บทที่ 1425 รับมือจอมเทพ
“สังหารมันเสีย!” แววตาผู้อาวุโสเผ่าเปลวทองคมปลาบ
ตอนนี้พลังฝึกตนและพลังแท้จริงของผู้อาวุโสสองอ่อนแอ เป็นโอกาสดีที่จะกำจัดอีกฝ่าย ขอแค่จัดการจอมเทพได้คนหนึ่ง ก็จะรู้ผลแพ้ชนะในศึกครั้งนี้
“แย่ล่ะ…” จอมเทพเผ่าพันธุ์วิญญาณสามคนใบหน้าเคร่งเครียด พยายามคิดหาวิธีรับมือ แต่เผ่าเปลวทองไหนเลยจะให้เวลาพวกเขา
ครืน ครืน ครืน!
ทันใดนั้นเอง แสงเพลิงทองที่ไม่สิ้นสุดกระจายตัวปกคลุม ประหนึ่งทะเลเพลิงโหมซัดไปยังยังสามจอมเทพจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ
ตู้ม! สามจอมเทพจากเผ่าพันธุ์วิญญาณร่วมมือกันป้องกัน แต่ยังคงถูกเผ่าเปลวทองจู่โจมจนล่าถอย
ในกลุ่มนั้น สีหน้าผู้อาวุโสที่สองย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด เขาพบว่าในทุกครั้งที่ใช้พลัง ตนจะอ่อนแอเร็วยิ่งขึ้น
สนามรบของจอมเทพเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ย่อมดึงดูดความสนใจจากคนทั้งสองฝ่าย
“จอมเทพเผ่าเปลวทองเอาชนะจอมเทพเผ่าพันธุ์วิญญาณได้แล้ว!”
“ดูๆ ไปแล้วผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณช่างอ่อนแอเสียจริง!”
สมาชิกเผ่าเปลวทองที่เดิมทีหมดอาลัยตายอยาก มองเห็นความหวังขึ้นมาทันที เมื่อย้อนมองทางเผ่าพันธุ์วิญญาณ ทั้งหมดชะงักค้างอยู่กับที่ ใจสั่นระรัว
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”
เทพโบราณหยวนเหยาเผยสีหน้าตื่นตะลึง
ในตอนที่พวกเขาคิดว่าจะได้ชัยชนะแล้ว ไม่รู้ว่าจอมเทพจากเผ่าเปลวทองใช้วิธีอะไร ถึงทำให้จอมเทพเผ่าพันธุ์วิญญาณถอยร่นมา ดูท่าทางแล้ว อาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสที่สองค่อนข้างหนักหนา เกรงว่าคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมเทพจากเผ่าเปลวทองอีกแล้ว
“พวกเราต้องไปช่วยผู้อาวุโสที่สอง!” ผู้อาวุโสที่สามเอ่ยด้วยสายตาแน่วแน่
ผลแพ้ชนะของระดับจอมเทพ มีผลอย่างยิ่งกับสถานการณ์การรบ ทันทีที่ผู้อาวุโสสองพ่ายแพ้ เรื่องทั้งหมดก็จะจบลง
การตัดสินใจของผู้อาวุโสที่สามได้รับการเห็นชอบจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ การรบของขั้นจอมเทพจะพ่ายแพ้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้สงครามฝั่งคนระดับกลางและสูงในเผ่าพันธุ์วิญญาณเริ่มแน่นอนแล้ว โยกย้ายกำลังรบส่วนหนึ่งไปที่สนามรบจอมเทพก็ไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่าง ผู้แข็งแกร่งอย่างจ้าวเฟิงย่อมเป็นหนึ่งในกำลังช่วยรับมือกับจอมเทพได้
“พวกฝูงมดปลวก มารนหาที่ตาย!” จอมเทพหั่วอวิ๋นหัวเราะเยาะอย่างอดไม่ได้
“ผู้อาวุที่สอง พวกเรามาช่วยท่านแล้ว!”
ผู้อาวุโสที่สามนำคนจำนวนสิบกว่าคนมาถึงข้างกายผู้อาวุโสที่สอง
ในบรรดาคนพวกนี้ นอกจากผู้อาวุโสที่สามแล้ว ยังมีครึ่งก้าวสู่จอมเทพอีกหนึ่งคน ทั้งสองคนเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพของเผ่าพันธุ์วิญญาณ คนอื่นที่เหลือเป็นขั้นเก้าสุดยอดทั้งหมด
“ได้!” สีหน้าผู้อาวุโสที่สองทุกข์ทรมาน
“หั่วอวิ๋น สังหารเจ้าเด็กนั่นเสีย!”
ผู้อาวุโสเผ่าเปลวทองส่งเสียงบอก
เมื่อครู่จ้าวเฟิงล่าสังหารเผ่าเปลวทองด้านล่าง ขนาดจอมเทพยังตื่นตระหนก ถึงกระทั่งอาวุโสเผ่าเปลวทองยังอยากจะสังหารจ้าวเฟิงด้วยตนเอง แต่ในตอนนี้ จ้าวเฟิงเป็นฝ่ายเข้าร่วมรบกับจอมเทพ เป็นโอกาสอันดีที่จะสังหารเขา
“เรื่องนี้ไม่ต้องรอให้เจ้าบอก ข้าเองก็รู้”
จอมเทพหั่วอวิ๋นหัวเราะชั่วร้าย
โครม! พริบตานั้น บนร่างจอมเทพหั่วอวิ๋นปะทุเพลิงหมื่นจั้ง จนกลายเป็นประหนึ่งดวงอาทิตย์เพลิงทอง สาดคลื่นเพลิงที่ไม่สิ้นสุดออกมา เพลิงสีทองร้อนระอุกลายเป็นมือขนาดยักษ์มากมายในทันที แล้วบดขยี้ไปด้านหน้า พลังที่พลิกฟ้ามหาสมุทรนั้นทำให้เทพโบราณขั้นเก้าสุดยอดหลายคนรู้สึกหายใจติดขัด ดุจร่างกายถูกหลอมละลาย และวินาทีนี้เอง ผู้อาวุโสที่สองและผู้อาวุโสที่สามพากันก้าวออกมา ปลดปล่อยพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่อ่อนจาง ลดทอนพลังจอมเทพลงไป
“กระบี่วิญญาณสวรรค์!” คนในเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เหลือพากันกระตุ้นสายเลือด โดยมีผู้อาวุโสที่สามเป็นจุดศูนย์กลาง
ในวินาทีนั้น สายเลือดหลากสีสันสะท้อนแสงพร่างพราวออกมา แช่แข็งอากาศ ก่อนเกาะกลุ่มกันเป็นกระบี่ผลึกระลอกแสงห้าสีเล่มหนึ่งในพริบตา
เปรี๊ยะ! กระบี่ผลึกหลากสีพุ่งออกมาตามการควบคุมของผู้อาวุโสที่สาม
นี่คือเคล็ดวิชาลับสายเลือดของเผ่าพันธุ์วิญญาณ จากการร่วมมือกันของทุกฝ่าย ใช้สายเลือดเปลี่ยนอากาศให้กลายเป็นผลึก ไม่เพียงแต่สามารถสร้าง ‘กำแผงผลึกวิญญาณสวรรค์’ ซึ่งเป็นชั้นป้องกันได้ทันใด ยังสร้างการโจมตีอย่าง ‘กระบี่วิญญาณสวรรค์’ ได้
โครม ฟุ่บ ฟุ่บ~
กระบี่ผลึกหลากสีหอบพลังเทพและสายเลือดที่น่ากลัวพุ่งออกมา ทำลายหัตถ์เพลิงยักษ์ที่เผาไหม้สรรพสิ่งรายทางจนแหลกละเอียด
“ไม่เสียทีที่เป็นเคล็ดวิชาสายเลือดของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!”
จ้าวเฟิงจ้องเขม็ง
‘กระบี่วิญญาณสวรรค์’ ที่เกิดจากผู้อาวุโสสาม แทบจะสามารถสังหารครึ่งก้าวสู่จอมเทพได้ทันที และคุกคามจอมเทพทั่วไปได้
“เหอะ ก็แค่ฝูงคนวุ่นวายเท่านั้น!” มุมปากจอมเทพหั่วอวิ๋นเผยยิ้มน้อยๆ ค้อนยักษ์ส่องแสงสีทองแวววาวปรากฏขึ้นในมือ ลวดลายสัตว์อสูรหลายประเภทสลักด้านบนนั้น สาดซัดกลิ่นอายกดดันที่น่ากลัวออกมา
เมื่อโคจรพลังเทพแล้ว เขาฟาดค้อนลงบน ‘กระบี่วิญญาณสวรรค์’ ที่ผู้อาวุโสสามควบคุมไว้ทันที
โครม ตูม! วินาทีต่อมา กระบี่ผลึกหลากสีถูกจอมเทพหั่วอวิ๋นกระแทกจนลอยละลิ่ว ด้านบนมีเสียงปริร้าวดังออกมา
“แข็งแกร่งเหลือเกิน!” ร่างผู้อาวุโสที่สามสั่นเทิ้ม เลือดไหลออกจากมุมปาก
ถึงแม้เคล็ดวิชาสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อต้องรับแรงโจมตีทรงพลังจากจอมเทพของเผ่าเปลวทอง ก็ยังดูลำบากอยู่บ้าง
อีกด้านหนึ่ง ขณะฝั่งจอมเทพหั่วอวิ๋นต้านทานการโจมตีของพวกผู้อาวุโสที่สามอยู่ ผู้อาวุโสที่สองและจ้าวเฟิงก็ปลดปล่อยการโจมตีออกมาพร้อมกัน
วูบ วูบ! ดาบโค้งสีขาวปรากฏขึ้นในมือผู้อาวุโสที่สอง เมื่อกวัดแกว่งเบาๆ ก็เกิดพายุคลั่งจำนวนนับไม่ถ้วน
“พายุผลึก!” ผู้อาวุโสที่สองรวบรวมพลังเทพในสายเลือด ฟันคมดาบผลึกขนาดมหึมาสายหนึ่งไปที่จอมเทพหั่วอวิ๋นทันใด
ในเวลาเดียวกัน พลังจากกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ในมือจ้าวเฟิงก็เพิ่มพุ่งพรวด แล้วจึงฟันคมแสงกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ออกมา
“ฮี่ๆ จอมเทพที่พลังลดลงมากกับเทพโบราณขั้นเก้าสุดยอด คิดว่าจะทำอะไรข้าได้?
จอมเทพหั่วอวิ๋นเหวี่ยงค้อนยักษ์สีทอง
พริบตานั้น คลื่นเพลิงกระจายเต็มฟ้า อสูรเพลิงยักษ์ที่รวมตัวเป็นรูปธรรมสองตัวทะยานออกมาจากด้านใน ทำลายคมดาบผลึกขาวของผู้อาวุโสที่สองแหลกละเอียดไปทันที
“กฎเกณฑ์เวลา!” จ้าวเฟิงบอกเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนบนร่าง ยืมพลังกฎเกณฑ์เวลาเสี้ยวหนึ่งมาใช้
เสวียนอ้าวเวลาแข็งแกร่งอย่างยิ่งในบรรดาเสวียนอ้าวด้วยกัน และเสวียนอ้าวเวลายังสามารถกดข่มหมื่นสรรพสิ่งได้ จ้าวเฟิงผสานพลังเสวียนอ้าวของตนและกฎเกณฑ์เสวียนอ้าวที่หยิบยืมมาเป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนจะปลดปล่อยมันออกมา ในวินาทีต่อมา อสูรยักษ์เพลิงที่พุ่งมาหาเขา ความเร็วลดลงทันใด
จ้าวเฟิงฉวยโอกาสนี้ ส่งคมกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ออกมาหลายสายอีกครั้ง
เปรี๊ยะ~ คมกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์รวดเร็วอย่างประหลาดนัก เพราะด้านบนนั้นมีพลังของกฎเกณฑ์เวลาอยู่เสี้ยวหนึ่ง
จอมเทพหั่วอวิ๋นคิดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าจ้าวเฟิงจะต้านทานการโจมตีของเขาได้
ในตอนที่เขารู้ตัว การโจมตีของจ้าวเฟิงก็เข้ามาปะทะร่างเขาแล้ว
ตูม โครม! คมกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ปะทะลงบนกายเทพของจอมเทพหั่วอวิ๋น บนร่างทองโปร่งแสงมีรอยไหม้ดำปรากฏขึ้นรอยหนึ่ง
“รนหาที่ตาย!” จอมเทพหั่วอวิ๋นบันดาลโทสะ เหมือนภูเขาไฟระเบิดปะทุ ทะยานมาด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ไม่สิ้นสุด สั่นสะเทือนทั่วฟ้าดิน
ไกลออกไป จ้าวเฟิงที่คลุมชุดคลุมมิติเอาไว้รู้สึกร้อนราวโดนไฟแผดเผา
ฟุ่บ!
หลังจากโจมตีสำเร็จ จ้าวเฟิงถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน!” จอมเทพหั่วอวิ๋นถูกจ้าวเฟิงยั่วยุโทสะ เร่งตรงไปสังหารฝ่ายตรงข้าม
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ผู้อาวุโสที่สองจึงฟันดาบโค้งติดต่อกัน
จ้าวเฟิงมีบทบาทไม่ธรรมดาในสนามรบครั้งนี้ จะปล่อยให้ตายไปเช่นนี้ได้อย่างไร
อีกฟากหนึ่ง
“แย่ล่ะ!” ผู้อาวุโสสามแค่นเสียงต่ำ แล้วจึงกระตุ้นสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างบ้าคลั่ง รอบบริเวณเกาะกลุ่มกันเป็นผลึกสีขาวจำนวนมากขึ้นอีกครั้ง ผลึกขาวที่เกาะกลุ่มกันขึ้นมาใหม่ตรงดิ่งไปยังกระบี่ผลึกหลากสี จัดการซ่อมแซมรอยร้าวด้านบนนั้น และทำให้พลังยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ฟุ่บ! กระบี่ผลึกหลากสีโจมตีจอมเทพหั่วอวิ๋นอีกครา
“บัดซบ!” เมื่อรู้สึกถึงการโจมตีรุนแรงจากด้านหลัง จอมเทพหั่วอวิ๋นจำต้องหยุดชะงักไปอย่างเสียไม่ได้
ถึงแม้พลังของผู้อาวุโสที่สองจะลดลง แต่ยังคงปลดปล่อยกำลังรบเหนือกว่าครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั่วๆ ไปมากนัก ผู้อาวุโสที่สามอีกด้านหนึ่งสำแดงการโจมตีเคล็ดวิชาสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ ทรงพลังยิ่งกว่าผู้อาวุโสที่สองผู้อ่อนแอ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจัดการพวกเจ้าก่อนแล้วกัน!” จอมเทพหั่วอวิ๋นมีสีหน้าโมโหโกรธา
หากพูดถึงเรื่องความเร็ว จ้าวเฟิงเร็วกว่าผู้อาวุโสที่สองซึ่งอ่อนแรงแล้ว ส่วนพวกผู้อาวุโสที่สามสำแดงเคล็ดวิชาสายเลือด การเคลื่อนที่จึงยิ่งลำบาก
“อสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆา!” สองมือจอมเทพหั่วอวิ๋นกำค้อนทอง ส่งพลังเทพสายเลือดมหาศาลเข้าไปภายใน ทันใดนั้นเอง ค้อนยักษ์สีทองระเบิดเมฆแสงเพลิงหมุนตลบออกมา
เมื่อค้อนดังกล่าวระเบิด กลุ่มเมฆแสงขนาดใหญ่ก็กลายเป็นอสูรเพลิงตัวเขื่องทันทีอสูรเพลิงตัวนั้นมีกายเนื้อสมจริงอย่างยิ่ง มันขู่คำรามเสียงดัง คลื่นเพลิงร้อนสะเทือนฟ้าดิน การโจมตีบางส่วนของผู้อาวุโสที่สองสลายหายไปในทันที
โครม! หลังจากที่อสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆาคำรามเสียงดัง ก็กระโจนออกมาทันใด มันแยกเขียวเพลิงทอง เข้าปะทะกับการโจมตีของกลุ่มผู้อาวุโสที่สองและสามอย่างจัง
ในวินาทีนั้น ผู้อาวุโสที่สองส่งคมดาบสีขาววาววับจำนวนมากออกมา กระบี่ผลึกของพวกผู้อาวุโสที่สามก็หลุดออกเป็นเศษชิ้นส่วน เมื่อหันกลับมามองทางอสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆา ขนาดตัวมันยิ่งขยายใหญ่ขึ้น พลานุภาพเขย่าขวัญ เสียงคำรามดังสนั่น อสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆาสาดซัดเศษชิ้นส่วนทั้งหมดไปยังผู้อาวุโสที่สองและสาม
“ไม่ดีแล้ว!” ผู้อาวุโสที่สามกระอักเลือดออกมากองใหญ่ ใบหน้าซีดเผือดยิ่งนัก
เดิมทีตัวเขาเองก็มีอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว แล้วเมื่อครู่ยังกระตุ้นเคล็ดวิชาสายเลือดมากจนเกินไป ทำให้ตอนนี้บาดเจ็บหนักกว่าเดิม
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้เอง ผู้อาวุโสที่สองยื่นมือ หยิบเอามุกผลึกสีขาวเม็ดหนึ่งออกมา ภายในมีพายุผลึกจับตัวแข็ง
แกรก! ผู้อาวุโสที่สองตบมุกผลึกสีขาวจนแหลกละเอียด
ในวินาทีนั้นเอง ระลอกกฎเกณฑ์สายลมที่แกร่งกล้าก็กระเพื่อมออกมา ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทำให้จอมเทพสี่คนที่สู้รบอยู่ ณ ที่ไกลๆ หันมอง
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ! มังกรผลึกขนาดยักษ์ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พลานุภาพสะเทือนฟ้าดิน กระทั่งอสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆายังได้รับผลกระทบน้อยๆ
โครม! มังกรตัวใหญ่สีขาวพุ่งโจมตีมา ปะทะเข้ากับอสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆา มังกรยักษ์เกิดจากพลังเทพผสมผสานกฎเกณฑ์สายลม โอบรัดสังหารอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานเท่าไหร่นัก อสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆาก็ถูกรัดจนแหลกละเอียด
สีหน้าจอมเทพหั่วอวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ถึงแม้พลังของผู้อาวุโสที่สองจะค่อยๆ ถดถอยลงไป แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังคงเป็นจอมเทพ ย่อมต้องมีไพ่ตายช่วยให้รอดชีวิตบางอย่าง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวขนาดนี้ สีหน้าจอมเทพหั่วอวิ๋นจึงหนักอึ้ง ก่อนจะกระตุ้นการป้องกันร่างกาย
ทันใดนั้นเอง ริ้วลายเพลิงบนร่างเปล่งระลอกแสงสีทองสุกสว่างมากยิ่งขึ้น แรงกดดันของร่างเพลิงพลันปะทุกระจาย
ตูม! จอมเทพหั่วอวิ๋นกระตุ้นการป้องกันร่างกาย และกระตุ้นค้อนทองในมือให้ปล่อยการโจมตีออกมา
ในวินาทีนี้ การป้องกันและร่างกายของเขาล้วนแตะสภาวะสุดยอด
โครม ตูม! ทั้งสองปะทะเข้าหากัน พายุเพลิงกระเทือนฟ้าดิน
ในวินาทีต่อมา กลิ่นอายเพลิงร้อนระอุปะทุขึ้นฟ้า ทำลายพลังกฎเกณฑ์สายลมให้สลายตัวไป จากนั้น ร่างของจอมเทพหั่วอวิ๋นก็พุ่งออกมา ถึงแม้ร่างกายจะมีร่องรอยของบาดแผลมากมาย แต่ดูแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก
ไกลออกไป มุมปากเขามีเลือดไหลออกมา ต้องถอยร่นไปอย่างเสียไม่ได้ ด้วยพลังที่อ่อนแอของเขา กระตุ้นไพ่ตายเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ส่งผลกระทบให้พลังของเขาถดถอยอย่างรวดเร็ว จนไม่มีแรงจะยื่นมือเข้าไปยุ่งกับการรบของจอมเทพได้อีก
อีกฝากหนึ่ง สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของพวกอาวุโสที่สามถูกใช้มากเกินไป และก็อ่อนแออย่างมาก
“เจ้าหนุ่ม ครั้งนี้ใครจะมาช่วยเจ้าได้?” จอมเทพหั่วอวิ๋นปรายตามองผู้อาวุโสสองและสาม ก่อนจะไปสังหารจ้าวเฟิงก่อน
อย่างไรเสีย ผู้อาวุโสที่สองและสามก็สูญเสียกำลังรบไปชั่วขณะ ไม่ได้มีผลอะไรมากนักแล้ว
ฟิ้ว ตูม! ฟ้าดินร้อนระอุเป็นที่สุด พลังเสวียนอ้าวที่เหลือค่อยๆ หลุดลอยไปจนไร้ร่องรอย
พลังเสวียนอ้าวสายฟ้า ทอง และลม ไม่สามารถสำแดงพลานุภาพออกมาได้ จ้าวเฟิงจึงเชื่องช้าลงอย่างรวดเร็ว
โครม! คลื่นเพลิงไร้จุดสิ้นสุดที่จอมเทพหั่วอวิ๋นเรียกมาพุ่งประชิดมาจากด้านหลัง
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ กผู้อาวุโสที่สองและสามซึ่งกำลังถอยร่นไป ใบหน้าฉายแววแบกรับไม่ไหว
“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจอมเทพ ความเร็วสูงสุดของข้าก็ยังไร้ประโยชน์!”
แววตาจ้าวเฟิงเคร่งขรึมลง
ตอนนี้จอมเทพหั่วอวิ๋นกำลังไล่ตามมา เขาไม่สามารถหลบซ่อนและเก็บงำพลังเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
วู้ม! ฉับพลันนั้น พลังเวลาสีขาวที่แปลกประหลาดก็แผ่พวยพุ่งออกจากร่างของจ้าวเฟิง