บทที่ 580 ทำให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เสียหน้า 6
ถึงแม้เชียนหลิงอวี่จะอายุน้อยและไร้เดียงสาไปบ้าง แต่ก็ไม่โง่ “ที่เจ้าจะพูดคือไอ้สารเลวเชียนหลิงเทียนผู้นั้น…”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า “มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนที่เขาจะเป็นผู้เล่นเล่ห์”
เชียนหลิงอวี่ประหนึ่งฟ้าผ่า สองมือกำแน่น “ข้าปฏิบัติต่อเขาอย่างดีมาโดยตลอด เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้กับข้า?”
“เพราะเจ้าเป็นทายาทสายหลัก เพราะเจ้าเป็นยอดอัจฉริยะ แต่เขาไม่ใช่…”
“เขา…อันที่จริงพลังวิญญาณพื้นฐานของเขาก็ไม่เลว นับว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของตระกูลเฟิงเช่นกัน สมัยก่อนยามตรวจพบว่าเขามีพลังวิญญาณขั้นห้าตอนกลาง ตระกูลเฟิงยังเฉลิมฉลองให้เขาตั้งหนึ่งวัน เจ้าบ้านสกุลเฟิงยังบอกเลยว่าต้องอบรมเลี้ยงดูเขาให้ดี”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ “แต่เจ้าก็ล้ำหน้าเขาทันทีที่ถือกำเนิดมิใช่หรือ?”
เชียนหลิงอวี่เงียบงัน
น้ำเสียงกู้ซีจิ่วเยือกเย็นเรียบเรื่อย “หากเขาเป็นคนธรรมดา ย่อมไม่คิดริษยาเจ้า เพราะเจ้าสูงส่งเกินไป เขาเลยรริษยาไม่ลง อาจจะเคารพเจ้าอย่างแท้จริงด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะเขาก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน ดังนั้นถึงได้ริษยาเจ้าที่สูงส่งกว่าเขาก้าวหนึ่ง เขาคิดว่าเจ้าแย่งชิงความโดดเด่นของเขาไป แสงของเจ้าบดบังเขาจนมิด ทำให้ เขาเชิดหน้าขึ้นมาไม่ได้”
เชียนหลิงอวี่เบิกตากว้าง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเด็ก ไม่รู้ถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของคนผู้นี้้
ไม่รู้ว่าจิตใจริษยาของผู้คนเมื่อบ่มเพาะจนถึงที่สุดน่ากลัวเพียงใด
ไม่ทราบว่าคนที่ปองร้ายเจ้า เล่นงานเจ้าจากด้านหลัง เป็นสุนัขในรางหญ้าและคิดจะลากเจ้าลงสู่โคลนตมคือคนที่อยู่ข้างกายเจ้ามาตลอด…
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงแผนการนี้ของเชียนหลิงเทียนเลย แผนการนี้เอื้อประโยชน์ต่อเขาอย่างยิ่ง ย่อมทุ่มเทกำลังอย่างสุดความสามารถยิ่งกว่าเดิม
บนโลกนี้มิใช่ว่าคนทั้งหลายจะเป็นอย่างเชียนหลิงเทียน แต่คนประเภทนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย!
เชียนหลิงอวี่เอ่ยงึมงำ “ไม่ใช่ข้าไม่ปล่อยให้เขาเชิดหน้าขึ้นมาเสียหน่อย เดิมทีตอนเขาเข้าชั้นเรียนเมฆาคล้อยก็พอถูๆ ไถๆ เท่านั้น เป็นข้าที่แอบช่วยเหลือเขา วิชายุทธ์ที่ได้เรียนในชั้นเรียนเมฆาม่วง ข้าก็นำมาสอนให้เขาทั้งสิ้น ซ้ำยังเจือจานหินวิญญาณให้เขาไว้ซื้อโอสถวิญญาณ…เมื่อก่อนข้าปฏิบัติต่อเขาดังพี่ น้องมาตลอด เขาถูกรังแกที่ชั้นเรียนเมฆาคล้อย ข้ายังวิ่งไปออกหน้าให้เขาอยู่เลย…”
เขาคิดว่าตัวเองไม่มีตรงไหนที่ ผิดต่อเชียนหลิงเทียนเลยสักนิด นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับเป็นหมาป่าตัวหนึ่ง…
หลังจากเชียนหลิงเทียนรุ่งโรจน์ก็ไม่ดีกับเขา จงใจข่มเหงเขา เขาก็คิดเพียงว่าคนผู้นี้นิสัยเสีย พอเรืองอำนาจก็กำเริบเสิบสานยิ่งขึ้น
ไม่เคยคิดเลยว่าเหตุผลที่ตนถูกธาตุไฟเข้าแทรกจะเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้โดยตรง!
“เชียนหลิงอวี่ รับปากข้าเรื่องหนึ่ง” จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เอ่ยขึ้นมา
“อะไร?”
“หลายวันนี้เจ้าพยายามเงียบให้มากที่สุด โดยเฉพาะที่ตลาดผีในอีกสามวันให้หลัง เจ้ายิ่งไม่อาจเผยท่าทีให้เขาสงสัยได้ แม้ว่าอยู่ที่นั่นเขาจะจำพวกเราได้ เจ้าก็อย่าให้เขามองออกว่าเจ้าจำเขาได้ มิเช่นนั้นเกรงว่าเรื่องที่จะรักษาเจ้า คงสูญเปล่า ทำได้หรือ ไม่?”
เชียนหลิงอวี่สูดลมหายใจเข้า ลึกๆ ตอบว่า “ได้!”
มุมปากกู้ซีจิ่วยกขึ้นบางๆ
ถึงอย่างไรเชียนหลิงอวี่ก็เป็นเด็กคนหนึ่ง เมื่อทราบความจริงแล้ว จะไม่แสดงอารมณ์เลยสักนิดคงเป็นไปไม่ได้ จะต้องเผยร่องรอยบางอย่างต่อสายตาผู้ที่ใส่ใจแน่นอน
เพียงแต่ ที่นางต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้
นี่ เรียกว่า…สะเทือนภูผาสั่นคลอนพยัคฆ์[1]
….
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองวันแล้ว
สองวันมานี้เชียนหลิงเทียนส่งคนไปสอบถามเชียนหลิงอวี่อย่างจงใจและมิจงใจ คิดจะถามว่าที่แท้แล้วกู้ซีจิ่วรักษาเขาอย่างไรกันแน่
แต่ปากของเชียนหลิงอวี่ปิดสนิทยิ่งกว่าฝาหอยเสียอีก ไม่พูดอะไรทั้งนั้น
ทำให้เชียนหลิงเทียนว้าวุ่นใจกว่าเก่า เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นเขาไม่แสดงท่าทีใด แต่พอตกกลางคืนไร้ผู้คน เขาร้อนรนอยู่ในห้องตน
ดั่งหนูติดจั่น จะลุกจะนั่งก็ไม่สงบ
นอกหน้าต่าง กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มองเงาร่างคนในหน้าต่างบานนั้นผุดลุกผุดนั่งมาซักพักแล้ว มุมปากยกขึ้นเป็น
รอยยิ้มเย้ยหยัน