Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 712

บทที่ 712 เจ้านับเป็นตัวอะไรกัน?

ดังนั้นตอนที่เขาอุ้มกู้ซีจิ่วเข้าไปพวกกู่ฉานโม่จึงกังวลยิ่งนัก เกรงว่ายามที่เขาออกมาคนที่อุ้มจะสิ้นชีพแล้ว ต่อมาเมื่อหลงซือเย่ตามเข้าไปพวกเขาถึงได้วางใจ

แต่หลงซือเย่เข้าไปอย่างรวดเร็ว และออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากออกมาก็ราวกับเป็นใบ้ไม่พูดไม่จาเลยสักคำ เพียงเม้มปากรออยู่ตรงนั้น

รอคอยอยู่ครู่หนึ่งตี้ฝูอีก็ออกมา ฝูงชนที่เป็นเดือดเป็นร้อนอยู่กำลังจะล้อมวงไถ่ถาม เขากลับไม่สนใจเลย หลงซือเย่คิดจะพุ่งเข้าไปดู ทว่าถูกเขายึดแขนเสื้อขัดขวางไว้ และไม่ทราบว่าเขาถ่ายทอดกระแสเสียงอันใดใหหลงซือเย่ จึงได้เห็นเขาจ้องมองเขาอย่างชิงชังครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่เข้าไปดูอาการคน และสั่งการให้หลานไว่หูที่รออยู่ข้างประตูเข้าไปดูแลคน…

ตี้ฝูอีไม่สนใจคนกลุ่มนี้อีก พาลูกน้องตนจากไปปานลมหอบหนึ่ง

พวกกู่ฉานโม่มองหน้ากัน ดูเหมือนท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้จะคนใหม่คนเก่าล้วนต้องการทั้งสิ้น ยามนี้ในที่สุดก็นึกถึงอวิ๋นชิงหลัวขึ้นมาแล้ว…

….

ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ในด้านของปัจจัยสี่ศิษย์ทั้งหมดของชั้นเรียนเมฆาม่วงได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน

ที่พักของอวิ๋นชิงหลัวก็ไม่ต่างจากศิษย์หญิงชั้นเรียนเมฆาม่วงคนอื่นๆ ล้วน มีเรือนเล็กเป็นส่วนตัว นางเฉลียวฉลาดปราดเปรียว ในลานปลูกสมุนไพรไม้ดอกไม้ประดับ ถึงขั้นจัดวางหินผาชิ้นหนึ่งไว้ในลานด้วย เถาวัลย์เกาะเกี่ยวบนหินผา บนเถาวัลย์มีบุปผาแย้มบาน มีผลสีแดงคล้ายถั่วปะการัง นางจัดแจงเรือนเล็กหลังนี้ได้ยอดเยี่ยมนัก จากถ้อยคำของมู่เฟิงผู้เคยมาที่นี่ รูปแบบการตกแต่งของที่นี่มีรูปแบบคล้ายคลึงกับวังค้ำนภาของท่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย

อวิ๋นชิงหลัวคิดมาตลอดว่าหากวันหนึ่งท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาที่สำนึกศึกษาชุมนุมสวรรค์ และสามารถมาเดินชมเรือนนี้ของนางได้ จะต้องทราบถึงความทุ่มเทของนางเป็นแน่

ยามนี้นางนอนอยู่บนเตียงของตนเอง ถึงแม้กระดูกซี่โครงจะเชื่อมประสานกันแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการบาดเจ็บจากกระดูกหัก เลยยังปวดอยู่มาก ต่อให้นางใช้พลังวิญญาณเยียวยาอยู่ตลอด ถ้าอยากจะฟื้นฟูก็ต้องนอนนิ่งสองวัน…

โดยทั่วไปแล้ว นางมีมนุษยสัมพันธ์ค่อนข้างดี มีสหายที่คบหากันได้ไม่เลวอยู่หลายคน ปกติแล้วแค่เป็นหวัดมีไข้เล็กๆ น้อยๆ ก็จะมีสหายกลุ่มใหญ่มาเยี่ยมนางแล้ว แต่ตอนนี้นางนอนอยู่บนเตียงมาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว มีสหายเก่าแก่มาเพียงคนสองคน แถมหลังจากมาแล้ว ล้วนจากไปอย่างรีบร้อนทั้งสิ้น

นางนึกถึงสายตาของผู้คนยามที่นางถูกหมอยกใส่เปลแล้วหามออกมา มีทั้งประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อ เหยียดหยาม และเห็นใจ

เหยียดหยามที่นางใช้อาวุธลับที่ร้ายกาจเช่นนั้นมาทำร้ายสหายร่วมสำนัก เห็นใจที่คนใหม่เช่นนางก็มีวันที่ถูกเขี่ยทิ้งเช่นกัน

ยามที่ตี้ฝูอีอุ้มกู้ซีจิ่วจากไป ไม่มีแม้แต่จะมองนางสักแวบเลยด้วยซ้ำ!

ไม่ง่ายเลยกว่านางจะสร้างภาพต่อหน้าเหล่าศิษย์ร่วมสำนักว่าได้รับความรักใคร่โปรดปรานยิ่งนักจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้ ดั่งหิมะขาวภายใต้ดวง อาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ ชั่วพริบตาเดียวก็ละลายหายไป

ต่อสายตาที่ผู้คนมองนางในยามนี้ก็เหมือนกับ สายตาที่มองกู้ซีจิ่วเมื่อหลายวันก่อน…

หลายวันก่อนเป็นกู้ซีจิ่วที่ได้ลิ้มรสชาติเหล่านั้น ยามนี้กลับสะท้อนกลับมาที่นางอย่างครบถ้วน นี่ทำให้นางอดสูยิ่งนัก

ตอนที่ตี้ฝูอีมาถึงหน้าห้องของนาง นางกำลังนอนอยู่ในห้อง สหายเพียงคนเดียวที่ไม่หลีกลี้ไปจากนางกำลังปลอบใจนางอยู่

“ชิงหลัว อย่ากังวลเลย ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วคนนั้นก็เป็นศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์นะ นางบาดเจ็บหนักถึงเพียงนั้นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย

ช่วยนางก่อนก็เป็นการสมควรตามเหตุผลแล้ว เลี่ยงไม่ให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ทราบแล้วมาตำหนิเขาในภายหลัง ข้าว่าความจริงแล้ว

การที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่วยนางก่อนก็เป็นเพราะหวังดีต่อเจ้านะ กันไม่ให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มาลงโทษเจ้าหลังจากที่ทราบไง…”

“เจ้าคิดดูสิ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายรับเจ้าไปตั้งหนึ่งเดือนให้เจ้าปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายเขา ซ้ำยังมาส่งเจ้ากลับด้วยตัวเอง…ถ้ามองจากข้อนี้แล้ว ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ปฏิบัติต่อเจ้าต่างจากผู้อื่นนะ และต่างจากที่ปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วด้วย วางใจเถอะ ข้าคิดว่าขอเพียงเขารักษากู้ซีจิ่วเรียบร้อยแล้วจะรีบมาเยี่ยมเจ้าทันที… ”

——————————————————————

[1] เสียฮูหยินซํ้ายังสิ้นไพร่พล หมายถึง การสูญเสียสองอย่างในคราวเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!