บทที่ 812 ท่านเคยมีความแค้นอะไรกับข้าไหม
เอาเถอะ เขารู้ว่าทำอะไรอยู่ก็แล้วไป
กู้ซีจิ่วตามเขาออกประตูไป
หลายวันมานี้เพื่อล่อหลอกให้ศัตรูสับสน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นพวกเขาจะรักใคร่กันยิ่งนัก เดินถนนบางครั้งก็จูงมือบางครั้งโอบเอว
แน่นอน เนื่องจากหลายวันนั้นกู้ซีจิ่วอยู่ในร่างตี้ฝูอีตลอด ดังนั้นคนที่โอบจึงเป็นเธอตลอดอาจเป็นผลข้างเคียงที่ก่อตัวขึ้นจากการอยู่ร่วมกันมาหลายวัน เมื่อกู้ซีจิ่วพ้นประตูมาก็ยื่นแขนไปหมายจะโอบเอวเขาตามสัญชาตญาณ เพิ่งจะแตะถูกเอวของอีกฝ่ายถึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ถูกต้อง รีบหดกลับไปทันที
ตี้ฝูอีราวกับไม่ได้สังเกต ก้าวตรงไปด้านหน้า
….
ดวงจันทร์เหนือศีรษะกลมมนดั่งแผ่นจาน มันมีวงโคจรเป็นของตัวเอง
กู้ซีจิ่วพบว่าตี้ฝูอีกำลังพาเธอเดินเล่นไปตามถนน…
ทั้งสองคนเดินเลียบไปตามลำธาร สายนํ้าไหลเอื่อยๆ อยู่ด้านข้าง ต้นเฟิงที่อยู่สองฟากฝั่งลำธาร มีใบเฟิงร่วงหล่นลงมาบ้างเป็นครั้งคราว ปลิวลงไปในสายธารไหลริน ล่องลอยไปตามกระแสนํ้าอย่างไม่ทราบจุดหมายปลายทาง…
กู้ซีจิ่วรู้สึกรางๆ ว่าฉากนี้ค่อนข้างคุ้นตาอยู่บ้าง เดินไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็นึกออกว่าเมื่อก่อนเธอก็เคยมาเดินเล่นที่นี่กับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน
เมื่อนึกถึงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จู่ๆ หัวใจเธอเต้นรัวทันที!
กลิ่นอายบนร่างท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กับตี้ฝูอีถึงแม้จะแตกต่าง ทว่าดูเหมือนจะคล้ายคลึงกัน!
แน่นอน กลิ่นอายบนร่างพวกเขาก็ไม่ได้เหมือนกันไปเสียทั้งหมด ยังมีจุดต่างอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าทำไม กลับทำให้เธอรู้สึกว่าทั้งสองคนเหมือนกันมาก
เธอหลอนไปเองเหรอ?
หรือว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ?
วิชาแปลงโฉมของตี้ฝูอีลํ้าเลิศยิ่ง หนึ่งบุคคลแปลงโฉมได้นับพันหน้า เช่นนั้นเขาจะเคยปลอมตัวเป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไหมนะ?
หรือบางทีท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เธอเคยพบจะเป็นเขาที่ปลอมตัวมา?
เธอถูกความคิดนี้ของตัวเองทำให้ตกตะลึงแล้ว
ไม่ใช่กระมัง?!
ต่อให้สนิทชิดเชื้อกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหนก็คงไม่กล้าสวมรอยเป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กระมัง?!
นั่นคือโทษมหันต์ ฐานหมิ่นเบื้องสูงเชียวนะ อาจถูกประหารล้างตระกูลก็ได้!
วังค้ำนภาของเขาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนหนีไม่พ้นสักราย แต่ว่า…
โอ้ ใช่แล้ว เธอจำได้ว่าเคยได้กลิ่นที่คล้ายคลึงกันนี้จากร่างของหรงเจียหลัวด้วย…
ยังมีอีก คนลึกลับผู้กล่าวว่ามีความแค้นกับเธอที่ริมแม่นํ้าคนนั้นก็ดูเหมือนจะมีกลิ่นนี้เช่นกัน…
สวรรค์!
จมูกเธอพังแล้วหรือ?
หรือว่าในนี้จะมีมนต์วิเศษอะไรอยู่?!
เธอคิดจนค่อนข้างเหม่อลอยอยู่บ้าง จู่ๆ ตี้ฝูอีที่ก้าวอยู่ด้านหน้าเธอก็หยุดลง ศีรษะเธอพลันชนใส่ ชนถูกแผ่นหลังของเขา…
เธอรีบถอยหลังก้าวหนึ่ง จมูกชนจนเจ็บไปหมด อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นนวดคลึง
“ใจลอยอีกแล้วหรือ?” ตี้ฝูอีหันกลับมามองเธอพลางถอนหายใจ “ยามที่เจ้าอยู่กับข้า ดูเหมือนจะชอบใจลอยเหลือเกินนะ คิดอะไรอีกล่ะ?”
กู้ซีจิ่วโพล่งถามไปว่า “ท่านเคยมีความแค้นอะไรกับข้าไหม?”
ตี้ฝูอีเลิกคิ้วมองนาง “หมายความว่าอย่างไร?”
กู้ซีจิ่วถามอีกครั้ง “ท่านเคยปลอมเป็นองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวแล้วไปที่จวนแม่ทัพใช่หรือไม่?”
จิตใจตี้ฝูอีสั่นไหวเล็กน้อย หากนางไม่เอ่ยถึงเขาก็แทบจะลืมเลือนอดีตเหล่านั้นไปแล้ว ตอนนั้นเขาแค่รู้สึกสนใจในตัวนาง คิดจะปั่นหัวนาง หยอกล้อนาง เอาคืนที่นางลอกคราบเขาอย่างไร้เหตุผลในถํ้าบนเขา กลับนึกไม่ถึงเลยว่า…
เพียงแต่ความคิดของสาวน้อยผู้นี้แล่นไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร?!
พิสดารเกินไปแล้วกระมัง?!
“เหตุใดจึงถามเช่นนี้?” ตี้ฝูอีไม่ตอบคำถามนาง แถมเขายังถามกลับด้วย
กู้ซีจิ่วเม้ม ปากแน่น “ท่านแค่บอกมาว่าใช่หรือไม่ใช่…”
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง “ใช่”
กู้ซีจิ่วกุมขมับ ถามต่ออีก “เพราะอะไร? ตอนนั้นข้ายังไม่ได้บอกว่าตัวเองคือสานุศิษย์สวรรค์สักหน่อย เหตุใดท่านต้อง…ต้องไปตรวจสอบข้าด้วย?”
ตี้ฝูอีถอนหายใจบอกไปตามจริง คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถ้อยคำที่จะไม่ถูกนางจับได้ง่ายๆ ออกไป “ตอนนั้นเจ้าค่อนข้างพิเศษ ข้าเลยต้องไปตรวจสอบดูสักหน่อย”
——————————————————————
[1] ยามจื่อ คือ ช่วง 23:00 – 24:59