บทที่ 876 คิดจะหลอกล่อให้เผยข้อมูล
ถึงแม้เรื่องการย้ายห้องโดยภาพรวมจะได้รับการอนุมัติแล้ว แต่ชั้นเรียนที่ควรเข้า ก็ยังต้องเข้าอยู่ ดังนั้นทั้งสามคนจึงเข้าเรียนตามปกติ ไม่เผยสีหน้าอันใดออกมา
เพียงแต่เชียนหลิงอวี่ชอบไปวอแวที่โต๊ะของกู้ซีจิ่วยิ่งกว่าเดิม แถมยังทำตาแดงๆ เป็นครั้งคราว
โต๊ะข้างเคียงของเชียนหลิงอวี่คือเล่อจื่อซิ่ง นางมองเชียนหลิงอวี่หลายหนแล้ว ต่อมาเมื่อเห็นว่ายามที่เชียนหลิงอวี่กลับมาหน้าโต๊ะนัยน์ตาแดงระเรื่อเล็กน้อย จึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “เจ้าเป็นชายชาตรีผู้หนึ่งเหตุใดจึงทำท่าเหมือนจะร้องไห้เล่า? เล่นบทโศกลาจากยากจะได้พานพบกับผู้ใดอยู่หรือไง?”
เชียนหลิงอวี่เห็นนางขัดหูขัดตาเป็นพิเศษ ตอบกลับนางอย่างพาลพาโลยิ่งนัก “เจ้ายุ่งอะไรด้วย?!”
เล่อจื่อซิ่งยิ้มแล้วส่งเสียงดังชิ “ข้าก็คร้านจะยุ่งกับเจ้า!”
นางมองกู้ซีจิ่วอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง
กู้ซีจิ่วสีหนาสงบนิ่งเช่นเคย เข้าเรียนฟังการบรรยายอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่สนใจผู้อื่นที่อยู่รอบข้าง
จากนั้นเล่อจื่อซิ่งก็มองหลานไว่หูอีกแวบหนึ่ง
หลานไว่หูเป็นสาวน้อยอ่อนไหวคนหนึ่ง ถึงแม้นางจะอยู่กับกู้ซีจิ่ว แต่นางก็ค่อนข้างตัดใจแยกจากเชียนหลิงอวี่ไม่ลง ถึงแม้เจ้าคนผู้นี้จะเขกหัวด่านางว่าตัวโง่งมอยู่เสมอ แต่ยามปกติก็ปกป้องนางยิ่งนัก นางถูกรังแกแค่เล็กน้อย เขาก็จะพุ่งเข้าไปทันที ราวกับเทพน้อยผู้อารักขาประตูทำให้อีกฝ่ายหนีกระเจิงไป…
ยามนี้กลับต้องแยกกันแล้ว
เล่อจื่อซิ่งมองเชียนหลิงอวี่แล้วก็มองหลานไว่หู สัมผัสได้ว่าพวกเขามีเรื่องบางอย่าง
จิ้งจอกน้อยใสซื่อไร้เดียงสา ยากจะปิดบังเรื่องราว ดังนั้นเล่อจื่อซิ่งจึงครุ่นคิดแวบหนึ่ง คิดจะหาความจริงจากร่างจิ้งจอกน้อย
ยามเลิกเรียน นางหาข้ออ้างเพื่อคุยกับจิ้งจอกน้อยตามลำพัง คิดจะหลอกล่อให้เผยข้อมูล ผลปรากฏว่าจิ้งจอกน้อยที่ดูไร้เดียงสายิ่งนัก หนนี้ปากน้อยๆ กลับปิดสนิทยิ่งกว่าฝาหอย!
ไม่ยอมเผยอะไรออกมาเลย ซ้ำคุยกับนางด้วยสีหน้าระแวดระแวง เสมือนนางเป็นจิ้งจอกที่หมายจะขโมยไก่…
เล่อจื่อซิ่งก็ไม่พูดจำเป็นอื่นอีก เพียงลอบสังเกตความเคลื่อนไหวของสามคนนี้ พอยามเที่ยงนางก็ไปขอพบตี้ฝูอีที่เรือนทันที
เรือนของตี้ฝูอีสำหรับคนนอกแล้ว ถือเป็นเขตหวงห้าม คนทั่วไปจะเข้าไปง่ายๆ ไม่ได้ ต่อให้เป็นกู่ฉานโม่จะเข้าก็ต้องได้รับอนุญาตจาทูตสรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าเล่อจื่อซิ่งมีสิทธพิเศษอะไรบางอย่าง เคาะประตูเพียงครู่เดียว มู่เฟิงก็ปล่อยให้เข้าไปในเรือนแล้ว
และฉากนี้ก็ถูกเชียนอวี่หลิงอวี่ที่บังเอิญผ่านทางมาเห็นเข้าพอดี เจ้าเด็กคนนี้โมโหนัก ตอนกินข้าวกลางวันจึงบอกกับกู้ซีจิ่ว
ถึงแม้ในใจกู้ซีจิ่วตัดสินใจว่าจะตัดขาดกับตี้ฝูอีอย่างสิ้นเชิงแล้ว จะขุดเขาออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่บางครั้งอารมณ์กับเหตุผลก็ยังสวนทางกันอยู่เสมอ เมื่อเธอได้ยินข่าวนี้อันที่จริงค่อนข้างอึดอัด แต่ก็ไม่ได้เผยสีหน้าใดออกมา
ถึงอย่างไรระยะนี้ตี้ฝูอีก็สนิทสนมกับเล่อจื่อซิ่งอยู่ตลอด เล่อจื่อซิ่งกลายเป็นคนพิเศษของที่นั่นได้รับการปฏิบัติแบบพิเศษจากเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เธอคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว
หลังจากเข้าเรียนทั้งวัน กินข้าวเย็นเสร็จ กู้ซีจิ่วก็ตรงไปที่ใต้หน้าผานั้นทันที แม้ว่าไม่ถึงวันมะรืนเธอก็จะย้ายห้องแล้ว แต่บทลงโทษที่ควรรับเธอก็ยังต้องรับอยู่ สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงคือ ตี้ฝูอีมาถึงเร็วกว่าเธอเสียอีก ตอนที่เธอมาถึงเขากำลังนั่งก่อไฟย่างสัตว์อยู่ใต้หน้าผา เมื่อเห็นเธอมาถึง เขาเลิกคิ้วแล้วกวักมือเรียกเธอ “เข้ามาสิ”
กู้ซีจิ่วไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่เพื่อกันไม่ให้เขาเล่นลูกไม้อีก เธอจึงเดินไปทำความเคารพเขา ยังคงเป็นการทำความเคารพตามที่ศิษย์พึงกระทำ
ตี้ฝูอีโบกมือเรียกม้านั่งตัวหนึ่งออกมา “นั่งสิ”
กู้ซีจิ่ว ไม่อยากนั่ง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ซีจิ่วยังต้องใช้วิชาเหินหาวเหาะขึ้นหน้าผาอีกสิบรอบ เวลามีจำกัดยิ่ง ซีจิ่วไม่อยากอดนอนทั้งคืน…”