Skip to content

King of Gods 1404

King Of Gods

บทที่ 1404 ร่วมมือสังหาร

การต่อสู้ของระดับจอมเทพ เทพโบราณขั้นเก้าทั่วไปล้วนไม่กล้าเข้าใกล้สนามรบง่ายๆ

สมาชิกคนที่เหลือของตำหนักเทพยักษ์และตำหนักวิญญาณบรรพกาลต่างประจันหน้ากัน

“ท่านซินอู๋เหิน!”

ตำหนักเทพยักษ์ทุกคนสายตาเป็นประกาย

การกลับมาของซินอู๋เหินนำความหวังมาให้พวกเขา และนำพวกเขาออกมาจากความมืดมิดอย่างไม่ต้องสงสัย

“ซินอู๋เหินพัฒนามาจนถึงขั้นนี้แล้ว!”

ยอดผู้อาวุโสจ้องซินอู๋เหิน ท่าทีค่อนข้างตื่นเต้น

ซินอู๋เหินในตอนนี้เป็นเพียงแค่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพ กลับมีพลังที่สามารถต้านทานจอมเทพทั่วไปขั้นหนึ่งได้ ต้องรู้ก่อนว่า ก่อนเข้าไปในคลังสมบัติบรรพชน ซินอู๋เหินเป็นเพียงแค่เทพโบราณขั้นเก้า นอกจากนั้น การพัฒนาของจ้าวเฟิงยิ่งไม่น่าเชื่อ จากเทพโบราณขั้นแปดก้าวกระโดดไปถึงขั้นเก้า อีกทั้งยังสามารถเข้าร่วมสนามต่อสู้ของระดับจอมเทพได้

“เทพโบราณหวาไฉ่ พวกเจ้าผ่านอะไรในคลังสมบัติบรรพชนมาบ้างกันแน่?”

ยอดผู้อาวุโสอดไม่ได้ที่จะถาม

ไม่เพียงแค่ซินอู๋เหินและจ้าวเฟิงที่มีการพัฒนามากถึงเพียงนี้ เทพโบราณหวาไฉ่ก็ทะลวงถึงเทพโบราณขั้นเก้าเช่นกัน ดูท่าทางแล้วเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเทพโบราณขั้นเก้าทั่วไปไม่น้อยด้วย

“ยอดผู้อาวุโสรักษาบาดแผลก่อนเถิด เรื่องพวกนี้อีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน!”

เทพโบราณหวาไฉ่รีบหยิบของล้ำค่าที่ช่วยรักษาวิญญาณและกายเทพบางอย่างออกมา

“หญ้าหล่อเลี้ยงวิญญาณ ผลนภาโลหิต…” ผู้อาวุโสสีหน้าสั่นสะท้านเล็กน้อย

ของล้ำค่าที่เทพโบราณหวาไฉ่หยิบออกมา ไม่เพียงแต่สูงค่าเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น แต่ยังเก่าแก่มาก สรรพคุณยิ่งยอดเยี่ยม

ท่าทางครั้งนี้ ผลประโยชน์ที่พวกซินอู๋เหินเก็บเกี่ยวมาได้จากคลังสมบัติบรรพชนจะไม่ธรรมดา เผ่าเทพยักษ์มีหวังที่จะผงาดขึ้นอีกครั้ง

ครืน ตูม ตูม!

ณ ขอบฟ้าไกลลิบ การต่อสู้ดังสนั่นหวั่นไหว สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน

“บัดซบ พลังเวลาแข็งแกร่งนัก!” จอมเทพเสียหลิงอยู่ใน ‘ปราการมิติ’ ความเร็วลดช้าลงทันที

เสวียนอ้าวมิติของจ้าวเฟิงถึงแม้จะถึงขั้นแปด แต่ไม่ได้สร้างผลกระทบให้จอมเทพเสียหลิงเท่าใดนัก ประเด็นสำคัญคือถึงแม้เสวียนอ้าวเวลาจะมีเพียงขั้นเจ็ดสุดยอด แต่ก็ได้ผลยอดเยี่ยมยิ่ง นับประสาอะไรกับที่จ้าวเฟิงมีอาวุธเทพระดับสุดยอดประเภทมิติอย่างชุดคลุมมิติ และยิ่งมีการเพิ่มพลังอย่างไร้รูปร่างจากเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน

“กระบี่เทพรวมศูนย์!” มือขวาที่ยกขึ้นสูงของจ้าวเฟิงสะบัดลงมาทันที กระบี่สีเงินเข้มขุ่นที่กว้างยาวใหญ่ยักษ์ฟาดฟันไปบนร่างของจอมเทพเสียหลิงอย่างแม่นยำอีกครั้ง เสี้ยววินาทีนั้น จอมเทพเสียหลิงรู้สึกว่าพลังในกายถูกดูดออกไปบ้างเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด

“พลังเทพของเจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พลังเทพเทียบได้กับครึ่งก้าวสู่จอมเทพ ทั้งยังแปลกประหลาดยิ่ง!”

แววตาของจอมเทพเสียหลิงเคร่งเครียด

ในตอนนี้เอง คลื่นพลังที่สยบฟ้าสะเทือนดินลอยเอ่อขึ้นข้างหลังจอมเทพเสียหลิง

เห็นเพียงลำแสงห้าสีที่ผสมปนเปกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าซินอู๋เหิน กฎเกณฑ์ล้ำลึกไร้เทียมทานที่แฝงอยู่ข้างในทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ตะวันผันจันทราเปลี่ยน

“แย่แล้ว เจ้าซินอู๋เหินนี่…”

จอมเทพเสียหลิงตื่นตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงเหตุการณ์นี้

เทียบกับความไม่ธรรมดาของจ้าวเฟิงแล้ว ซินอู๋เหินยิ่งทำให้จอมเทพเสียหลิงให้ความสำคัญมากกว่า

‘สถานการณ์ไม่สู้ดี ซินอู๋เหินร่วมมือกับจ้าวเฟิงก็เทียบเท่ากับจอมเทพทั่วไป หากยอดผู้อาวุโสเผ่าเทพยักษ์ฟื้นสภาพแล้วเข้าร่วมรบ…’

จอมเทพเสียหลิงคิดไตร่ตรอง รู้สึกว่าสถานการณ์รบไม่ส่งผลดีต่อเขา ถึงแม้เผชิญหน้ากับการร่วมมือของซินอู๋เหินและจ้าวเฟิง เขาก็ไม่เกรงกลัว แต่ยอดผู้อาวุโสของเผ่าเทพยักษ์คือผู้แข็งแกร่งในบรรดาขั้นหนึ่ง ขอเพียงแค่พลังบางส่วนฟื้นคืนมา สามคนร่วมมือก็สามารถควบคุมสนามต่อสู้ได้

ส่วนตำหนักวิญาณบรรพกาลฝั่งนี้ นอกจากเขาแล้ว แม้กระทั่งครึ่งก้าวสู่จอมเทพก็ไม่มีสักคน

“ถอย!” หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว จอมเทพเสียหลิงตัดสินใจเช่นนี้ทันที

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ผู้แข็งแกร่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลที่เหลือหนีไปโดยพลัน

“คิดหนีรึ?” จ้าวเฟิงและซินอู๋เหินรู้ถึงความตั้งใจของจอมเทพเสียหลิงทันที

จอมเทพเสียหลิงคนนี้ค่อนข้างระมัดระวังรอบคอบ พอเขาพบว่าสถานการณ์ไม่ดีก็เลือกถอยอย่างไม่ลังเล หากเปลี่ยนเป็นจอมเทพคนอื่น บางทีอาจจะไม่ยอมเสียเกียรติหลบหนีไป แต่เลือกที่จะฝืนสู้ เช่นนี้จะนำมาซึ่งการสูญเสียที่หนักขึ้น แพ้อย่างราบคาบยิ่งขึ้น

“ไป!” ซินอู๋เหินซัดลำแสงห้าสีที่อยู่ข้างหน้าออกไปทันที

พลังกฎเกณฑ์แข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในลำแสงห้าสีดูดซับพลังมหาศาลในฟ้าดินมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้มันเอง

ครืน! ลำแสงห้าสีทะยานมาปรากฏเบื้องหน้าจอมเทพเสียหลิงทันที ก่อนปลดปล่อยแรงกดดันหนักหน่วงออกมามหาศาล

“กระบวนท่านี้ไม่ธรรมดา!” จอมเทพเสียหลิงแววตาเคร่งเครียด

สร้อยคอกระดูกที่คอของเขาพลันส่องประกายแสงวูบวาบ ปล่อยคุกกระดูกมหึมาสีขาวเทาออกมาเป็นชั้นๆ เพื่อปกป้องเขาเอาไว้ข้างใน

ครืน ตูม ตูม! ลำแสงห้าสีโจมตีไปยังฟ้าดินบริเวณที่จอมเทพเสียหลิงอยู่

‘พลังของซินอู๋เหินแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแล้ว!’ จ้าวเฟิงรำพึงอย่างตกใจอยู่ในใจ

ซินอู๋เหินในตอนนี้แทบจะมีพลังของของจอมเทพขั้นหนึ่งเจ็ดแปดส่วนแล้ว เกรงว่าอีกไม่นานเท่าใด ซินอู๋เหินคงสามารถก้าวเข้าสู่จอมเทพได้

ครืน ฟิ้ว!

ในพายุคลั่งลำแสงห้าสี จอมเทพเสียหลิงที่ถูกคุกกระดูกล้อมเอาไว้ข้างในพุ่งทะยานออกไปทันที หนีไปยังที่ไกลๆ

“กระบี่เทพรวมศูนย์ พิฆาตคู่!” มืออีกข้างหนึ่งของจ้าวเฟิงก่อกระบี่สวรรค์ด้ามหนึ่งขึ้นมาเช่นกัน

ฟึ่บ ฟึ่บ! กระบี่เทพรวมศูนย์สองเล่มฟาดฟันออกมาทันใด

ฟันคุกกระดูกป้องกันที่ยับเยินไปนานแล้วจนแหลกละเอียด ทั้งยังทิ้งรอยแผลไว้บนร่างของจอมเทพเสียหลิงอีกสองแผล

“ความอัปยศในวันนี้ ข้าจอมเทพเสียหลิงจะเอาคืนเป็นสิบเท่า!”

จอมเทพเสียหลิงทิ้งเสียงเอาไว้ก่อนหายไปจากขอบฟ้า

“ต่อไปคือการตอบโต้ของตำหนักเทพยักษ์ เป็นเวลาที่พวกเจ้าต้องชดใช้!”

สายตาของซินอู๋เหินมองทอดไกลไปยังที่ที่จอมเทพเสียหลิงหลบหนี พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ

ซินอู๋เหินและจ้าวเฟิงสองคนร่วมมือกันโจมตีจอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาลจนล่าถอยไป

เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตะลึงอย่างใหญ่หลวงให้กับสมาชิกตำหนักเทพยักษ์ แต่แท้จริงแล้ว จอมเทพเสียหลิงหวาดระแวงยอดผู้อาวุโสถึงได้เลือกถอยไป หลังจากหลุดพ้นจากอันตราย ซินอู๋เหินก็นำคนตำหนักเทพยักษ์ทั้งหมดย้ายไปยังที่อื่น

ตำหนักเทพยักษ์ตอนนี้จำต้องพักฟื้น จากนั้นค่อยๆ พัฒนาต่อไป

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน สมาชิกตำหนักเทพยักษ์มาถึงยังพื้นที่อันตรายแห่งหนึ่ง อาศัยความสามารถของจอมเทพ เคลื่อนขุนเขาย้ายสมุทร เริ่มบุกเบิกแผ่นดินใหม่อีกครั้ง

วันนี้ ในโถงลับแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ใหม่ของเผ่าเทพยักษ์ ซินอู๋เหินนั่งอยู่บนนั้น

“ครั้งนี้พวกเราสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ ต้องขอบคุณการช่วยเหลือจากสหายจ้าว!” ซินอู๋เหินพูดขึ้นก่อน

ครั้งนี้ผู้นำระดับสูงคนอื่นๆ ที่นั่นไม่มีความเห็นใดๆ ต่อจ้าวเฟิงทั้งสิ้น กระทั่งนอบน้อม ยิ้มแย้มต้อนรับ แม้กระทั่งท่าทีของยอดผู้อาวุโสยังเปลี่ยนมาเป็นมิตรอย่างยิ่ง

ดูจากที่จ้าวเฟิงและซินอู๋เหินร่วมมือกันโจมตีจนจอมเทพเสียหลิงถอยไปแล้ว ความสำเร็จของจ้าวเฟิงถึงขั้นว่าไม่เป็นรองซินอู๋เหินในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ คบค้าสมาคมกับอัจฉริยะเช่นนี้ สำหรับตำหนักเทพยักษ์ในตอนนี้มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ

จากนั้น ซินอู๋เหินก็พูดถึงเรื่องที่เกิดในคลังสมบัติบรรพชนคร่าวๆ แต่เรื่องที่เกี่ยวกับอวี่เหิงกลับไม่พูดถึงแม้แต่คำเดียว

อวี่เหิงเป็นเผ่าความลับสวรรค์ หากให้เผ่าเทพยักษ์รู้ว่าตำหนักวิญญาณบรรพกาลไปมาหาสู่กับเผ่าความลับสวรรค์ นี่จะเป็นการกระทบกระเทือนที่หนักหน่วงอย่างไม่ต้องสงสัย

“ขอบคุณสหายน้อยจ้าวมากที่ช่วยเผ่าเทพยักษ์ของเราถึงเพียงนี้!” เผ่าเทพยักษ์หลายคนที่อยู่ที่นั่นยิ้มพูดขึ้น

เรื่องต่อไปก็คือวางแผนพัฒนาอนาคตของเผ่าเทพยักษ์

ครั้งนี้ผลเก็บเกี่ยวของพวกซินอู๋เหินมากมายและสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง หากใช้ให้ดีๆ จะสามารถทำให้เผ่าเทพยักษ์ผงาดขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ

สำหรับเนื้อหาเหล่านี้ จ้าวเฟิงไม่สนใจ จึงขอตัวออกมาก่อน

หลังจากออกมาจากตำหนักใหญ่แล้ว จ้าวเฟิงก็มาหาคุนอวิ๋นและหนานกงเซิ่ง

ก่อนศึกใหญ่ เขามอบไพ่ตายบางอย่างให้หนานกงเซิ่งและคุนอวิ๋น ทำให้พวกเขาทั้งสองมีชีวิตรอดต่อไปอย่างราบรื่น อีกทั้งหลังผ่านการฝึกฝนจากศึกใหญ่ครั้งนี้ พลังฝึกตนของพวกเขาทั้งสองยกระดับขึ้นอย่างมาก

“ไม่เจอกันไม่นานเท่าใด พลังของเจ้าก็ถึงระดับขึ้นนี้แล้ว…”

คุนอวิ๋นอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง

“ครั้งนี้สามารถรอดต่อไปได้ ขอบคุณความช่วยเหลือของเจ้ามาก!” คำพูดจาของหนานกงเซิ่งค่อนข้างน้อย

ในใจเขายังมองจ้าวเฟิงเป็นคู่แข่ง แต่พลังของจ้าวเฟิงในตอนนี้แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่เขายากจะไล่ตามทันแล้ว

หลังจากที่อยู่ในพื้นที่ใหม่ของเผ่าเทพยักษ์สามสี่วัน จ้าวเฟิงก็เอ่ยลา

ครั้งที่แล้ว หลังจากที่แอบจากเผ่าวิญญาณมาเงียบๆ ก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย

ตอนนี้ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้จ้าวหยูเฟยจะเป็นเช่นไรบ้าง

“สหายจ้าว ครั้งนี้ขอบคุณมาก!” ซินอู๋เหินเอ่ยอย่างซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง

ด้านข้าง ยอดผู้อาวุโสก็มาแล้วเช่นกัน เขามาส่งจ้าวเฟิงด้วยตนเอง

ในตอนที่จ้าวเฟิงมาในตอนแรก เขาต่อต้านจ้าวเฟิงเป็นอย่างยิ่ง กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะช่วยเผ่าเทพยักษ์ได้มหาศาลดั่งเช่นที่ซินอู๋เหินพูดไว้ ก่อนจาก ยอดผู้อาวุโสยังมอบอุปกรณ์โบยบินขนาดเล็กชิ้นหนึ่งให้กับจ้าวเฟิงเป็นพิเศษ

จากเขตดาราชาดไปยังเผ่าวิญญาณ เส้นทางไกลโพ้นทั้งยังน่าเบื่อหน่าย หากมีอุปกรณ์โบยบินก็จะดีขึ้น

ขวับ! เรือบินขนาดเล็กโบราณลำหนึ่งทะลุผ่านไป จ้าวเฟิงอยู่บนเส้นทางมุ่งหน้ากลับไปยังเผ่าวิญญาณ

เพิ่งเข้ามาในชุดคลุมมิติ จ้าวเฟิงก็พบสิ่งผิดปกติบางอย่าง

“นายท่าน ข้าบรรลุเทพโบราณขั้นเก้าแล้ว!” มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยอย่างยินดี

อีกทั้งทรัพยากรมหาศาลที่จ้าวเฟิงมอบให้มังกรวารีล้างโลกา เขาก็ใช้ไปเพียงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ต่อไปยังมีช่องว่างให้ยกระดับอีกมากมาย นอกจากนั้น มังกรวารีล้างโลกาในตอนนี้ไม่ใช่มังกรวารีอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นมังกรที่แท้จริง

ในตอนที่อยู่ในคลังสมบัติบรรพชน จ้าวเฟิงเจอ ‘เขามังกรแท้จริง’ ที่ช่วยให้มังกรวารีล้างโลกแปรสภาพขึ้นอีกขั้น จึงให้มู่กู่ช่วยเขาช่วงชิงมา

ก่อนหน้านี้ใช้เกล็ดเผ่ามังกรไป มังกรวารีล้างโลกาก็แทบจะมีสภาพครึ่งมังกรแท้จริง และหลังจากที่ใช้แก่นไอมังกรในเขามังกรแท้จริงแล้ว มังกรวารีล้างโลกาก็แปรสภาพเป็นมังกรแท้จริงอย่างสมบูรณ์

เมื่อกลายเป็นมังกรแท้จริง พรสวรรค์และศักยภาพของมังการวารีล้างโลกาจึงได้รับการปรับปรุงยกระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่ง

ต่อมาจ้าวเฟิงก็มองไปยังคนอื่นๆ จ้าวหวางถึงขั้นแปดสุดยอด จ้าววั่นก้าวเข้าสู่ขั้นเก้า ส่วนผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตทะลวงถึงขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ สำหรับคนเหล่านี้ จ้าวเฟิงไม่ได้แสดงทีท่าพอใจอะไร หลังจากกำชับอยู่สองสามประโยคก็เริ่มฝึกฝนตัวเอง

ก่อนอื่น จ้าวเฟิงวางแผนสร้างร่างแยกร่างที่สี่ขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ได้เนตรมิติที่ใกล้เคียงระดับเนตรปฐมเทพจากซากเทพปีศาจดวงตามาคู่หนึ่ง หากร่างแยกร่างที่สี่สามารถควบคุมดวงตาคู่นี้ได้ จะช่วยเหลือจ้าวเฟิงได้มากอย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่ถึงหนึ่งเดือน จ้าวเฟิงก็แยกวิญญาณสำเร็จ อีกทั้งพลังวิญญาณของร่างแยกร่างที่สี่ยังสูงถึงขั้นเก้า

สำหรับร่างกายของร่างแยกร่างที่สี่ จ้าวเฟิงเตรียมเอาไว้นานแล้ว ในตอนที่ฟื้นคืนชีพต้นไม้แห่งกาลเวลา จ้าวเฟิงเก็บกิ่งไม้มากิ่งหนึ่ง เวลาต่อมาเขาก็ใช้เนตรเทพลอกแบบกิ่งไม้กิ่งนี้ จนจำนวนของมันสามารถสร้างกายเทพที่ไม่เลวมาได้ร่างหนึ่ง

ในขณะเดียวกับที่ลอกแบบ จ้าวเฟิงก็แยกความคิดส่วนหนึ่งออกมาฝึกฝนกระบี่เทพรวมศูนย์

กระบี่เทพรวมศูนย์คือเคล็ดวิชาแข็งแกร่งใน ‘พลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ขั้นสี่ ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงเพียงแค่เริ่มศึกษาเท่านั้น ไม่ได้ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์

ในด้านพลัง กระบี่เทพรวมศูนย์แข็งแกร่งกว่าหมัดเทพรวมศูนย์ไม่ใช่เพียงแค่ขั้นเดียวเท่านั้น อีกทั้งการควบคุมกระบี่เทพรวมศูนย์ก็ยิ่งคล่องมือ สู้ได้ทั้งในระยะประชิดและระยะไกล

ในเวลาเดียวกับที่ฝึกฝนพลังเทพรวมศูนย์ พลังเสวียนอ้าวทุกๆ ด้านของจ้าวเฟิงก็ค่อยๆ สะสมยกระดับขึ้น ไม่ถึงครึ่งปีจ้าวเฟิงก็สามารถควบคุมพลังเทพรวมศูนย์ได้อย่างสมบูรณ์ การพัฒนาของพลังเสวียนอ้าวก็ทำให้พลังของกระบี่เทพรวมศูนย์เพิ่มมากขึ้นอีก

“พลังเทพรวมศูนย์แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากสามารถใช้กับวิชาดวงตาได้…”

หลังจากเกิดความคิดนี้ขึ้น จ้าวเฟิงก็เริ่มทดลองดู

หากสามารถผสานพลังเทพรวมศูนย์ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เข้าไปในวิชาดวงตาได้ พลังจะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!