บทที่ 1269 ช่วยเหลือ
ผู้อาวุโสอวี๋จ้องจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าเยียบเย็น รัศมีอำนาจมืดฟ้ามัวดินบดขยี้ไปข้างหน้า และในยามนี้เอง ในกายของจ้าวเฟิงก็แผ่กระจายพลังอำนาจหนาแน่นมหาศาลออกมาเช่นกัน
“เทพแท้จริงขั้นหก!”
เสี้ยวขณะนี้ ผู้อาวุโสอวี๋สัมผัสได้ถึงขอบเขตพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงอย่างถ่องแท้
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
ในตอนนั้นที่จ้าวเฟิงมายังสำนักแก่นแท้ เขาเป็นเพียงแค่ปฐมเทพคนหนึ่งเท่านั้น แต่ทำไมตอนนี้กลายเป็นเทพแท้จริงขั้นหกได้เล่า
“จ้าว…เฟิง หรือว่าเจ้า…”
ผู้อาวุโสอวี๋เหมือนนึกอะไรได้ สีหน้าหวาดกลัวเป็นที่สุด
ก่อนหน้านี้ตอนจ้าวเฟิงมาส่งหานหนิงเอ๋อร์ที่นี่ ผู้อาวุโสอวี๋ได้ยินหานหนิงเอ๋อร์เอ่ยชื่อของจ้าวเฟิงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น ยามนั้นจ้าวเฟิงเล็กจ้อยด้อยค่าถึงเพียงนั้น ผู้อาวุโสอวี๋ไม่คิดเลยว่าต่อมาจะได้เจอกับจ้าวเฟิงอีก แม้แต่ชื่อยังขี้เกียจจะจำ
หลังจากส่งจ้าวเฟิงไปแล้ว ผู้อาวุโสอวี๋ก็ปิดประตูไม่ออกมาโดยตลอด ยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง แต่ว่าเขาก็ได้ยินข่าวที่เกี่ยวกับ ‘อัจฉริยะจ้าวเฟิง’ อยู่บ้างเช่นกัน
ตอนนั้นผู้อาวุโสอวี๋ไม่ได้คิดโยงไปว่าอัจฉริยะจ้าวเฟิงคนนี้ ก็คือลูกศิษย์รับใช้ที่เขาส่งไปยังเผ่าพันธุ์วิญญาณคนนั้น แต่ขณะนี้ จ้าวเฟิงสำแดงพลังฝึกตนเทพแท้จริงขั้นหกออกมา มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจทั้งหมดนี้
“ผู้อาวุโสอวี๋ ไยจึงรีบร้อนจะสังหารข้าเช่นนี้?”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเรียบนิ่งสบายๆ
“ข้ากำลังปิดด่าน จู่ๆ ถูกคนรบกวน เพลิงโทสะแล่นเข้าสู่จิตใจ ดังนั้นจึงบุ่มบ่ามไปบ้าง สหายจ้าวอย่าได้ถือสา…”
ผู้อาวุโสอวี๋เค้นรอยยิ้มที่ไม่น่ามองเป็นที่สุดออกมา
เขาไม่มีความแค้นกับจ้าวเฟิง ต่อให้เมื่อครู่มีใจจะสังหาร แต่เขาไม่ได้ลงมือ อีกทั้งจ้าวเฟิงสามารถเข้าไปยังเผ่าพันธุ์วิญญาณได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากเขา ดังนั้นผู้อาวุโสอวี๋จึงคิดว่าจ้าวเฟิงน่าจะไม่ทำอะไรเขา
‘คิดไม่ถึงเลยว่าพรสวรรค์ของเจ้าเด็กนี่จะน่ากลัวถึงเพียงนี้ กลับทะลวงตำแหน่งเทพขั้นหกได้ในทันที…’
ผู้อาวุโสอวี๋ใจไม่สงบเป็นอย่างยิ่ง
เขาเป็นผู้อาวุโสขั้นหก เป็นคนที่อำนาจต่ำที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสสำนักแก่นแท้ทั้งหลาย
จ้าวเฟิงเป็นเทพแท้จริงขั้นหกเช่นกัน แต่เป็นศิษย์หลักของเผ่าพันธุ์วิญญาณ เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของเผ่า ต่อให้เป็นผู้อาวุโสทั่วไปของเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ยังไม่กล้าหาเรื่องจ้าวเฟิง
ส่วนสำนักแก่นแท้ โดยแท้จริงแล้วก็เป็นอำนาจภายในการปกครองของเผ่าพันธุ์วิญญาณ เขาที่เป็นผู้อาวุโสของสำนักแก่นแท้ ตำแหน่งจึงห่างชั้นกับจ้าวเฟิงนัก
“หานหนิงเอ๋อร์อยู่ที่ใด?” สีหน้าของจ้าวเฟิงไม่แปรเปลี่ยน
“นาง…ตอนนี้ปฏิบัติภารกิจอยู่ข้างนอก!”
สีหน้าของผู้อาวุโสอวี๋พลันเปลี่ยนไป แล้วกลับสู่ปกติ
‘เจ้าเด็กนี้ทำไมมาถึงก็ถามหาหานหนิงเอ๋อร์ ตอนนี้เขาน่าจะเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในเผ่าพันธุ์วิญญาณ น่าจะคบหากับจ้าวหยูเฟยแล้วกระมัง!’
ในใจของผู้อาวุโสอวี๋ค่อนข้างร้อนรน
สำหรับเขา จ้าวเฟิงเพียงแค่รับผิดชอบพาหานหนิงเอ๋อร์มายังเขตเทพสวรรค์ ระหว่างทั้งสองไม่น่าจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่ขณะนี้ จ้าวเฟิงพอมาถึงก็ถามถึงหานหนิงเอ๋อร์ทันที หากให้จ้าวเฟิงรู้เรื่องทุกอย่างที่เขาทำกับหานหนิงเอ๋อร์ ผู้อาวุโสอวี๋คาดได้ยากว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไร
ผู้อาวุโสอวี๋ได้แต่คิดว่าจ้าวเฟิงเพียงแค่ถามไปอย่างนั้น เขาจึงโกหกไปว่าหานหนิงเอ๋อร์ปฏิบัติภารกิจอยู่ข้างนอก
“ผู้อาวุโสอวี๋ช่างล้อเล่นเก่งเสียจริง ไม่ใช่ว่านางอยู่ในคฤหาสน์ของท่านหรอกรึ?”
ตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองทะลุทุกอย่าง เห็นหานหนิงเอ๋อร์ที่ถูกขังไว้ในตำหนักแห่งหนึ่งตั้งนานแล้ว
“เจ้า…เจ้ารู้ได้อย่างไร?” สีหน้าของผู้อาวุโสอวี๋เปลี่ยนไปทันใด หวาดกลัวเป็นที่สุด
สีหน้าของจ้าวเฟิงเย็นชา ไม่พูดอะไร ก้าวเข้าไปในตำหนักทันที ก่อนเขาจะจากไปก็ได้ทิ้งจ้าวหุยเอาไว้ที่นี่
ตอนนี้จ้าวหุยเพิ่งจะแฝงตัวเข้ามาในสำนักแก่นแท้ แต่สำหรับสถานการณ์ของสำนัก เขาสังเกตมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว ในสำนักแก่นแท้ไม่มีข่าวคราวที่เกี่ยวกับการปรากฏขึ้นของเนตรชีวิตเลยแม้แต่น้อย เนิ่นนานก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงก็เดาได้ว่าเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลนัก
เขามาสำนักแก่นแท้ครั้งนี้ ด้านหนึ่งก็เพื่อมารับจ้าวหุยไป อีกด้านหนึ่งก็อยากมาดูว่าหานหนิงเอ๋อร์ในตอนนี้เป็นเช่นไร
ตำหนักหลังหนึ่งที่อยู่ลึกที่สุด รอบบริเวณมีผนึกค่ายกลที่แข็งแกร่งสกัดกั้นด้านนอกและในเอาไว้
ประสาทสัมผัสเทพของขั้นต่ำกว่าเทพโบราณลงไปยากจะแทรกเข้าไปข้างใน แต่น่าเสียดาย ของพวกนี้สกัดกั้นการมองทะลุผ่านของเนตรซ้ายจ้าวเฟิงไม่ได้
‘เขารู้งั้นรึ!’ ผู้อาวุโสอวี๋ตามหลังจ้าวเฟิง สีหน้าตื่นตระหนกเป็นที่สุด
ช่วงระยะนี้เขาไม่ออกมาภายนอกโดยตลอด ยิ่งไม่มีใครเข้ามายังที่อยู่อาศัยของเขา ข่าวที่หานหนิงเอ๋อร์ถูกขังอยู่ที่นี่แพร่งพรายออกไปได้อย่างไร ลอยไปถึงหูจ้าวเฟิงได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสอวี๋จะคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก
เมื่อมาถึงหน้าตำหนักที่ปิดสนิท จ้าวเฟิงยื่นมือออกมา
วู้ม ฟู่ ฟู่! พลังแก่นแท้อัสนีที่สะเทือนเลื่อนลั่นโจมตีออกไปอย่างรุนแรง แสงอัสนีเทวะมหาศาลฟาดทำลายเขตพลังที่อยู่รอบตำหนักแห่งนี้
แกรก! ลึกลงไปในฝ่ามือของจ้าวเฟิงปรากฏรอยแยกขึ้นเส้นหนึ่ง จากนั้นจ้าวเฟิงชกหมัดหนึ่งออกไปสุดแรง
ตูม! ทั้งเขตพลังค่ายกลกลายเป็นจุดแสงระยิบระยับนับไม่ถ้วน ก่อนหายไปในฟ้าดิน
‘เป็นไปได้อย่างไรกัน ต่ำกว่าเทพโบราณลงมาน่าจะไม่มีคนทำลายค่ายกลได้!’
ผู้อาวุโสอวี๋ที่อยู่ข้างๆ ใจสั่นสะท้าน
หลังจากที่ค่ายกลแหลกสลายไปแล้ว ประตูใหญ่ของตำหนักก็เปิดออกทันที หานหนิงเอ๋อร์ในชุดกระโปรงสีเขียวกระโดดออกมา
“จ้าวเฟิง?”
หานหนิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าทำไมค่ายกลจึงพังทลาย เพียงแค่คิดฉวยโอกาสจากไป แต่คนแรกที่นางได้เห็นตอนออกมากลับเป็นจ้าวเฟิง
ร่างของหานหนิงเอ๋อร์พลันยืนอึ้งตะลึงอยู่กับที่ หยาดน้ำในดวงตาเขียวมรกตไหลริน
ตอนนี้ใบหน้าที่ไร้เดียงสาอ่อนโยนของหานหนิงเอ๋อร์ไม่มีอยู่อีกต่อไป สิ่งที่มาแทนที่คือใบหน้าตื่นกลัวและซีดเซียว ทันใดนั้น ร่างที่อ่อนโยนนุ่มนิ่มโผเข้ามาในอ้อมอกของจ้าวเฟิง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทุกข์ระทมเกินไปหรือดีใจ หานหนิงเอ๋อร์สะอื้นไห้ขึ้นทันใด หยาดน้ำตาแวววาวซึมชื้นเสื้อของเขา
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” จ้าวเฟิงไม่ได้ขัดขืน ถามไปอย่างราบเรียบ
“เขาขังข้าไว้ที่นี่มาตลอด แล้วกล่อมให้ข้าแต่งงานเป็นคู่ครองเขา…”
จากนั้นหานหนิงเอ๋อร์ก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่จ้าวเฟิงจากไป
ที่แท้พอจ้าวเฟิงจากไป ผู้อาวุโสอวี๋ก็ขังหานหนิงเอ๋อร์ไว้ที่นี่มาโดยตลอด ทั้งยังเกลี้ยกล่อมให้นางมาเป็นคู่ฝึกของตน เมื่อหานหนิงเอ๋อร์ไม่เคยยินยอม ก็ไม่ได้ออกไปจากตำหนักแห่งนี้อีกเลย นอกจากนั้นผู้อาวุโสอวี๋ต้องการคู่ครองจริงๆ ไม่ใช่หุ่นเชิด
เขาจึงไม่ได้ทำเรื่องนอกลู่นอกทางอย่างอื่น เพียงแค่เกลี้ยกล่อมอยู่ตลอดเท่านั้น
เขาไม่อยากให้หานหนิงเอ๋อร์เกิดความรู้สึกเกลียดชังเขามากนัก เพราะหากหานหนิงเอ๋อร์ยินยอม ด้วยพรสวรรค์เนตรชีวิตของนาง อนาคตข้างหน้าสว่างไสว ถึงตอนนั้นผู้อาวุโสอวี๋ก็จะสามารถก้าวหน้าได้ไม่หยุดตามหานหนิงเอ๋อร์ไป
“สหายจ้าว ข้าชอบพอหานหนิงเอ๋อร์จากใจจริง ไม่ได้ทำอะไรนาง…”
ผู้อาวุโสอวี๋เห็นสีหน้าท่าทางของจ้าวเฟิงไม่ชอบกล จึงทำหน้าด้านรีบพูดอธิบาย “สหายจ้าว หากเจ้าชอบหานหนิงเอ๋อร์เช่นกัน เจ้าก็พานางไปเลย หานหนิงเอ๋อร์ไปถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณแล้ว ไม่นานเท่าใดจะต้องพัฒนาเป็นผู้แข็งแกร่งที่นั่นเช่นกัน!”
ครั้นเห็นท่าทางหวาดกลัวจ้าวเฟิงของผู้อาวุโสอวี๋ หานหนิงเอ๋อร์เช็ดน้ำตาที่หางตา ผละออกจากอ้อมอกอันอบอุ่นแข็งแกร่งของจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง เจ้าพบจ้าวหยูเฟยแล้วรึ?” หานหนิงเอ๋อร์ถามตรงๆ
สำหรับนาง จ้าวเฟิงจะต้องพบจ้าวหยูเฟยและได้รับฐานะที่ไม่เลวแล้วแน่ๆ มิฉะนั้นเหตุใดผู้อาวุโสอวี๋จึงกลัวเขา?
“จะจัดการเขาอย่างไร?” จ้าวเฟิงพยักหน้า ชี้ไปยังผู้อาวุโสอวี๋พลางถามขึ้น
ตอนนี้หานหนิงเอ๋อร์มองไปยังผู้อาวุโสอวี๋ด้วยใบหน้าเย็นชา
สีหน้าของผู้อาวุโสอวี๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย คำพูดประโยคนี้ของจ้าวเฟิงทำให้เขาไม่สบอารมณ์เล็กน้อย อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักแก่นแท้ จ้างเฟิงกลับทำท่าทีเหมือนชี้เป็นตายของเขาได้
“ทำลายพลังฝึกตนของเขาก็แล้วกัน!” จ้าวเฟิงพูดออกมาทันที
เขารู้ หานหนิงเอ๋อร์ยากที่จะเกิดความคิดอยากสังหารผู้อาวุโสอวี๋
“สหายจ้าว เจ้าสามารถเข้าไปในเผ่าพันธุ์วิญญาณได้ ก็เป็นเพราะการช่วยเหลือจากข้า…. ”
ผู้อาวุโสอวี๋หน้าเปลี่ยนสี รีบพูดทันที
ในดินแดนเทพรกร้าง พลังฝึกตนถูกทำลาย มิสู้ตายไปเสียเลยดีกว่า
สีหน้าของจ้าวเฟิงไม่แปรเปลี่ยน เดินไปทางผู้อาวุโสอวี๋ช้าๆ
“จ้าวเฟิง เจ้าอย่าได้คืบเอาศอก ถึงพลังของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าข้า แต่หากคิดทำลายพลังฝึกตนของข้าก็ไม่มีทางเป็นไปได้ อีกทั้งที่นี่คือสำนักแก่นแท้ และข้าเป็นผู้อาวุโสของสำนักนี้!”
ผู้อาวุโสอวี๋เห็นไม้อ่อนไม่ได้ผล ท่าทางจึงแข็งกระด้างขึ้นทันใด
“แต่ก่อนเจ้าก็เป็นคนของสำนักรากฐานเทพ ไม่ช่วยหานหนิงเอ๋อร์ฟื้นฟูสำนัก กลับคิดถึงแต่ตนเอง หนำซ้ำเจ้าไม่รู้จักส่องกระจกดูเสียบ้าง เจ้าคู่ควรกับนางรึ?”
จ้าวเฟิงมีสีหน้าเหยียดหยาม
ผู้อาวุโสอวี๋เห็นจ้าวเฟิงตัดสินใจไปแล้ว แทบจะไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
“หึ ต่อให้ข้าหลุดพ้นจากสำนักแก่นแท้ ไปจากเขตเทพสวรรค์ ก็ไม่มีทางให้เจ้าทำลายพลังฝึกตนของข้า!”
ผู้อาวุโสอวี๋เผยสีหน้าตัดสินใจ ด้วยพลังฝึกตนเทพแท้จริงขั้นหกรวมทั้งฐานะแพทย์ของเขา หากไปยังเขตอื่น หาขั้วอำนาจสี่ดาวสักแห่ง ก็ยังคงอยู่ได้สบายๆ เช่นเดิม
ฟิ้ว! ผู้อาวุโสอวี๋หนีไปด้านนอกทันที
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น แปลงเป็นประกายอัสนีเฉียดผ่านไปยังผู้อาวุโสอวี๋
“หนามพันธนาการ!” ผู้อาวุโสอวี๋ทะลักพลังเทพสีเขียวเข้มกระจายไปทั่วฟ้าดิน
ทันใดนั้น เถาวัลย์หนามอวบหนาแต่ละต้นก็เติบโตขึ้นรอบตำหนักดุจดั่งทะเลหนาม
ครืน บึ้ม! เพียงชั่วพริบตา ทั่วทั้งตำหนักพลันแหลกละเอียด เถาวัลย์หนามนับไม่ถ้วนโจมตีไปพันรัดจ้าวเฟิง
ฟุ่บ! ผู้อาวุโสอวี๋ยิ้มได้ใจ หนีออกไปด้านนอก
แต่ทว่าเสี้ยวขณะต่อมา ท่ามกลางทะเลหนามอันน่าหวาดกลัวมีเขตแดนอัสนีห้าสีปรากฏขึ้น เถาวัลย์หนามทั้งหมดในเขตแดนถูกฟาดผ่ากลายเป็นเศษไม้ไหม้เกรียม
ฟิ้ว! ร่างของจ้าวเฟิงพุ่งไปยังผู้อาวุโสอวี๋ ราวกับทะลุผ่านท้องฟ้า เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มาอยู่เหนืออีกฝ่าย
“เร็วยิ่งนัก!” ผู้อาวุโสอวี๋ใจสั่นสะท้าน
ชั่วขณะต่อมา ความเจ็บปวดทิ่มแทงหัวใจก็โจมตีเข้ามา
ครืน บึ้ม! ผู้อาวุโสอวี๋โดนหมัดของจ้าวเฟิงชกเข้าใส่ ร่างกระแทกพื้นดินอย่างจัง กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง
เขาคือผู้ฝึกฝนศาสตร์พฤกษาและยังเป็นแพทย์คนหนึ่ง ด้านการต่อสู้ห่างจากเทพแท้จริงขั้นหกทั่วไปนัก
“เด็กนี่แข็งแกร่งนัก ความเร็วมากกว่าข้าเกินไป!”
ผู้อาวุโสอวี๋รู้ดี เขาไม่ใช่คู่มือของจ้าวเฟิง และไม่มีทางหนีรอดไปได้
ฟุ่บ! เขาฝืนทนอาการบาดเจ็บสาหัส บินมายังข้างกายหานหนิงเอ๋อร์
“จ้าวเฟิง เป็นเจ้าที่บีบบังคับข้าเอง!”
ผู้อาวุโสอวี๋ทะลักพลังเทพ เตรียมกักขังหานหนิงเอ๋อร์ไว้เพื่อข่มขู่จ้าวเฟิง จากนั้นค่อยหลบหนีไป
“ไม่นะ…” เมื่อเผชิญหน้ากับพลังแข็งแกร่งของผู้อาวุโสอวี๋ หานหนิงเอ๋อร์ถูกกดดันจนหายใจไม่ออก
ผู้อาวุโสอวี๋กำลังจะควบคุมนางเอาไว้
“รนหาที่ตาย!” สายตาของจ้าวเฟิงเย็นชาทันใด ยื่นฝ่ามืออกไปฟันทันที
คมแสงอัสนีห้าสีทะลวงผ่านท้องฟ้า ฟันส่วนขาของผู้อาวุโสอวี๋จนขาดออก
“อ๊าก…” ร่างแทบจะขาดเป็นสองท่อน ผู้อาวุโสอวี๋ร้องลั่นอย่างเจ็บปวด พลังอำนาจมหาศาลรอบด้านสลายไปทันที
ในตอนนี้เอง คลื่นกลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่งแต่ละกลุ่มปรากฏขึ้นทั่วทุกทิศ
“ใครกัน กล้ามาก่อความวุ่นวายในสำนักแก่นแท้!”
ผู้อาวุโสที่มีผิวกายเขียวเข้มร่างค่อนข้างผอมแห้งตวาดขึ้นโดยพลัน อีกด้านหนึ่ง หญิงชราคนหนึ่งค้ำไม้เท้าพุ่งมายังจ้าวเฟิง
“ผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสสี่ เขาจะฆ่าข้า รีบช่วยข้าเร็ว…” ผู้อาวุโสอวี๋รีบร้องตะโกน
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
“ใจกล้านัก กล้าบุกสำนักแก่นแท้มาสังหารคน!”