บทที่ 798 พวกเราเริ่มกันเถอะ
บันทึกบทเรียนนี้เป็นสิ่งที่ตี้ฝูอีจดมาให้ตอนเข้าเรียนในร่างของเธอ เขียนอย่างบรรจงเป็นระเบียบงดงามนัก แถมยังเป็นลายมือของเธอด้วย ดังนั้นต่อให้มีสหายร่วมชั้นเห็นตอนเขาเขียนก็ไม่พบความผิดปกติ
ภายในห้องค่อนข้างเงียบ ตี้ฝูอีคัด ‘คัมภีร์สวรรค์[1]’ เหล่านั้นอยู่พักหนึ่ง ก็เงยหน้ามองนาง เขาสามารถรับรู้ถึงควาเงียบงันจากนางได้ชัดเจน
แตกต่างกับสองวันก่อน ที่นางจะเข้ามาดูเขาเขียน ‘คัมภีร์สวรรค์’ บ้างเป็นครั้งคราว บางครั้งยังขอคำชี้แนะจากเขาสองสามประโยคด้วย
แต่วันนี้หลังจากหลงซือเย่จากไป นางก็ไม่พูดเรื่อยเปื่อยกับเขาอีกเลยสักประโยค เขานึกว่านางจะคิดบัญชีเขาเสียอีก…
ถึงอย่างไรเรื่องที่เขาทำเหล่านั้นก็ไม่ได้ปิดบังพียงหลงซือเย่ ยังปิดบังนางด้วยเช่นกัน ทำให้นางเหมือนหูหนวกตาบอด ปิดบังเรื่องนี้ไว้ทุกอย่างดูเหมือนเขาไม่ไว้ใจหลงซือเย่และไม่ไว้ใจนางด้วย…
ด้วยนิสัยของนาง ย่อมต้องซักไซ้ติเตียนเขาสักหลายประโยค ไม่แน่หากว่าโกรธขึ้งอาจจะแตกหักกับเขาเสียด้วยซ้ำ!
ดังนั้นตี้ฝูอีจึงรออยู่ตลอด รอให้นางซักถาม กลับนึกไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะไม่ซักไซ้เขาเลย นางไม่กระทำสิ่งใดเลย แค่เงียบขรึมลงไปมากเท่านั้น
นางอ่านบันทึกบนเรียนเหล่านั้นอยู่ตลอด ตั้งใจศึกษา ไม่เงยหน้าขึ้นมาเลยทั้งคืน
ตี้ฝูอีสอบถามนางหลายประโยค อย่างเช่น มีตรงไหนที่นางไม่เข้าใจบ้าง?
ต้องการดื่มนํ้าหรือไม่?
เป็นต้น เขาหาข้ออ้างมากมายเพื่อพูดคุยกับนาง แต่นางล้วนตอบสั้นๆ ไม่กี่คำเท่านั้น ไม่มี ไม่เอา ขอบคุณ…
เมื่อเห็นว่าล่วงเข้ายามดึกแล้ว ใกล้จะถึงเวลาฝึกฝน ในที่สุดตี้ฝูอีก็ทนไม่ไหว “เสี่ยวซีจิ่ว เจ้ากำลังโกรธใช่ไหม?”
นางเงยหน้ามอง ดวงตาคู่นั้นดำมืดเป็นพิเศษ และนิ่งสงบยิ่งนัก “จะโกรธท่านทำไม?”
“โกรธที่ข้าปิดบังเรื่องทุกอย่างกับเจ้า โกรธที่ข้าส่งคนไปจับตามองหลงซือเย่…”
กู้ซีจิ่วยิ้มจางๆ แวบหนึ่ง “ไม่มีอะไรต้องโกรธนี่ ท่านมีความกังวลของท่าน ท่านไม่เชื่อใจข้า ไม่เชื่อใจหลงซือเย่ก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง ข้าคิดดูแล้ว ไม่มีอะไรทำให้ท่านเชื่อถือได้เลยจริงๆ” เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าด้านนอก “เอาล่ะ ดึกแล้ว ควรฝึกวรยุทธ์ได้แล้ว! ยิ่งฟื้นฟูได้เร็วพวกเราก็สามารถสลับร่างคืนได้เร็วยิ่งขึ้น ต่างคนต่างอยู่”
นั่งขัดสมาธิลงบนเตียง ทำสมาธิด้วยท่าทางจริงจังยิ่ง “พวกเราเริ่มกันเถอะ!”
ตี้ฝูอีเงียบงัน
ดูเหมือนหนนี้จะล่วงเกินนางเข้าเสียแล้ว
หากนางเอะอะโวยวายกับเขา ระบายอารมณ์ใส่เขายังพอว่า แต่นางกลับเริ่มห่างเหิน หมางเมินใส่เขาอย่างแท้จริงแล้ว…
เขาคิดไม่ออกชั่วขณะว่าต้องทำอย่างไรถึงจะกลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้งได้
เขามีฐานะสูงส่งมาชั่วชีวิต คุ้นเคยกับการทำตามอำเภอใจมาโดยตลอด กล่าวได้ว่าค่อนข้างยึดตนเองเป็นที่ตั้ง กระทำการใดพิจารณาเพียงว่าถูกหรือผิด ใคร่ครวญหาทางลัดที่รวดเร็วที่สุด ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น และไม่เคยสนใจความรู้สึกของผู้อื่นเลย…
ยามนี้เป็นครั้งแรกที่เขามีคนที่ใส่ใจ และอบรมเพียงนาง เอ็นดูเพียงนาง ชมชอบเพียงนาง หยอกเย้าเพียงนาง แต่ยามที่จัดการเรื่องราวยังคงใคร่ครวญไปตามความเคยชิน ใช้วิธีตามความเคยชิน…
หากว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กสาวน่ารักซื่อใสไร้เดียงสาคนหนึ่งก็แล้วไปเถิด นางจะเติบโตอย่างสงบสุขปลอดภัยภายใต้ปีกของเขา หากนานๆ ทีโป้ปดนางบ้างสักครั้ง พนันได้เลยว่าอย่างมากนางก็แค่แง่งอนเล็กน้อย กระเง้ากระงอดใส่เขา ขอเพียงเขาปลอบประโลมสักหน่อยก็กล่อมได้แล้ว
แต่อีกฝ่ายกลับเด็ดเดี่ยวห้าวหาญ เป็นเด็กสาวที่กล้าได้กล้าเสีย ความคิดละเอียดลออพอๆ กับเขา หากลํ้าเส้นนางเข้า คิดจะกล่อมอีกครั้งก็ยากแล้ว…
ยิ่งไปกว่านั้นคือ บางเรื่องค่อนข้างเกี่ยวพันใหญ่โตเกินไป เขาไม่สามารถอธิบายกับนางได้จริงๆ
ช่างเถิด! ปล่อยให้นางเงียบขรึมไปก่อนสักสองสามวัน เดี๋ยวเขาค่อยๆ ตะล่อมนางไปช้าๆ ก็ได้ ตอนนี้ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ
ตอนนี้นางคุ้นเคยกับการฝึกฝนแล้ว ตี้ฝูอีแค่ชี้แนะนางบ้างเป็นบางครั้ง จากนั้นก็จับตามองความคืบหน้าในการฝึกฝนของนางก็พอ
——————————————————————
[1] คัมภีร์สวรรค์ อุปมาถึงเรื่องที่ซับซ้อนเข้าใจยาก