บทที่ 866 เมื่อคืนมิได้นอนเลยหรือ
“ที่แท้ขึ้นมาเป็นที่โหล่ก็ได้รับคำยินดีด้วยเช่นกัน เหอะๆ”
“นางก็ทำได้ดีมากมาตลอดมิใช่หรือ? ทำไมหนนี้ปล่อยไก่ซะแล้ว? ความจริงก็ไม่เท่าไหร่นี่นา”
“ดูเหมือนนางจะมิใช่การขึ้นมาได้ในรวดเดียวนะ แบบนี้ก็นับหรือ?”
“ต้องนับแน่นอนอยู่แล้ว! ต่อให้นางชะงักไปเล็กน้อยก็ยังเหาะขึ้นมาได้! ทักษะเช่นนี้ร้ายกาจกว่าการขึ้นมาได้ในรวดเดียวเสียอีก! ถ้าเจ้าไม่รู้ก็อย่ามาพูดจาเหลวไหล!” หลานไว่หูที่ใจฝ่อมาตลอดต่อล้อต่อเถียงกับผู้อื่นจนหน้าดำหน้าแดงอย่างพบเห็นได้ยาก
คนผู้นั้นไม่คิดจะลดตัวมาหาความกับจิ้งจอกน้อย ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ตี้ฝูอี เนื่องจากการตัดสินสุดท้ายอยู่ในมือตี้ฝูอี จะนับหรือไม่นับล้วนขึ้นอยู่กับเขา
สายตาของตี้ฝูอีร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว
ครั้งนี้นางทุ่มเทจริงๆ ทั้งร่างแทบจะชุ่มไปด้วยเหงื่อ ยืนอยู่ตรงนั้นร่างกายเหยียดตรงราวกับหลาวก็มิปาน นางเม้มริมปากจิ้มลิ้มนิดๆ มองดูเขา แววตากระจ่างเยือกเย็น
ระยะนี้ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานางหลบเลี่ยงการสบตากับเขาเสมอ คล้ายว่าพยายามหลีกเลี่ยงเขาสุดกำลัง แต่ครั้งนี้ในที่สุดนางก็บสบตาเขา ทว่ากลับมองเห็นความยินดีเบิกบาน เขาสูดลมหายใจเบาๆ ลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยเรียบๆ ว่า “ท้ายที่สุดเจ้าสามารถขึ้นมาได้ในขณะที่ธูปดอกนั้นวอดดับลง พอจะนับได้ว่าผ่านแล้ว …”
เมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา จิ้งจอกน้อยเป็นคนแรกที่ไชโยโห่ร้องขึ้นมา “ซีจิ่วๆ เจ้าผ่านแล้วนะ! ยินดีด้วย!”
นางมองไปทางคนที่พูดจาเหลวไหลเมื่อครู่ผู้นั้้นอย่างข่มๆ แวบหนึ่ง “ข้าก็บอกแล้วว่านับ! จิตใจของบางคนก็มืดบอดเสียจนมองไม่เห็นความดีของผู้อื่น…”
คนผู้นั้นหน้าแดงกํ่า ไม่ได้พูดอะไรอีก
ตี้ฝูอีมองใบหน้าน้อยๆ ที่ซีดเซียวของกู้ซีจิ่ว เส้นผมยุ่งเหยิงชุ่มเหงื่อ ในที่สุดก็เหยียดกายขึ้น โบกแขนเสื้อพรึ่บ ผลไม้ลูกสุดท้ายบนโต๊ะก็ลอยไปทางกู้ซีจิ่ว “นี่คือรางวัลของเจ้า”
ผลไม้ลูกนั้นย่อมเป็นลูกที่เล็กที่สุด สีสันก็ไม่สดฉ่ำมากมายอะไร แต่อย่างไรเสียก็เป็นผลไม้ล้ำค่าหายาก ซ้ำยังมีประโยชน์มากมาย ผลไม้ลูกนั้นลอยไปถึงเบื้องหน้ากู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ ไม่ได้เอื้อมไปรับ ผลไม้จึงตกลงพื้นทันที หล่นลงบนพื้นศิลาเขียวใต้เท้าเธอเสียงดังตุบ แตกกระจายเป็นชิ้นๆ ทันที ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมพิสดารของผลไม้ลูกนั้นในทันใด
ตี้ฝูอีหรี่ตามองนางเล็กน้อย “เจ้า…”
กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้นกล่าวอย่างเฉยเมย “เมื่อครู่ข้ามิได้ขึ้นมาด้วยความสามารถของตนเอง ตอนที่ข้าร่วงหล่นมีคนลอบช่วยเหลือข้า ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ประสบความสำเร็จ ผลไม้นี้้ของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ซีจิ่วไม่อาจรับได้!”
ฝูงชนทึ่มทื่อทันที!
นึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดออกมาเช่นนี้ ตะลึงกันไปครู่หนึ่ง
มิใช่ทุกคนที่จะมีความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับความล้มเหลวตรงๆ เช่นนี้ มิใช่ทุกคนที่สามารถพูดออกมาว่ามีผู้อื่นให้การช่วยเหลือในช่วงเวลาเช่นนี้…
อย่างไรเสียสายลมที่โอบพยุงเธอขึ้นมาก็ไร้รูปไร้ลักษณ์ ศิษย์มากมายที่อยู่ที่นี่มองไม่ออกเลยสักคน แม่นางผู้นี้กล้าหาญมากจริงๆ!
สหายร่วมชั้นเหล่านั้นที่นินทาเธอก่อนหน้านี้ล้วนปิดปากเงียบเช่นกัน ในใจรู้สึกชื่นชมเธออยู่บ้าง
ดูเหมือนตี้ฝูอีก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าเธอจะทำแบบนี้ สายตาร่อนลงบนร่างเธอ “กู้ซีจิ่ว เจ้าทราบหรือไม่ว่าถ้าทำภารกิจในคาบนี้ไม่สำเร็จจะได้รับ บทลงโทษอันใด?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้านิดๆ นํ้าเสียงยังคงเฉยชายิ่งนัก “ไม่ทราบ แต่ในเมื่อมีกฎเช่นนี้ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็จัดการลงโทษตามสมควรเถิด”
ตี้ฝูอีเงียบไป เขามองสีหน้าของเธอ เนื่องจากหยาดเหงื่อเปียกโชก ทำให้เครื่องสำอางที่เธอแต่งแต้มไว้บางๆหลุดลอกไป เผยให้เห็นผิวหน้า
ดั้งเดิม สีผิวเธอค่อนข้างซีดเซียว ริมฝีปากน้อยๆ ค่อนข้างซีดเซียว แม้กระทั่งใต้ตาก็มีรอยคลํ้าจางๆ ถึงแม้เธอจะพยายามเหยียดตัวตรง แต่ก็ยังทำให้คนมองเห็นความอ่อนล้าของเธอ…
จู่ๆ เขาก็เอ่ยถามว่า “เมื่อคืนมิได้นอนเลยหรือ?”