างก็ดึงดูดความคิดเขาไปทันที
เส้นผมที่ปรากฏเป็นสีเงินสว่างราวกับไหลอยู่ในอากาศ มีประกายแสงหลากสีดุจความฝันลอยเอ่อ
จากนั้นความคิดของจ้าวเฟิงก็รวมไปยังตำแหน่งตาข้างซ้าย สภาพของตาข้างซ้ายเหมือนกับเส้นผม ‘สีเงินมายา’ ไม่มีผิดเพี้ยน
ฟู่ ฟู่! ทันใดนั้น ในตาซ้าย ‘สีเงินมายา’ แผ่กระจายแสงห้าสีดุจความฝันมาห่อหุ้มร่างกายเขาเอาไว้ข้างใน
ในเวลานี้เอง คลื่นวนไอสวรรค์มหึมาเกิดขึ้นอีกครั้งโดยมีร่างของเขาเป็นศูนย์กลาง บนนั้นมีรากฐานเทพสีขาววาววับห้าขั้นลอยอยู่ ในรากฐานเทพมีแสงห้าสีเคลื่อนไหว รากฐานเทพที่อยู่ข้างบนสุดขาดอีกเพียงแค่เสี้ยวเดียวจึงจะสมบูรณ์
“ที่แท้รากฐานเทพไม่พังทลาย!”
ใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน ตื่นเต้นเล็กน้อย แต่สิ่งที่มีมากกว่าคือความสงสัย
แต่ในเวลานี้ ฉากที่ทำให้เขาต้องตื่นตะลึงเป็นอย่างมากก็ปรากฏขึ้น เห็นเพียงรากฐานเทพขั้นห้าในท้องฟ้าทำการเติมเต็มขึ้นเองและค่อยๆ เสร็จสมบูรณ์
“นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน? ความคิดจิตวิญญาณของข้าผสานเข้าไปในห้วงฝันบรรพกาลแล้ว ไม่มีการควบคุมจากความคิด รากฐานเทพไยจึงสร้างต่ออยู่อีก?”
ท่ามกลางความตกตะลึง ความคิดของจ้าวเฟิงเข้าไปในร่างกายที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น
“นี่มัน?” จ้าวเฟิงมีสีหน้าตะลึง
เห็นเพียงที่จุดตันเถียนในร่างกายของเขา บนรากฐานเทพขั้นห้ามีหมอกแสงเลือนรางดุจความฝันลอยอบอวล
ในตอนนี้ หมอกแสงกลุ่มนั้นกำลังลอยอยู่เหนือรากฐานเทพขั้นที่ห้า ส่วนพลังอื่นๆ ในร่างกายเขาถูกหมอกแสงมายาดูดออกมา ก่อนค่อยๆ ผสานเข้าไปในรากฐานเทพขั้นห้านี้
“พลังของเนตรเทพเจ้ากำลังช่วยข้าสร้างรากฐานเทพ!”
ผ่านไปครู่ใหญ่ จ้าวเฟิงก็ได้ข้อสรุปนี้มา
ในขณะเดียวกัน เขายังสัมผัสได้ว่าตนกับทั้งฟ้าดินห้วงฝันบรรพกาลผสานเข้าด้วยกันได้กลมกลืนยิ่งกว่าเดิม
ความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกับว่าฟ้าดินผืนนี้เดิมก็คือร่างกายของเขาอย่างไรอย่างนั้น
“ท่าทางเนตรเทพเจ้าของข้ากำลังตื่นขึ้น อำนาจการควบคุมห้วงฝันบรรพกาลก็เพิ่มขึ้นไม่หยุด!” จ้าวเฟิงตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก
ตอนนี้เขาคือผู้ครอบครองฟ้าดินแห่งนี้
จ้าวเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง รวบรวมไอสวรรค์ในฟ้าดินทั่วบริเวณมา พร้อมกันนั้น เขายังเคลื่อนย้ายสายแร่ผลึกเซียนระดับล่างอีกสายหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปหลายแสนลี้มาไว้ใต้ป่าสีดำ
“ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงของเนตรเทพเจ้าครั้งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
เวลานี้ ในที่สุดจ้าวเฟิงก็วางเรื่องรากฐานเทพลงแล้วคิดถึงปัญหานี้
เนตรเทพเจ้าแปรสภาพครั้งนี้แปลกประหลาดนัก เขาไม่ได้หลับลึก แต่พลังวิญญาณผสานไปกับห้วงฝันบรรพกาล….
ดังนั้นเขาจึงไม่อาจมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของมิติเนตรเทพเจ้าได้เลย
ฟู่ ฟิ้ว ฟิ้ว! ในมิติเนตรเทพเจ้า ลูกทรงกลมสีทองลึกลับยังหมุนไปไม่หยุด สาดหมอกแสงเลือนรางดุจความฝันออกมาเป็นแถบๆ และลูกกลมสีทองลูกนี้ก็แปรสภาพเป็นสีเงินมายา
ทันใดนั้น บนลูกทรงกลมสีเงินมายาปรากฏจุดแสงสว่างพร่างพรายขึ้น จุดแสงสว่างค่อยๆ แผ่เส้นเล็กสั้นๆ ออกมาเส้นหนึ่ง เหมือนจะวาดลวดลายอะไรออกมา
จุดเชื่อมต่อระหว่างห้วงฝันบรรพกาลและดินแดนเทพรกร้างก็คือตาซ้ายของจ้าวเฟิง
และในตอนนี้ ตาซ้ายของเขากำลังผ่านการแปรสภาพ พลังเนตรเทพเจ้าดั้งเดิมสกัดกั้นสารสำคัญในฟ้าดินที่ดูดมาจากดินแดนเทพรกร้างไว้
ด้วยเหตุนี้ในดินแดนเทพรกร้างจึงไม่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดของการทะลวงตำแหน่งเทพขึ้น
“ฮ่าๆ เขายังไปทะลวงรากฐานเทพขั้นห้าอีกรึ ช่างไม่รู้จักกลัวตายเสียจริง!”
“ตอนนี้ล้มเหลวแล้ว เขายังไม่กล้าปรากฏตัวออกมาเลย!”
กลุ่มคนที่ตกอกตกใจเพราะจ้าวเฟิงเมื่อครู่รีบเยาะเย้ยถากถาง
“หืม? กลิ่นอายกลุ่มนี้!” แววตาของจางอวี่ถงวูบไหว
เมื่อครู่ จู่ๆ เขาก็สังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติรอบด้าน กลิ่นอายแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
“เป็นไปได้อย่างไร? นี่คือกลิ่นอายพลังขั้นเทพที่ได้รับการยอมรับจากดินแดนเทพรกร้างผ่านการทะลวงขอบเขตแล้วผสานไปกับฟ้าดิน”
ใจของจางอวี่ถงพลันสั่นสะท้าน
ไม่ใช่ว่าล้มเหลวไปแล้วรึ? เหตุใดกลิ่นอายกลุ่มนี้จึงยังอยู่!
ในขณะเดียวกัน ศิษย์หลักคนอื่นๆ บางคนหรือคนที่ประสาทสัมผัสเทพแข็งแกร่ง ความรู้สึกว่องไว ก็ค่อยๆ ค้นพบจุดนี้
ทุกคนสีหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดจา
บนท้องฟ้า สีหน้าของเทพโบราณทั้งหลายก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เผยแววสงสัยออกมา
“เหมือนว่าเขาจะไม่ได้ล้มเหลว…” เทพโบราณฝูหลิงเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เทพโบราณอีกคนคิดไม่ตก
ด้านข้าง สายตาของเทพโบราณเยี่ยหลงส่องประกายสีม่วงอยู่ตลอด
‘เจ้าเด็กนี่อาจจะทะลวงถึงตำแหน่งเทพขั้นห้าได้แท้ๆ แต่สุดท้ายเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกันแน่ เหตุการณ์ประหลาดถึงหายไป ส่วนกลิ่นอายขั้นเทพที่ฟ้าดินยอมรับกลับไม่หายไปไหน…’
เทพโบราณเยี่ยหลงครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยปากโดยพลัน “ทุกท่าน ข้าขอตัวก่อน…”
ฟุ่บ! เทพโบราณเยี่ยหลงหายตัวไร้ร่องรอยไปในชั่วพริบตา
หากจ้าวเฟิงทะลวงขอบเขตล้มเหลว เทพโบราณเยี่ยหลงจะสังหารเขา เผ่าพันธุ์วิญญาณไม่มีทางพูดอะไรแน่ แต่ลางสังหรณ์บอกเขา จ้าวเฟิงเหมือนยังทะลวงขอบเขตไม่เสร็จสิ้น เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่าจ้าวเฟิงอาจจะไปถึงเทพขั้นห้าได้ ถึงตอนนั้นเขาคิดสังหารจ้าวเฟิง เผ่าพันธุ์วิญญาณจะต้องขัดขวางอย่างแน่นอน
เทพโบราณเยี่ยหลงจึงเลือกจากไปก่อนชั่วคราว แล้วแอบสังเกตการณ์ ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะสำเร็จหรือล้มเหลว เขาก็ต้องลงมือสังหารอย่างแน่นอน
เทพโบราณเยี่ยหลงจากไป เทพโบราณของเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ไม่ได้ไปสนใจอะไร
ตอนนี้พวกเขาสังเกตตำหนักของจ้าวเฟิงอย่างละเอียด หวังว่าจะมองอะไรออกบ้าง
“สหายจาง? เด็กนั่นทะลวงตำแหน่งเทพล้มเหลวแล้ว พวกเรายังอยู่ที่นี่กันทำไม?”
จินเวยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถามขึ้นอย่างสงสัย
“อ้อ ข้ารู้แล้ว สหายจางต้องกำลังรอเจ้าเด็กนั่นออกมา จากนั้นก็เยาะเย้ยถางถางมันให้หนักเป็นแน่!”
เขาเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมชั่วร้าย
“หุบปาก!” จางอวี่ถงตวาดเสียงเย็น ดวงตาทั้งสองมองตำหนักต่อไป
“เจ้า…”
สีหน้าของจินเวยเปลี่ยนไปทันใด คิดอยากจะระบายความโกรธแต่ก็เก็บเอาไว้
ภูมิหลังของเขายิ่งใหญ่กว่าจางอวี่ถงมาก แต่พรสวรรค์และพลังกลับสู้จางอวี่ถงไม่ได้เลย นอกจากนั้น จินเวยก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่หน่อยๆ เช่นกัน
เห็นชัดว่าจ้าวเฟิงทะลวงตำแหน่งเทพล้มเหลวแล้ว แต่ทำไมกลุ่มคนรอบด้านยังไม่จากไป แต่กลับมีท่าทางครุ่นคิดจริงจัง
ฟู่! ในยามนี้เอง นอกตำหนักของจ้าวเฟิง กลิ่นอายพลังขั้นเทพที่ยิ่งเข้มข้นขึ้นแผ่กระจายออกมา
สายตาของจางอวี่ถงจับจ้อง สีหน้ายิ่งเพิ่มความเคร่งเครียดขึ้น ตอนนี้เขาเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจ้าวเฟิงกำลังทะลวงตำแหน่งเทพ
เมื่อกลิ่นอายที่รากฐานเทพสอดประสานกับฟ้าดินยิ่งชัดเจนขึ้น คนบางคนรอบด้านก็เริ่มค้นพบจุดนี้
ในห้วงฝันบรรพกาล
“ฮ่าๆ รากฐานเทพขั้นที่หก!” เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วทั้งฟ้าดิน
ราวกับว่าสวรรค์กำลังหัวเราะร่วน เหตุการณ์ประหลาดน่าอัศจรรย์เช่นนี้ทำเอาเผ่าพันธุ์บรรพกาลละแวกนั้นอกสั่นขวัญแขวน
ฟู่ ฟู่! ในป่าสีดำ คลื่นวนไอสวรรค์ห้าสีหมุนวนอย่างบ้างคลั่ง บนนั้นมีรากฐานเทพขั้นหกตั้งตระหง่าน!
“ต่อให้เป็นข้าก็ยังไม่มีความมั่นใจที่จะสร้างรากฐานเทพขั้นหก แต่วันนี้เนตรเทพเจ้าแปรสภาพ พลังวิญญาณของข้าผสานไปกับห้วงฝันบรรพกาล เนตรเทพเจ้ากลับช่วยข้ารวมรากฐานเทพขั้นที่หกจนสำเร็จ!”
เรื่องทั้งหมดนี้ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ เนตรเทพเจ้าช่วยเขาครั้งใหญ่อีกครั้ง สร้างรากฐานเทพขั้นหกที่จ้าวเฟิงไม่มั่นใจว่าจะสร้างได้ออกมา
“ลำพังแค่รากฐานเทพขั้นหกก็เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าประหลาดใจมากแล้ว ไม่รู้ว่าการแปรสภาพของตาซ้ายครั้งนี้ เนตรเทพเจ้าของข้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้าง…”
จ้าวเฟิงวาดหวังอยู่เล็กน้อย
แต่ทันใดนั้นเอง ในหัวของจ้าวเฟิงก็สั่นคลอนขึ้นอีกครั้ง ความคิดหยุดชะงักลง
“นี่…นี่มัน!” ครั้งนี้เสียงของจ้าวเฟิงสั่นเครือ
เห็นเพียงในป่าสีดำ เค้าร่างภายนอกของรากฐานเทพขั้นเจ็ดค่อยๆ ก่อตัวขึ้นบนรากฐานเทพขั้นหก เค้าร่างของรากฐานเทพขั้นเจ็ดดุจความฝันอันรางเลือน กะพริบวูบวาบไม่หยุด เหมือนว่าจะพังลงได้ทุกเมื่อ…