บทที่ 1305 พื้นที่ใจกลาง
“ขุดมันออกมา บางทีอาจมีประโยชน์หรือไม่ก็อาจได้อะไรมา”
เทพโบราณเฮยจี๋ตะโกนเสียงต่ำ คนที่เหลือมีปฏิกิริยาทันที
หุ่นเชิดกลไกของเผ่าความลับสวรรค์มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของซากปรักหักพังเนตรเทพเจ้า อีกทั้งหุ่นเชิดกลไกไม่มีขีดจำกัดอายุขัย ถ้าหากหุ่นเชิดกลไกที่ถูกฝังใต้ดินยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนอาจจะพอได้รู้เรื่องราวที่แท้จริงของซากปรักหักพังแห่งนี้จากปากเขา
ถ้าหากที่นี่คือซากปรักหักพังเนตรเทพเจ้า เมื่อมีหุ่นเชิดของเผ่าความลับสวรรค์ปรากฏขึ้น ก็ไม่ใช่ว่าจะปกติมากนัก บางทีโฉมหน้าที่แท้จริงของที่นี่อาจจะไม่ใช่แบบที่เทพโบราณเฮยจี๋พูด
“ลงมือได้!” หลินเฉิงอู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ดาบประกายมิติ!” เขาโคจรเนตรมิติทันที ในดวงตาสาดซัดเจตจำนงดวงตาที่แข็งแกร่งออกมา
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ! คมดาบผลึกจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านไปในอากาศ ฟันฉับลงไปบนซากปรักหักพังโลหะด้านหน้า
แต่สิ่งปลูกสร้างที่นี่พิเศษอย่างยิ่ง ซากปรักหักพังเหล็กสีเงินขนาดยักษ์ด้านหน้าทุกคนใหญ่โต น้ำหนักมาก แข็งทนทานเกินจะเปรียบ
วิชาดวงตามิติกระบวนท่านี้ของหลินเฉิงอู่ตัดออกมาได้แค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
ในตอนนี้เอง สตรีโฉมงามปลดปล่อยกายวัฏสงสารสิบกว่าร่างออกมาระเบิดซากปรักหักพังเหล็กด้านหน้า
อีกฟากหนึ่ง เทพโบราณเฮยจี๋โคจรเนตรมรณะ จ้องไปที่ซากเหล็กผุพังขนาดใหญ่นั้น
เสวียนอ้าวมรณะสามารถทำให้สิ่งของใดๆ ก็ตามเสื่อมสภาพไปช้าๆ เข้าใกล้ความตายไปเรื่อยๆ และส่งผลกับซากปรักหักพังเหล็กสีเงินขนาดยักษ์เด่นชัดที่สุด
จากการร่วมมือของทั้งสี่คน จึงทำให้ขุดหุ่นเชิดกลไกของเผ่าความลับสวรรค์ที่ติดอยู่ใต้ดินออกมาได้ครึ่งหนึ่ง
“พังจนกลายเป็นแบบนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรกระมัง”
สตรีโฉมงามหมดหวัง
ทว่าหุ่นเชิดกลไกในตอนนี้มีแค่ส่วนศีรษะและส่วนตัวที่ถูกขุดออกมา
แต่ใบหน้าหุ่นเชิดกลไกถูกกระแทกจนไม่เป็นรูปร่างมนุษย์ ช่วงทรวงอกก็มีหลุมขนาดใหญ่ ชิ้นส่วนกลไกในนั้นถูกทำลายจนหมดสิ้น
“ให้ข้าทดลองแล้วกัน!” เทพโบราณเฮยจี๋ก้าวออกมา เดินเข้าไปใกล้หุ่นเชิดกลไก จากนั้นจึงค่อยนั่งยองลง
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” หลินเฉิงอู่ถามอย่างสงสัย
“แต่ละส่วนของหุ่นเชิดกลไกตัวนี้เสียหายอย่างหนัก ต่อให้เป็นปรมาจารย์ศาสตร์ซ่อมแซมของดินแดนเทพรกร้างก็ยังฟื้นฟูมันกลับมาไม่ได้ แต่ส่วนศีรษะของหุ่นเชิดกลไกตัวนี้ไม่ได้เสียหายหนักมากนัก ข้าอยากจะลองดูว่าพอจะได้ข้อมูลอะไรจากในนั้นมาบ้าง!”
เทพโบราณเฮยจี๋ตอบง่ายๆ ไม่รอให้คนอื่นพูดอะไรอีก เขาหยิบอุปกรณ์หลายชิ้นออกมา โคจรเคล็ดวิชา แล้ววางมือบนศีรษะของหุ่นเชิดกลไก
เห็นเพียงมือเทพโบราณเฮยจี๋ส่งระลอกแสงที่เกิดขึ้นจากอักษรและสัญลักษณ์สีดำชั้นหนึ่งเข้าไปในส่วนศีรษะหุ่นเชิดกลไก
ในเวลาเดียวกัน ส่วนศีรษะหุ่นเชิดกลไกตัวนี้เกิดเสียงดัง ‘แกรก แกรก’ ดังแว่วมา เทพโบราณเฮยจี๋ปิดเปลือกตาลงเหมือนกำลังสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หลังจากนั้นสักพักใหญ่ สตรีโฉมงามเอ่ยเสียงเบา “สถานการณ์เป็นอย่างไร?”
“ได้ข้อมูลแผนที่ส่วนใหญ่ของที่นี่มาแล้ว!”
เทพโบราณเฮยจี๋ดึงมือกลับ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดแล้วเอ่ย
“จริงหรือ?” หลินเฉิงอู่ตกตะลึง
ในสายตาเขา ตอนแรกทุกคนไปมาอย่างไร้จุดหมายในซากปรักหักพังแห่งนี้
ถ้าหากได้ข้อมูลของแผนที่แห่งนี้มา ทุกคนก็จะสามารถวางเป้าหมาย เพื่อให้ครอบครองผลประโยชน์มากที่สุดในช่วงเวลาสั้นที่สุด
“นอกเหนือจากแผนที่ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรือ?”
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงก้าวขึ้นมาถาม
“คลังความทรงจำของเขาถูกปิดผนึกโดยวิชาที่สูงส่งนัก ข้าหาไม่เจอด้วยซ้ำ แต่ข้อมูลแผนที่เป็นข้อมูลเดียวตรงทรวงอกของหุ่นเชิดกลไกที่พลังป้องกันไร้ผลพอดี ดังนั้นข้าจึงได้ข้อมูลของแผนที่ส่วนนี้มา…”
เทพโบราณเฮยจี๋บอกทั้งหมด
สีหน้าสตรีโฉมงามและหลินเฉิงอู่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย พวกเขาเดาเอาว่าเทพโบราณเฮยจี๋ได้ข้อมูลมามากกว่านี้ แต่เขาซุกซ่อนส่วนสำคัญเอาไว้แน่นอน ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงตัดสินใจว่าจะจับตามองเทพโบราณเฮยจี๋เอาไว้
ขวับ! เทพโบราณเฮยจี๋โบกมือ แสดงข้อมูลแผนที่อย่างหยาบขึ้นที่เบื้องหน้าทุกคน
“แผนที่ชุดนี้…” แววตาของทุกคนต่างจดจ้องที่แผนที่ จากนั้นจึงค่อยๆ มองไปที่จุดหนึ่ง
“นี่คือพื้นที่ใจกลางของซากปรักหักพังเนตรเทพเจ้า!”
สตรีโฉมงามร้องเสียงหลง
ทุกคนน่าจะพอมองออก ใจกลางแผนที่ฉบับนี้มีกลุ่มแสงขนาดใหญ่ ใช้สีแดงบ่งชี้ถึงพื้นที่ต้องห้าม ส่วนใจกลางของจุดแสงยังมีสัญลักษณ์เนตรเทพเจ้าด้วย
“ถูกต้องแล้ว หนำซ้ำพวกเราตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากพื้นที่ใจกลาง!”
เทพโบราณเฮยจี๋ผงกศีรษะเอ่ย
สีหน้าคนทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ยากจะซ่อนสีหน้าตื่นเต้นเอาไว้
ซากปรักหักพังขนาดใหญ่แห่งนี้ ในตอนที่มีสภาพสมบูรณ์น่าจะต้องรุ่งโรจน์อย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่นสถานที่บ่มเพาะทรัพยากรล้ำค่าที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะเหลือเพียงแค่สองกล่องผลึกเท่านั้น สมบัติในนั้นก็แห้งกรอบไปมากกว่าครึ่งแล้ว แต่ยังสามารถดึงดูดให้เทพโบราณเจ็ดคนแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง
ยากจะจินตนาการได้ว่าใจกลางของซากปรักหักพังแห่งนี้ซุกซ่อนสมบัติและโอกาสอะไรเอาไว้บ้าง?
“รีบลงมือกันเถอะ!”
สตรีโฉมงามออกจะอดรนทนไม่ไหว
ต่อจากนั้น ทุกคนเลือกเดินทางในเส้นทางที่สั้นที่สุด ตรงไปยังพื้นที่ใจกลางบนแผนที่
หลังจากที่ทุกคนไปจากที่นี่แล้ว ไม่มีใครเห็นว่ามีแสงสีเงินเข้มสายหนึ่งวาบผ่านไปเบาๆ
เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยตัวน้อยปรากฏขึ้นในฉับพลัน มันกระโดดเพียงคราเดียวก็ไปถึงด้านข้างหุ่นเชิดกลไกที่ผุพังตัวนั้น
มันโบกกรงเล็บสองข้าง อักขระสัญลักษณ์ที่ลึกลับซับซ้อนกลายเป็นกลุ่มแสงสีเงินเข้มปกคลุมรอบทรวงอกหุ่นเชิดกลไก
เมื่อผ่านไปพักใหญ่ กรงเล็บสองข้างเจ้าแมวขโมยน้อยร่วงผล็อย หลังจากที่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็หายตัวไป
ระหว่างกลุ่มเทพโบราณเฮยจี๋กำลังเร่งรุดเดินทาง เจ้าแมวขโมยตัวน้อยปรากฏตัวอีกครั้งบนบ่าจ้าวเฟิง
“แมวตัวนี้!” สตรีโฉมงามโกรธเกรี้ยว ปรายตามองเจ้าแมวขโมยอย่างริษยา
หลินเฉิงอู่และเทพโบราณเฮยจี๋ไม่ได้ใส่ใจท่าทางประหลาดของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย
เจ้าแมวขโมยน้อยที่ยืนอยู่บนบ่าของจ้าวเฟิง และแจ้งข้อมูลมากมายให้กับจ้าวเฟิงผ่านทางจิต สุดท้ายเจ้าแมวขโมยก็มุดเข้าไปในมิติเก็บของ
‘เป็นเช่นนี้นี่เอง ซากปรักหักพังแห่งนี้ไม่ใช่ซากปรักหักพังเนตรเทพเจ้าเลยแม้แต่น้อย…’
จ้าวเฟิงตื่นตะลึงในใจ แต่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา
จากข้อมูลที่เขาได้มาจากเจ้าแมวขโมยตัวน้อย บวกกับข้อสงสัยที่ตนเองมองเห็นในช่วงนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกว่าเป็นไปได้มากว่านี่จะเป็นกับดัก แต่ตอนนี้ใกล้จะไปถึงพื้นที่ใจกลางเข้าไปทุกที จ้าวเฟิงเองก็อยากจะสำรวจไปให้ถึงที่สุด
แน่นอนว่าจ้าวเฟิงมีวิชารักษาชีวิต ถึงกล้าเข้าไปภายในทั้งที่รู้ว่ามีอันตราย
“ระวัง ด้านหน้ามีเทพอสูร!” เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยเตือน
“ดูแล้วพื้นที่ใจกลางจะต้องมีสมบัติและโอกาสที่สำคัญมากแน่!”
สตรีโฉมงามมีสีหน้าตื่นเต้น
ก่อนนี้ทุกคนเดินอยู่ใต้ดินของซากปรักหักพัง จึงไม่ค่อยเจอเทพอสูรระหว่างทาง แต่ในตอนที่กำลังจะถึงพื้นที่ใจกลาง บนทางเดินกลับปรากฏเทพอสูรจำนวนมาก กลับกลายเป็นว่าทำให้ทุกคนตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
เทพอสูรขั้นเจ็ดเนตรหมื่นปรากฏการณ์ส่งเสียงขู่คำรามใส่ทุกคน
“ไสหัวออกไปจากที่นี่!”
เทพอสูรขั้นเจ็ดปลดปล่อยพลังออกมารอบบริเวณ ดวงตาหลากสีสันขนาดใหญ่หมุนโคจรอย่างบ้าคลั่ง เหมือนว่ามันกำลังโกรธเกรี้ยว
กลุ่มเทพโบราณเฮยจี๋ไม่พูดอะไร ตรงดิ่งไปทันที ในสายตาของทุกคนเปล่งประกายระลอกพลังดวงตา
บึ้ม! ในวินาทีที่ทั้งสองฝั่งปะทะเข้าหากัน เทพอสูรขั้นเจ็ดก็ถูกทุกคนสังหารทันที
“ด้านหน้ายังมีอีกมากมาย ผลึกเสวียนอ้าวระดับสูงในร่างเทพอสูรแบ่งวนกันไปแล้วกัน!”
เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยจบ ก็เก็บผลึกเสวียนอ้าวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ชิ้นนี้เข้าไปในมิติเก็บของ
ไม่ผิดคาด กลุ่มคนเดินทางไปไม่นานนักก็เจอเทพอสูรขั้นเจ็ดตนหนึ่งจริงๆ หลังจากสังหารแล้ว ผลึกเสวียนอ้าวระดับสูงถูกหลินเฉิงอู่เก็บเอาไว้ในถุงย่าม ยิ่งเข้าไปลึกเรื่อยๆ ทางสายนี้ก็ค่อยๆ กว้างใหญ่ขึ้น แต่เทพอสูรที่ทุกคนเจอยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงกระทั่งยังไม่ได้จัดการเทพอสูรตนแรก เทพอสูรดวงตาตัวที่สองก็เข้ามาใกล้แล้ว
ทุกคนเดินหน้าต่อด้วยความเร็วที่ช้าลง
“พื้นที่ใจกลางอยู่อีกไม่ไกลด้านหน้า!” เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยเสียงต่ำ
นัยน์ตาของหลินเฉิงอู่กับสตรีโฉมงามมีประกายคมกริบวาบผ่าน กำลังรบแข็งแกร่งขึ้นในทันที
โครม ตูม! กลุ่มคนทั้งสี่ประมือกับเทพอสูรด้านหน้าอย่างดุเดือด
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ทุกคนก็มาถึงปลายสุดของทางเดิน
สิ่งที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคนคือกลุ่มแสงโปร่งใสขนาดมโหฬาร ทว่าทิวทัศน์ภายในกลับเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก ประสาทสัมผัสเทพเองก็ไม่สามารถดำดิ่งเข้าไปได้
รอบๆ ลูกกลมทรงกลมมีทางเดินแปดเส้น ทะลุไปสี่ด้านแปดทิศทาง ทางที่ทุกคนเดินก็คือหนึ่งในเส้นทางเหล่านั้น
ขุมสมบัติที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในซากปรักหักพังแห่งนี้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าสายตา แต่ทุกคนกลับสะกดความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ ยืนนิ่งไม่ไหวติง เพราะระหว่างทางที่พวกเขาเดินมาต้องเจอเทพอสูรที่ทรงพลังมากมาย
ในบรรดาเทพอสูรพวกนี้ ขั้นต่ำที่สุดก็อยู่ในขั้นหกแล้ว หนำซ้ำตัวที่แข็งแกร่งที่สุดก็แทบถึงขั้นหกสุดยอด
เทพอสูรจำนวนมากเห็นกลุ่มเทพโบราณเฮยจี๋ พวกมันส่งเสียงร้องคำราม ก่อนจะพุ่งทะลวงมา
“จำนวนมากขนาดนี้ ถ้าไม่ระวังคงต้องตายที่นี่แน่!”
สีหน้าสตรีโฉมงามไม่สู้ดีนัก
“ถ้าหากทุกคนไม่เก็บงำฝีมือเอาไว้อีก ยังมีโอกาสสูงมากที่จะเดินผ่านเส้นทางนี้ไปได้!”
แววตาเย็นชาของเทพโบราณเฮยจี๋กวาดผ่านทุกคน
ผู้แข็งแกร่งคนใดๆ ก็ล้วนต้องมีไพ่ตายอีกใบสองใบอยู่ดี
หนำซ้ำภารกิจครั้งนี้พิเศษอย่างยิ่ง สมาชิกคนอื่นๆ ระแวดระวังเทพโบราณเฮยจี๋ ดังนั้นวิชาที่เก็บงำไว้จึงยังมีอีกมาก
ขณะที่ทุกคนลังเลนั้นเอง หนึ่งในเส้นทางแปดของวัตถุทรงกลมก็ปรากฏระลอกพลังมหาศาลออกมาอย่างฉับพลัน
ทันใดนั้นเอง เงาคนสี่คนก็ปรากฏที่ปากทางเดิน
“นั่นพวกเขา!” สตรีโฉมงามและหลินเฉิงอู่ร้องเสียงหลง
กลุ่มที่พลันปรากฏกายขึ้นเหล่านั้นก็คือกลุ่มของเทพโบราณเสวียนหมัวนั่นเอง
“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาถึงก่อนพวกเรา?”
บุรุษหนุ่มชุดเหลืองในกลุ่มนั้นร้องอุทาน
แต่ในตอนที่ทั้งสองฝ่ายต่างประเมินกันอยู่ ภายในทางเดินเส้นหนึ่งก็มีเสียงระเบิดโครมครามดังขึ้น
ไม่นานนัก กลุ่มสี่คนปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเทพโบราณเสวียนหมัวและเทพโบราณเฮยจี๋
“ยังมีคนอื่นอีกหรือ?” แววตาชายหนุ่มในชุดเกราะสีทองเข้มมีประกายเย็นเยียบ
“เทพโบราณหวังหลิง!” คนทั้งสองกลุ่มรู้จักชายหนุ่มเกราะสีทองผู้นี้เป็นอย่างดี
นอกจากเทพโบราณหวังหลิง ในกลุ่มพวกเขายังมีทายาทเนตรหมื่นปรากฏการณ์และเนตรมิติ ส่วนด้านหลังสามคนนี้มีสตรีร่างแบบบางผู้ครอบครองเนตรทำนาย
กลุ่มทั้งสามเดินออกมาจากคนละเส้นทาง และในทุกเส้นทางเต็มไปด้วยเทพอสูรที่น่ากลัวจำนวนมาก
ตอนนี้เทพอสูรดวงตาเหล่านี้ต่างลงมือโจมตีผู้มาเยือนจากภายนอกในเส้นทางของพวกมัน!